เมษายน 2553

 
 
 
 
2
3
4
6
10
11
12
13
14
15
18
19
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
ความแตกต่างของคนทั้งสอง


แดเนียสต้องจัดห้องทำงานของเขาให้เป็นห้องนอนแทนห้องที่ถูกไอริณยึดไป ไอริณเข้าไปดูห้องที่เขากำลังจัดใหม่ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี
“รสนิยมคุณก็ดีเหมือนกันนะ” เธอเอ่ยชมพลางขึ้นไปกระโดดอยู่บนเตียงนอน
“มันแน่อยู่แล้วล่ะ”
เขาเอารูปแต่งงานติดที่ฝนั่งห้อง
“นี่คุณ....ทำไมต้องเอามาติดในห้องนอนด้วยล่ะ”
“ทำไมล่ะ...ผมออกจะหล่อ ฮืม....จะว่าไปมีผู้หญิงที่ไหนโชคดีเหมือนคุณไหมเนี่ย”
“อย่ามาหลงตัวเองไปหน่อยเลยน่า”
“แล้วจะมีใครที่ไหนไม่เห็นเรื่องแต่งงานสำคัญมั่งล่ะ ก็มีแต่คนบ้า หรือไม่ก็เสียสติไปแล้วเท่านั้นแหล่ะน้า” เหมือนจะบ่นเพียงลำพังไม่หวังให้ใครได้ยิน
“โอ๊ยยยย” ชายหนุ่มหน้าแทบขมำเมื่อเจอหมอนใบโตลอยมาจากข้างหลัง
“คนที่แต่งงานกับคนบ้าได้ ก็มีแต่คนบ้าเหมือนกันนั่นแหล่ะย่ะ ตาบ้า”
แดเนียลหันกลับมาอย่างประสงค์ร้ายแต่ก็ไม่ทันร่างเล็กที่วิ่งหนีออกห้องไปแล้ว เขาปาหมอนไปโดนบานประตูแทน เขาเดินไปหยิบหมอนขึ้นมา
“รู้ตัวด้วยเหรอว่าตัวเองบ้าน่ะ ยัยบ๊อง”

“หน๊อยย.....คนบ้าที่ไหนกัน นายนั่นแหล่ะ บ้าตัวพ่อเลย” ไอริณบ่นอย่างหัวเสียคว้าเอาหมอนมาทุบตีอย่างโกรธแค้น

ก่อนถึงวันคริสต์มาส 1 วัน เป็นวันอีฟ ครอบครัวของแดเนียลนับถือคริสต์ดังนั้นทุกคนจึงมารวมตัวกันที่บ้านของพ่อกับแม่ทุกคนจัดงานปาร์ตี้เล็กๆ ในบ้าน ทานอาหารและดื่มกันอย่างสนุก
“นี่....ทุกคนพ่อกับแม่ได้เตรียมของขวัญให้กับลูกๆด้วยนะ” มิร่ากับโทมัสยิ้มแล้วมอบของขวัญให้กับลูกกับลูกสะไภ้ทั้งสอง โจฮานกับแดเนียลได้ไทด์กันคนละเส้น ส่วนลูกสะไภ้ทั้งสองได้ชุดเครื่องครัวกันคนละชุด
“พวกเราก็มีของขวัญให้กับคุณแม่ค่ะ” ฮูนามินบอกและมอบของขวัญให้กับพ่อกับแม่
ส่วนแดเนียลกับไอริณก็เตรียมมาเหมือนกัน
“ขอให้คุณแม่มีความสุขนะคะ” เธออวยพรให้
“ขอให้ลูกๆ ทุกคนมีความสุขเช่นกันจ๊ะ” มิร่าอวยพร
แดเนียลเองก็เตรียมของขวัญมาให้ไอริณเหมือนกัน
“อะไรเหรอคะ”
“เปิดดูสิ”
ไอริณเปิดกล่องของขวัญมีสร้อยมุขอยู่ในนั้น
“โอโห.....สวยจังเลย” เธอร้องอย่างตื่นเต้น
“ฉันเองก็มีของขวัญให้คุณด้วยนะคะ” เธอบอก
เธอส่งกล่องของขวัญให้ ชายหนุ่มแกะออกเป็นผ้าพันคอไหมพรมสีฟ้าปลายด้านหนึ่งปักด้วยไหมสีขาวเป็นภาษาไทย
“นี่อะไรครับ”
“ชื่อฉันไง” เธอตอบหน้าตาเฉย
“นี่ไง...........คุณก็ใช้มันคล้องคอเอาไว้จะได้อุ่นๆไงคะ” เธอจัดแจงพันคอให้เขา
“แต่ผมขาดทุนนะครับ”
“ขาดทุนอะไรกัน”
“สร้อยผมราคาตั้งแพง จะมาแลกกับผ้าพันคอแบบนี้มันไม่สมดุลกันนะ”
“นี่คุณทำไมใจแคบแบบนี้ล่ะ นี่มันเป็นของขวัญนะ” หญิงสาวขึ้นเสียงแล้วดึงผ้าพันคอจนชายหนุ่มหายใจไม่ได้
“งั้น........คุณก็ต้องจ่ายส่วนที่เหลือสิ”
“จ่ายอะไรกัน”
ชายหนุ่มชี้ที่แก้มด้านซ้ายของเขา ไอริณจับแก้มเขาบิดอย่างหมั่นไส้ชายหนุ่มร้องโอดโอย
มิร่าแอบยิ้มที่ลูกชายเจ้าเล่ห์ของเธอหาวิธีกลั่นแกล้งภรรยาได้อย่างน่ารัก
“ดูสิคะคุณ แดเนียลกับไอริณเข้ากันได้ดีจริงๆ ดูแล้วน่ารักทั้งคู่เลยนะ” นางกระซิบกระซาบสามีให้แอบดูลูกชายกับลูกสะไภ้ ไทมัสก็ได้แต่เห็นด้วย
คืนนั้นทุกคนต่างก็มีความสุข ทุกคนต่างได้ของขวัญกันทั่วหน้า
ดึกแล้วแดเนียลพาไอริณกลับ
“ที่จริงน่าจะค้างที่บ้านแม่นะมันดึกมากแล้ว” มิร่าคะยั้นคะยอ
“พรุ่งนี้ผมมีงานแต่เช้าครับแม่”
“อาทิตย์หน้าไอริณจะกลับเมืองไทยแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ”
“คุณพิศชมเตรียมงานเป็นยังไงบ้าง คงจะยุ่งมากล่ะซิ”
“ไม่ยุ่งเท่าไหร่ค่ะ เมื่อวานหนูเพิ่งจะโทรไปคุยด้วย เห็นบอกว่างานเรียบร้อยดีแล้วค่ะ”
“อ้อ...ดีแล้วล่ะ เราไม่ได้ไปช่วยงานเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณแม่ก็เป็นธุระทางนี้แล้ว”
“ดีจริงๆ เลยนะ แม่ก็เพิ่งเคยได้มีโอกาสได้ร่วมงานแต่งงานทั้งแบบฝรั่งและแบบไทยก็คราวนี้ล่ะ”
“ฮิๆ หนูก็เหมือนกันค่ะ”
“แต่ถ้าจะให้ดีแม่ก็อยากจะให้แต่งแบบเกาหลีด้วยนะ ไอริณใส่ชุดฮันบกคงจะสวยเหมือนกัน”
“อ๋อ...ค่ะ หนูก็อยากจะลองดูเหมือนกันค่ะ” ไอริณตอบแม่สามี
“ไปกันเถอะไอริณ” แดเนียลเรียก
