มีนาคม 2553

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
 
 
31 มีนาคม 2553
เจ้าสาวจำเป็น 2



ใกล้วันงานเข้าไปทุกทีอติเทพ พิศชม และโอมเดินทางมาถึงก่อน 2 วัน ไอริณดีใจมากที่พ่อเธอมาร่วมงาน ครอบครัวของเธอขอพักที่โรงแรมเพื่อเป็นการสะดวก ไอริณจึงขอไปค้างกับครอบครัวเธอ
คืนนั้นทั้ง 4 นั่งคุยกันจนดึก

“พี่อุณจะอยู่ที่เกาหลีหรือเปล่าครับ” โอมถามอย่างสงสัย
“พี่ก็ต้องกลับเมืองไทยของเราอยู่แล้วล่ะจ๊ะ”
“แล้วทางนี้เขาว่ายังไงบ้างล่ะ” พิศชมถาม
“แดเนียลเขาไม่สะดวกที่จะไปอยู่เมืองไทยเท่าไหร่ค่ะ เพราะเขามีกิจการที่นี่”
“แล้วอุณจะไปอยู่เมืองไทยได้ยังไงล่ะ สามีภรรยากัน ก็ต้องอยู่ด้วยกัน” พ่อเอ่ย
“แต่งานของอุณก็อยู่ที่เมืองไทยนิคะ”
“น้าดูให้ได้จ๊ะ ไม่เป็นไรหรอก”
“อยู่ที่นี่อุณก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรด้วยค่ะ”
“ก็ไม่เป็นไรหรอก ท่าทางแดเนียลเองก็อยากจะให้เราเป็นแม่บ้านมากกว่านะ ผู้หญิงเกาหลีหลังจากแต่งงานส่วนใหญ่ก็ดูแลครอบครัว ให้สามีทำงานแทน น้าว่าหนูก็พักผ่อนสักพักหนึ่งก่อนแล้วค่อยดูอีกทีว่าอยากจะทำอะไรที่นี่”
“พี่สะไภ้ของเขาก็เปิดร้านขายเสื้อค่ะ อุณว่าจะลองไปดูที่นั่นด้วยเผื่อว่าจะขยายกิจการอย่างไรได้บ้าง”
“ก็ดี ลูกคงจะอึดอัดถ้าจะให้อยู่บ้านเฉยๆ”
อติเทพรู้จักลูกสาวของเขาดีว่าเธอเป็นคนขยัน และไฮเปอร์มากหากจะจับให้อยู่เฉยๆ คงเป็นเรื่องยาก
“ทำอาหารไทยแบบอาญาก็ดีนะคะพ่อ” เธอเอ่ย
อติเทพทำหน้าครุ่นคิด
“ก็เพื่อนคุณพ่อไงคะ ที่อุณเคยไปพักอยู่ด้วย คุณพ่อจำไม่ได้เหรอคะ”
“อ้อ....จิรัญญาเหรอ”
“ค่ะ อาญาเปิดร้านขายอาหารไทย ชาอิน ลูกสาวของอาญาก็จะแต่งงานพร้อมกับอุณค่ะ เขาเจอเนื้อคู่ของเขาที่สตูดิโอหาคู่แท้ ที่เราไปด้วยกันค่ะ” เธอเล่าให้พ่อฟัง
“เหรอ...ลูกแน่ใจนะว่าตัวเองชอบทำแบบนั้น” อติเทพผู้รู้จักอุณดีกว่าใครเอ่ยถาม

ไอริณได้แต่ทำหน้าหนักใจแทนคำตอบ

คืนนั้นพิศชมนอนกับลูกเลี้ยงสาวเธอได้พูดแนะนำหญิงสาวหลายอย่างเกี่ยวกับชีวิตคู่
“อุณตื่นเต้นไหมจ๊ะ”
“ก็นิดหน่อยค่ะ แต่จะว่าไปมันก็ดูแปลกๆ อยู่เหมือนกันที่จู่ๆ อุณก็ได้แต่งงาน กับคนที่รู้จักกันเพียงไม่นาน ยังไม่รู้สึกแม้จะรักกันแม้สักนิดเดียว”
พิศชมดึงเธอเข้ามากอด

“ความรักมันไม่มีตัวตนให้เราได้เห็นหรอก เราต้องใช้หัวใจมองมันถึงจะรู้ว่ามันมีตัวตนอยู่ อย่างน้าแม้จะรู้ดีว่าคุณพ่อของหนูรักคุณแม่ของหนูมาก แต่น้าก็รักเขามาก น้าอยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อยู่เคียงข้างกับเขา น้าถึงได้ยอมทิ้งชีวิตวัยสาวที่สมควรเจอชายหนุ่มดีๆ มาเพื่อพิสูจน์รักแท้กับคุณพ่อของหนูไงล่ะ ซึ่งโจทน์รักของเขามีว่ายังไงรู้หรือเปล่า เขาบอกน้าว่า น้าต้องรักหนูและทำให้หนูยอมรับน้า เขาถึงจะยอมเปิดใจรับน้าได้ จากวันนั้นจนถึงวันนี้น้าก็ไม่เคยเสียใจเลยที่น้าเลือกทำแบบนั้น แม้บางทีไม่มีใครเห็นด้วยก็ตามที และน้าก็เคยอิจฉาหนูด้วยนะ ที่คุณอติเทพรักหนูมาก มากกว่าน้าซะอีก ฮิฮิ.... แต่น้าก็ได้แต่ถามใจตัวเองว่า รักเขาไหม ถ้ารักเขาแล้วล่ะก็ แค่เรารักเขาก็พอ ไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่นอีก แต่ทุกวันนี้ครอบครัวเราก็มีความสุขที่สุด หนูเป็นคนดี น่ารัก พ่อหนูถึงได้รักหนูมาก และหนูเองก็ทำให้น้ารักหนู และน้าเชื่อว่า แดเนียลเองก็จะรักหนูเช่นกัน”

อุณหลับตาลงกับอกของพิศชม แม้มันจะไม่เหมือนกับอ้อมอกแม่ที่เคยกอดเธอเอาไว้ แต่เธอก็รู้สึกดีที่พิศชมก็มีความรักให้เธอเช่นกัน

“พรุ่งนี้หนูต้องแต่งงานแล้ว น้ารู้สึกดีใจยังไงไม่รู้ เมื่อก่อนหนูยังเป็นเด็ก ถูกเพื่อนๆ รังแกอยู่เลย น้ายังไม่อยากจะเชื่อเลย ตอน 10 ขวบหนูยังเป็นด็กขี้แยร้องไห้ขี้มูกโป่ง พอโตหน่อยก็กลายมาเป็นผู้บริหารระดับแถวหน้า เผลอหน่อยเดียวก็จะแต่งงานแล้วน่ะ ถ้าแม่หนูอยู่คงจะดีใจยิ่งกว่าน้าอีก”
อุณยิ้มเธอก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน
พิศชมช่างเป็นผู้หญิงที่ใจกว้างเธอเข้ากับไอริณได้ง่าย แม้จะเอ่ยถึงภรรยาเก่าของสามีเธอก็ยังเอ่ยถึงอย่างชื่นชมไม่ได้แสแสร้ง ข้อดีของเธอข้อนี้เองล่ะมั้งที่ทำให้อติเทพยอมรับ

“พออุณมีลูก น้าก็ต้องการเป็นยายแล้วละซิ พอคิดแบบนี้ก็นึกว่าตัวเองจะแก่แล้ว มันยังไงก็ไม่รู้สินะ”
“น้าชมยังไม่แก่หรอกค่ะ น้ายังดูสาวและสวยอยู่เลย”
“ฮ้า...ปีนี้น้าอายุ 44 แล้วนะ น้าก็จะได้เป็นคุณยายตั้งแต่อายุ ยังไม่ถึง 50 ปีด้วยซ้ำ เพื่อนๆ รู้คงอิจฉาแย่เลย 555” เธอพูดอย่างอารมณ์ดี อุณไม่ได้โต้แย้งอะไรเธอกำลังคิดทบทวนการตัดสินใจของตัวเองว่ามันถูกต้องแล้วหรือ
คืนนั้นทั้งสองหลับไปคนละความรู้สึก

