เมษายน 2553

 
 
 
 
2
3
4
6
10
11
12
13
14
15
18
19
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
เส้นทางแห่งพรหมลิขิต



ผ่านไป 2 ปี
ฮุน โจนำเด็กหญิงหน้าตาดีมาแคสติ้งหน้ากล้อง
“เด็กคนนี้มีแววดังนะผู้กำกับ” เขากระซิบบอกเขา
“ยังไงนายก็ช่วยดูด้วยและกัน ฉันล่ะหวังมากเลยเพราะตั้งแต่นายไปเป็นผู้กำกับแล้วเนี่ยฉันก็ตกงานทันที” เขาต่อว่า
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่หนวดเครายาวเฟริ้มยิ้มให้
“ดูหน่วยก้านก็ดีนะ ท่าทางจะโอ..เหมือนกัน” เขาตอบ
“งั้นก็ฝากด้วยละกันนะ” ฮุน โจ เดินไปอยู่หลังมอนิเตอร์เมื่อฝ่ายฉากพร้อม แล้วเด็กผู้หญิงก็แสดงตามที่ผู้กำกับสั่งทันที
“โอเค ครัท” เสียงผู้กำกับสั่งตากล้องเมื่อเด็กหญิงร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสารตามที่เขาบอกให้ทำได้ถูกใจ
“ดีมาก ลี ซินบี ทำได้น่ารักมาก” ฮุน โจเข้าไปจูงมือเธออกมาจากเวที
“เป็นไงบ้างล่ะเด็กสร้างของฉัน”
“ก็ดี เรื่องนี้ท่าจะเหมาะกับเธอมากนะ ”
“555 ฉันว่าแล้วไงล่ะ” ฮุน โจ หัวเราะชอบใจ
“แต่เราก็ยังขาดเด็กเล็กๆอายุประมาณ ขวบหนึ่ง” เขาบอก
“ไม่ต้องห่วงน่า แล้วฉันจะช่วยหานะ เชื่อสิว่าตาฉันแหลมขนาดไหน เคยปั้นดาราดังคับฟ้ามาแล้วนะ”
“พูดเกินไป”
ทั้งสองหัวเราะอารมณ์ดีเดินกอดคอกันออกจากห้องแคสติ้ง
“แดเนียลคะ” เสียงนาตาลีดังตามหลังมา
“เสร็จหรือยังคะไปทานข้าวกันเถอะ” เธอเข้ามาชวนเขา แต่ชายหนุ่มกับมองเธอด้วยสายตาเย็นชา
“แดเนียลขา.....ฉันหิวแล้วค่ะ ไปกันเถอะค่ะ” เด็กสาวรุ่นหน้าตาดีเดินเข้ามาเกาะแขนเขาออกไป
“อ้าว...แดเนียลแล้วฉันล่ะ” ฮุน โจ ตะโกนตามหลังไป
ปล่อยนาตาลีที่ยืนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างโมโหอยู่คนเดียว
.....
“ห้องคุณสวยจังนะคะ” เด็กสาวยื่นหน้าเอาแก้วเครื่องดื่มเข้ามาชนกับชายหนุ่ม สายตาเธอมองอย่างยั่วยวน
“คุณอยู่ที่นี่คนเดียวจริงหรือคะ” เธอ
“ใช่ครับ”
“แม้...แปลกใจจัง” เธอหัวเราะเสียงเล็ก
เด็กสาวเดินมานั่งตักเขา
“ฉันมาอยู่ที่นี่กับคุณได้ไหมคะ?”
“ได้สิ....” เขาตอบพลางลูบไล้ตามสัดส่วนของเธอ
“แดเนียลคะ ฉันชอบคุณมากเลยนะคะ” เธอโน้มตัวลงมาจูบเขา
ชายหนุ่มจูบเธอกลับอย่างเร่าร้อนจนทำให้ร่างบอบบางสะท้านกับความร้อนแรงนั่น
“คุณน่ะ...ชอบทำแบบนี้.....รู้ไหมว่าฉันแทบจะละลายอยู่ตรงหน้าคุณนี้แล้ว” ดวงตาสดใสจับจ้องดวงตาคมกริบ เขาไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรเลย เธอมักจะเห็นแบบนี้ตั้งแต่รู้จักเขาแล้ว
หญิงสาวค่อยๆลูบที่ใบหน้าของเขา
“คุณ.....ชอบทำหน้าแบบนี้จริงๆนะคะ แต่มันก็ทำให้ฉันชอบคุณ” เธอก้มลงจูบอีกครั้ง แต่คราวนี้แดเนียลกับรุนแรงและเร่าร้อนกว่าเดิมมาก อุ้มมือใหญ่ลูบเนื้อตัวอิ่มมืออย่างเมามัน จนทำให้หญิงสาวอารมณ์กระเจิดกระเจิง เธอพร่ำบอกเขาว่ารักเขาอยู่แบบนั้นจนเขาอุ้มเธอขึ้นบนเตียง แดเนียลถอดเสื้อของหญิงสาวออกก่อนจะถาโถกับประถุมทันที่อวบอิ่มทั้งสองอย่างเร่าร้อนจนหญิงสาวครางออกมาสุดกลั้น แต่ก็ยิ้มอย่างมีความสุขที่ความปรารภนาของเธอกำลังจะเป็นจริง เธอเคยหวังมานานที่จะอยู่กับเขาอย่างเปิดเผยเสียที เธออยากเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเขา อยากให้เขามอบความสุขให้กับเธอแบบนี้เท่าที่เธอต้องการ ผู้ชายที่ดูลึกลับ เงียบขรึม แม้จะโมโหร้ายไปหน่อย แต่เป็นที่สนใจของบรรดานักแสดงสาว บัดนี้เธอจะประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่าเขาเป็นของเธอแล้ว ปาร์ค ยุนฮี ยิ้มย่องอยู่ในใจ
พลันกรอบรูปอันใหญ่ที่ชายหนุ่มคลุมด้วยผ้าเอาไว้บนตู้โชว์ก็หล่นลงพื้น ทำลายกระแสพายุที่คลุ้มคลั่งหยุดลงไปทันที แดเนียลรีบลุกจากเตียงเดินไปหยิบรูปใบนั้นขึ้นมาดู
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” ยุนฮี ถามเขาพลางนึกด่ารูปใบนั้นที่ทำเอาเธออารมณ์ค้าง
“ไม่มีหรอก” ชายหนุ่มตอบแล้วยกรูปนั้นขึ้นมาแล้วเดินไปนั่งที่โซฟา
ยุนฮี โกรธชายหนุ่มที่เห็นรูปสำคัญกว่าเธอรีบคว้าเสื้อมาสวมทับอย่างลวกๆ
“รูปใครเหรอคะทำไมต้องคลุมผ้าไว้ด้วย” เธอถาม
พอเธอเดินมาดูก็ถึงกับไม่พอใจที่เห็นเป็นรูปหญิงสาวหน้าตาแปลกๆ สวมชุดฮันบกสีน้ำทะเล นั่งบนทางเดินขึ้นบ้านทรงโบราณ เธอยิ้มร่าเริง ดูน่ารักมาก
“ใครเหรอคะ”
เธอหันไปมองแดเนียลที่มองภาพนั้น ดูสายตาเขาอ่อนโยนมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนยิ่งเพิ่มความไม่พอใจให้กับเธอ
“ทำไมคุณต้องให้ความสำคัญกับรูปนี้ขนาดนี้ด้วย จนไม่สนใจฉัน ไม่สนใจว่าเรากำลังจะทำอะไรกันอยู่” เธอพูดอย่างหัวเสีย