“ผมไปก่อนนะครับ พ่อ แม่ พี่สะไภ้ โจฮาน” เขาหันมาบอกว่าทุกคน
“แล้วเจอกันนะ” โจฮานบอก
“ฉันไปก่อนนะคะ” ไอริณลา
แดเนียลขับรถพาเธอกลับบ้านเขาพาเธอผ่านถนนที่ประดับประดาด้วยไฟสวยงาม หน้าโรงแรมบางที่มีต้นคริสต์มาสที่ตกแต่งด้วยไฟหลากสีอย่างสวยงาม ไอริณมองด้วยความเพลิดเพลิน
“คุณชอบเกาหลีไหม?” ชายหนุ่มเอ่ยถาม
“ฮืม...ที่นี่เป็นเมืองที่สวยมาก แต่ฉันไม่ค่อยชอบอากาศเย็นๆหรอก ถ้าต้องอยู่นานๆ คงแข็งตาย” เธอตอบ
ชายหนุ่มได้แต่ขัน
“คุณนิ..ตลกจริง แล้วอย่างนี้จะอยู่เมืองนอกได้หรือ”
“ก็ฉันไม่อยากจะไปอยู่ที่อื่นนอกจากเมืองไทยนิคะ” เธอตอบ
“คุณไม่เคยไปไหนบ้างเลยหรือ”
“ไม่ค่ะ วันๆ ฉันก็ทำแต่งาน ต่างประเทศไม่เคยอยู่ในหัวฉันสักเท่าไหร่ อาจจะไปเที่ยวบ้างแต่ก็เพียงอาทิตย์เดียวก็กลับ ถ้าจะให้อยู่ตลอดชีวิตล่ะก็ คงไม่ไหวหรอกค่ะ”
ชายหนุ่มครุ่นคิด
“คุณต้องอยู่ที่นี่ตั้ง 1 ปีเชียวนะ”
“ก็ใช่นะสิ ฉันยังคิดไม่ออกเลยว่าจะอยู่ยังไง นอนก็นอนไม่ค่อยหลับเพราะหนาวมาก”
“สงสัยที่เมืองไทยคงจะร้อนมาก”
“ใช่เมืองไทยเป็นเมืองร้อน เดือนที่ร้อนมากที่สุดคือเดือนเมษายน เราก็เลยมีประเพณีการเล่นน้ำสงกรานต์”
“เป็นยังไง”
“เราก็จะใช้ขัน หรือไม่ก็ถังตักน้ำสาดใส่กัน ถ้าเป็นเด็กๆ ก็จะทำน้ำหอมไปส่งน้ำผู้ใหญ่ พวกผู้ใหญ่ก็จะให้พรกับเด็กๆ อ้อ...ถือได้ว่าเป็นวันครอบครัวด้วยนะ เพราะทุกคนที่ไปทำงานไกลบ้านก็จะพากันกลับบ้านช่วงเทศกาลสงกรานต์นี่แหล่ะ เราก็จะไปทำบุญกันที่วัดด้วย มีก่อกองทรายเข้าวัด ที่เขาเรียกว่าก่อเจดีย์ทรายไงล่ะ” เธอเล่าถึงเมืองไทยให้เขาฟัง
ชายหนุ่มนึกภาพไม่ออกว่าเขาทำกันยังไงบ้าง
“แล้วสงกรานต์ฉันจะพาคุณกลับบ้านนะ”
เธอบอกเขาเหมือนจะเป็นดังคำสัญญา
“แน่นะ”
“ฮืมมม”
ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มอย่างดีใจ

อาทิตย์ต่อมาไอริณกับแดเนียลต้องเดินทางกลับเมืองไทยเพื่อทำพิธีแต่งงานแบบไทยพุทธ ฮูนามินกับโจฮานมาส่งที่สนาม
“เดินทางดีๆล่ะ” โจฮานบอก
“แล้วพวกเราจะตามไปทีหลังนะ” พี่สะไภ้บอกอีกคน
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” ไอริณบอกทั้งสอง
แล้วแดเนียลก็จูงมือพาเธอเข้าไปในที่พักของผู้โดยสาร
ปุราณเพิ่งกลับจากประเทศไทยสวนกับทั้งสองแต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นไอริณหรือเปล่า

เมื่อมาถึงเมืองไทยหลังปีใหม่เพียงไม่กี่วันดูผู้คนยังสนุกกับการฉลองเทศกาลปีใหม่ ไอริณโทรบอกพ่อว่ากลับมาแล้ว
“น้าชมเขาไปทำความสะอาดบ้านให้เรียบร้อยแล้วนะลูก”
“ค่ะ”
“ฝากขอบคุณน้าชมด้วยค่ะ แล้วพรุ่งนี้อุณจะไปหาคุณพ่อนะคะ”
ทั้งสองมาถึงบ้านก็ดึกมากแล้วไอริณจัดห้องให้ชายหนุ่มพัก
“คุณนอนห้องนี้ก็แล้วกันนะคะ” เธอบอก
“คุณอยู่ที่นี่คนเดียวหรือครับ”
“ค่ะ ฉันอยู่ที่นี่มา 8 ปีแล้ว”
“เก่งจังเลย”
“หลับให้สบายนะคะ” เธอบอกลาเขา
ชายหนุ่มล้มตัวลงนอนบนเตียงแล้วหลับไปอย่างอ่อนเพลัย
เช้าวันใหม่ที่เมืองไทยชายหนุ่มตื่นนอนออกมาพบว่าไอริณเตรียมข้าวเช้าให้เรียบร้อยแล้ว
“คุณอาบน้ำก่อนเถอะค่ะ”
ชายหนุ่มทำตามอย่างว่าง่าย
อาหารเช้าของเธอวันนี้ง่ายๆ มีไข่ดาว แบคอน และขนมปัง
“คุณอยากทานอะไร เย็นนี้ฉันจะทำให้ทาน” เธอถาม
“ฮืม.....ผมทานได้หมดแหล่ะ ตอนนี้ผมเก่งนะ รสจัดๆ ผมก็ทานได้”
“จริงเหรอ…งั้นเย็นนี้ฉันจะทำต้มยำกุ้ง ตุ๋นกระดูกอ่อน ยำถั่วพลู ฮืม...อะไรอีกน้า”
“ขอให้ทานได้ก็พอ” ชายหนุ่มแขวะ
“มีอะไรที่ทานไม่ได้มั่ง ฉันเห็นคุณทานได้ทุกอย่างไม่เคยเหลืออะไรด้วยซ้ำ” เธอบ่นต่างคนต่างแยกเขี้ยวใส่กัน
ไอริณช่วยพิศชมในการแจกการ์ดส่วนที่เหลือโดยมีแดเนียลตามช่วยทุกที่ ตอนเย็นเธอแวะซื้อของสดที่ซุปเปอร์มาเก็ต มีคนที่จำแดเนียลได้เข้ามาพูดคุยกับเขาและขอถ่ายรูป ซึ่งเขาก็เป็นกันเองกับทุกคนไอริณจึงปล่อยให้เขาอยู่กับแฟนคลับส่วนเธอเดินเลือกซื้อกับข้าวต่อ เขาฝ่าดงสาวๆมาหาเธอ
“เฮ้อ เป็นดาราชีวิตก็ยุ่งอย่างนี้ล่ะมั้ง” หญิงสาวแขวะ
“ยังไงคุณก็ต้องยุ่งตามไปด้วยเหมือนกันแหล่ะ”
“ทำไมฉันต้องยุ่งด้วยล่ะ”
“ก็คุณเป็นเมียดารานิ ก็ต้องมีชีวิตวุ่นวายแบบดาราด้วย” เขาพูดประชด
เธอแบะหน้าใส่