แดเนียลไปเลี้ยงฉลองสละโสดกับเพื่อนที่ผลับแห่งหนึ่ง ยูกิ นั่งดื่มข้างเขา
“ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าข่าวที่เขาลือกันจะเป็นเรื่องจริง” เธอเอ่ยเริ่มมีอาการเมาบ้างแล้ว
“คุณดีใจมากไหมที่จะได้แต่งงาน?”
“อ้อ...ดีใจครับ”
“แต่หน้าคุณมันฟ้องฉันว่าคุณกำลังฝืนใจอยู่นะคะ”
“เออ...เปล่านิ”
“แต่ฉันก็อยากให้เจ้าสาวเป็นฉันแทนจะได้ไหมแดเนียล” เธอเข้ามาคลอเคลียชายหนุ่ม
แดเนียลค่อยๆ หลบฉากเธออย่างนิ่มนวล
เขาเข้าไปในห้องน้ำเจอเพื่อนร่วมวงในนั้น
“เดี๋ยวผมคงจะต้องกลับแล้วล่ะ ยังไงผมจะให้ทางร้านเช็คบิลที่ผมนะ พวกคุณเชิญสนุกกันต่อไป”

“อ้าว.....จะรีบไปไหนล่ะแดเนียล คืนนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วนะที่คุณจะเป็นโสด เอาให้เต็มที่สิ”
“ผมก็อยากจะทำอย่างนั้นนะครับ แต่พรุ่งนี้ต้องเตรียมงานแต่เช้า เอาไว้เราค่อยมากันใหม่”
เขาพยักหน้างง อยากจะถามว่า แล้วจะมาได้อย่างนั้นหรือ แต่ก็ช้าไปแล้วเมื่อชายหนุ่มได้จากไปเสียแล้ว
รุ่งเช้าไอริณไปที่สตูดิโอที่นั่นเธอได้พบกับชาอินและครอบครัวของเธอทั้งสองสาวโผเข้ากอดกันอย่างดีใจ

“ฉันดีใจจริงๆที่เธอมา แม่เล่าให้ฉันฟังที่เธอแวะไปหาฉันที่ร้านแม่ ฉันดีใจที่เธอตัดสินใจแต่งงานกับแดเนียล ฉันว่าพวกเธอต้องเป็นเนื้อคู่กันจริงๆ แหล่ะ”
“ฉันก็ดีใจกับเธอด้วยนะ ฉันก็ขอให้ชีวิตคู่ของเธอเ ป็นคู่ที่มีแต่ความสุข”
“ฉันก็เหมือนกันจ๊ะ ไปเถอะเราไปแต่งตัวกันได้แล้ว”
ฮูนามินพาคนจากร้านชุดเจ้าสาวมาช่วยแต่งตัวให้ไอริณ เธอช่วยดูความเรียบร้อยให้กับเธอ
ส่วนที่ห้องจัดเลี้ยงของสตูดิโอแขกผู้มีเกียรติมาเป็นจำนวนมากในนั้นมีนักแสดงเพื่อนของแดเนียลหลายคน

ครอบครัวของเจ้าบ่าวเจ้าสาวมานั่งโต๊ะเดียวกัน
“คุณอติเทพคะ สวัสดีค่ะ” จิรัญญาเอ่ยเมื่อเธอมานั่งลงร่วมโต๊ะ
อติเทพพิจารณาหญิงสูงวัยตรงหน้าอย่างสงสัย เธอพูดภาษาไทยอย่างชัดเจนดีน่าจะเป็นคนไทย
“จำญาไม่ได้เหรอคะ” เธอแนะนำตัวเอง
อีกฝ่ายเหมือนนึกขึ้นได้
“ฮืม.....สบายดีหรือครับ ขอโทษครับที่จำคุณไม่ได้ คุณเปลี่ยนไปเยอะมาก”
“สบายดีค่ะ ฉันดีใจที่คุณมาร่วมงานแต่งของลูกคุณด้วย เราไม่ได้เจอกันนานแล้วนะคะ”
“นั่นน่ะสินะ เออ ขอบคุณมากเลยนะครับที่ช่วยดูแลไอริณตอนที่เขามาอยู่กับคุณ”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูอุณน่ารัก แกช่วยงานญาตั้งหลายอย่างค่ะ”
“นี่ก็เผลอแป๊ปเดี่ยวลูกเราโตจนแต่งงานกันแล้ว”
“ฮืม....” อติเทพมองวงหน้ารูปไข่ตรงหน้าความทรงจำบางอย่างพุดขึ้นมาในหัว
เสียงกระแอมดังขึ้นข้างๆตัว
“อ๋อ.....ญา..นี่คุณพิศชม ภรรยาผมครับ แล้วนั่นลูกชายคนเล็ก ชมนี่เพื่อนผมชื่อจิรัญญา คนที่อุณเคยมาพักด้วยเมื่อตอนรอพาสปอร์ต” อติเทพแนะนำให้คุณทั้งสองรู้จักกัน
พิศชมยกมือไหว้เธอเพราะเห็นว่าคงอายุไล่เลี่ยกับอติเทพ โอมก็ไหว้ตาม
“นี่สามีฉันค่ะ คุณซาง มันอก และลูกชายคนเล็ก ยูฮวาง” เธอแนะนำให้รู้จักครอบครัวเธอ
“คุณมันฮกคะ นี่คุณอติเทพ และคุณพิศชม พ่อแม่ของไอริณค่ะ”
ซางยกมือให้อติเทพจับซึ่งเขาเองก็ตอบรับอย่างยินดี
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“เช่นกันครับ สบายดีไหมครับ”
“สบายดีครับ แล้วคุณล่ะ”
“ครับ”
ทั้งสองทักทายกัน
“คุณพิศชมยังสาวและสวยอยู่เลยนะครับ” ซาง มันฮกเอ่ย
พิศชมยิ้ม
“ขอบคุณค่ะ คุณก็ยังดูดีอยู่นะคะ” เธอตอบเขา

ส่วนเจ้าสาวทั้งสองกำลังแต่งตัวกันในห้อง
“เธอสวยมากๆเลยนะ ไอริณ” ฮูนามินเอ่ยชม
ชาอินออกมาจากห้องแต่งตัว

“ไอริณเธอช่างเป็นเจ้าสาวที่สวยมากจริงๆ” เธอร้องอย่างตื่นเต้นจนลืมไปว่าตัวเองก็กำลังจะเป็นเจ้าสาวเหมือนกัน

“อย่ามัวแต่ชมฉันอยู่เลยเธอเองก็สวยเหมือนกันนะจ๊ะ ชาอิน”
“อุ๊ย...ฉันตื่นเต้นจริงๆเลยนะไอริณทำไงดีล่ะ”
ชาอินกุมมือไอริณเอาไว้เธอสั่นอย่างตื่นเต้น
“ไม่เป็นไรหรอกนะ สูดลมหายใจลึกๆ แบบนี้จ๊ะ” เธอทำเป็นตัวอย่างแต่ที่จริงแล้วเธอเองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน
ประตูห้องถูกเปิดบุรุษสูงวัยสองคนยืนอยู่ที่นั่น
“คุณพ่อ” ไอริณเรียกเขาอย่างดีใจ
“พ่อคะ” ชาอินเรียกพ่อเธอเช่นกัน
ชายทั้งสองยิ้มอย่างยินดี

“ลูกพ่อช่างสวยอะไรอย่างนี้ สวยเหมือนแม่เลย” อติเทพเอ่ยปากชม
“ลูกพ่อสวยมาก” คุณซาง มันฮก ชมลูกสาวตัวเองเหมือนกัน เจ้าสาวทั้งสองยิ้มอย่างยินดี
บุรุษทั้งสองก้าวเข้ามาหาแล้วกางข้อศอกออกให้เจ้าสาวทั้งสองคล้องไว้แล้วพาเข้าสู่ห้องจัดงาน
เสียงผู้คนปรบมือต้อนรับเจ้าสาว ไอริณพยายามระงับจิตใจไม่ให้ตื่นเต้น ส่วนชาอินดูเธอตื่นเต้นยินดีจนระงับไม่อยู่

บุรุษทั้งสองนำเจ้าสาวมาส่งให้กับเจ้าบ่าวที่ยืนรออยู่ที่หน้าแท่นของบาทหลวง แสงแฟตสว่างวาบตลอดเวลา ดวงตากลมโตสบตากับดวงตาเจ้าชู้ที่จ้องมองเธออย่างตะลึงมือเล็กๆค่อยๆสอดเข้าวงแขนที่กางออกมาเขาค่อยๆพาเธอเดินไปหยุดนิ่งอยู่ที่หน้าบาทหลวง

“ฉันบอกคุณแล้วไงว่าไม่อยากให้มีนักข่าวเยอะ” เธอขบเขี้ยวเคี้ยวฟันต่อว่าชายหนุ่ม
“ผมก็ไม่ได้บอกนักข่าวนะ แต่ทางสตูคงต้องการให้เป็นข่าวมากกว่าเพื่อผลประโยชน์ทางธุระกิจ” เขาตอบเบาๆ
“เฮอะ...”เสียงเธอลอดไรฟันออกมา