“ทำไม ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ทำไมคุณจะต้องให้ความสำคัญขนาดนี้ด้วย”
เธอตะเบ็งใส่หน้าเขา
“ดูสิ.....คุณทำยังกะเกรงใจเธอยังไงยังงั้นแหล่ะ จนลืมไปว่าฉันกำลังอยู่ตรงนี้”
สีหน้าเขาดูเรียบเฉยจนเธอทนไม่ได้
“ก็ดีแดเนียล” ปาร์ค ยุนฮีแย่งรูปนั้นมาเธอทุบรูปนั้นกับโซฟา แดเนียลเข้าไปแย่ง
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ” เขาแย่งมันมาแล้วผลักเธอล้มลง
ปาร์ ยุนฮี ตกใจที่ไม่เคยเห็นเขาทำท่าทางน่ากลัวขนาดนี้
“คุณไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องภาพนี้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“ทำไม....ผู้หญิงคนนี้สำคัญกับคุณมากขนาดนั้นหรือไง”
“ใช่....เธอเป็นผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุดในชีวิตของผม” เขาตอบ
ปาร์ค ยุนฮีกรีดร้องและร้องไห้ออกมา
“ไม่อยากจะเชื่อเลย แล้วฉันล่ะ ฉันเป็นอะไร...ทำไมคุณทำแบบนี้กับฉัน ฉันรักคุณ ฉันต้องการแต่งงานกับคุณ ฉันต้องการเป็นภรรยาของคุณ ฉันต้องการคุณ.....แล้วทำไม....ไม่จริง” เธอร้องไห้ กรีดเสียงอย่างคนบ้าพลางทุบตีเขา แดเนียลไม่ได้ปัดป้อง
“ผมขอโทษ.....ภรรยาของผมมีเพียงคนเดียวเท่านั้น” เขาตอบเสียงเยือกเย็น
ปาร์ค ยุนฮี อึ้งงันกับคำตอบที่ได้ยิน เธอหันไปคว้าเอากระเป๋าและเสื้อคลุมแล้วเดินออกจากห้องเขาไป
ปล่อยให้แดเนียลอยู่กับความเงียบงัน เขาหันไปคว้าเหล้ามานั่งดื่ม พอหันไปเห็นรอยยิ้มของไอริณแล้วก็ก็ถอนใจ เขาไม่รู้ว่าทำไมจะต้องคิดถึงเธอมากมาย แม้จะโกรธแค้นเธอขนาดไหน ก็เกลียดเธอไม่ลง เขายังคิดถึงเธอ อยากจะอยู่กับเธอ จนยากที่จะต้องการใครอีก เขายิ้มเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่แล้ว เหมือนรูปกำลังจะบอกเขาว่าอย่ามาทำแบบนี้ต่อหน้าฉันนะ
“แม้แต่รูปก็ยังร้ายนะ” เขาบ่นพรึมพรัมก่อนจะยกมันไปวางที่เดิมโดยไม่ได้คลุมผ้าอีก
เสียงออดดังแดเนียลเดินไปดู เขาก็ต้องแปลกใจที่นาตาลีมาหาเขาดึกขนาดนี้ เธอเข้ามาตามองไปใครสักคน
“มีอะไรเหรอ” เขาถามอย่างระแวดระวัง
“ปาร์ค ยุนฮีไม่ได้มากับคุณเหรอคะ”
“มา......เธอกลับไปแล้ว” ชายหนุ่มตอบแบบเซ็งๆ
“พวกคุณดื่มกันเหรอ” เธอยังตั้งคำถามต่อ
ชายหนุ่มจับจ้องดวงตาสีเทาของหญิงสาวราวกับจะถามอะไรมากมาย
“คุณมาเรื่องแค่นี้ใช่ไหม”
“ฉันก็แค่....แดเนียล”
“เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้คุณก็รู้ คุณหยุดตามผมเถอะ เพราะผมไม่ได้สนใจคุณตั้งแต่คุณเดินไปจากผมแล้ว”
ถ้อยคำเย็นชาของเขากรีดแทงหัวใจเธอบาดลึก
“ฉันไม่ยอมแพ้หรอกนะ” เธอเม้มปากแน่น แต่เมื่อสายตามองผ่านเขาไปเห็นรูปไอริณบานใหญ่ที่ตั้งเด่นบนตู้โชว์
“คุณยังคิดถึงเธออยู่เหรอ เธอเป็นคนเดินไปจากคุณเองนะ”
“คุณกลับไปเถอะ ถ้าคุณไม่อยากทำลายความเป็นเพื่อนของเราไปด้วย ก็จงกลับไปเถอะ และอย่าทำแบบนี้อีก” เขาพูดแล้วปิดประตูอย่างเงียบๆ ทิ้งนาตาลียืนเคว้งอยู่ตรงนั้น
นาตาลีกลับจากคอนโดของแดเนียลเธอแวะไปนั่งดื่มในผลับแห่งหนึ่ง บังเอิญที่ปุราณพานักท่องเที่ยวมารับรองที่นั่นเห็นเธอนั่งดื่มคนเดียวก็นึกสงสัย
ออกจากผลับปุราณแยกจากนักท่องเที่ยวส่วนเขาเดินไปลานจอดรถก็ต้องตกใจที่เห็นนาตาลีล้มฟุบอยู่ข้างรถ ชายหนุ่มจึงช่วยพาเธอกลับโรงแรมที่เธอพัก เธอได้แต่คร่ำครวญถึงแดเนียล
“ทำมายยย...ทำมายยยคุณถึงทำกับฉันแบบนี้”
ปุราณได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา แล้วเดินออกจากห้อง
“ฉานอุตส่าห์ทำให้ไอริณทิ้งงงคุณไปด้ายยยแล้ว ทามมายยม่ายยสนใจฉานนนน”
ปุราณหยุดนิ่งเมื่อได้ยินถ้อยคำของคนเมา ดวงตาคมเข้มหยุดนิ่งอย่างโมโหร้ายก่อนจะหันกลับมามองร่างที่นอนอยู่บนเตียงอย่างเหี้ยมเกรียม
นาตาลีตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็ต้องตกใจสุดชีวิตเมื่อพบร่างเปือยเปล่าของเธอนอนนิ่งกับอกกว้างของใครบางคน เพ่งพิศแล้วอกสั่นขวัญหายกับร่างกำยำของปุราณที่หลับสนิทนิ่ง เมื่อเธอตั้งสติได้เธอก็กรีดร้องพลางทุบตีเขาอย่างเดือดดาษ
“แก....กล้าดีอย่างไรถึงทำกับฉันแบบนี้” เธอร้องไห้คร่ำครวญ
ปุราณงัวเงียตื่นขึ้นมาเมื่อโดนทำร้าย
“แก....ทำลายชีวิตของฉัน ฉันจะฆ่าแก” นาตาลรีบร้อนลุกจากเตียงจนร่างล้มลงไปนอนคุดคู้อยู่ข้างเตียงทั้งที่เปือยเปล่า
ปุราณลุกตามมาดูเธอ
“ทำไมโดนแค่นี้ทำเป็นร้องจะเป็นจะตายเลยหรือ ทำยังกะตัวเองเป็นสาวบริสุทธิ์ยังไงอย่างงั้นแหล่ะ” เขาบีบแก้มเธอ
“ก็แค่สั่งสอนคุณเท่านั้นแหล่ะ” ดวงตาเขาเบิกโต
“ทำไม...ฉันไปทำอะไรคุณถึงมาทำร้ายฉันขนาดนี้” เธอร้องไห้
“เมื่อ 2 ปีคุณทำอะไร? คุณทำอะไร?กับไอริณ เธอถึงได้หนีแดเนียลกลับเมืองไทย หา? ห๊า” เขาขึ้นเสียงตะคอกถาม
“ไม่....ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่รู้” เธอส่ายหน้าระล่ำระลักถาม
“โกหก...” เขาตะคอกใส่หน้าเธออย่างไม่เชื่อ
“ไอริณ เขาไม่คิดจะทิ้งแดเนียลไปเฉยๆ แบบนี้หรอก แม้จะต้องเจอกับเรื่องเลวร้ายขนาดไหน เธอก็พร้อมจะอยู่เคียงข้างเขาเสมอ แล้วมีแต่คุณเท่านั้นแหล่ะที่คิดจะแย่งแดเนียลมาจากเธอ” เขาพูดอย่างรู้ทัน
“ม่าย..นะ ฉันไม่รู้เรื่อง”
“ไม่รู้เรื่องงั้นเหรอ แล้วที่คุณพูดเมื่อคืนมันหมายความว่ายังไงกัน หา” เขาฉุดเธอลุกขึ้น
“บอกมา ถ้าคุณไม่บอก ผมเอาคุณตายแน่” เขาบีบคอเธอย่างไม่อาทรจนหญิงสาวดิ้นรนทุรนทุราย
ปุราณเหมือนนึกขึ้นได้โยนเธอลงบนเตียงอีกครั้ง
“เมื่อคืนนี้คุณอาจจะไม่รู้ตัวว่ารสสวาทของผมเป็นยังไง เดี๋ยวตอนนี้ผมจะทำให้คุณได้เต็มอิ่มกับมันอีกครั้งก่อนที่ผมจะทำขั้นตอนต่อไป” เขาทำหน้าเหี้ยมหื่นเข้ามาหาเธอ นาตาลีได้แต่ลนลานหนีตายอย่างน่าสงสาร
...
แดเนียลกำลังถ่ายทำหนังที่สตรูดิโอ ยูกิได้แวะมาหาเขาที่นั่น
“แดเนียล...ไฮ”
“ฉันแวะมาก่อนที่จะกลับญี่ปุ่น” เธอบอกเขา
“ฉันพาสามีมาแนะนำให้รู้จักด้วยนะ ทาเคชิ นี่ไงแดเนียลเพื่อนฉันที่เคยเล่าให้ฟัง” เธอแนะนำให้ทั้งสองให้รู้จักกัน
“แดเนียลนี่ทาเคชิ สามีฉันเอง เขาเป็นนักร้อง”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณดูดีมากเลยนะครับ” ทั้งสองจับมือกัน