“เป็นดาราแล้วไง ต้องคอยวิ่งหนีสาวๆ ที่คอยไล่ตามงั้นสิ ฉันวิ่งกับคุณมาจนเหนื่อยแล้วนะ เชิญคุณวิ่งไปคนเดียวเถอะ” เธอตอบอย่างไม่สนใจเดินเข็นรถต่อ แดเนียลได้แต่เคืองใจแล้วเดินมาแย่งรถเข็นไปเข็นเสียเอง
“เย็นนี้คุณสัญญาแล้วนะว่าจะทำกับข้าวให้ผมทาน”
“ก็ได้.....พ่อดาราดัง คุณต้องทำตัวดีๆ หน่อยนะ แล้วฉันจะดูแลคุณอย่างดี”
แดเนียลทำหน้าล้อเล่นการพูดของเธออย่างหมั่นไส้
ค่ำนั้นเขาก็ได้ทานอาหารไทยฝีมือไอริณตามที่สัญญาเอาไว้ พอทานเสร็จเขาก็มานั่งลูบพุงอยู่ห้องนั่งเล่น
“เป็นไงอร่อยใช่ไหมล่ะ”
“สงสัยผมคงจะอ้วนแน่ๆเลย ตั้งแต่อยู่กับคุณรู้สึกว่าน้ำหนักจะเพิ่มมาแบบไม่รู้ตัว”
“ก็ใครให้คุณกินเยอะกันล่ะ”
“ก็คุณทำกับข้าวเก่งนินา”
“เชอะ....ขี้เกียจทำกับข้าวหรือไง มาเที่ยวชมคนอื่นแบบนี้” เธอรู้ทัน
“ผมพูดจริงๆนะ......กลับไปต้องเข้าฟิตเนสแล้ว”
“ถ้าคุณกลัวอ้วนก็ไม่ต้องทานข้าวสิ ฉันก็จะไม่ต้องทำกับข้าว” เธอเสนอ
“ไม่ได้หรอก...ผมใช้ทั้งสมองและพลังเยอะ ยังไงก็ต้องทาน” เขาทำเสียงออดอ้อน
“เชอะ”
“คุณพ่อกับคุณแม่จะมาพรุ่งนี้แล้วนะ” เขาบอกเธอ
“ฮืม.....ฉันจะหาที่พักให้พวกท่านนะคะ”
“พักที่บ้านพ่อคุณก็ได้นิครับ”
“ฉันกล้วพวกท่านจะไม่สะดวกนะสิคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่ะ พวกท่านไม่ว่าอะไรหรอก”
“ก็ได้ค่ะ แล้วฉันจะจัดห้องให้”
“เฮ้อ......พิธีกรรมแบบชาวพุทธเขาต้องทำยังไงบ้างครับไอริณ”
“ตอนเช้าทำบุญตักบาตร เสร็จแล้วเจ้าบ่าวก็จะยกขันมาหมากมาที่บ้านเจ้าสาวตามฤกษ์ จากนั้นเจ้าบ่าวก็จะขอผ่านประตูเงินประตูทองเพื่อเข้าบ้านเจ้าสาว ซึ่งเจ้าบ่าวก็จะต้องเตรียมเงินให้กับเจ้าของประตูทั้งสองเพื่อเป็นค่าผ่าน หลังจากนั้นญาติผู้ใหญ่และสักขีพยายที่มาร่วมงานก็จะรดน้ำสังห์อวยพรให้เจ้าบ่าวเจ้าสาว”
“รดน้ำสังห์เป็นยังไง” สายตาเจ้าชู้ฉายแววสงสัย
“ก็คือน้ำลอยกรีบดอกไม้เนี่ยแหล่ะแต่เวลาที่เขาจะรดก็จะใส่ลงในหอยสังห์อีกทีไง” เธออธิบาย
แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่คลายข้องใจ
“ถึงวันนั้นคุณจะรู้เองแหล่ะ” เธอขี้เกียจอธิบาย

เมื่อถึงวันแต่งงานของไอริณแดเนียลซึ่งจัดที่บ้านของพ่อเธอตอนเช้าตรู่ทั้งสองทำบุญตักบาตรพระสงค์จำนวน 9 รูป เสร็จจากการตักบาตร พระท่านทำการเจิมหน้าให้คู่บ่าวสาวก่อนจะรดน้ำมนต์ให้ เมื่อทำบุญตักบาตรเสร็จ เจ้าบาวเจ้าสาวถูกแยกจากกัน เจ้าบ่าวถูกแยกไปเพื่อจัดเตรียมขันหมากที่จะยกมาสู่ขอเจ้าสาวโดยมีพ่อแม่ พี่ชายพี่สะไภ้ และอติเทพได้แต่งให้ผู้จัดการโรงงานช่วยเป็นเถ้าฝ่ายเจ้าบ่าวและคอยแนะนำพิธีการต่างๆให้กับเจ้าบ่าวชาวเกาหลี ส่วนไอริณถูกเก็บตัวอยู่ในห้องเธอแต่งชุดใหม่เป็นชุดไทยประยุคสีแดงเลือดนกขับกับสีผิวขาวเนียนสะดุดตา เธอใจคอเต้นแรงระทึกอย่างตื่นเต้น พิศชมเข้ามาดูความเรียบร้อย
“โอโห.....ไอริณของน้าสวยจริงๆเลยจ๊ะ” เธอเอ่ยพลางเข้ามาสวมกอดลูกเลี้ยงสาว
“ตื่นเต้นไหมจ๊ะ”
“ค่ะ...แปลกจริงๆทั้งๆที่ก็เคยแต่งมาแล้ว”
“ก็อย่างนี้แหล่ะ ใครที่กำลังแต่งชุดเจ้าสาวเป็นต้องมือไม้สั่นทุกคน” เธอพูดพลางกุมมือไอริณไว้
“รู้ไหม ใครๆก็พูดกันว่าเจ้าบ่าวหล่อมากๆ เลย ไอริณของน้าช่างเป็นเจ้าสาวที่โชคดีอะไรอย่างนี้”
“ค่ะ....อาจจะโชคดี”
“คุณแก้วคงจะดีใจมากเลยนะ ถ้าเธอยังอยู่” พิศชมเอ่ยถึงแม่ของเธอ จับจ้องดวงหน้าไอริณอย่างปิติ
“ตอนนี้คงกำลังดูเราอยู่ที่ไหนสักแห่ง”
“อุณ.....อยากจะให้คุณแม่อวยพรให้เหมือนกัน คุณแม่คงจะดีใจมาก”
“ยังไงเสียวันนี้น้าจะทำหน้าที่ของคุณแก็วให้ดีที่สุดจ๊ะ”
“ขอบคุณค่ะน้าชม”
เสียงกลองดังมาจากปากซอยพร้อมเสียงโห่หิ้วของฝ่ายเจ้าบ่าว ไอริณได้แต่ตื่นเต้น
“นั่นแหน่ะเจ้าบ่าวมาแล้ว เดี๋ยวน้าต้องออกไปดูความเรียบร้อยก่อนนะ”
“ค่ะ”
ไอริณแอบไปเมียงมองที่หน้าต่างมองดูขบวนกลองยาวที่รำนำหน้ามา ไทมัสกับมิร่ารำกับคนไทยที่ช่วยมาร่วมขบวนอย่างสนุกสนาน
เมื่อแดเนียลผ่านประตูเงินประตูทองเข้ามาได้แล้วเขาก็ถูกหิ้วเข้ามาข้างในแม่งานฝ่ายเจ้าบ่าวจัดแจงเปิดห่อข้าวห่อน้ำ ขนมขันหมากที่นำมาสู่ขอเจ้าสาว พร้อมขันหมากที่ใส่แก้วแหวนเงินทองที่เป็นสินสอดทองหมั่นก็ถูกจัดเรียงใส่พานเงินพานทองให้กับพ่อแม่ฝ่ายเจ้าสาว แม่งานฝ่ายหญิงพาไอริณกับเพื่อนเจ้าสาวออกมาจากห้องเมื่อมานั่งลงตรงหน้าพ่อแม่ทั้งสองฝ่าย ไอริณกับแดเนียลก้มลงกราบพ่อแม่ทั้งสองฝ่าย เจ้าบ่าวสวมแหวนกับสร้อยทองให้กับเจ้าสาว หลังจากนั้นก็เข้าสู่พิธีรดน้ำสังห์ให้กับคู่บ่าวสาว