เสียงบาทหลวงถามคู่ของชาอินเรียบร้อยแล้วและหันมาทางคู่ของไอริณกับแดเนียล

“แดเนียลคุณมีความยินดี ที่จะให้คำสัญญา ว่าจะรักและซื่อสัตย์ต่อไอริณ และจะรับเธอเป็นภรรยา และดูแลเธอไปตลอดชีวิตหรือไม่”

“ครับ” เสียงทุ้มหนักแน่นรับคำ ไอริณแอบมองเสี้ยงหน้าคมเข้ม

“คุณไอริณคุณจะสัญญาว่าจะรักและซื่อสัตย์และจะเป็นภรรยาที่ดีจะดูแลแดเนียลไปตลอดชีวิตหรือไม่” เสียงบาทหลวงก้องอยู่ในหัวของเธออย่างนั้น

ไอริณแน่นิ่งไปราวกับว่าเธอกำลังฝันไปได้ยินเสียงสะท้อนในความมืดจากที่ไหนสักแห่ง

“คุณไอริณคุณจะสัญญาว่าจะรักและซื่อสัตย์และจะเป็นภรรยาที่ดีจะดูแลแดเนียลไปตลอดชีวิตหรือไม่” เสียงบาทหลวงถามย้ำเมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ยอมตอบ

“เอ่อ...ค่ะ ฉันยินดีค่ะ” เหมือนได้สติเธอตอบออกไป

“ขอให้เจ้าบ่าวสวมแหวนเพื่อเป็นดั่งคำสัญญาและเป็นเครื่องหมายความรักด้วยครับ” สิ้นเสียงของบาทหลวง

แดเนียลดึงมือบางเข้าไปหาและค่อยๆบรรจงสวมแหวนแต่งงานให้
ไอริณเหมือนตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน เธอไม่คิดมาก่อนว่าจะมีวันนี้ได้
“ขอให้เจ้าสาวสวมแหวนให้เจ้าบ่าวด้วยครับ”

แดเนียลมองดวงหน้าไข่ที่เธอยังดูพะว้าพะวังเขาจึงยกมือขึ้นตรงหน้าเธอ หญิงสาวรับแหวนจากฮูนามินที่ยืนอยู่ข้างๆ สวมให้กับเขาอย่างไม่รู้ตัว แดเนียลยิ้มอย่างยินดี

เมื่อบ่าวสาวสวมแหวนให้กันเรียบร้อยแล้วสักขีพยานต่างปรบมือให้อย่างยินดี พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายต่างปราบปลื้มยินดีกับลูกของตัวเองไอริณยังตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอุ้มมือใหญ่กุมมือเธอเอาไว้แล้วพาเดินออกจากสตูดิโอเขาพาเธอขึ้นรถสปอร์ตคันหรูที่ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้อย่างสวยงาม ชาอินกับอันโบก็ออกมาจากสตูดิโอเช่นกัน ชาอินหันไปโยนช่อดอกไม้ให้กับสาวๆที่ตามออกมาส่ง เสียงสาวๆ ร้องกรี๊ดกร๊าดดีใจกันใหญ่ขณะทำการแย่งช่อดอกไม้ของเจ้าสาว

“ไอริณเธอจะไม่โยนช่อดอกไม้หรอกจ๊ะ” ชาอินถามเธอ

ไอริณเหมือนได้สติหันไปมองหน้าแดเนียลที่ยืนอยู่ข้างๆเธอ เขาพยักหน้าให้เป็นการเห็นด้วยกับชาอิน ไอริณจึงโยนช่อดอกไม้ในมือขึ้นฟ้า ช่อดอกไม้ลอยท่ามกลางสาวๆที่พยายามแย่งชิงกันเพื่อที่จะหวังเป็นเจ้าของ
แดเนียลจูงเจ้าสาวของเขาขึ้นรถสปอร์ตสีขาวแล้วพาขับออกจากสตูดิโอไปหญิงสาวมองซ้ายทีขาวทีอย่างสงสัยว่าเขาจะพาเธอไปไหน

“เราจะไปไหนกันคะ”
“ก็ไปเรือนหอไง แต่งแล้วก็ต้องเข้าหอ”
“ฮ้า....นิเราจะเข้าหอกันจริงๆเหรอไง” เธอถามหน้าตื่น

ชายหนุ่มได้แต่ขำเธอ
“ก็ต้องเข้าสิ ก็เราแต่งงานกันแล้ว”
“เราไม่ได้แต่งงานกันจริงๆ นิ” หญิงสาวเถียง
ชายหนุ่มยกมือข้างซ้ายขึ้นโชว์แหวนแต่งงานที่นิ้วซ้ายของเขา
“ก็นี่ไงหลักฐาน” เขาพูดอย่างมีชัย

หญิงสาวได้แต่ทำหน้าเศร้าใจ
“แล้วพ่อกับแม่และน้องฉันล่ะ”
“เดี๋ยวพ่อกับแม่ของผมจะพาพวกเขาไปพบเราที่เรือนหอ”
หญิงสาวนั่งนิ่งหลบหน้าชายหนุ่มอย่างไม่รู้จะหาหนทางใดมาแก้ไขเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้

แดเนียลพาหญิงสาวนั่งรถเล่นรอบเมืองเกือบ ชั่วโมง แล้วเขาก็พามาบ้านที่เขาตกแต่งเอาไว้เป็นเรือนหอสำหรับเจ้าสาวของเขา
หญิงสาวก้าวลงจากรถอย่างตื่นเต้นบ้านหลังสวยริมทะเลสาบรอบบ้านประดับประดาด้วยดอกไม้ และต้นไม้หลายชนิด มีชิงช้าหน้าบ้านและรูปปั้นสัตว์หลายชนิด ทางเดินเข้าบ้านโรยด้วยกรวดหลากสี

ชายหนุ่มลงจากรถแล้วมาเปิดประตูเชิญหญิงสาว เขาแบมือเชิญไอริณวางมือเล็กลงอุ้มมือใหญ่อย่างลังเล เขาพยักหน้าเป็นการบอกว่าให้ไว้ใจเขาเถอะ เธอจึงวางมือขาวลงเบาๆ อุ้มมือใหญ่กุมมือเธอเอาไว้มั่นแล้วดึงร่างบางให้เดินตามเขาเข้าบ้านหลังงามนั้น แดเนียลเปิดประตูบ้านให้เธอเข้าไป ไอริณยิ้มอย่างดีใจ เมื่อเห็นคนที่อยู่ข้างในนั้น

“มาถึงแล้วเหรอ” พ่อเธอเอ่ย
“ขอโทษครับที่มาช้า ผมพาเธอขับรถชมเมืองมาครับ”
“มาถึงก็ดีแล้ว ตอนนี้ก็ได้เวลาส่งตัวแล้วล่ะ” มิร่าเอ่ยอย่างเริงร่า
“อ้าว....แดเนียลจะช้าอยู่ทำไมล่ะ” พ่อของเขาเอ่ย
ชายหนุ่มยังไม่เข้าใจ

“ก็อุ้มเจ้าสาวของลูกสิ” พ่อของเขาบอก
ชายหนุ่มร้องอ๋อก่อนจะเข้าไปหาหญิงสาว เธอหันมามองเขาอย่างตื่นเต้น ดวงตาเป็นประกายของเขามองเธอราวกะจะบอกว่า อีกนิดนะ เราจะผ่านพิธีนี้แล้ว ไอริณถูกอุ้มอย่างง่ายดายสู่อ้อมแขนชายหนุ่ม โจฮานถ่ายวีดีโอให้ ฮูนามินกับโอมช่วยกันโปรยดอกไม้เป็นทางไปสู่ห้องหอ

ทั้งสองนั่งอยู่ที่พื้นส่วนพ่อแม่ของทั้งสองนั่งอยู่บนเตียงนอน ไอริณเป็นคนไทยจึงไม่ได้คำนับแบบเกาหลีซึ่งแม่ของแดเนียลก็เข้าใจ

“แม่ดีใจมากนะแดเนียล ลูกมีเจ้าสาวน่ารัก เธอจะเป็นภรรยาที่ดีและแม่ของลูกที่ดี แม่ก็ขอให้ลูกรักเธอ และดูแลเธอให้ดี จนแก่จนเฒ่า เหมือนพ่อกับแม่” มิร่าเอ่ยพลางหันไปมองสามี
“พ่อก็เหมือนกัน พ่ออยากจะบอกแดเนียลว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของชีวิตคู่คือการเอาใจใส่และเสมอต้นเสมอปลาย ลูกเป็นคนโชคดีที่ได้ภรรยาที่ดี ดังนั้นลูกต้องรักเธอให้มากนะ”
“ครับพ่อ”เขารับคำ