“เช่นกันครับ ผมได้ยินยูกิเล่าถึงคุณบ่อยๆ และติดถามผลงานคุณมาหลายเรื่อง หนังที่คุณทำสนุกดีนะครับ”
“ขอบคุณครับ”
“เอ้อ....คุณยังไม่แต่งงานใหม่อีกเหรอคะ”
“ยังครับ ผมยังไม่ได้หย่าซะหน่อย” เขาตอบ
“คุณนิยังเหมือนเดิมเลยนะ รักไอริณมากล่ะสิ ฉันยังจำตอนที่คุณตามหาเธอท่ามกลางพายุได้ มันซึ้งมาเลยนะคนที่ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อคนรัก”
“ก็เพราะครั้งนั้นแหล่ะที่ทำให้ผมรู้ว่ารักเธอมากแค่ไหนและจะไม่มีวันลืม ผมคงอยู่ไม่ได้ถ้าเสียเธอไป” สีหน้าเขาดูเศร้าลง
“ไม่เอาน่าแดเนียล...ดูสิ....คุณก็ยังโอเคอยู่ไม่ใช่เหรอ”
เขายิ้มให้ยูกิ เป็นการบอกว่าเขาไม่เป็นไร
เย็นนั้นแดเนียลแวะไปที่ร้านของจิรัญญาซึ่งเขาก็มักจะแวะมาที่นี่ทุกวันหยุดแต่วันนี้เขาก็ต้องแปลกใจมากที่เห็นนาตาลีกำลังนั่งทานอาหารกระหนุงกระหนิงกับปุราณอย่างสนิทสนม พอเธอหันมาพบเธอเข้าก็ตกใจที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะพบเธอเข้า
“พวกคุณสนิทกันเหรอ” เขาอดที่จะถามไม่ได้
นาตาลีได้แต่หลบตาไม่กล้ามองหน้า เขาได้แต่นึกขัน มิน่าหมู่นี้ไม่ค่อยเห็นเธอมาวุ่นวายกับชีวิตเขามากนัก
“คุณไม่ได้กลับเมืองไทยเหรอครับ” แดเนียลหันไปถามปุราณ
ปุราณงงกับคำถามของเขา
“กลับสิ ผมกลับประจำทุกปี ช่วงปีใหม่ครับ” เขาตอบ
“ยังไม่ได้กลับไปอยู่เมืองไทยเหรอครับ”
“ยังครับ ผมไม่มีแผนย้ายไปประจำที่เมืองไทยครับ เพราะตอนนี้ผมต้องดูแลงานเพิ่มขึ้น” เขาตอบ
“แล้วไอริณล่ะ คุณติดต่อกับเธอไหม?” เขาอดถามไม่ได้
นาตาลีนั่งกระสับกระส่าย ปุราณหันไปมองเธอด้วยสายตาดุ
“ผมไม่ทราบครับ เธอไม่เคยติดต่อผมบ้างเลย และผมก็ไม่มีที่อยู่กับเบอร์โทรศัพย์ของเธอที่เมืองไทยเราเลยไม่ได้ติดต่อกัน แต่เมื่อปีที่แล้วผมกลับเมืองไทยแวะไปหาเธอที่ร้านเสื้อของเธอ แต่ก็ไม่พบ”
แดเนียลเหมือนจะเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“คุณมีอะไรจะพูดไหมนาตาลี” ปุราณหันไปพูดกับเธอ
“เอ่อ...” เธอตัดสินใจอย่างยากลำบาก
“เมื่อทำผิดก็ควรที่จะสารภาพผิดที่ทำเอาไว้นะ ไม่มีใครไม่เคยทำผิดหรอก”
เธอหันมาสบตากับปุราณอย่างเรียกความมั่นใจ
“ฉันขอโทษค่ะแดเนียล เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเพราะฉันเอง ฉันเอง...” เธอเอ่ยเสียงอ้อมแอ้ม
แดเนียลแม้จะรู้สึกเจ็บปวดกับแผลที่ตกสะเก็ตไปแล้วแต่โดนสะกิดอีกครั้ง แต่มันก็ไม่เท่ากับความทรมานที่เขาทิฐิขึ้นมาในใจ เขามองไอริณผิดมาตลอด
“ทำไม?” เขาถามเสียงสั่น
“คุณรู้ไหมตลอด 2 ปี ผมทรมานใจแค่ไหน ผมต้องอยู่กับความเงียบเหงา กับความคิดถึง คิดถึงเธอแทบบ้า แม้จะต้องเสียใจที่เธอทิ้งผมไป แต่ผมก็ไม่อาจลืมเธอได้ คุณรู้ไหมมันทรมานแค่ไหน” น้ำตาที่เคยเหือดแห้งไปตั้งนานแล้วมันปริ่มที่ขอบตาอีกครั้ง
นาตาลีก้มหน้าอย่างสำนึกผิด
“ที่ฉันทำไปทั้งหมดก็เพราะฉันหลงผิดเอง ฉันอยากจะดึงคุณกลับมาจนลืมคิดถึงความรู้สึกของพวกคุณ พวกคุณทั้งสองคนต้องเจ็บปวด แต่ฉันก็เจ็บปวดเช่นกัน ฉันก็เจ็บปวดเหมือนพวกคุณ” เธอก้มหน้าร้องไห้ ปุราณจึงปลอบโยนเธอ
เสียงโทรศัพย์ของแดเนียลดังขึ้นเป็นเบอร์ของแม่ของเขาชายหนุ่มแปลกใจมากเพราะแม่ไม่เคยโทรหาเขามาเกือบ 2 ปี แล้วตั้งแต่ไอริณหนีกลับเมืองไทยเธอก็แทบจะตัดแม่ตัดลูกกับเขาไปแล้ว
“ครับคุณแม่...”
“มารับแม่หน่อยสิ แม่อยู่สนามบิน” เสียงปลายสายบอกแค่นั้นก็กดวาง
ชายหนุ่มต้องทิ้งอารมณ์เมื่อครู่ไป แล้วขอตัวเพื่อไปรับแม่ของเขาทันที แม้จะนึกแปลกใจไม่น้อยว่าแม่ไปไหนมาทำไมต้องโทรตามเขาไปรับทั้งที่แม่โกรธเขาเรื่องไอริณจนไม่คุยกันมาร่วม 2 ปี เขาเองก็แทบจะไม่ได้ไปหาพวกเขาที่บ้านด้วย
ชายหนุ่มรีบมาที่สนามบินก็ต้องตกใจมากกว่าเมื่อเห็นโทมัสกับมิร่าอุ้มเด็กชายหญิงอายุประมาณขวบกว่าๆ กันคนละ 1 คน เด็กทั้งสองเริ่มกระจองอแงร้องไห้ ชายหนุ่มจึงรีบเข้าไปรับเอากระเป๋าจากคนทั้งสองแล้วลากออกไปที่ลานจอดรถ
“คุณแม่เอาเด็กที่ไหนมาด้วยครับ”
“ฉันจะเอาเด็กสองคนนี้มาเลี้ยง และฉันจะยกมรดกให้ด้วยแทนลูกไม่รักดีของฉัน” นางพูดแดกดันเขา
ทั้งหมดขึ้นรถได้อย่างปลอดภัยแล้วมิร่ากับโทมัสก็ป้อนนมให้กันคนละขวด
“สงสัยจะหิวนมกันนะ ร้องไห้กันใหญ่เลย” มิร่าคุยกับเด็กน้อยที่กำลังดูดนมกันอย่างหิวโหย
“เด็กสองคนนี้จะเป็นทายาทของตระกูลของเรา” มิน่าหันไปพูดกับสามี โทมัสได้แต่เออออ
แดเนียลแอบมองกระจกหลังแล้วถอนหายใจ
ตลอดทางสองสามีภรรยาเล่นกับเด็กอย่างมีความสุข แดเนียลได้แต่แอบมองอย่างเป็นสุขเช่นกัน เขาไม่ได้เห็นแม่ยิ้มแบบนี้มานานแล้ว ก็แน่ล่ะก็ท่านอยากมีหลานเลี้ยงมาตั้งนานแล้ว
“ฮูนามินจะต้องดีใจแน่ๆเลย ที่เรามีเด็กตั้งสองคนมาฝากเธอ”
เมื่อมาถึงบ้านฮูนามินกับโจฮานรอต้อนรับอยู่แล้ว
“นี่ไงโจฮาน ฮูนามิน มารับลูกๆของพวกเธอเสียสิ”
โจฮานกับฮูนามินเข้าไปรับเด็กทั้งสองมาอุ้ม ทั้งสองดูเก้ๆกังๆ กับการอุ้มเด็กเล็ก
“น่ารักน่าชังจังเลยค่ะคุณแม่ น่าอิจฉาเธอจังเลยนะมีลูกทีเดียวตั้งสองคน” ฮูนามินพูดแล้วหันไปมองหน้าแดเนียล ทุกคนหันตาม เขาทำหน้าสงสัย
“ทำไมต้องมองหน้าผมด้วย”
“เปล่าไม่มีอะไร” ทุกคนรีบปฎิเสธ
จู่ๆเด็กผู้ชายที่โจฮานอุ้มก็ฉี่ออกมาจนเต็มผ้าอ้อมสำเร็จที่ใส่
“ตายแล้วฉี่เต็มเลย” เขาร้องอย่างตื่นเต้น
“เดี๋ยวต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมให้นะ ยืนเฉยอยู่ทำไมไปหาผ้าอ้อมในกระเป๋าสิ” มิน่าหันมาดุแดเนียล เขาเองก็หันรีหันขวางรื้อกระเป๋าหาผ้าอ้อมให้
มิร่าสอนลูกๆ เปลี่ยนผ้าอ้อมให้เด็ก ดูโจฮานกับฮูนามินดูตื่นเต้นไม่น้อยทีเดียว
“ตอนพวกเธอเด็กๆ แม่ก็ต้องทำแบบนี้แหล่ะ” นางพูด
“ดูสิว่าหน้าของเขาเหมือนใคร”
ฮูนามินกับโจฮานมองหน้าเด็กน้อยแล้วหันไปมองแดเนียลที่นั่งร่วมวงหน้าตาเฉยๆ
“ดูไปก็เหมือนเธอนะแดเนียล” เธอเอ่ย
“จะเหมือนได้ยังไงผมไม่ใช่พ่อเขาสักหน่อย” เขาพูดอย่างเหลือเชื่อ
“นั่นน่ะสิอย่างแกจะเป็นพ่อใครได้” มิร่าสัมทับจนลูกชายนิ่งเงียบไป