แขกที่มาในงานต่างชื่นชมกับทั้งคู่ว่าเหมาะสมกัน และอวยพรให้ทั้งคู่รักกันนานๆ แขกยุให้เจ้าบ่าวหอมแก้มเจ้าสาว ไอริณมองหน้าแดเนียลเป็นเชิงบอกว่าอย่าทำแบบนั้นนะ แต่ด้วยเสียงเชียร์ของทั้งสองฝ่ายเขาจึงกระซิบที่หูเธอว่าเอาเหอะช่วยแกล้งแสดงละครช่วยหน่อยเธอจึงยอมปล่อยไปตามน้ำ
หลังจากรดน้ำสังห์แม่งานก็ให้เจ้าบ่าวอุ้มเจ้าสาวเข้าห้องหอโดยให้ตาแก่ยายแก่นอนบนเตียงก่อนที่จะให้ทั้งคู่ลงไปนอน
พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายเข้ามาส่งตัวคู่บ่าวสาว
“พ่อก็ขออวยพรให้ลูกๆทั้งสองมีความสุขมากๆ ไอริณก็จงทำหน้าที่ของภรรยาที่ดี เชื่อฟังสามี และดูแลเอาใจใส่สามีให้ดี ดูแลบ้านช่อง เงินทองให้ดีนะลูก”
“ค่ะพ่อ”
“แดเนียล ฝากลูกสาวผมด้วยนะครับ”
“ครับพ่อตา”
“หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้กันนะจ๊ะ สิ่งสำคัญของชีวิตคู่ก็คือการให้อภัย ถึงจะอยู่ด้วยกันได้ยืนยาว”
“ค่ะ”
“แดเนียล ไอริณบางครั้งก็อาจจะดูเด็กอยู่บ้างยังไงคุณก็อย่าถือสาแกนะคะ” พิศชมบอกลูกเขย
“ครับ”
“มีหลานให้พ่อกับแม่เร็วๆนะลูก”
“ลูกต้องเป็นที่พึ่งที่ดีให้กับภรรยานะแดเนียล พยายามเข้าแล้วทุกอย่างจะดีเอง” ทั้งสองกระซิบกระซาบหลิ่วตาให้กัน
เมื่อญาติผู้ใหญ่ออกไปจนหมดทั้งสองหันมาสบตากัน
ไอริณถอนใจอย่างหนักอก
“แดเนียลเราจะทำผิดกับพวกท่านหรือเปล่าคะ พวกท่านต่างก็จริงจังทำเพื่อพวกเราขนาดนี้” หญิงสาวพูดเสียงอ่อน
แต่ชายหนุ่มทำเป็นเหมือนไม่ได้สนใจที่เธอเอ่ยเขาล้มตัวลงนอนที่เตียง
“เฮ้อ.....เรื่องมันก็มาขนาดนี้แล้ว ก็ต้องปล่อยเลยตามเลย”
“ถ้าพวกท่านรู้ว่าเราแต่งงานกันหลอกๆ แล้วล่ะก็คงเสียใจมากเลย” หญิงสาวน้ำตาคลอ
แดเนียลนอนนิ่งคิดหาทางปลอบใจเธอ
“คุณไม่ต้องคิดมากหรอกน่าสมัยนี้คนแต่งงานกันแป๊ปเดียวแล้วเลิกกันมีมากมาย” เขาหันมามองเธอ
“ก็ใช่นะ”
“แต่ทำแบบนั้นพวกท่านจะเสียใจนะ ทั้งพ่อแม่คุณกับพ่อแม่ผม ท่านต่างก็หวังว่าพวกเราคงจะอยู่ด้วยกันได้นานกว่านั้น”
“นั่นน่ะสิ” เธอเออออไปด้วย
“งั้นเราก็ต้องอยู่ด้วยกันนานๆนะ” เขากระเถิบเข้ามาหาเธอ
ไอริณหมั่นไส้ผลักใบหน้าที่ยื่นเข้ามาใกล้เธอจนหงายหลังไป แล้วเธอก็ลุกจากเตียง
“ถ้าจะให้อยู่กับคนอย่างคุณตลอดไป ฉันตายดีกว่า ไอ้คนฉวยโอกาส” เธอพูดแล้วจะเดินออกจากห้อง
แต่พอเปิดประตูก็เจอเถ้าแก่ยืนอยู่ข้างหน้าแล้ว
“คุณอุณจะไปไหนคะ”
“อ้อ....อุณหิวน้ำค่ะ จะไปหาน้ำทาน” เธอตอบเสียงอ่อน
“ตามธรรมเนียมห้ามออกจากห้องหอจนกว่าจะถึงพรุ่งนี้เช้านะคะ เดี๋ยวจะให้เด็กเอาน้ำมาให้ กลับเข้าไปข้างในเถอะค่ะ” หญิงสาวทำหน้าแบะแล้วหมุนตัวกลับอย่างเศร้าใจ เธอเดินกลับมานั่งลงที่โซฟาปลายเตียง
แดเนียลมองดูอาการอย่างสงสัย
“มีอะไรเหรอ”
“ฮือ......เขาไม่ให้เราออกไปจนกว่าจะถึงพรุ่งนี้เช้านะสิ”
ชายหนุ่มหัวเราะชอบใจล้มตัวลงนอนกลิ้งเกลือกกับเตียงนอน หญิงสาวมองอย่างข้องใจแต่ก็ไม่มีอารมณ์จะต่อล้อต่อเถียงกับเขา
คืนนั้นแดเนียลนอนหลับนิ่งบนเตียงนอนไอริณนั่งสัปหงกที่โซฟา เขาตื่นขึ้นมากลางดึกอุ้มเธอขึ้นไปนอนที่เตียงแทน
รุ่งเช้าทั้งสองตื่นนอนแต่เช้าลงมาทานข้าวเช้าพร้อมพ่อกับแม่
“คุณมิร่ากับโทมัสจะกลับวันไหนจ๊ะแดเนียล” พิศชมถามชายหนุ่ม
“เห็นบอกว่าอีก 2 วันก็กลับแล้วครับ”
“ทำไมกลับเร็วจังคะ น่าจะอยู่เที่ยวต่ออีกหน่อยนะ”
“สงสัยจะห่วงงานมั้งครับ”
“อุณคิดว่าจะพาท่านไปเที่ยวอยุธยาค่ะ ไปดูเมืองเก่า ไหว้พระ กินก๋วยเตี๋ยวเรือและโรตีสายไหม แล้วพรุ่งนี้จะพาไปเที่ยววัดดอนหวาย” ไอริณบอกแผนการ 2 วันก่อนกลับให้ฟัง
“ก็ดีจ๊ะ ท่านจะได้รู้จักเมืองไทยมากขึ้น เราก็น่าจะไปด้วยนะคะคุณติ จะปล่อยให้คุณมิร่ากับคุณโทมัสไปฝ่ายเดียวแบบนี้จะหาว่าเราไม่สนใจ”
“ก็ดีผมก็ไม่ได้ไปไหว้พระมานานแล้วเหมือนกัน”
“แล้วอุณจะไปอยู่เกาหลีเลยหรือเปล่าลูก” อติเทพถามลูกสาว
ไอริณหันไปมองหน้าแดเนียล เขาไม่ได้เข้าใจสิ่งที่พ่อลูกคุยกันนัก แต่ก็เห็นสายตากังวลของหญิงสาว
“ยังคะอุณจะอยู่ช่วยงานคุณพ่อก่อน”
“ไม่เป็นไรหรอกลูก ไม่มีอะไรน่าห่วงหรอกนะ”
“แต่ว่า......”