“น้าก็ขอให้อุณมีความสุขมากๆ หนักนิดเบาหน่อยก็ค่อยๆคุยกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการให้อภัย” พิศชมเอ่ยกับลูกเลี้ยง
“ค่ะ”

“แดเนียล ฉันหวังว่าคุณจะดูแลไอริณ รักเธอให้มากนะคะ เธอคือสิ่งวิเศษที่เรามอบให้กับคุณ” พิศชมหันไปเอ่ยกับลูกเขย
“ครับ”

ไอริณมองดูหน้าคมเข้มของอติเทพที่มองเธออย่างยินดี
“ต่อไปลูกจะต้องทำหน้าที่ภรรยา พ่อคิดว่าลูกคงจะทำได้ดี ไม่มีอะไรในโลกนี้จะยิ่งใหญ่เท่ากับความรักและการเสียสละ ลูกจงจำเอาไว้ การใช้ชีวิตคู่จะต้องมีสองสิ่งนี้”

“พ่อดีใจที่สุดก็วันที่ลูกของพ่อมีความสุขที่สุด ไม่ว่าลูกจะอยู่ที่ไหน พ่อยังรักลูกเสมอนะ”
ไอริณน้ำตาคลอเบ้า

“ค่ะ พ่อ”
“แดเนียลคุณเป็นคนที่ผมได้วางใจที่จะมอบของสำคัญที่สุดในชีวิตให้คุณ หน้าที่ของคุณคือ อย่าทำให้เธอเสียใจ” เสียงทุ้มๆหนักแน่นเอ่ย
ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น

“ครับผมสัญญาด้วยชีวิตของผม” ชายหนุ่มเอ่ย
เมื่อพ่อแม่ออกไปจากห้องแล้วทุกคนก็เลยไปฉลองกันต่อโดยล็อคประตูบ้านเอาไว้ไม่ให้ทั้งสองออกจากบ้าน

“ทำแบบนี้จะดีหรือครับ” อติเทพอดห่วงลูกสาวไม่ได้
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เราเตรียมของให้พวกเขาไว้ทานตั้งเป็นอาทิตย์ค่ะ พวกเขาคงไม่อดตายกันหรอกและอีกอย่างลูกชายฉันทำกับข้าวเก่งเขาคงไม่ปล่อยภรรยาเขาหิวตายแน่ๆ”

“ตามธรรมเนียมคู่บ่าวสาวจะต้องอยู่ด้วยกัน 3 วัน 3 คืนค่ะ” ฮูนามินเอ่ยต่อ
“ใช่แล้วค่ะ แล้วอีก 3 วัน ฉันจะมาเปิดประตูให้พวกเขาเอง” มิร่าบอก
“เราก็ไปฉลองกันเถอะนะ” เธอเอ่ยชวน
อติเทพได้แต่ถอนใจ

“เถอะค่ะคุณ จนป่านนี้แล้วก็ยังห่วงหนูอุณอยู่อีกเหรอคะ แกแต่งงานแล้วนะคะ” พิศชมเข้ามาคล้องเอาแขนสามีไป
“ต่อไปคุณจะต้องคิดเรื่องของตาโอมต่างหากล่ะ ว่าเมื่อไหร่จะแต่งงานอีกคน ว่าไหมลูก” พิศชมเอ่ยอารมณ์ดี

“ผมไม่แต่งหรอกครับคุณแม่” โอมเอ่ย
“อย่ามาทำเป็นพูดไปหน่อยเลยเราน่ะ โตอีกหน่อยอย่ามารบเร้าแม่ให้ไปขอสาวให้ล่ะกัน”

“ก็ผมอยากมาอยู่กับพี่อุณที่เกาหลีนิครับ”
“ถ้ามาอยู่ที่เกาหลีกันหมดแล้วแม่จะอยู่กับใครล่ะจ๊ะ”
“ก็อยู่กับคุณพ่อ 2 คนไงล่ะ” เด็กน้อยเอ่ยเจื้อยแจ้ว
อติเทพอมยิ้มแล้วก้าวขึ้นรถมิร่า แล้วรถลีมูนซีนคันหรูก็เคลื่อนตัวออกจากเรือนหอของคู่บ่าวสาว

ไอริณนั่งอยู่บนเตียงนอนมองดูเตียงที่มีกลีบกุหลาบโรยเป็นรูปหัวใจ ส่วนแดเนียลนั่งอยู่ที่โซฟาปลายเตียงมองหญิงสาวที่นั่งเงียบอยู่เป็นนาน
ไอริณกรี๊ดร้องอย่างหัวเสียเธอขยี้กลีบกุหลาบซะกระจุยกระจาย แดเนียลตกใจ
“ไอริณ” เขาเรียกเธอเมื่อเห็นว่าเธอเงียบลง

ไอริณหันไปมองชายร่างสูงใหญ่ที่นั่งที่โซฟาด้วยสายตาอาฆาต
“เพราะคุณคนเดียวแดเนียล หากคุณไม่ไปหาฉันที่เมืองไทย ฉันก็คงไม่ต้องเข้าพิธีแต่งงานแบบนี้”

ชายหนุ่มใจคอไม่ดี
“อะไรกัน คุณเป็นคนชวนผมแต่งงานเองนะ คุณลืมแล้วเหรอเนี่ย”
“ฮา...อะไรนะ” หญิงสาวอึ้งแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
หญิงสาววิ่งออกจากห้องไปที่ประตูเธอพยายามเปิดมันแต่ก็เปิดไม่ออก แดเนียลวิ่งตามออกมา

“ทำไมเปิดไม่ออกนะ”
“เปิดไม่ออกเหรอ ไหนขอผมลองเปิดหน่อยสิ”
ชายหนุ่มลองขยับประตู

“ก็ประตูนี้ล็อคจากข้างในนิ หรือว่า...” สายตาคมเข้มหันมามองเธอ
“พวกเขาจะล็อคเอาไว้”
“ทำไมต้องล็อคด้วยล่ะ” หญิงสาวถามอย่างตกใจ
“ก็คู่แต่งงานใหม่เขาจะต้องให้อยู่ในห้องหอ 3 วัน 3 คืนน่ะสิ”
“ฮ้า...” เธออุทานอย่างตกใจ

แดเนียลเดินไปมาลอบมองไอริณที่นั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่บนโซฟากลางห้อง เธอถอนใจไปหลายรอบราวกับมีเรื่องหนักอกหนักใจมากมาย ชายหนุ่มเตรียมอาหารเย็นให้

“คุณ.....น่าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อยนะครับ อยู่แบบนี้คงจะอึดอัดแย่” ชายหนุ่มแนะนำ

หญิงสาวหันมามองเขาอย่างไม่เป็นมิตรนักราวกับจะบอกว่าไม่ใช่เรื่องของเขา
“คุณหิวหรือยังครับ” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องถาม เธอก็ยังหันมามองด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเหมือนเคย
จนชายหนุ่มสะดุ้ง

“เอ่อ...ผมเตรียมอาหารไว้แล้ว คุณไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ” เขาบอกอย่างนุ่มนวล
หญิงสาวจึงลุกเดินเข้าห้องนอนไปอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
แดเนียลได้แต่นึกขำ
ไอริณกรีดร้องมาจากห้อง แดเนียลวิ่งเข้าไปดูอย่างตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นครับ” ชายหนุ่มถาม
หญิงสาวกำลังพยายามเอื้อมมือจะรูดซิปเสื้อที่เธอใส่ มันเป็นซิบด้านหลังเธอไม่สามาถที่จะรูดได้

“ก็ชุดบ้านี่น่ะสิ ฉันถอดมันไม่ได้” เธอพูดอย่างหัวเสีย
ชายหนุ่มยิ้มดึงเธอไปนั่งที่เตียง
“เดี๋ยวผมช่วยถอดให้” ชายหนุ่มรูดซิปลงให้เธอเผยให้เห็นแผ่นหลังขาวเปือยเปล่า
แดเนียลตะลึงไอริณรีบจับเสื้อเอาไว้ก่อนที่มันจะหลุดออกจากอก
“ว้าย” หญิงสาวร้องอย่างตกใจ
“นี่นายทำอะไรน่ะ นายคิดจะทำอะไร”
“เอ่อ..ก็ช่วยรูดซิปให้คุณไงล่ะครับ.”
“ออกไปเลยนะ นายนี่...ฉวยโอกาสจริงๆ” หญิงสาวต่อว่าแล้วใช้มืออีกข้างผลักเขาออกไปจากห้อง