ฮูนามินกับโจฮานช่วยกันทำกับข้าวอยู่ในครัวส่วนโทมัสกับมิร่าช่วยกันเลี้ยงเด็กเล็ก แดเนียลนั่งอ่านหนังสือในมุมเงียบๆคนเดียวสักพักเด็กหญิงร้องไห้ขึ้นแล้วทำหน้าแบ้โยเย มิร่าส่งเด็กให้แดเนียลช่วยอุ้มเธอบอกว่าจะไปชงนม
“ทำไมต้องเป็นผมด้วยล่ะผมอุ้มไม่เป็นนะ” เขาหันไปปรึกษาพ่อ พ่อได้แต่พยักหน้า
“ไม่งั้นแกก็ไปชงนมสิ”
เขาจึงเลือกการอุ้มเด็กซึ่งมันอาจจะดูง่ายกว่า แดเนียลเก้ๆกังๆไม่รู้จะอุ้มท่าไหนดี หันไปปรึกษาพ่ออีกทีโทมัสจึงสอนวิธีอุ้มเด็กให้ เขาจึงทำตามอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก เด็กน้อยเริ่มงอแง เขาก็เรียกแม่ให้รีบๆหน่อยพลางหาทางปลอบเด็กด้วย มิร่ากับฮูนามินแอบมองอยู่ในครัวแล้วอมยิ้ม
“คุณแม่ทำแบบนี้จะดีเหรอคะ”
“มันต้องดีแน่ล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เราเตรียมตัวพร้อมกันแล้วก็ออกเดินทางกันเลยนะ” เธอบอกลูกชายคนโตกับลูกสะไภ้วางแผนอะไรสักอย่างกันเงียบๆ
คืนนั้นแดเนียลต้องค้างที่บ้านแม่ตามที่นางบังคับให้ช่วยอยู่ดูแลเด็กทั้งสอง
รุ่งเช้าทุกคนเก็บข้าวของเตรียมตัวออกจากบ้านแดเนียลตื่นมาเห็นถามอย่างงงๆ
“จะไปไหนกันหรือครับ”
“จะไปหาคุณยายที่หุบเขาอันดง คุณยายโทรมาเมื่อคืน”
“ทำไมจู่ๆก็ไปหมดบ้านแบบนี้ล่ะ” เขาถามอย่างสงสัย
“เราไม่ได้ไปเยี่ยมคุณยายกันนานแล้วท่านไม่ค่อยสบายก็เลยอยากให้เราไปค้างด้วย 2 คืน อ้อ....แม่จะให้เด็กอยู่กับแกนะ ฉะนั้นแกต้องค้างที่บ้าน”
“ฮ้า.....คุณแม่ว่าไงนะครับ ตลกหรือเปล่า ผมต้องทำงานนะครับ และผมก็เลี้ยงเด็กไม่เป็นด้วย” เราร้องอย่างตกใจที่ได้รับคำสั่งอันโหดร้าย
“งั้นแกก็ต้องไปกับเราสิ”
“ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ ผมมีงานถ่ายละครสั้นนะครับ”
“งั้นแกก็ต้องเลี้ยงเด็ก 2 คนนี้”
“ทำไมคุณแม่ไม่เอาพวกแกไปด้วยล่ะครับ”
“เด็กเล็กๆเดินทางบ่อยๆ ไม่ดี พวกแกยังเด็กเดี๋ยวจะไม่สบายเอานะสิ ฉันไปล่ะ ชวนคุยอยู่ได้เดี๋ยวจะสายไปไม่ทันกันพอดี” นางพูดแล้วรีบออกจากบ้าน
“ดูแลบ้านให้ดีๆล่ะ และก็เลี้ยงเด็กให้ดีด้วย ถ้ามีปัญหาล่ะก็กลับมาแม่เอาแกตายแน่”
แดเนียลได้แต่อ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูก
“โอ้...พระเจ้า” เขาอุทานออกมา
เขาหันกลับมามาเด็กทั้งสองในห้องนอนของแม่นั่งลงอย่างปลงตก ไม่รู้จะทำอย่างไรได้ พอเด็กทั้งสองตื่นขึ้นมาก็เริ่มงอแงเพราะหิวนม ชายหนุ่มวิ่งหัวหมุนอย่างทำอะไรไม่ถูก พอนึกขึ้นได้ว่าเด็กอาจจะหิวนมก็เข้าครัวเพื่อหาขวดนม แม่เตรียมใส่ตะกร้าให้เรียบร้อยแล้ว เขาหยิบขวดนมมาอ่านวิธีชงนมพลางปวดหัวกับอาชีพใหม่ที่เขาต้องทำ พอเอานมมาให้เด็กทั้งสองดื่มเรียบร้อยแล้ว เสียงโทรศัพย์ก็ดังขึ้น เป็นเบอร์ของแม่เอง
“แดเนียลอย่าลืมให้เด็กทานน้ำด้วยนะ เพื่อช่วยในการย่อย อ้อ......แล้วก็อย่าลืมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยล่ะ” นางบอกแค่นั้นก็รีบวางสายทันทีไม่ทันที่ลูกชายจะเอ่ยถามอะไรได้
“โธ่เอ้ย....ทำไมทำกันแบบนี้” เขาสถบกับตัวเอง
หันไปมองเด็กทั้งสองคนที่นอนดูดนมอยู่บนเตียงนอนอย่างสบายใจก็กลุ้มเขาไม่รู้วิธีเลี้ยงเด็กด้วยซ้ำทำไมพ่อแม่เขาจะต้องหาเรื่องให้เขาแบบนี้ด้วยทั้งที่ตัดขาดกันไปตั้งนาน แล้วเด็กสองคนนี้ท่านไปเอามาจากไหนกัน คิดแล้วก็ปวดหัวหนัก เขาหันไปมองเด็กทั้งสองตาโตเมื่อคนหนึ่งผายลมออกเสียงดังบ่งบอกอะไรบางอย่าง
“ตายแล้ว...อึ...หรือเนี่ยเจ้าหนู” เขาร้องอย่างอ่อนอกอ่อนใจก่อนจะหันรีหันขวางอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรก่อน
ส่วนอีกคนก็ฉี เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดีเช่นกัน
ในที่สุดแดเนียลก็แก้ไขสถานการณ์ด้วยการจับเด็กทั้งสองลงอ่างอาบน้ำกับเขา พอได้ทำแบบนี้ด้วยกันเขาก็รู้สึกว่าการอาบน้ำให้เด็กก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร หลังจากอาบน้ำเรียบร้อยเขาก็หาเสื้อผ้าของเด็กทั้งสองที่มิร่าพับเก็บเอาไว้ในตะกร้า เขาใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปตามที่แม่เขาทำให้ดูเมื่อคืน เขาอุ้มเด็กทั้งสองด้วยมือทั้งสองข้างอย่างง่ายดายพาออกมานั่งที่โซฟา ชายหนุ่มรีบเข้าครัวเพื่อหาอะไรทานอย่างรวดเร็ว และรีบจัดแจงจัดของใช้เด็กทั้งสองลงตะกร้าใบใหญ่แล้วเอาไปใส่รถ พ่อทิ้งที่อุ้มเด็กเอาไว้ให้ใช้ เขามองดูมันแล้วดูยากเย็นมากกว่าการอุ้มด้วยมือเขาเอง
“เอาล่ะ ยังไงฉันก็ต้องไปทำงานและก็ต้องเลี้ยงพวกเธอไปด้วย ยังไงซะฉันก็ต้องทำทั้งสองอย่างพร้อมกัน พวกเธอก็ต้องไปทำงานกับฉันดังนั้นอย่าซนนะ” เขาบอกกับเด็กทั้งสองที่เล่นกันอยู่บนโซฟา เด็กน้อยหันมายิ้มให้เขา เขายิ้มเช่นกัน ความไร้เดียงสาของทั้งคู่ทำเอาเขาตกหลุมรักอย่างไม่รู้ตัว
“งั้นเราก็ไปกันได้แล้วนะครับ มะ มาให้ฉันอุ้มซะ” เขายื่นมือออกไปเด็กน้อยก็โผเข้าอ้อมกอดเขาอย่างง่ายดาย ชายหนุ่มอุ้มทั้งสองรู้สึกมีความสุขอย่างประหลาด
เมื่อพาทั้งสองขึ้นรถเรียบร้อยแล้วเขาก็คาดเข็มขัดให้เรียบร้อย
“เอาละอยู่นิ่งๆนะครับ” เขาพูดแล้วรีบขึ้นรถขับไปอย่างช้าๆ
เด็กทั้งสองส่งเสียงร้องอย่างตื่นเต้นที่จะได้เดินทางอีกครั้ง ชายหนุ่มได้แต่นึกขำ เมื่อก่อนเขาไม่รู้หรอกว่าการเลี้ยงเด็กจะเป็นอย่างไร เพราะเขาเองยังไม่เคยใช้ชีวิตกับเด็กมาก่อน
เมื่อมาถึงกองถ่ายแดเนียลให้เด็กกองถ่ายช่วยมาอุ้มเด็กและเอาของลงจากรถให้ แต่ดูเหมือนเด็กไม่ยอมให้ใครอุ้มนอกจากเขา ทุกคนต่างก็สนใจเด็กน่ารักทั้งสองต่างพากันเข้ามาขออุ้มและเล่นด้วย
ฮุน โจพานักแสดงมาเตรียมตัวเข้าฉากด้วยเขาเห็นแดเนียลกำลังชุลมุนกับเด็กสองคนก็นึกแปลกใจ
“อ้าว...แดเนียล..ดาราเด็กเหรอ นายหาได้แล้วเหรอ” เขาถาม
“เปล่า...”
“แล้วเป็นลูกใครล่ะ” เขาถามพอหันมามองหน้าอดีตดาราในสังกัด
“หน้าเหมือนนายนะ”
“จริงเหรอ”
“ฮืม....ไปแอบมีลูกกับใครน่ะ”
“ไม่นะผมป้องกันตลอด...เป็นเด็กที่แม่รับมาเลี้ยงน่ะ ไม่รู้เอามาจากไหน”
“เหรอ”
“ช่วยเลี้ยงหน่อยสิ” เขาบอก
“เฮ้ย...ฉันเป็นผู้จัดการดารานะไม่ใช่ผู้จัดการเนิร์สเซอรี่”