“ถ้าจะอยู่ต่อสักพักพ่อก็ไม่ว่าหรอก แต่ก็เกรงใจแดเนียลเขาด้วยนะ”
“ค่ะ” ไอริณตอบเบาๆ แม้อยากจะถามว่าอยากให้เธอไปอยู่ที่เกาหลีมากกว่าที่เมืองไทยหรือเปล่า แต่ก็เพียงแค่คิดพ่อคงจะตกลงกับทางโน้นแล้วถึงได้ยอมให้เธอไป แทนที่จะให้แดเนียลมาอยู่ที่นี่แทน
ทั้งสองครอบครัวเดินทางโดยรถตู้ไปเที่ยวรอบเมืองอยุธยาไหว้พระกันหลายที่ก่อนจะแวะทานอาหารล่องเรือเรือบแม่น้ำป่าสักของซุ้มป่าสักอากาศยามเย็นลมพัดเย็นสบาย สองฟากฝั่งแม่น้ำเป็นบ้านเรือน วัด และโรงแรม ที่มีลักษณะแตกต่างกันออกไป ตามที่เจ้าของได้ออกแบบ แต่ก็ดูสวยงามเพลิดเพลินตาสำหรับผู้ล่องเรือผ่านน่านน้ำแห่งนี้ เรือแวะให้อาหารปลาที่วัดแห่งหนึ่ง ครอบครัวชาวเกาหลีดูตื่นเต้นไม่น้อยที่ได้เห็นปลาสวายแหวกว่ายกินขนมปัง
ที่วัดดอนหวายมีอาหารและของพื้นเมืองขายมากมายทุกคนต่างสนุกกับการเดินเที่ยวซื้อของ แดเนียลเดินตามหลังไอริณพลางใช้พัดๆ อย่างร้อน
“เมืองไทยร้อนจริงๆ นะ” เขาบ่น
“ใช่ คุณจะอยู่ที่นี่ได้ไหมล่ะ”
“คงไม่ไหวหรอกมั้ง สู้อากาศเย็นที่เกาหลีก็ไม่ได้”
ไอริณไม่ได้ต่อขานอะไรเธอเดินมาถึงร้านขายผ้าไหมแล้วหยุดมองอย่างสนใจ เธอจับดูเนื้อผ้ารู้สึกได้ว่าคุณภาพดี
“รับมาจากไหนคะ” เธอถาม
“กลุ่มแม่บ้านที่สกลนครค่ะ เป็นลายเฉพาะท้องถิ่นเลยนะคะ”
“ฮืม...สวยดีค่ะ ผืนละเท่าไหร่คะ”
“ 1500 บาทค่ะ ชิ้นใหญ่ ส่วนชิ้นเล็ก 1000 บาท”
“ลายไหนที่ขายดีที่สุดคะ”
“ลายเถาวัลย์ค่ะ”

“ขายดีไหมคะ” เธอชวนแม่ค้าคุย
“ก็ไม่เท่าไหร่ค่ะ เพราะคนไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ ส่วนใหญ่คนมาที่นี่จะมาซื้อของกินมากกว่ามากกว่า”
“แล้วต้องจ่ายค่าเช่าหรือเปล่า”
“ก็นิดหน่อยค่ะ เรามีร้านประจำค่ะที่บางลำพู” เจ้าของบอกแล้วยื่นนามบัตรให้
“ถ้าสนใจก็คิดต่อได้นะคะ”
ไอริณรับนามบัตรมาดู
หญิงสาวหยิบดูลายผ้า เธอจึงเลือกเอาผ้าชิ้นหนึ่ง
“งั้นเอาชิ้นนี้ค่ะ” เธอจ่ายตังค์ให้แม่ค้า
“คุณจะเอาผ้าไปทำอะไรเหรอ”
“ก็เอาไปตัดเสื้อไง ซื้อผ้าไปทำอย่างอื่นได้หรือไง” เธอตอบกวนอารมณ์ชายหนุ่ม เขาได้แต่บ่นพรึมพรำอยู่คนเดียว
เมื่อทุกคนได้ของถูกใจกันทั่วหน้าแล้วก็พากันกลับที่พัก
“ลูกจะไปฮันนิมูนกันที่ไหนจ๊ะ” มิร่าถามลูกชายกับลูกสะไภ้
แดเนียลสบตากับไอริณ
“อ้อ.....หนูคิดว่าจะพาเขาเที่ยวเมืองไทยค่ะ ถ้าอยากไปที่ไหนก็จะพาไป”
“ก็ดีจ๊ะ ลูกจะอยู่เที่ยวสักอาทิตย์หนึ่งก่อนก็ได้นะจ๊ะแล้วค่อยกลับ” นางหันไปบอกลูกชาย
“ยังไงฉันก็ฝากลูกชายฉันด้วยนะคะ” มิร่าหันไปฝากฝังกับฝั่งพ่อแม่ไอริณ
“ไม่เป็นไรค่ะ พอยัยอุณไปอยู่ที่โน่นฉันเองก็ฝากแกด้วยนะคะ” พิศชมตอบ
“แหม เราไม่ใช่คนอื่นคนไกลแล้วนะ ยังไงซะฉันก็จะดูแลเธออย่างดีจ๊ะไม่ต้องห่วงหรอก”
“น่าเสียดายที่ฉันเองก็รีบกลับไม่งั้นคงได้เที่ยวมากกว่านี้ค่ะ”
“เอาไว้คราวหน้าค่อยมาเที่ยวใหม่นะคะ ฉันจะพาขึ้นเหนือล่องไต้เลยล่ะค่ะ ตามประสาคนแก่ 555” พิศชมพูดอารมณ์ดี
“ฉันต้องมาแน่ค่ะ ........ใช่ไหมคุณ” มิร่าหันไปพูดกับสามีซึ่งโทมัสก็เออออด้วย

ครอบครัวแดนเนียลเดินทางกลับเกาหลีไปแล้วส่วนแดเนียลยังคงอยู่ที่เมืองไทยกับไอริณต่ออีกสัปดาห์ตามที่ตกลงกันเอาไว้
เธอพาเขาไปเที่ยวที่ดอยแม่ฟ้าหลวงที่นั่นมีโครงการหลวงซึ่งแดเนียลเองก็ให้ความสนใจมาก ทั้งสองเที่ยวตามหมู่บ้านต่างๆ เพื่อชมวิถีชีวิตแบบชาวดอย ซึ่งไอริณก็สนใจผ้าทอพื้นเมืองของชาวดอยได้ซื้อเอามาเป็นจำนวนมาก
“ดูคุณสนใจพวกผ้าทอมากเลยนะครับ” เขาถามเธอ
“มันก็เป็นอาชีพฉันนิคะ”
“คนที่นี่มีชีวิตที่เรียบง่ายดีนะครับ ปลูกข้าว ปลูกพืชไร่ ปลูกชา ผมไม่เคยเห็นไร่ชาแบบนี้มาก่อนเลย” เขาพูดขณะยืนอยู่จุดชมวิวพลางถ่ายภาพย่างสนใจ
“เขาเรียกปลูกแบบขั้นบันได เป็นการรักษาหน้าดินไม่ให้พังเร็ว ในหลวงของเราท่านสอนพวกเราแบบนี้”
“ในหลวงคือใครครับ” เขาถามอย่างสงสัย
“ในหลวงก็คือพระมหากษัตริย์ที่ปกครองประเทศของเราไงคะ ท่านทรงเป็นพ่อหลวงที่ยิ่งใหญ่ในใจของพวกเราทุกคน” เธอพูดอย่างอ่อนโยน