“ทำคุณบูชาโทษซะแล้วเรา”

หญิงสาวนั่งทานข้าวด้วยสายตาที่ระแวงชายหนุ่มสุดชีวิต แดเนียลได้แต่แอบถอนใจ
“คุณไม่ได้ทำหน้าตากลัวผมขนาดนั้นหรอกนะครับ”
“ฉันจะไว้ใจคุณได้หรือไง คุณเป็นคนยังไงฉันยังไม่รู้เลย”
“ผมน่ะไว้ใจได้ ถามใครๆเขาก็ได้นะ”
“จะให้ฉันไว้ใจคุณได้ยังไงล่ะ คุณน่ะมีแต่ข่าวที่ไม่ได้เกี่ยวกับผู้หญิงนะ”
“มันก็แค่ข่าว” ชายหนุ่มตัดพ้อ
“ตอนที่เราเจอกันครั้งแรก คุณก็เอาแต่วิ่งหนีคุณหนีอะไรกัน แล้วยัง.....” เธอหายประโยคท้ายเข้าไปในลำคอ
“อะไรครับ”

“แล้วยังขโมยจูบฉันอีกต่างหาก คุณมันพวกโรคจิต รู้ไหมนันน่ะมันจูบแรกของฉันเลยนะ” เธอโพลงออกอย่างโกรธและอาย
แดเนียลได้แต่อมยิ้ม

“ก็นั่นน่ะเป็นการช่วยเหลือครั้งยิ่งใหญ่ของชีวิตเลยนะ”

หลังทานข้าวเสร็จหญิงสาวช่วยเขาล้างจาน หลังจากล้างจานเสร็จเธอหายเข้าไปในห้องนอนออกมาพร้อมกับหมอนและผ้าห่มให้กับชายหนุ่ม
“อะไรกันครับ” เขาถามอย่างสงสัย
“ก็ฉันจะนอนข้างใน คุณก็ต้องนอนข้างนอกไงล่ะ”
“อะไรกัน นั่นมันห้องผมนะครับ”
“เฮอะ....แต่ตอนนี้ฉันจะใช้ห้องนั่น คุณต้องนอนที่นี่” ไอริณพูดแล้ววิ่งหายกลับเข้าห้องไป
แดเนียลตามไปทุบประตูอย่างหัวเสีย
“นี่คุณเปิดเดี๋ยวนี้นะ”
“ไม่ ก็เราตกลงกันแล้วนะว่าเราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันในทางพฤตินัย”
“เฮ้ย.....ใครเขาอยากจะยุ่งกับคุณล่ะ ดูซิหุ่นก็อย่างนั้น เป็นผู้หญิงหรือเปล่าก็ไม่รู้”

หญิงสาวฟังอย่างโกรธแค้น
“คุณหมายความว่ายังไงหา.....” เธอเปิดประตูออกมาอย่างหัวเสีย
“เฮอะ...ก็จะบอกว่า ผมไม่ได้สนใจคุณหรอก ผมไม่ชอบผู้หญิงตัวเล็กๆ แบนๆ แบบนี้ก็เท่านั้น” แดเนียลจีบปากจีบคอพูด
หญิงสาวปิดประตูเสียงดัง

“ไอ้บ้า...” เธอบ่นคนเดียว
ปล่อยให้แดเนียลยืนหน้าตาสุดเซ็งอยู่หน้าห้อง
“โธ่......ผู้หญิงอะไรเข้าใจยาก” เขาบ่นแล้วเดินมานอนที่โซฟา
รุ่งเช้าไอริณตื่นมาอย่างเหน็บหนาว
“ทำไมที่นี่มันถึงได้หนาวแบบนี้นะ” พอออกมาจากห้อง แดเนียลยังคงนอนอยู่ที่โซฟาไอริณค่อยๆ ย่องเข้าไปดูใกล้ๆ ชายหนุ่มงัวเงียตื่น เห็นหญิงสาวยืนเก้ๆกังๆ อยู่ไม่ห่าง เขามองดูนาฬิกาบอกเวลา 7 โมงเช้า
“คุณตื่นเช้าเหมือนกันนิ”
“เช้าที่ไหนกันคะ นี่มันกี่โมงแล้ว.....”
“ปกติผมตื่น 10 โมงถ้าไม่มีงาน”
“ถ้าสายขนาดนั้นที่บ้านเรียกขี้เกียจ” เธอค่อนขอด
“ฮึ.....อะไรนะครับ”
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร”
“เช้านี้คุณจะทานอะไร”
“ฮ้า....คุณจะทำให้ผมทานเหรอครับ”
“เปล่า.....ฉันทำกับข้าวเกาหลีไม่เป็นหรอก นอกจากกับข้าวไทย” เธอบอกเขา

“ก็ได้ครับผมก็อยากจะทานกับข้าวไทยดูเหมือนกัน”
หญิงสาวทำหน้ายุ่งก็ความหมายเธออยากจะให้เขาทำกินเองมากกว่า
พอเดินเข้าครัวเพื่อดูของที่สามารถจะเอามาทำอาหารได้ มีไข่ เนื้อหมู ไก่ เบคอน แฮม เต้าฮู้ กิมจิ กุ้ง ปลาหมึก และก็ผักที่เธอไม่รู้จักอีก 2-3 อย่าง หญิงสาวเกาหัวอย่างไม่รู้จะตั้งตัวอย่างไรดี
แดเนียลแอบมองอย่างขำๆ
หญิงสาวเอาไข่ออกมา เนื้อหมู เต้าฮู้ ปลาหมึก และผัก เธอไม่รู้ว่าจะทำอะไรนอกจากไข่เจียว แกงจืดปลาหมึกยัดไส้ และผัดผักใส่หมูสับ เต้าฮู้ทอดทรงเครื่อง ซึ่งก็เป็นอาหารที่รสชาติไม่จัดเหมาะกับการทานมื้อเช้า
ผ่านไปเกือบชั่วโมง แดเนียลล้างหน้าเรียบร้อยออกมาดูไอริณที่ตั้งโต๊ะเรียบร้อยแล้ว

“ฮืม...กับข้าวแปลกจัง” เขาพูดแล้วก็นั่งลง
“ฉันไม่รู้จะทำอะไรนิคะ”
“ผมไม่ยักรู้ว่าไข่จะกินเป็นแผ่นๆ แบบนี้ได้”
“เขาเรียกไข่เจียว” เธอบอกเขา
“แล้วนี่อะไรครับ เต้าฮู้มีซอสราดด้วย”
“เขาเรียกเต้าฮู้ทรงเครื่องค่ะ”
“แล้วนี่ล่ะครับ” เขาชี้ที่ปลาหมึกตัวอ้วน
“ปลาหมึกยัดไส้ และก็ผัดผัก .... รู้จักหมดแล้วก็ทานได้แล้วค่ะ”
เธอตักข้าวใส่ถ้วยให้เขา

ชายหนุ่มยิ้มพอทานไข่เจียวเข้าไปเขาก็ชมว่าอร่อย ไอริณได้แต่แอบขำที่เห็นท่าทางของเขาเหมือนเด็กที่พึ่งจะหัดทานข้าวได้ พอได้กินของแปลกๆ ก็เจริญอาหาร
แดเนียลทานข้าวหมดไป 2 ชาม
“อร่อยมากเลย ถ้าทานแบบนี้ทุกวันผมคงอ้วนแน่ๆ เลย”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า”
“คุณทำกับข้าวเก่งจริงๆ ครับ”
“ก็ฉันต้องทำอะไรทานเองมาตั้งแต่ ม. ต้นแล้วล่ะค่ะ เพราะพ่องานยุ่ง”
“แล้วแม่คุณไม่ทำให้ทานเหรอครับ”
“แม่ฉันตายไปตั้งนานแล้วล่ะค่ะ”
ชายหนุ่มทำหน้าฉงนเขานึกถึงพิศชม
“แล้วคุณพิศชมล่ะ”
“เขาเป็นแม่เลี้ยงค่ะ”

เขาพยักหน้าเข้าใจ มิน่าล่ะดูท่าทางพิศชมไม่ได้แก่มากเท่าไหร่ เขายังเคยนึกแปลกใจว่าทำไมมีลูกสาวโตขนาดนี้ได้
“วันนี้เราจะทำอะไรกันดีล่ะ จะออกไปข้างนอกก็ไม่ได้แล้ว ก็คงต้องอยู่ในบ้าน”
“นั่นน่ะซิ ฉันจะทำอะไรดีล่ะคะ” หญิงสาวทำหน้าขบคิด