แต่ก็ช้าไปเมื่อแดเนียลไปดูงานเสียแล้ว ปล่อยให้ฮุน โจเป็นคนวุ่นวายกับเด็กทั้งสองแทน แต่เลี้ยงดูกันได้ไม่นานเด็กน้อยก็พากันร้องไห้เพราะไม่คุ้นหน้าของฮุน โจ
“ไม่ไหวๆ แดเนียลฉันเลี้ยงเด็กไม่เก่งน่ะ” ฮุน โจอุ้มเด็กชายมาหาเขา แดเนียลรับมาอุ้มปลอบ
“หิวหรือเปล่าน่ะ”
เขาหานมในตะกร้าที่เขาชงเอาไว้ในกล่องเก็บนมเอาให้เด็กน้อยทานแล้วก็เงียบกันไปสักพัก แล้วเขาก็กล่อมให้เด็กทั้งสองนอน ฮุน โจมองดูเขาอย่างขัน
“ไม่ยักรู้นะว่านายเลี้ยงเด็กเป็นด้วย”
“ก็มันจำเป็น ไม่งั้นแม่เอาตายเลย”
แดเนียลกลับมาถ่ายหนังต่อ ถ่ายกันไปได้สักพักก็ต้องหยุดลงอีกครั้งเมื่อเด็กตื่นขึ้นมาร้องไห้ แดเนียลเลยต้องหยุดเพื่อเข้าไปอุ้มและหาวิธีปลอบ ชายหนุ่มอุ้มเด็หญิงที่ร้องไห้งอแงมาเข้ากล้อง ดูเด็กน้อยสนใจจนลืมร้องไห้
“ผู้กำกับครับ น่ารักมากเลยครับน่าจะลองเอาเด็กแสดงด้วยนะครับ” ผู้ช่วยเขาบอก
“เอางั้นเหรอ”
“ดูท่าทางแกจะชอบกล้องนะครับ ดูสิยิ้มใหญ่เลย” แดเนียลพลอยยิ้มตามด้วย
“งั้นก็ลองดูละกัน”
และแล้วเด็กน้อยทั้งสองจึงได้เป็นดาราจำเป็นไปทันที
ถ่ายทำกันจนเสร็จเรียบร้อยของฉากวันนี้กองถ่ายจึงเลิกถ่ายทำกันและนัดแนะฉากต่อไปนอกสถานที่ เมื่อชี้แจงรายการเสร็จทุกคนก็แยกย้ายกันจะกลับ
ปาร์ค ยุนฮี ปรากฏกายต่อหน้าแดเนียลที่วุ่นวายกับการเก็บของใช้ของเด็กลงตะกร้าโดยมีฮุน โจคอยดูแลเด็กให้
“แดเนียลคะ”
ชายหนุ่มไม่ได้สนใจการมาของเธอนักเขายังวุ่นวายงานของเขาต่อ
“ทำไมคุณต้องทำแบบนี้ด้วยคะ”
“ผมทำอะไร” เขาถามเสียงเย็นชา
“คุณไม่คิดต่อฉันเลย ฉันไปหาคุณที่คอนโดก็ไม่พบ คุณไปอยู่ที่ไหนคะ คุณตั้งใจหลบหน้าฉันใช่ไหม”
“ทำไมผมต้องทำแบบนั้นด้วย”
“นี่ฉันจริงจังอยู่นะคะ” เธอประกาศโครงการของตัวเอง
“ขอโทษครับผมกำลังยุ่ง” เขาบอกปัดไปอย่างรำคาญ
“แดเนียลแย่แล้วเด็กฉี่” ฮุน โจร้องขึ้น
“เขาใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปน่า”
“ก็ตอนนี้มันเต็มแล้ว”
“เด็กนั่น...” ปาร์ค ยุนฮีมองตามอย่างสงสัย
แดเนียลหาผ้าอ้อมมาเปลี่ยนให้ทันที
“โอโฮ...นายทำคล่องเชียว”
“ก็มันไม่ได้ยากซะหน่อย” เขาพูดเหมือนคนชำนาญ
“เด็กพวกนี้เป็นใครคะ” หญิงสาวมองอย่างระแวง เห็นชายหนุ่มที่ดูอ่อนโยนกับเด็กทั้งสองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
พอพินิจหน้าเด็กทั้งสองที่เหมือนแดเนียลยังกะแกะตาแทบลุกเป็นไฟ
“แดเนียลคะ....ฉันถามว่าเด็กพวกนี้เป็นใคร” เธอเสียงดัง
ทุกคนหันมมองเธอ
“ทำไม....ผมต้องตอบคุณด้วยเหรอ” เขาถามอย่างเย็นชา จนหญิงสาวสะอึก
“คุณต้องตอบฉัน เด็กพวกนี้เป็นใคร”
“ไม่จำเป็นที่ผมต้องตอบ” เขาอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาอุ้ม
“พี่ฮุน โจช่วยไปส่งตะกร้าที่รถผมด้วยครับ” เขาหันไปบอกฮุน โจ
ฮุน โจรีบรับมาและรีบไปทันทีเพราะเริ่มเห็นพายุเพชรหึงของปาร์ค ยุนฮีกำลังตั้งเค้า
“ทำไมเด็กพวกนี้หน้าตาเหมือนคุณขนาดนี้ พวกเขาเป็นลูกคุณหรือไงคะ”
“ไม่...” เขาพูดเท่านั้นก็เดินไปทันที
“แดเนียลคุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ” หญิงสาวตะโกนไล่หลังแล้วกรีดร้องอย่างโกรธแค้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่สนใจใยดีกับเธอ
แดเนียลพาเด็กน้อยกลับบ้านอย่างเหน็ดเหนื่อย
“โถ่.......เหนื่อยล่ะสิ ดูสิหลับกันปุ๋ยเลย” เขาค่อยๆ อุ้มเด็กลงจากรถและพาเข้าไปนอนในห้องอย่างนุ่มนวล เขามองทั้งสองอย่างอ่อนโยน
เขาเผลอนึกไปว่าถ้าสองคนนี้เป็นลูกเขาจริงๆก็ดีสินะ แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะเลี้ยงพวกเขาได้หรือเปล่าดูมันเป็นเรื่องยากเย็นไม่น้อย ถึงเวลานี้เลยเข้าใจถึงความลำบากของพ่อกับแม่มากขึ้น
เช้าวันต่อมาแดเนียลก็จัดเตรียมของเหมือนเดิมแล้วพาเด็กทั้งสองไปถ่ายทำหนังกันต่อ ดูเด็กทั้งสองไม่งอแงเวลาอยู่กับแดเนียล ทุกอย่างผ่านไปอย่างเรียบร้อยวันนี้งานกว่าจะเสร็จก็เย็นมากแล้วเด็กทั้งสองนอนหลับคาตักของเขาอย่างอ่อนเพลีย
“ใช้แรงงานเด็กมากเกินไปหรือเปล่าแดเนียล” ฮุน โจถาม
แดเนียลได้แต่ยิ้ม
“ฉันไม่ได้เห็นนายยิ้มมาตั้งนานแล้วนะ” ฮุน โจ พูดอย่างยินดี
ปาร์ค ยุนฮีเองก็เช่นกันเธอแอบดูสิ่งเหล่านั้นอย่างสงสัยและเครียดแค้นชิงชังแม่ของเด็กทั้งสองที่กำลังจะมาแย่งทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอหวังเอาไป
ปาร์ค ยุนฮีเดินเข้ามาขอคุยกับเขา แดเนียลเลยต้องฝากเด็กทั้งสองคนเอาไว้กับฮุน โจ
“ฉันอยากจะถามคุณว่าคุณคิดยังไงกับฉัน จู่ๆคุยก็หายหน้า ไม่ยอมติดต่อฉัน ฉันไปหาคุยก็ไม่ยอมพูดด้วย คุณเป็นอะไรของคุณ แล้วนี่อะไรเอาเด็กที่ไหนมาเลี้ยงอีก จะให้ฉันคิดยังไงกัน” เธอเริ่มเรื่องเข้าประเด็นที่ต้องการทันที
“ก็สุดแท้แต่คุณจะคิด อันที่จริงผมก็บอกคุยตั้งแต่ทีแรกที่คุยก้าวเข้ามาในชีวิตผมแล้วว่าผมไม่ต้องการการผูกมัด” เขาพูดเรียบเฉย
“ใช่....คุณบอกฉันอย่างนั้น แต่ฉันไม่เอาด้วยกับคุณหรอกนะ” เธอพูดเอาแต่ใจเพราะความจริงข้อนั้นเธอรู้ดี
แดเนียลนิ่งงันฟัง
“คุณเที่ยวป่าวประกาศบอกว่าไม่อยากผูกมัดแล้วนี่อะไร เด็กทั้งสองนั่น ฉันไม่อยากจะคิดมาก่อนเลยนะว่าคุณจะ....” ปาร์ค ยุนฮีกลืนคำพูดตัวเองลงคอ ทุกครั้งที่มีความสัมพันธ์กันเขาป้องกันตัวเองแทบทุกครั้ง
“เราไม่ควรมาคุยกันเรื่องนี้นะ” ชายหนุ่มตัดบท
“ในเมื่อก่อนหน้านี้คุณยอมรับข้อเสนอของผมแล้ว แล้วทำไมจะต้องมาคุยกันเรื่องนี้ด้วย”
ปาร์ค ยุนฮี เหมือนตัวเองกำลังจะพบกับความพ่ายแพ้เธอจึงตอบเขาออกไปว่า
“ก็เพราะฉันรักคุณไงล่ะ”
ชายหนุ่มอึ้งสบตากับดวงตาคมเข้มที่กำลังคลอด้วยหยาดน้ำตา
เขาลุกขึ้นยืนเขาคงไม่มีทางที่จะใจอ่อนกับน้ำตาของใครอีกแล้วการตัดสินใจของเขามันอาจจะดูโหดร้ายกับคนอื่นก็จริง แต่ความเจ็บปวดที่เขาเคยมีมันทำให้หัวใจเขาชาเย็นไปแล้ว
“ขอโทษด้วยนะที่ผมไม่อาจทำตามความต้องการของคุณได้ เรื่องของเราควรจบเพียงเท่านี้” ชายหนุ่มพูดเย็นชาก่อนจะเดินจากไปปล่อยให้หญิงสาวนั่งร้องไห้เพียงคนเดียว
ฮุน โจ เป็นคนขับรถพาสามคนกลับบ้านของมิร่า
“พรุ่งนี้เจอกันใหม่นะ” เขาบอกลาก่อนจะขับรถกลับ