“โครงการหลวงที่เราไปเที่ยวมาก็เป็นสิ่งที่ท่านทรงสอนให้ชาวดอยได้รู้จักการทำมาหากินที่ถูกวิธี เพราะเมื่อก่อนชาวดอยจะใช้พื้นที่ส่วนใหญ่ในการปลูกฝิ่น และที่นี่ก็ยากจนมาก ท่านจึงเข้ามาปฏิรูปทุกอย่างเพื่อให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้น” เธออธิบาย
“ฮืม.....ท่านเก่งจังเลยนะครับ”
“ใช่ค่ะ ที่เมืองไทยยังมั่นคงอยู่เช่นนี้ก็เพราะมีในหลวงที่ทรงเป็นศูนย์รวมน้ำใจของเราทุกคน”
“ไปกันเถอะ” เธอชวนแดเนียลเมื่อเห็นว่าอากาศเริ่มเย็นลงมากแล้ว
“พรุ่งนี้เราไปลำปางกันเถอะนะ ฉันอยากจะนั่งรถม้า และแช่น้ำพุร้อน”
“ฟังดูน่าสนใจจัง”
“แดเนียล.....คุณไม่สนใจที่จะอยู่ที่เมืองไทยเหรอคะ”
ชายหนุ่มมองดวงตากลมโต
“ไม่เอาล่ะ อยู่ที่นี่ผมจะทำมาหากินอะไร เปิดบริษัทเงินทุนเหรอ คงจะจบแห่กันพอดีผมไม่ได้เรียนมาด้านนี้นะ”
“เฮ้อ...แล้วทำไมฉันต้องไปอยู่ที่เกาหลีด้วยล่ะ”
“ก็ตามธรรมเนียมเกาหลีลูกชายต้องแต่งสะไภ้เข้าบ้าน”
“ก็ฉันเป็นคนไทยนิ ก็ต้องแต่งลูกเขยเข้าบ้านเหมือนกัน”
“มันไม่เหมือนกันหรอกไปอยู่ที่โน้นน่ะดีแล้ว เศรษฐกิจก็ดีกว่าตั้งเจอ คุณจะเปิดร้านขายเสื้อกี่ร้านก็ได้” เขาพูดเอาแต่ใจแล้วรีบเดินไปขึ้นรถ
“แต่พ่อฉันไม่มีคนช่วยงานนะท่านแก่แล้ว” เธอโพลงออกมาอย่างเหลืออด
แดเนียลหยุดคิดหันมามองเธอที่มองเขาอย่างขุ่นเคือง
“ยังไงพ่อคุณก็ยอมแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้หรอกนะ” เขาพูดแล้วเข้าไปนั่งในรถหน้าตาเฉย
หญิงสาวตามขึ้นรถไปอย่างไม่พอใจนักทั้งสองเดินทางกลับที่พักในเมืองโดยที่ไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลย แดเนียลได้แต่ลอบมองเสี้ยวหน้าอย่างเงียบๆ
คืนนั้นไอริณจึงโทรหาพ่อของเธอเพื่อถามเรื่องนี้

“คุณพ่อคะอุณมีเรื่องจะถามค่ะ”
“มีอะไรเหรอลูก” เสียงทุ้มๆที่ปลายสาย
“ทำไมคุณพ่อยอมให้อุณไปอยู่ที่เกาหลีคะ ทำไมคุณพ่อไม่ให้แดเนียลมาอยู่ที่เมืองไทยคะ” อติเทพฟังน้ำเสียงของลูกสาวที่เจือด้วยความเศร้าใจเธอคงจะรู้สึกน้อยใจกับการตัดสินใจของเขาไม่มากก็น้อย
“แดเนียลเขาขอพ่อ เขาบอกว่าเขาทำงานที่เมืองไทยไม่ได้ แต่ไอริณสามารถที่จะเปิดร้านขายเสื้อผ้าที่เกาหลีได้ พ่อก็เห็นว่าสามีภรรยาแยกกันอยู่ไม่สมควร พ่อจึงยอมให้ลูกไปอยู่ที่นั่น และอีกอย่างเราอาจจะได้เอาสินค้าของเราไปขายที่นั่นได้อีกด้วยไงล่ะ” เสียงอติเทพอธิบายเนิบช้า
“หรือลูกลำบากใจที่จะอยู่เกาหลี”
“ไม่หรอกค่ะ ถ้าคุณพ่อเห็นสมควร” จะกี่ครั้งไอริณก็เป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่ายของอติเทพเสมอ เขาเองก็ใจหายหากลูกสาวคนเดียวที่เขารักจะต้องไปอยู่ไกลอก แต่เมื่อเธอได้เติบโตเป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว ก็ป่วยการที่เขาจะกกเธอเอาไว้อย่างลูกนกเหมือนเคย
“ลูกคงไม่เสียใจใช่ไหม” เสียงเบาหวิวของพ่อเอ่ย
“ไม่หรอกค่ะพ่อ อุณรู้ว่าพ่อมีเหตุผลเสมอ เราไปเปิดตลาดที่นั่นก็ดีค่ะ เกาหลีเป็นเมืองแฟชั่นเศรษฐกิจเขาก็ดีกว่าเรา ถือเป็นช่องทางที่ดีที่เราจะได้ขยายกิจการเพิ่มค่ะ”
“ฮืม...ดีแล้วล่ะที่ลูกเข้าใจ......พ่อขอโทษด้วยที่ไม่ได้บอกลูกตั้งแต่ทีแรก”
“ไม่เป็นไรค่ะ เพราะลูกไม่ใช่เครื่องมือธุระกิจที่พ่อจะทำแบบนั้น” เธอเอ่ย
อติเทพยิ้มคงจะมีคนที่รู้ใจเขามากที่สุดที่หลงเหลืออยู่ในโลกนี้คนเดียวนี้ล่ะมั้ง
“ใช่ลูกของพ่อเป็นสมบัติล้ำค่า ที่พ่อไม่คิดที่จะแลกกับสิ่งใดทั้งนั้น” เสียงของพ่อทำให้เธอใจอุ่นขึ้นมา
อุณวางสายพ่อไปเธอเข้าใจทุกอย่างที่เกิดขึ้นดีแล้ว การแต่งงานระหว่างเธอกับแดเนียลก็เป็นความต้องการของเธอเอง และเธอก็วางแผนที่จะทำเปิดร้านขายเสื้อผ้าที่นั่น ทุกอย่างจะดำเนินต่อไปจนกว่าจะครบกำหนดการที่เธอตกลงกับแดเนียล
แดเนียลแอบมองเธออยู่ด้านหลังเขาเห็นเธอเป็นกังวลตั้งแต่หัวค่ำที่คุยกันเรื่องที่ต้องไปอยู่ที่เกาหลีแล้ว เห็นเธอคุยโทรศัพย์กับใครสักคนอยู่สักพักแล้ววางสายลงด้วยสีหน้าที่ดีขึ้น เขารีบหลับตาเมื่อหญิงสาวหันมา
