
ช่วงนี้พายุเข้าอย่างจริงจัง ซึ่งแน่นอนว่าปัญหาที่ตามมากับฝนแน่ๆซึ่งเป็นปัญหาระดับชาตินั่นคือ 1. น้ำท่วม และ 2. ผ้าที่ตากเอาไว้ไม่แห้ง เรื่องน้ำท่วมนั้นเราคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าสร้างความทุกข์ให้กับผู้ประสบภัยแค่ไหนแต่อย่าคิดว่าเรื่องเสื้อผ้าไม่แห้งนี้เป็นเรื่องเล็กๆ นะครับ
เพราะในช่วงนี้ฝนตกติดๆกันหลายวันทำให้อากาศมีความชื้นสูง เสื้อผ้าที่เราซักตากไว้ไม่แห้งแน่นอน แถมตัวที่จะต้องใช้ก็ไม่แห้งและยังมีกลิ่นอับติดมาอีกด้วย ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มกลิ่นก็ไม่หายทำให้หมดความมั่นใจเวลาสวมใส่แล้วต้องออกไปนอก ซึ่งทำให้แม่บ้านหลายๆ คน นึกถึงผู้ช่วยที่สำคัญนั่นก็คือเครื่องอบผ้าเพราะมันสามารถช่วยให้เสื้อผ้าของเราแห้งไม่มีกลิ่นอับติดมาแน่นอน แต่หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่าการใช้เครื่องอบผ้ากับการซักและตากกันแดดแบบที่เราทำกันประจำนั้นมันแตกต่างกันอย่างไรเราจะเริ่มกันที่ข้อดีของการตากผ้ากันก่อนนะครับ ในกรณีที่แสงแดดจัดผ้าจะแห้งเร็วมากแม้จะเป็นผ้าหนาและมีกลิ่นหอมของแดด ประหยัดพลังงาน และเป็นการออกกำลังแขนไปในตัวแต่อย่าลืมว่าถ้าผ้าโดยเฉพาะผ้าสีถูกแสงแดดจัดนานๆ สีและเนื้อผ้าด้านนอกจะถูกแดดทำลายทำให้ผ้ากรอบรีดยากถ้าตากไว้กลางแจ้งแล้วฝนตกก็ต้องรีบวิ่งมาเก็บมิเช่นนั้นก็เปียกกันไปวันนี้เราจะพาแม่บ้านทุกๆ คนไปทำความรู้จักกับข้อดีของเจ้าเครื่องอบผ้ากันครับว่ามีอะไรบ้าง
ข้อดีของเครื่องอบผ้าที่เราควรรู้
1. ไม่ต้องกังวลกับสภาพอากาศจะซักผ้าวันไหน จะใช้เสื้อตัวไหนก็วางแผนได้ง่ายโดยไม่ต้องรอแดดออก
2. เหมาะสำหรับบ้านที่ไม่มีที่ตากและมีผู้ป่วยหรือเด็กเล็กที่เป็นภูมิแพ้ง่าย เพราะเสื้อผ้าไม่ต้องสัมผัสอากาศและฝุ่นควัน นอกบ้าน
3. การอบผ้าให้แห้งด้วยเครื่องยังช่วยลดเชื้อแบคทีเรียและความเสี่ยงในการเกิดเชื้อราบนเนื้อผ้าด้วย
4. ผ้าที่ผ่านการอบแห้งจากเครื่องจะให้สัมผัสของเส้นใยผ้าที่นุ่มกว่าการตากแดดและไม่ต้องเปลืองแรงในการตากผ้า
5. ใช้เวลาอบตั้งแต่ 60 120 นาที(แล้วแต่ชนิดของเนื้อผ้า) ก็แห้งพร้อมใส่ ทำให้ไม่ต้องเสียเวลารอผ้าแห้งเป็นวัน
นี่เป็นหนึ่งข้อดีหลักๆ ที่ทำให้เครื่องอบผ้าเป็นของน่าใช้ครับแต่ก็ต้องแลกกับการเสียเงินซื้อเครื่องอบและค่าไฟฟ้า ที่มีราคาตั้งแต่หลักหมื่นต้นๆ ไปจนถึงหลายหมื่น แต่เมื่อนึกถึงประโยชน์ที่ได้รับแล้วนับว่าคุ้มค่ามาก ๆ ครับ