แดเนียลเดินกลับเข้าบ้านอย่างเหน็ดเหนื่อย เด็กน้อยทั้งสองนอนหลับไปแล้วอีกตามเคย ดวงหน้าที่ใสบริสุทธิ์หลับสนิทอยู่บนที่นอน เขานั่งลงลูบหัวทั้งสองเบาๆ
“แม่จะกลับมาเมื่อไหร่กันนะไหนบอกว่าจะไปสองคืน” เขาบ่นอยู่คนเดียว
แล้วเขาเองก็เผลอหลับไปข้างๆเด็กน้อยทั้งสอง
เช้าตรู่เขาตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงเด็กทั้งสองร้องเล่นกันอยู่บนที่นอน
“ตื่นกันแล้วเหรอ ตื่นแต่เช้าจริงเด็กสองคนนี้” เขาบ่น
“หิวกันหรือยัง?” เขาถาม
แดเนียลอุ้มทั้งสองคนออกมจากห้องเขาวางเด็กเอาไว้ที่โซฟาแล้วรีบเข้าครัวเพื่อชงนมให้ทานแต่เขาใช้ขวดนมหมดแล้วจึงต้องล้างก่อน
เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้นหลายครั้งชายหนุ่มรีบวิ่งจากในครัวอย่างดีใจนึกว่ามิร่ากลับมาแล้วเมื่อมองผ่านมอนิเตอร์ดวงตาคมก็เบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เขาขยี้ตาตั้งหลายครั้งหยิกตัวเองแล้วร้องโอ๊ยแสดงว่าเป็นเรื่องจริง ชายหนุ่มวิ่งวุ่นไม่รู้จะทำอะไรก่อนดี ระล้าระลังจะเปิดประตูวิ่งเข้าไปในห้องเพื่อหาแว่นตามาใส่ สูดลมหายใจเข้าปอดเต็มที่ก่อนประตูเปิดออก
หญิงสาวรูปร่างบอบบางดวงตากลมโตยืนจ้องมองเขาอย่างแปลกใจดูเธอตกใจเล็กน้อยที่พบคนแปลกหน้า
“มิทราบว่าที่นี่คือบ้านของคุณมิร่า โรลล์หรือเปล่าคะ” เธอถามด้วยภาษาเกาหลีสำเนียงไม่ชัดเจน
ชายหนุ่มพยักหน้าตอบ
“เธออยู่ไหมคะ” เธอถามคำถามต่อไป
ชายหนุ่มส่ายหน้า
“เธอไปไหนคะ?” เธอยังตั้งคำถามต่อ
ชายหนุ่มส่ายหน้าแทนคำตอบ
จนคนถามเริ่มสงสัยว่าเขาเป็นใบ้หรือเปล่า
“แล้วเธอจะกลับมาเมื่อไหร่คะ?”
เขายังคงส่ายหน้าต่อเหงื่อเม็ดโตผุดเต็มหน้า ไอริณขมวดคิ้วอย่างสงสัย อากาศหนาวขนาดนี้ทำไมเขาต้องมีเหงื่อออกมากมายขนาดนั้น และสงสัยว่าเขาจะเป็นใบ้หรือไม่เข้าใจที่เธอพูดกันแน่จึงไม่ยอมตอบคำถามเธอสักคำมีเพียงพยักหน้ากับส่ายหน้า ก่อนจะมาอุตส่าห์รื้อหนังสือภาษาเกาหลีมาหัดอ่านและพูดตั้งหลายชั่วโมง มันไม่ได้เรื่องเลยหรือ แล้วชายผู้นี้คือใครกันเธอไม่เคยเห็นเขามาก่อนเลย คุณนายมิร่าจะจ้างพ่อบ้านก็อาจเป็นได้ ฮูนามินอาจต้องกลับไปดูแลร้านเสื้อผ้า แต่ก็อย่างว่าเธอไม่ได้อยู่ที่นี่ร่วม 2 ปีย่อมมีอะไรเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
“ขอฉันเข้าไปรอข้างในได้ไหมคะ?” เธอถามเขา
“เออ....ฉันไม่ใช่คนร้ายนะคะ ฉันน่ะ...เป็นลูกสะไภ้ของคุณมิร่า ฉันมีธุระด่วนที่จะต้องพบคุณมิร่าให้ได้” เธอพยายามมองเข้าไปในบ้านเพื่อหาคนรู้จัก
ชายหนุ่มตรงหน้าถึงกับหน้าซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัดเม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าดูเขาหายใจหอบถี่อย่างตื่นเต้น มือไม้สั่น เมื่อได้ยินหญิงสาวเอ่ยเช่นนั้น
“คุณคะขอร้องล่ะค่ะ ขอให้ฉันได้พบกับคุณมิร่าด้วยค่ะ เพราะฉันต้องการมาพบท่าน ฉันต้องการล.....” เธอพูดได้เพียงเท่านั้นเองภายในบ้านก็มีเสียงของหนักหล่นและตามมาด้วยเสียงเด็กร้องไห้เสียงดัง เร็วกว่าความคิดไอริณผลักชายร่างสูงใหญ่ที่ยืนขวางเธอเอาไว้เป็นนานแล้ววิ่งเข้าไปในบ้าน
เด็กชายล้มลงนอนที่พื้นไอริณวิ่งเข้าไปอุ้มขึ้นมาปลอบใจ
“โอ๋...ๆๆ เอเชียอย่าร้องนะลูก...หนูเจ็บหรือเปล่า แม่ขอโทษที่แม่มาช้าไป หยุดร้องนะลูกนะ โอ๋ๆๆๆ” เธออุ้มกอดลูกชายตัวเล็กแนบอกน้ำตานองหน้าทั้งแม่ทั้งลูก
“แม่ขอโทษๆๆ แม่มารับหนูกลับบ้านเราแล้วนะ อย่าร้องนะลูกนะ” เธออุ้มเด็กปลอบโยนเด็กน้อยเองก็กอดเธอแน่นราวกับกอดแม่
แดเนียลมองภาพนั้นแน่นิ่งอย่างไม่เข้าใจสิ่งที่หญิงสาวพูดนัก
เด็กผู้หญิงทำท่าดีใจที่เห็นเธอมาเช่นกันไอริณลงนั่งลงข้างๆพร้อมกับจูบลูบคลำเด็กทั้งสองอย่างรักและถนอม เธอร้องไห้น้ำตานองหน้า
“นาเดีย...แม่มาแล้วนะลูก คิดถึงแม่ไหมลูก แม่จะไม่ทิ้งพวกหนูไปไหนอีกแล้วนะจ๊ะ เราจะกลับบ้านด้วยกัน” เธอพร่ำพูดพร้อมทั้งน้ำตา เธอเดินทางไปสิงคโปร์แค่ 3 วันกลับมาลูกน้อยสองคนก็หายไปจากอก คาดคั้นเอาจากอติเทพถึงได้ยอมสารภาพออกมาว่ามิร่าพากลับเกาหลีด้วย ทำเอาหัวใจเธอแทบสลาย ไม่คิดว่าก่อนเลยว่ามิร่าจะมาแยกลูกไปจากเธอทั้งที่ไม่ได้ติดต่อกันมาร่วม 2 ปี
แดเนียลมองภาพเหล่านั้นอย่างสะเทือนใจ เด็กทั้งสองกอดอยู่กับอกเธอราวกับลูกนกซุกกับอกแม่
ไอริณหันมามองแดเนียลที่ยืนเก้ๆกังๆอยู่ไม่ห่าง
“คุณคะ..คุณมิร่าจะกลับมาเมื่อไหร่คะ ฉันจะพาเด็กสองคนนี้กลับ คุณช่วยบอกท่านให้หน่อยได้ไหมคะ”
“สักครู่นะครับ” ชายหนุ่มตอบเป็นภาษาเกาหลีแล้วหันไปคว้าโทรศัพย์เพื่อโทรหาแม่ทันที
“ฮัลโล...แม่...เมื่อไหร่จะกลับ?” น้ำเสียงเขาดูร้อนรนยังไงชอบกลจนมิร่านึกสงสัย
“ทำไม....? แกมีปัญหายังงั้นหรือแดเนียล หรือเด็กเป็นอะไร?”
“ผมไม่มีปัญหาหรอก เด็กด้วย..แต่.....ไอริณมา และเธอบอกว่าจะเอาเด็กกลับ” เขากระซิบกระซาบถอยห่างไอริณออกมา
“หา............แกอย่าให้เธอเอาเด็กไปเป็นอันขาดนะ แกถ่วงเวลาเอาไว้ แม่จะรีบกลับ”
“เธออยากจะคุยกับแม่”
“แกพยายามถ่วงเวลาเธอไว้ซิ หรือว่าเธอไม่อยากคุยกับแก”
“เปล่า เธอจำผมไม่ได้ ผมไม่รู้จะถ่วงเวลาเธอเอาไว้อย่างไรดี” เขาทำท่าขาดความมั่นใจ
“ไม่รู้ล่ะ แกต้องถ่วงเวลาเธอเอาไว้ก่อนที่แม่จะไปถึงถ้าไม่สำเร็จแม่เอาแกตายยย” นางข่มขู่ลูกชายคนเล็กจนเขาแทบจะขนหัวลุก
แดเนียลหันมาหาไอริณที่นั่งกอดกันสามแม่ลูก
“คุณมิร่ากำลังเดินทางกลับมาครับ ท่านบอกให้คุณรอ”
หญิงสาวพยักหน้ารับทราบมองดูหน้าลูกน้อย
“หิวกันหรือยังคะ”
“เด็นทานอะไรหรือยังคะ” เธอหันไปถามชายหนุ่ม เขาส่ายหน้าแทนคำตอบ
หญิงสาวจึงวางลูกลงและบอกให้รออยู่ตรงนี้จะไปชงนมมาให้