ไอริณหันไปมองคนบนเตียงนอนที่หลับไปตั้งนานแล้ว เธอถอนใจเบาๆ อย่างไม่เข้าใจตัวเองนักว่าการตัดสินใจของเธอมันถูกต้องดีแล้วหรือ แล้วก็ล้มตัวลงนอนบนโซฟา แดเนียลแอบชะเง้อมอง
กลางดึกเขาอุ้มเธอขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วตัวเองก็มานอนที่โซฟาแทน
รุ่งเช้าทั้งสองได้เดินทางออกจากดอยแม่ฟ้าหลวงมุ่งหน้าสู่ลำปางไอริณได้แช่น้ำพุร้อนสมใจของเธอส่วนแดเนียลได้เรียนรู้วัฒนธรรมของชาวไทยที่นี่ควบคู่กันไป
ไอริณพาเขาทานอาหารเหนือชึ่งบางอย่างรสชาติค่อนข้างเผ็ดทำให้ชายหนุ่มที่ไม่คุ้นเคยการทานของเผ็ดถึงกับตัวแดงหน้าแดงไปเลยทีเดียว
“คุณทานไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืนหรอกนะ” ไอริณบอกพลางส่งแก้วน้ำให้เขา
“มันก็อร่อยเหมือนกันนะ แต่ไม่คิดว่าจะเผ็ดขนาดนี้”
“มันคืออะไรครับ”
“ส้มตำ น้ำพริกหนุ่ม แกงเลียง ปลากะพงนึ่งมะนาว” ไอริณบอกรายการอาหาร ซึ่งมันก็เป็นเพียงอาหารพื้นๆทั่วไปที่เธอสั่งมาทาน
“คนเกาหลีคงไม่ได้ทานเผ็ดขนาดนี้ล่ะมั้ง”
“ส่วนมากผมทานแต่อาหารฝรั่ง” เขาบอก
เธอพยักหน้าเข้าใจเพราะครอบครัวเขามีพ่อเป็นคนอเมริกาซึ่งส่วนใหญ่มิร่าก็จะทำอาหารแบบตะวันตกมากกว่า
“แต่เห็นคุณทานแล้วน่าอร่อยผมก็จะพยายามทานให้ได้” เขาพูดแล้วตักส้มตำใส่ปาก
แต่สุดท้ายหน้าตาก็บูดเบี้ยวเหมือนเด็ก
“เฮ้อ......”
ไอริณมองเขาอย่างขันๆ อาหารมื้อเที่ยงนั้นจึงผ่านไปด้วยความลำบากของแดเนียล พอตกเย็นชายหนุ่มก็มีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงเพราะอาหารเป็นพิษ หญิงสาวต้องพาเขาไปหาหมอ
หมอตรวจและให้ยาเขามาทานอาการไม่ได้รุนแรงมากขนาดต้องนอนที่โรงพยาบาล
เธอจึงจัดข้าวต้มให้เขาทาน
“เป็นยังไงบ้าง” ไอริณถาม
แดเนียลนอนอยู่บนเตียงหน้าตาเขาไม่ค่อยดีนัก
“ทานข้าวต้มนะจะได้ทานยา ดูสิมียาอะไรบ้าง โอ้....ยาฆ่าเชื้อ เกลือแร่ และยาแก้ปวดท้อง”
เธอบอกเขา แดเนียลลุกขึ้นมาทานข้าวแล้วตามด้วยยาตามที่เธอบอก
“ผมขอโทษด้วยที่ทำให้คุณหมดสนุกไปด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ให้คุณหายดีก่อนแล้วเราค่อยไปเที่ยวก็ได้ อีกอย่างฉันเองก็ผิดที่พาคุณทานอาหารรสจัด”
ชายหนุ่มยิ้ม
“ผมเองก็อยากจะทานให้ได้นะ แต่สงสัยจะไม่เคยทานก็เลยท้องเสีย แล้วผมจะหัดทานอาหารไทยรสจัดๆให้ได้”
ไอริณยิ้ม
ข้างนอกฝนตกลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทั้งที่เป็นช่วงหน้าหนาวไอริณเดินไปดึงผ้าม่านปิด
“สงสัยจะเป็นฝนเปลี่ยนฤดูแน่เลย” เธอบอกชายหนุ่ม
“ฝนเปลี่ยนฤดูเป็นยังไงครับ”
“ก็....เมื่อถึงคราวที่ฤดูหนาวจะหมดก็จะมีฝนตกลงมาเพื่อบ่งบอกว่าอีกฤดูหนึ่งจะเข้ามาเยือนเราแล้วยังไงล่ะ”
“แล้วอีกหน่อยจะเป็นฤดูอะไรครับ”
“ฤดูร้อนค่ะ”
ชายหนุ่มก็ยังไม่ค่อยเข้าใจนักว่าทำไมฝนต้องตกเมื่อเข้าจะฤดูร้อน แทนที่จะเป็นฤดูฝน
“ที่เมืองไทยจะเป็นแบบนี้แหล่ะ เพราะเราเป็นเมืองร้อนชื้นแถบเส้นศูนย์สูตร เมื่อถึงคราวเปลี่ยนฤดูทีไร อากาศจะมีการเปรปรวญ ฝนฟ้าจะตกลงมา ฝนที่ตกตอนนี้จะแตกต่างจากฝนของฤดูหนาว เพราะมันเป็นฝนแล้งตกลงมาในช่วงอากาศที่ร้อนระอุ ส่วนฝนที่ตกในฤดูฝนมันจะเจือความชุ่มชื้น และการเกิดใหม่ของพืชพรรณ” เธออธิบาย
“น่าแปลกจังเลยนะครับ ที่เกาหลี ส่วนใหญ่จะหนาวเย็นมากกว่า”
“ฉันถึงไม่ค่อยอยากจะไปอยู่ที่นั่นไงล่ะ”
“คุณไม่ชอบอากาศหนาวเหรอครับ”
“ใช่”
แดเนียลครุ่นคิด
“ไม่เป็นไรหรอกนะ ข้างในบ้านของเรามีฮีตเตอร์” เขาปลอบเธอ
วันรุ่งขึ้นไอริณชวนแดเนียลไปเที่ยวในเมืองเพื่อดูวิถีชีวิตของคนที่นี่ทั้งสองได้นั่งรถม้าซึ่งก็สร้างความตื่นเต้นไม่น้อยเลยทีเดียว
กลับจากในเมืองเกือบเที่ยงไอริณก็ชวนเขากลับกรุงเทพเธอบอกเขาว่ากว่าจะถึงกรุงเทพอาจจะต้องใช้เวลาขับรถเกือบ 10 ชั่วโมงเป็นแน่ แดเนียลอาสาขับรถให้แต่เธอก็ปฏิเสธ
“ไม่หรอกเดี๋ยวคุณโดนจับ เพราะคุณไม่มีใบขับขี่นี่”
“แต่ผมมีใบขับขี่สากลนะสามารถขับรถที่เมืองไหนของโลกก็ได้”