สุดท้ายไอริณก็หากระดาษเท่าที่พอหาได้มานั่งออกแบบเสื้อเล่น
“คุณทำอะไรครับ”
“ออกแบบเสื้อเล่นๆค่ะ แก้เซ็ง”
ชายหนุ่มพยักหน้า
“เก่งจังทำได้ไง”

“ก็ฉันเรียนออกแบบมานิคะ”
ชายหนุ่มอึ้งดูบุคลิกท่าทางของเธอน่าจะไม่ได้ชอบงานศิลป์เท่าไหร่ การแต่งตัวก็ดูดีโอเค แต่ก็ไม่ได้ออกแนวติสจ๋าจนเกินไป การพูดจาก็สุภาพเรียบร้อยไม่เหมือนพวกเด็กศิลป์ชอบเป็น

“น่าสนใจดี” แดเนียลหาหนังสือมานอนอ่านที่โซฟาข้างๆเธอ
“แดเนียลคะ โทรไปขอร้องให้พ่อกับแม่คุณ หรือพี่ชายคุณมาเปิดบ้านให้เราไม่ได้หรือคะ”
“ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะยอมหรือเปล่านะ” ชายหนุ่มทำเหมือนไม่ได้สนใจที่เธอพูดนัก
“ฉันอยากจะไปหาพ่อ เผื่อพ่อจะกลับก่อน จะได้ไปส่ง” เธอทำเสียงน่าสงสาร
ชายหนุ่มนึกใจอ่อน
“ฮืม.....ท่านคงทราบดีอาจจะรอให้ครบ 3 วันก่อถึงจะกลับก็ได้มั้ง” เขาปลอบใจ
“จะติดต่อท่านก็ไม่ได้ เฮ้อ.....” เธอถอนใจเสียงดัง
แดเนียลได้แต่นอนครุ่นคิดว่าเขาจะใช้โอกาส 3 วันนี้ทำตัวสนิทสนมกับไอริณได้อย่างไรบ้าง
“งั้นผมจะลองโทรหาคุณแม่ดูนะครับ ท่านเผื่อจะติดต่อกันได้” เขาออกความเห็น
แดเนียลจึงต่อสายไปที่บ้านของเขา
“สวัสดีครับคุณแม่” ชายหนุ่มคุยกับแม่เป็นภาษาเกาหลี
“จ้า....ว่าไงแดเนียล โอเคไหมลูก” ท่านถามอย่างลิงโลดใจ
“ครับ เราสองคนโอเค”
“แสดงว่าเรียบร้อยแล้ว” นางรีบเจาะประเด็น
“เออ.....ก็โอเคครับ” เขาตอบแม่อ้อมแอ้มพลางสบสายตาดวงกลมโตตรงหน้า
“อะฮะ....ดีจริงๆ งั้นพวกลูกก็อยู่ด้วยกันให้ครบ 3 วันนะเดี๋ยวแม่จะให้พี่เขาไปเปิดบ้านให้”
“เออ...คุณแม่ครับเราไม่รู้จะทำอะไรกันครับ อยู่บ้านเฉยๆ มันน่าเบื่อ และที่สำคัญที่บ้านก็ไม่มีอะไรทำด้วย”
“แหมลูกก็....บ่าวสาวที่แต่งงานกันใหม่ๆ เขาจะทำอะไรกันล่ะลูก 555.....ลูกอยู่ที่บ้านน่ะก็ดีแล้วล่ะ”
ไอริณมองดวงตาคมที่กรอกไปมาอย่างสงสัยว่าเขาคุยอะไรกับแม่กันแน่
“แต่ลูกก็อย่าหักโหมมากนะจ๊ะ”
“ถ้าอยากได้อะไรก็บอกแม่เดี๋ยวจะให้พี่เอาไปให้”
“ไม่ล่ะครับ อ้อ....ไอริณเขาอยากจะคุยกับพ่อเธอครับ เธออยากรู้ว่าพ่อจะกลับเมื่อไหร่”
“อ้อ...เห็นคุณพิศชมบอกว่าจะอยู่เที่ยวอีก 2 วันก็จะกลับแล้วล่ะ เขาบอกว่าไม่เป็นไร ฝากให้พวกเราดูแลไอริณให้ดีๆ เขาจะกลับไปเตรียมงานที่บ้านเขาในเดือนหน้าจ๊ะ”
“ครับ แล้วผมจะบอกเธอ”
“ยังไงก็ดูแลเธอให้ดีๆ นะลูก แล้วอีก 3 วันเจอกัน”
“ครับ”
ชายหนุ่มวางสายไป
“คุณแม่คุณว่าไงคะ” ไอริณถามอย่างสงสัย
“ท่านบอกว่าอีก 2 พ่อคุณจะกลับเมืองไทย ท่านบอกว่าจะรีบกลับไปเตรียมงานที่เมืองไทยในเดือนหน้า ฝากให้พวกเราดูแลคุณด้วย”
ไอริณพยักหน้ารับทราบอย่างเศร้าๆ
“เดี๋ยวเดือนหน้าเราก็จะไปเมืองไทยแล้ว คุณอย่าเศร้าไปเลย” เขาปลอบ
หญิงสาวทำหน้าเซ็ง
ชายหนุ่มคิดหาวิธีทำให้ไอริณหายเซ็ง
“เอางี้เรามาเล่นเกมส์กันไหม”
“เกมส์อะไรคะ”
“เล่นไพ่ก็ได้ คุณเล่นเป็นไหม” เขาถาม
“ก็พอเป็นแค่ไพ่ป๊อก” เธอบอก
ชายหนุ่มเลยไปเอาไพ่ในห้องออกมาแล้วพาหญิงสาวเล่น แต่พอเล่นไปเธอก็งง
“คุณเล่นยังไงของคุณฉันงงหมดแล้วนะ”
“คุณนั่นแหล่ะ มันใช่อย่างนี้ซะที่ไหนกันล่ะ” เขาต่อว่า
“ก็ฉันไม่เคยเล่นแบบนี้นี่นา” เธอแย้ง
“มันต้องแบบนี้” ชายหนุ่มโยนไพ่
“ผมป๊อกแล้ว”
เธอกลับหน้าเซ็งมากกว่าเดิม
“คุณขี้โกงนิ”
“คุณแพ้เองต่างหาก”
“งั้นไม่เล่นแล้ว” เธอโยนไพ่ลงพื้นเอาดื้อ
“อ่ะ เล่นเหอะน่า แล้วตาหน้าผมจะยอมแพ้คุณเอง”
“แต่มีข้อแม้ว่าต่อไปถ้าใครแพ้ต้องดื่มโซจู”
“โซจู คืออะไรคะ” ดวงตากลมเธอถามเขาอย่างสงสัย
ไอริณดื่มโซจูไปหลายแก้ว
“รสชาติมันก็เหมือนกับสาโท” เธอบอกแดเนียลเสียงเริ่มอ้อแอ้
“สาโท คืออะไร”
“มันก็เป็นเหล้าชนิดหนึ่ง ที่ชาวพื้นเมืองชอบทำดื่ม เป็นเหล้าที่ยังไม่ผ่านการกลั่น รสชาติก็จะออกแนวดิบๆ หน่อย แต่ว่าก็ไม่แรงเหมือนเหล้าทั่วไป” เธออธิบาย
“คุณดื่มบ่อยไหม”
“ไม่ค่อยบ่อยหรอกค่ะ เพราะว่าฉันไม่ค่อยมีเวลาที่จะไปสังสรรกับใครเท่าไหร่ ฉันไม่ค่อยมีเพื่อนค่ะ ชีวิตของฉันค่อนข้างเหงา ฉันอยู่คนเดียวไม่มีแม่เหมือนเด็กคนอื่นๆตั้งแต่อายุ 10 ขวบ มีเพียงพ่อที่ดูแล แต่พ่อก็งานยุ่งมาก สิ่งเดียวที่ฉันรู้ก็คือท่านรักฉันมาก ท่านสอนงานให้ฉันรับผิดชอบตั้งแต่เด็กๆ ที่แรกฉันก็เคยสงสัยว่าทำไมชีวิตของฉันต้องมารับผิดชอบอะไรมากมายซะตั้งแต่ยังเด็ก ทำไมฉันไม่ยิ้ม หัวเราะ หรือวิ่งซนเหมือนเด็กคนอื่นๆ แต่พอเห็นพ่อที่ต้องทำงานคนเดียวอย่างเหน็ดเหนื่อย และต้องคอยดูแลฉันอีกคน ฉันก็คิดว่าพอฉันโตขึ้นฉันก็ต้องดูแลท่านเหมือนกัน ” เธอพูดไปเสียงก็เริ่มหาย แต่สีหน้าที่ยามเอ่ยถึงพ่อของเธอช่างมีความสุขจริงๆ
“ชีวิตฉันจึงมีแต่พ่อเพียงคนเดียวที่สนิทมากที่สุด เราไม่เคยมีความลับต่อกัน พ่อฉันไม่คิดที่จะแต่งงานใหม่ แต่น้าพิศชมเขาก็รักพ่อฉันมาก เขายอมทิ้งทุกอย่างเพื่อเอาชนะฉันกับพ่อ จนเรายอมรับเธอ ฉันดีใจที่พ่อกลับมามีความสุขอีกครั้ง วันนี้แม้ฉันไม่อยากที่จะจากท่านไปไหนเลย แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่พ่อยอมรับ พ่อยิ้มให้ฉันและบอกว่ามันดีแล้ว”