เมื่อเข้าไปในครัวเห็นขวดนมยังค้างอยู่ในอ่างล้างชามเธอจึงรีบลงมือล้างและต้มน้ำร้อนลวกขวดก่อนที่จะชงนมมาให้ทั้งสองทาน เด็กน้อยนอนหนุนตักเธอและดูดกินนมอย่างอารมณ์ดี ดูทั้งสองเรียบร้อยอย่างน่าประหลาด แดเนียลได้แต่แอบดูความเป็นไปอย่างเงียบๆ มองไอริณ เธอไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิดเดียว เธอยังน่ารัก ใบหน้ารูปไข่ กับดวงตากลมโต อ่อนโยน ที่เขาเฝ้าคิดถึงเสมอมา ตอนนี้มาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว เขาอยากเข้าไปกอดเธอ อยากจูบเธอ อยากจะเอ่ยอะไรมากมายกับเธอแต่มันก็เป็นเพียงความคิด เธอมาที่นี่เพื่ออะไรกัน ทำไมเธอทำยังกับว่าเด็กสองคนนั้นเป็นลูกของเธอ.....ลูก......ชายหนุ่มคิดได้เพียงเท่านี้ก้อนความรู้สึกบางอย่างก็วิ่งขึ้นมาจุกที่อก เด็กสองคนนี้เป็นลูกของเธออย่างนั้นหรือ? ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็เท่ากับว่าทั้งสองต้องเป็นลูกของเขาด้วย เด็กสองคนนี้อายุ ขวบกว่าๆ ก็พอๆกับที่เธอไปจากเขา เวลานี้ทั้งสามมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ความสับสน ดีใจ ระคนเสียใจประดังประเดเข้ามาจนแดเนียลตัวสั่นเทิ้ม ไอริณหันมามองชายหนุ่มที่ยืนมองเธอตั้งนานแล้ว
“คุณคะ....คุณมาอยู่ที่นี่นานหรือยังคะ” เธอเอ่ยถามเขา
ดวงตากลมโตมีความสงสัยเมื่อมองเห็นใบหน้าเปื้อนหยาดน้ำตา เขาค่อยๆเดินมาคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ ชายหนุ่มถอดแว่นตาออก ดวงตาคมเข้มแฝงความเจ็บปวดสบตากับเธอ
“ลูก...เด็กสองคนนี้เป็นลูกของคุณหรือ....ไอริณ” เสียงอันสั่นเคลือเอ่ยถามเธอช้าๆ
ไอริณนิ่งงัน..ทำไมชายคนนี้ถึงได้รู้จักชื่อเธอในเมื่อเธอยังไม่ได้แนะนำตัวเลยสักนิด แต่พอมองดวงตาคมเข้มที่เคยคุ้นก็แทบหยุดหายใจ
“แดเนียล.....คุณหรอคะ” เสียงลอดไรฝันอย่างแผ่วเบา
ดูเขาเปลี่ยนแปลงไปจนเธอจำไม่ได้รูปร่างที่เคยกำยำบัดนี้ผ่ายผอมลงไปมาก ทั้งหนวดเคราที่รกรุงรังราวกับไม่ได้สนใจใยดีที่จะโกนมาแรมปี เขาแทบจะไม่เหลือเคร้าหนุ่มสุดหล่อที่สาวๆ คลั่งไคล้ ที่นิ้วมือข้างซ้ายของเขามีแหวนวงหนึ่งซึ่งหญิงสาวจำได้ว่าเป็นแหวนที่เธอเคยสวมให้ผู้ชายคนหนึ่งในวันแต่งงานของเธอ
“ทำไมคุณ....” ปากเธอสั่นแทบจะไม่อยากจะเชื่อตาตัวเอง
“เด็กสองคนนี้เป็นลูกของคุณหรือครับ” เขาถามย้ำ
“ใช่” เธอเม้มปากแน่นราวกับกำลังสะกดกลั้นความรู้สึกบางอย่างเอาไว้
ทั้งสองแน่นิ่งอยู่เช่นนั้นเนินนาน กับการพบพานกันครั้งแรกหลังจากไม่ได้พบกันมานานนับ 2 ปี แต่ความรู้สึกที่มีช่างต่างกัน หญิงสาวไม่อยากจะพบเขาอีกไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เธอไม่อยากมาพบเขา เพราะเธอไม่อาจจะซ่อนความรู้สึกอันหลากหลายที่เกิดขึ้นกับเธอหลังจากเขาไปถึง 2 ปีที่เกิดขึ้นมาได้ เธอต้องทนเก็บความเจ็บช้ำใจทิ้งเขาไปทั้งที่รู้ตัวว่ารักเขา และเธอก็ตั้งครรภ์ทั้งที่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อเด็ก เธอไม่อาจจะมาพบหน้าเขาได้อีก น้ำตาเธอไหลสุดที่อดทนเก็บเอาไว้ได้
ส่วนชายหนุ่มเองก็ทนเจ็บปวดกับความรู้สึกของคนที่ถูกคนที่ตัวเองรักทิ้งไปกับชายอื่น พอมารู้ทีหลังว่าเข้าใจผิด เขาก็ยิ่งเศร้าเสียใจที่ไม่ยอมไปตามเธอกลับมาทั้งที่ใจตัวเองก็ไม่อาจจะทนกับความเดียวดายนี้ได้ การพบกันครั้งนี้เขายังได้พบหน้าเด็กสองคนที่ใครๆก็บอกว่าเป็นลูกของเขา ซึ่งมันก็ไม่น่าจะเป็นจริงได้ ถ้าแม่เด็กสองคนนี้เป็นคนอื่น แต่นี่คือไอริณ ผู้หญิงที่เขารักมากที่สุด เธอเป็นแม่ของลูกของเขา แม้จะเสียใจที่ไม่ได้อยู่ดูแลเขาตั้งแต่เกิด แต่เขาก็ดีใจที่ยังมีโอกาสในวันนี้ที่ได้พบทั้งสาม
ทั้งสองคนต่างร้องไห้กับความรู้สึกที่ยากจะเอ่ยออกมาให้กันฟังได้
เวลาผ่านไปนานมิร่ากลับมาที่บ้านเห็นทั้งสองนั่งกันคนละมุมบ้าน เด็กๆนอนหลับหนุนตักไอริณ ดวงตาของเธอแดงกล่ำเหมือนคนเพิ่งจะผ่านการร้องไห้ ส่วนแดเนียลก็นั่งเงียบอยู่บนโซฟาอีกตัว ทุกคนต่างเงียบเช่นกัน
“ไอริณ” มิร่าเรียกเธอ
ไอริณมองการมาเยือนของมิร่าเธอยิ้มก่อนจะเอ่ยทัก
“คุณแม่...สบายดีนะคะ”
มิร่ายิ้ม
“สบายดี”
“ไอริณ” ฮูนามินตามเข้ามาและเข้ามากอดเธอ
“ฉันดีใจที่เธอกลับมา”
“ค่ะ สบายดีไหมคะพี่สะไภ้”
“สบายดี ลูกของเธอน่ารักมากเลยนะ”
“ค่ะ”
“กลับมาอยู่กับเราเถอะนะ ไอริณ แม่อยากให้เธอกลับมาอยู่กับเราที่นี่ ที่จริงเรื่องนั้นมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้วด้วย ลืมมันไปซะเถอะ”
“ใช่แล้ว.....เธอยังไม่ได้หย่ากันไม่ใช่เหรอ”
ไอริณหลบตาแดเนียล
“ไม่ได้หรอกค่ะ เราเลิกกันแล้วค่ะ เราคงกลับมาอยู่ด้วยกันไม่ได้” เธอตอบ
“ทำไมล่ะ” มิร่าถาม
“เราต่างมีทางเดินใหม่ของตัวเองแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องกลับมาหากันอีก”
แดเนียลเจ็บปวดกับคำตอบของเธอ
“คุณ.....” เขาคิดอะไรไม่ออกนอกจากการจะดึงเธอและลูกๆกลับมาหาเขาให้ได้
“ตราบใดที่ผมยังไม่หย่ากับคุณ คุณจะมีใครอีกไม่ได้”
สายตาปวดร้าวจับจ้องกัน
“ฉัน.....ไม่อาจจะกลับมาหาคุณได้ เพราะ....”เธอสะอื้นอย่างสุดกลั้น
“เพราะเด็กสองคนนี้ไม่ใช่ลูกของคุณ”
หัวใจเขาแทบจะหยุดเต้นเมื่อได้ยินคำตอบนั้น
“พวกเขาเป็นลูกใคร”
ไอริณส่ายหน้า
“หน้าตาเขาเหมือนผมขนาดนี้ ใครดูเขาก็ต้องคิดว่าเป็นลูกของผม แล้วคุณไปแอบมีใคร เพราะเหตุนี้ใช่ไหม? คุณถึงกลับเมืองไทย”
ไอริณส่ายหน้าแทนคำตอบ
แดเนียลสุดจะระงับความเจ็บปวดที่ประดังเด เขาจับเธอเขย่า จนเด็กๆตกใจร้องไห้งอแง ไอริณคว้าลูกมากอด
“ฉันไม่รู้” เธอส่ายหน้าพร้อมน้ำตา
“คุณไม่รู้ได้ยังไง ก็คุณ......”
“ก็ฉันไม่รู้..” เธอร้องไห้เสียงดัง
ทุกคนต่างสะเทือนใจไปตามๆกัน
“ไอริณ...พวกเขาเป็นลูกของผม” เขาปักใจเชื่อแบบนั้น
“เป็นไปไม่ได้หรอก ก็เรายังไม่เคย.............” เธอพูดเพียงเท่านั้นก็ต้องกล้ำกลืนมันลงคอไป
“ทำไมจะยังไม่เคย เพราะงั้นสองคนนี้ต้องเป็นลูกของผม”
ทุกคนต่างงุนงงกับการสนทนาของทั้งคู่
“คุณหมายความว่าไง” เธอปาดน้ำตาทิ้ง
“ก็ตอนที่ไปอเมริกา ตอนที่คุณตกน้ำ เราติดพายุที่บ้านชาวประมง ผมพาคุณไปหาหมอไม่ได้ ก็เลยต้องให้ความอบอุ่นกับคุณด้วยการ....”
ไอริณตัวชาราวกับถูกน้ำเย็นราดลงที่ตัว เธออยากจะกรีดร้องอย่างไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
“คุณว่าไงนะ…..คุณหมายความว่าไง”
“เรามีอะไรกันแล้วไอริณ คุณเป็นภรรยาผมและเด็กสองคนนี้เป็นลูกของผม” ชายหนุ่มเอ่ยหนักแน่น
ทุกคนนิ่งฟังอย่างใจจดใจจ่อเพราะไม่รู้เรื่องพวกนี้มาก่อน

