
หลายๆ คนที่มีปัญหาเรื่องครีมกันแดดสำหรับผิวหน้าของตัวเองเพราะยิ่งแดดแรงมากเท่าไร เมคอัพบนหน้าก็ยิ่งละลายไหลเยิ้มซึ่งถ้ากันแดดไม่เริ่ดปุ๊บ พอทาไปก็ทำให้หน้าเรามันเข้าไปอีก ฉะนั้นวันนี้เราเลยจะมาแนะนำครีมกันแดดหน้าคุมมันพร้อมประโยชน์ของครีมกันแดด
ครีมกันแดดมีทั้งหมด 3 ประเภท ดังนี้คือ
1. ChemicalSunscreen
2.PhysicalSunscreen
3. แบบผสม Chemical-PhysicalSunscreen
วิธีเลือกซื้อครีมกันแดด
ในแสงแดดมีรังสีอยู่หลายชนิด ที่รู้จักกันดีก็คือ อุลตราไวโอเลต (UV) ซึ่งรังสีนี้จะถูกดูดซับโดยชั้นโอโซนมีแค่ UVA และUVB ที่ลงมาถึงพื้นโลกซึ่งรังสีทั้ง 2 ชนิดนี้มีผลต่อผิวหนังโดยเฉพาะ UVA มีผลทำให้เกิดกระ ฝ้า เหี่ยว แก่ก่อนวัย UVB มีผลทำให้เกิดการ แดง แสบ ไหม้ ของผิวหนังและรังสีทั้ง 2 ชนิดนี้ยังทำให้เกิดอนุมูลอิสระซึ่งจะทำลายโปรตีนพันธุกรรมทำให้เกิดเนื้องอกผิวหนังได้
1. SPF(Sun Protective Factor) ซึ่งเป็นตัวบอกว่า ป้องกัน UVB ได้กี่เท่าส่วนUVA ยังไม่มีค่ามาตรฐานปัจจุบันนิยมใช้ PAและเครื่องหมาย +ปกติคนไทยมีผิวคล้ำซึ่งเม็ดสีสามารถป้องกัน UVB ได้บ้างแล้วดังนั้น SPF มากกว่า15 และ PA++ ขึ้นไปก็เพียงพอ
2. ดูที่กิจกรรม ถ้าออกกำลังกลางแจ้ง มีเหงื่อ ว่ายน้ำ ทำงานกลางแดดต้องใช้ SPF ที่สูงขึ้นและเลือกประเภทที่กันน้ำได้(Water Proof หรือWaterResistance)
3. ปริมาณ ควรใช้ปริมานที่ไม่น้อยเกินไปเพราะสารเคมีอาจทำปฏิกิริยากันทำให้ลดคุณภาพลงไป
4. จำนวนครั้งที่ทาต่อวัน ก็สำคัญ ถ้าอยู่ในออฟฟิศ ห้องแอร์วันละครั้งก็เพียงพอ แต่ถ้าต้องทำงานกลางแดด โดนลม อาจจะทาเติมถ้าว่ายน้ำต้องทาทุก 2-3 ชั่วโมง
5. ทาแล้วก็ต้องเลี่ยงแดดด้วย ใส่แว่น ใส่หมวกเนื่องจากครีมกันแดดไม่ได้กันได้ 100 %
6. ยี่ห้อ ราคา ไม่สำคัญ ขอให้มีคุณสมบัติครบไม่มีปฏิกิริยาต่อผิวหนัง เช่น คัน ผื่น
7. อาหาร อย่าลืมทานอาหารที่มีความสามารถ กำจัดอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินเกลือแร่ ในผักทุกชนิด และผลไม้ด้วย
ควรทาครีมกันแดดให้หนาเพียงพอ 15 นาที ก่อนอยู่กลางแดดและอาจทาซ้ำทุก 15 นาที หลังจากทาครั้งแรก หรือทุก 1-2 ชม. ถ้าว่ายน้ำหรืออยู่กลางแดดจัด เนื่องจากการทายากันแดดซ้ำ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการกันแดดได้อีก 2-3 เท่า เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่ มักทายากันแดดในปริมาณน้อยกว่าที่ควร