ชายหนุ่มมองดวงหน้าแดงกล่ำอย่างน่าสงสาร
หญิงสาวรินเหล้าใส่แก้ว แต่ชายหนุ่มก็คว้าไปเพื่อรินให้เอง เธอดื่มไปจนหมดแล้วฟุบลงกับพื้น
“เฮ้อ...รู้ตัวว่าดื่มไม่เป็นก็ยังดื่มอีกนะ”
ชายหนุ่มเกลี่ยผมยาวที่ลงมาปิดดวงหน้าใส
“คุณคงเหงามาซินะไอริณ แต่ต่อไปผมจะดูแลคุณเองนะ”
ชายหนุ่มอุ้มเธอเข้าไปนอนที่ในห้องนอน เขามองดูใบหน้าที่เมามายหลับไป เขาเพ่งพิศอย่างสงสัย ไอริณไม่ได้สวยเด่นสะดุดตา แต่เธอมีโครงหน้าของผู้หญิงไทย คิ้วโคงงามรับกลับดวงตาดำกลมโต เปลือกตาเธอ 2 ชั้น ปากนิดจมูกหน่อยมองดูไม่น่าเบื่อ ชายหนุ่มยิ้ม คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงที่ดูเรียบๆ ไม่มีอะไรหวือหวาจะทำให้ใจเขาสั่นได้ ใจเขากำลังสั่นอย่างไม่รู้ตัวนักมันเริ่มตอนไหนกันเขาเองก็ไม่รู้ตัวเลย ริมฝีปากเรียวค่อยๆบรรจบลงกับปากบางน้อยๆอย่างแผ่วเบาและนิ่มนวล
เช้ามืดไอริณรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกปวดหัวจี๊ด
“โอ๊ย....” เธอครวญครางเบาๆ
แดเนียลเปิดประตูเข้ามาเธอตกใจนิดหน่อย
“คุณเข้ามาทำอะไร”
“ก็แค่เข้ามาดูว่าคุณตื่นหรือยัง เมื่อคืนคุณเมามากเลยนะผมเลยอุ้มคุณมานอนในห้อง” เขาบอก
“ฮ้า....” หญิงสาวเปิดผ้าห่มดูสภาพตัวเองยังเรียบร้อยดี
“นี่นายฉวยโอกาสกับฉันหรือเปล่า” เอถอยกรูดอย่างระแวง
“เฮอะ....คุณน่ะ คิดอะไรบ๊องส์ๆ แบบนั้น ก็ผมบอกแล้วว่าไม่ได้สนใจผู้หญิงตัวเล็กๆ แบนๆ แบบคุณหรอกน่า” ชายหนุ่มพูด
“นี่....นายว่าใครตัวแบน ฉันไม่ได้แบนนะ” เธอพูดอย่างโมโหแล้วปาหมอนไล่ชายหนุ่มอุตลุตจนชายหนุ่มต้องถอยออกจากห้องไป
“บ้าจริงๆ เราไม่น่ากินจนเมาขนาดนี้เลย” เธอกล่าวโทษและตบแก้มตัวเองเบาๆ
สายมากแล้วไอริณโผล่หน้าออกมาจากห้องนอนเพราะเธอเริ่มหิว แดเนียลนั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟาเขาหันมามอง
“คุณจะทานอะไรก่อนไหมผมทำให้แล้วอยู่ที่โต๊ะทานข้าว”
“ไม่ล่ะ ฉันไม่หิว” เธอเดินตรงไปที่ครัว
ชายหนุ่มตามเข้ามา
“คุณควรจะทานน้ำผลไม้นะครับ มันจะช่วยในเรื่องอาการเมาค้างได้ดี”
“ฉันจะกินอะไรมันก็เรื่องของฉันน่า” เธอเปิดตู้เย็น
พอมองดูของในตู้เย็นแล้วก็ไม่รู้ว่าจะทานอะไรดี
เธอหยิบเอาส้มออกมาวางที่โต๊ะ
“ให้ผมช่วยปลอกนะ” ชายหนุ่มแย่งส้มจากมือเธอ
“ไม่ต้อง” เธอบอก
ทั้งสองแย่งยื้อกันไปมาจนส้มหล่นจากมือหญิงสาว เธอมองส้มที่พื้นแล้วหันมามองชายหนุ่มอย่างโมโห
“คุณน่ะ วุ่นวายจริงๆ”
“งั้นก็ทานข้าวเถอะ เดี๋ยวผมตักข้าวให้นะ” เขากุรีกุจอตักข้าวให้เธอ
ไอริณจึงจำใจทานข้าวตามที่เขาบังคับให้เธอทาน เมื่อทานเสร็จเธอเก็บโต๊ะแล้วเดินมานั่งใกล้ๆกับแดเนียลที่กำลังดูทีวีอยู่มันเป็นคล้ายละครทีวีแต่เธอก็ฟังภาษาเกาหลีไม่รู้เรื่อง
“อ้อ...แดเนียลคุณเป็นดาราไม่ใช่เหรอคะ”
“ฮืม...”
“คุณไม่มีงานต้องไปทำเหรอ”
“ช่วงนี้ผมหยุดเพราะผู้จัดการเขาเคลียร์งานให้อาทิตย์หนึ่งเพื่อให้ผมเตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าว” เขาหันมาตอบเธอ ไอริณทำหน้าเศร้าเพราะหาเหตุผลที่จะออกจากบ้านนี้ไปไม่ได้ พอคิดว่าจะต้องอยู่กับแดเนียลอีกตั้ง 1 วัน คิดแล้วเหมือนเป็นคืนวันที่ยาวนานมาก
“ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะ ฮือ....” เธอพูดเป็นภาษาไทยซึ่งก็ทำให้แดเนียลไม่รู้เรื่อง
เสียงโทรศัพย์ดังขึ้นแดเนียลรับสาย เสร็จแล้วเขาก็ส่งให้เธอ ไอริณรับไปอย่างงง
“ใครเหรอคะ”
“สวัสดีค่ะ”
“อุณพ่อเองนะ”
“คุณพ่อ” น้ำเสียงเธอดีใจมากที่ได้ยินเสียงปลายสายจนน้ำตาคลอ
“วันนี้พ่อจะกลับแล้วล่ะนะ จะรีบไปเตรียมงานที่โน้นไว้ให้”
“อุณอยากไปส่งพ่อจังค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกนะพ่อเข้าใจ”
“พ่อคะ....อุณจะรีบตามพ่อไปนะคะ”
“ยังไงก็รักษาสุขภาพด้วยนะลูก แล้วเจอกัน”
“พ่อก็เช่นกันนะคะ”
เธอวางสายโทรศัพย์อย่างเศร้าสร้อยจนแดเนียลอดสงสารไม่ได้
“แดเนียลฉันอยากจะไปส่งพ่อ คุณช่วยพาฉันไปหน่อยได้ไหม”
ชายหนุ่มไม่ตอบ ไอริณน้ำตาคลอเดินร้องไห้เข้าห้องไป
แดเนียลเดินครุ่นคิดหาวิธีปลอบใจหญิงสาวเขานึกขึ้นได้ที่อติเทพเคยบอกไว้ว่าไอริณชอบกินแตงโมมากชายหนุ่มเข้าไปในครัวเปิดตู้เย็นมีแตงโมอยู่ 1 ลูกชั้นล่าง เขาจึงจัดแจงเอาออกมาเพื่อปลอกเปลือกและจัดแจงแตกแต่งเป็นตุ๊กตาหิมะ
“ไอริณ....ๆ ออกมาข้างนอกหน่อยสิผมมีอะไรจะให้คุณ” เขาเคาะประตูเรียกเธอ
ไอริณนั่งเงียบอยู่คนเดียว
“มีอะไรคะ ฉันอยากอยู่เงียบๆ”
“เหอะน่า ออกมานี่หน่อยนะ” เขารบเร้า
ไอริณปาดน้ำตาแล้วเดินมาเปิดประตู
“แตนแต่นแต้น” ชายหนุ่มยกจานแตงโมตุ๊กตาหิมะของเขาให้เธอ
“ผมให้คุณ”
ไอริณขำเพราะเธอไม่เคยเห็นตุ๊กตาหิมะประหลาดอย่างนี้
“โอ้วว อะไรคะ”
“มันคือตุ๊กตาหิมะแตงโมไงครับ มาทานสิ”
เธอจึงมานั่งทานแต่งโมตามที่ชายหนุ่มขอร้อง