“คุณทำแบบนี้ได้ยังไงกัน คุณทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไงกัน คุณทำให้ฉันต้องทนทุกข์กับความเจ็บปวดที่ทำให้เกิดเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นในครอบครัวของเรายังไม่พอ ยังทำให้ฉันต้องทนเก็บความช้ำและตราบาปในใจของฉันที่ไม่สามารถบอกตัวเองว่าฉันท้องกับใคร พวกขาเป็นลูกของใคร ฉันต้องโทษตัวเองว่าเป็นผู้หญิงที่ไม่ดี แต่ฉันก็ฆ่าพวกเขาไม่ได้ ต้องให้พวกเขาเกิดมาทั้งที่ไม่มีพ่อ คุณรู้ไหมว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน” หญิงสาวร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด
“แล้วจู่ๆคุณก็มาบอกว่าเป็นพ่อของพวกเขา คุณจะมาพรากพวกเขาไปจากอกของฉัน ทั้งที่คุณไม่สมควรที่จะเรียกตัวเองว่าพ่อด้วยซ้ำ”
ไอริณลุกขึ้นอุ้มนาเดียและจูงมือเอเชียเอาไว้
“แล้วคุณจะรู้ไหมความรู้สึกของคนที่ถูกคนรักทิ้งไปกับใครอื่น ต้องทนทรมานกับการถูกทิ้ง อยู่กับความโดดเดียวมันเจ็บขนาดไหน”
ดวงตาที่เจ็บปวดทั้งสองประสานกันราวกับจะถ่ายทอดความเจ็บปวดที่มีให้กันและกันรับรู้
ไอริณจูงมือเอเชียจะพาเดิน
ทุกคนต่างลุกเพื่อขัดขวาง
“ไอริณ ใจเย็นๆก่อนนะ คุยกันดีๆก่อน พวกเราทุกคนอยากให้เธอกลับมาอยู่กับพวกเรานะ อย่าไปแบบนี้เลย” มิร่าเอ่ยพลางคว้าเอาแขนเอเชียมากุมไว้
แดเนียลอุ้มเอเชีย
“ไอริณเราเองก็ต่างเจ็บปวดทั้งคู่ เราก็น่าจะหันมาคุยกันก่อนนะ” ฮูนามินเอ่ยสัมทับ
แต่ไอริณก็ไม่หันกลับมา แดเนียลวิ่งตามออกไป
“ผมไม่ได้อยู่รอคุณที่นี่เพื่อรอให้คุณมาบอกเลิกนะ กลับมาหาผมเถอะไอริณ ผมอยู่รอคุณที่นี่ทุกวัน ทุกเดือน ทุกปี เพื่อหวังว่าคุณจะกลับมาหาผม ให้ผมได้มีโอกาสได้ทำหน้าที่ของผมอีกครั้งเถอะนะ อย่าไปเลย” ไอริณหันกลับมามองแดเนียลกับเอเชียที่ยืนอยู่ข้างหลัง เขาเดินเข้ามาหา
“อย่าไปเลยนะ ผมขอร้องล่ะ คุณรู้ใช่ไหม ว่าการอยู่คนเดียวมันเจ็บปวดขนาดไหน คุณจะทำให้เด็กๆต้องเจ็บปวดไปกับพวกเราด้วยยังงั้นหรือ.....”เขากอดเธอและนาเดียเอาไว้ทั้งสองร้องไห้ออกมาสุดจะกลั้น


 



Create Date : 20 เมษายน 2553
Last Update : 17 สิงหาคม 2562 7:35:28 น.
Counter : 778 Pageviews.

3 comments
  
สนุกมากมยค่ะ

เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ สู้ ๆๆๆ

มาอัพเร็ว ๆน่ะคะ
โดย: kate IP: 192.168.0.4, 61.47.26.153 วันที่: 21 เมษายน 2553 เวลา:11:12:38 น.
  
อัพเร็วๆ นะคะ

โดย: Joon IP: 58.137.89.226 วันที่: 21 เมษายน 2553 เวลา:16:54:14 น.
  
พรุ่งนี้จะได้อ่านตอนใหม่
หรือเปล่าคะ

อัพเร็ว ๆ นะคะ

สนุกมากๆๆๆๆๆ
โดย: Joon IP: 58.137.89.226 วันที่: 21 เมษายน 2553 เวลา:16:56:16 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

unitan
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]