“อร่อยไหม” เขาถาม
“อร่อยค่ะ คุณทานไหม”
ชายหนุ่มอ้าปากให้เธอป้อน เธอนึกขันแต่ก็ตักแตงโมป้อนเขา
“ฉันชอบทานแตงโมมากเลยรู้ไหม”
“รู้สี”
“คุณรู้ได้ยังไง” ดวงตากลมโตมองเขาอย่างสงสัย
“ก็พ่อคุณบอกผม พ่อคุณฝากคุณเอาไว้กับผมแล้วนิครับ” เขาตอบดวงตาคมเข้มมองเธอเป็นประกาย ไอริณต้องหลบสายตาเจ้าชู้อย่างเขินอาย
“นายไม่เห็นจำเป็นต้องทำอย่างนั้นก็ได้ก็เราตกลงกันแล้วไงว่าจะแต่งงานกันแค่ในนาม” เธอบ่นค่อนขอด
“ฮึม.....คุณจะคิดอย่างนั้นก็ได้”
วันนั้นทั้งวันทั้งสองก็เอาแต่นั่งๆ นอนๆ รอจนกว่าจะมืด ไอริณได้แต่ภาวนาให้มันผ่านวันนี้ไปให้เร็วที่สุด
ตอนเย็นแดเนียลทำสเต๊กปลาให้เธอทาน ชายหนุ่มจุดเทียนให้บรรยากาศดูโรแมนติสมาก
หญิงสาวนั่งทานอาหารอย่างตื่นเต้นเธอไม่เคยอยู่กับผู้ชายเพียงลำพังแบบนี้มาก่อนที่ผ่านมามีเพียงอติเทพที่ดูแลเอาใจใส่เธอ เพื่อนผู้ชายเธอแทบจะไม่เคยสนิทสนมกับใครสักคน ความรู้สึกมันดูแปลกๆเธอไม่กล้าแม้จะมองหน้าหรือสบตาเขา เสียงลมหายใจของเขาที่เข้าออกมันฟังแล้วทรมานใจเธออย่างบอกไม่ถูก ยิ่งเขาเข้ามาใกล้เธอมือไม้เธอแทบจะสั่นๆควบคุมไม่อยู่ ต้องคอยถอยห่าง เวลาเขายิ้มไอริณได้ยินเพียงเสียงหัวใจที่มันเต้นแรงอยู่ในอก
แดเนียลได้แต่แอบดูกิริยาของไอริณอย่างแปลกๆ ดูเธอจะหวาดระแวงเขาเอามากๆ
“อร่อยไหมครับ”
“ฮืม...ก็พอกินได้” เธอตอบไม่ตรงกับปากเท่าไหร่
แดเนียลยิ้ม
“ไอริณ...พรุ่งนี้ก็ครบ 3 วันแล้วนะ”
“ฉันเองก็อยากจะให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆ ฉันเบื่อการนั่งๆ นอนอยู่กับที่แบบนี้จะแย่” เธอตอบ
เธอช่างเป็นผู้หญิงที่ดูอยากไม่น้อย บางครั้งก็เหมือนเป็นคนเฉยๆ บางครั้งก็เหมือนคนไฮเปอร์ บางครั้งก็เหมือนไม่ยินดียินร้ายกับอะไร บางครั้งก็อ่อนโยนและอบอุ่น เขาอยากจะรู้จักทุกสิ่งทุกอย่างของเธอให้มากกว่านี้
“ไอริณคุณเคยมีแฟนไหม” เขาถาม
หญิงสาวมองดวงหน้าคมเข้มที่คอยจับจ้องเธอตลอด
“ไม่ค่ะ”
“คุณเคยรักใครไหม”
“คุณถามทำไม”
“ก็เคยไหมล่ะ”
“ไม่” เธอตอบอย่างไม่สนใจใยดีแล้วก้มหน้ากินต่อ
ชายหนุ่มประหลาดใจกับคำตอบของเธอ
“เฮอะ...ว่าแล้วเชียว คนอย่างคุณคงจะไม่เคยมีความรักหรอก”
“ก็แล้วทำไมเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย ฉันจะเคยมีแฟนหรือคนรักหรือเปล่าน่ะ มันเกี่ยวอะไรกับคุณล่ะโธ่....แล้วฉันเป็นคนยังไงไม่ทราบไม่เคยมีแฟนมันแปลกหรือไง” ใบหน้ารูปไข่ทำหน้าขึงขังอย่างโมโห
“ดูท่าทางแล้วคุณมันคนไร้หัวใจ ไม่รู้จักหรอกความรัก”
“ทำไมฉันจะไม่รู้จัก ฉันก็มีความรักนะ ฉันรักพ่อฉัน รักครอบครัวของฉัน อย่างนี้มันก็ความรักเหมือนกัน นี่คุณอยากจะยั่วโมโหฉันหรือไง” เสียงเธอคุ่นเคืองแล้วก้มหน้าตักอาหารใส่ปาก
“ไม่มีใครมาชอบคุณเหรอไง”
“ใครจะไปเหมือนคุณล่ะ ปัญหารักหลายเส้า เห็นมีข่าวตบตีกันแม้กระทั่งในโรงพยาบาล ที่มาแต่งงานกับฉันก็คงจะเพื่อกลบข่าวพวกนั้นด้วยล่ะมั้ง” เธอดื่มน้ำแล้วกระแทกแก้วลงอย่างโมโหแล้วลุกเดินหนีเข้าห้องไป
“โธ่เอ้ย.....ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย ขี้โมโหจริงๆเลย”
ไอริณอยู่ในห้องตีหมอนอย่างโมโห
“แดเนียล นายประเมินฉันต่ำไปแล้ว คอยดูนะ ฉันจะหาแฟนให้ได้ แล้วนายจะเสียใจที่ว่าฉันวันนี้ นี่แน่ะๆๆๆๆ” เธอบ่นอย่างหัวเสียพลางทุบตีหมอนราวกับว่ามันเป็นหน้าของใครบางคน
แดเนียลโทรไปหาพี่ชาย
“ฮัลโล โจฮานเหรอ พรุ่งนี้พี่จะมาเปิดประตูบ้านให้เราหรือเปล่า”
“ฮืม....แม่สั่งไว้ให้ไปเปิดบ้านให้พวกนายและก็ให้ฉันซื้อยาบำรุงไปให้ด้วย 555….เป็นไงบ้างล่ะแดเนียล”
“เหอะ..ๆๆ” ชายหนุ่มหัวเราะแห้งๆ
“พี่ไม่ต้องมาพรุ่งนี้หรอกครับ วันมะรืนค่อยมา”
“ทำไมเหรอ นั่นแน่ หรือว่าพวกนายอย่างจะกุ๊กกู๋ๆกันต่อ ก็ได้ๆ และวันมะรืนค่อยเจอกันนะ”
“ครับ ฝากบอกแม่ด้วยว่าเดี๋ยวผมจะพาไอริณไปเยื่อม”
“ยังไงก็อย่าหักโหมมากนะน้องชาย”
“555” แดเนียลหัวเราะแกนๆ ก่อนจะวางสาย
“เยสสส” แดเนียลทำท่าทางอย่างลิงโลดใจเมื่อแผนการเขาสำเร็จ
โจฮานรีบรายงานเรื่องนี้ให้แม่ทราบ มิร่าได้แต่เริงร่าที่ลูกชายเข้ากับลูกสะไภ้ได้ดี



Create Date : 31 มีนาคม 2553
Last Update : 31 มีนาคม 2553 19:58:23 น.
Counter : 903 Pageviews.

2 comments
  
โดย: จีนี่ในกระจกแก้ว วันที่: 31 มีนาคม 2553 เวลา:20:28:23 น.
  
whenever you felt that your heart is going to breakdown
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!

GOD always forgive your mistake
the one that you cant even forget,
he always does it and always being with us
to help and blesss us for us whose heart is full of him
โดย: กฟ IP: 124.120.23.79 วันที่: 31 มีนาคม 2553 เวลา:22:05:16 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

unitan
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]