“ไม่เอาหรอกเดี๋ยวคุณขับรถหลงทาง” เธอแย้ง
“ก็คุณคอยบอกทางผมสิ”
“ยิ่งน่ากลัวกว่าอีกนะ”
สุดท้ายไอริณก็เป็นคนขับรถให้เขาตามเดิมเหมือนขามา
“ถ้าจะให้ฉันนั่งคอยบอกทางคุณ เดี๋ยวฉันเผลอหลับคุณก็พาฉันหลงทางแน่นอนเลยล่ะ”
เธอให้เหตุผลกับเขา
ชายหนุ่มไม่ได้โต้แย้งอะไร
ผ่านไปเกือบบ่าย 3 โมง ผ่านมาถึงพิษณุโลก ไอริณพาชายหนุ่มแวะวัดพระศรีรัตนะที่ปฎิสถานของพระพุทธชินราช ไอริณพาแดเนียลเข้านมัสการ ชายหนุ่มดูตื่นเต้นที่ได้เห็นองค์พระสีทององค์ใหญ่ที่ปฎิสถานอยู่ภายในอุโบสถผู้คนเข้ามากราบไหว้คราคร่ำ
“นี่หรือครับพระพุทธชินราช” ชายหนุ่มถามเธอ
“ค่ะ เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของไทยเลยนะคะ ตั้งแต่สมัย เออ.......สมเด็จพระนเรศวรมหาราช”
“สมเด็จพระนเรศวรมาหาราช” ชายหนุ่มทวนคำ
เธอรู้ว่าเขาคงไม่เข้าใจที่เธอพูดนัก
“สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงเป็นพระมหากษัตริย์ของเราชาวไทยสมัยหลายร้อยปีมาแล้วค่ะ ทรงเป็นแม่ทัพผู้เกรียงไกร กอบกู้ไทยจากข้าศึกให้เราดำรงความเป็นเอกราชมาจนถึงทุกวันนี้” เธอบอกเขาอย่างภาคภูมิใจ
“นั่นยังไงคะ พระองค์ประทับอยู่ตรงนั้น” หญิงสาวชี้ไปด้านข้างมีรูปหล่อขององค์พระนเรศวรประทับอยู่
แดเนียลเห็นคนก้มลงกราบและหลับตานิ่งพนมมือไว้ที่อก
“ทำไมเขาจะต้องหลับตาด้วยล่ะครับ”
“เขากำลังตั้งจิตอธิษฐานน่ะสิคะ ว่ากันว่าองค์พระพุทธชินราชกับสมเด็จพระนเรศวรทรงศักดิ์มาก หากลูกหลานอธิษฐานสิ่งใดก็สำเร็จดังที่ตั้งใจไว้ทุกประการ” เธอบอกเขา
ชายหนุ่มเข้าใจแล้วพนมมือลงกราบอย่างที่เขาทำเช่นเดียวกัน
ไอริณได้ตั้งจิตอธิษฐานเอาไว้ว่าให้ครอบครัวสงบสุข เรื่องร้ายๆที่ผ่านเข้ามาก็ขอให้คลายไป อย่าได้มีทุกข์ร้อนใจมาเบียดเบียน
ส่วนแดเนียลได้อธิษฐานให้เขากับเธอได้อยู่ด้วยกัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม เขาอยากจะอยู่กับไอริณตลอดไป
เมื่อทั้งสองออกมาจากวัด ไอริณก็มุ่งหน้ากับกรุงเทพทันที
ดึกมากแล้วที่ทั้งสองมาถึงบ้านทั้งสองต่างก็แยกกันนอนอย่างอ่อนเพลีย
รุ่งเช้าไอริณพาแดเนียลไปหาพ่อแต่เช้าเพื่อเอาของฝากไปให้
“กลับมากันแล้วเหรอ”
“ค่ะกลับมาเมื่อคืนนี้ค่ะ”
“สนุกมากไหมจ๊ะไอริณ” พิศชมถาม
“ค่ะ”
“แล้วนี่จะกลับเกาหลีกันเมื่อไหร่”
“อุณคิดว่าจะไปเดือนหน้าค่ะ”
“เดือนหน้าเลยเหรอ แล้วแดเนียลเขาจะอยู่รอเหรอ” อติเทพถามมองหน้าลูกเขยที่เขาเองก็ไม่เข้าใจที่พ่อลูกคุยกัน
“คงต้องให้เขากลับก่อนค่ะ”
“ที่จริงมันก็ไม่มีอะไรแล้วนะ ลูกก็น่าที่จะกลับพร้อมกันเลย จะแยกกันอยู่แบบนี้ได้ยังไงเพิ่งจะแต่งงานกันเอง” พ่อบอก
“งั้นอุณก็จะพาเขากลับให้เร็วที่สุดค่ะ”
เมื่อกลับบ้านเธอจึงคุยเรื่องนี้กับแดเนียล
“คุณจะกลับเกาหลีเมื่อไหร่คะ”
“แล้วคุณจะไปเมื่อไหร่ล่ะ”
“ถ้าฉันไม่กลับกับคุณล่ะ”
“ทำไม”
“คุณกลับไปก่อนได้ไหม?”
ชายหนุ่มจ้องดวงหน้ารูปไข่ เขาสับสนระคนน้อยใจที่หญิงสาวไม่ให้ความสำคัญกับเขาเลย
“คุณคงลำบากใจมากซินะที่จะไปอยู่ที่เกาหลี”
ไอริณก้มหน้านิ่งไม่ตอบเขา
“คุณคงจะฝืนใจมากที่จะต้องไปอยู่ที่นั่น”
“ฉันอยากจะเคลียร์งานที่นี่ก่อน”
“คุณพ่อก็บอกแล้วไม่มีอะไร ทำไมคุณถึงไม่ยอมไปกับผม”
“แดเนียล....คุณอย่าลืมสิ ฉันยอมไปอยู่ที่เกาหลีก็เพราะพ่อตกลงกับคุณเอาไว้แล้ว ทั้งที่จริงฉันไม่ไปก็ได้ และอีกอย่างการแต่งงานของเราก็ไม่ใช่เรื่องจริง” ไอริณเอ่ยอย่างเรียบเฉย
แดเนียลไม่อาจจะโต้แย้งอะไรกับเธอได้ เธอช่างเป็นคนที่หัวใจเย็นชาจริงๆ
“มันไม่ได้มีความหมายกับคุณเลยใช่ไหม”
“ใช่”
“ก็ดี”
เขาบอกแล้วเดินเข้าห้องนอน
ไอริณได้แต่ถอนใจอย่างลำบากใจ
เช้าวันต่อมาเธอเข้าไปในห้องเห็นชายหนุ่มหลับนิ่งอยู่บนเตียงเธอจัดแจงเก็บของใส่กระเป๋าให้เขาจนสายแล้วแดเนียลยังนอนไม่ยอมตื่น ไอริณเตรียมของให้ทานแต่ก็ยังเห็นเขาไม่ยอมตื่นเธอเลยเข้าไปดูในห้องอีกครั้ง
“แดเนียล.....ตื่นได้แล้วนะ นี่มันสายมากแล้ว” เธอร้องเรียก แต่เขาก็ยังนิ่ง
“แดเนียล...แดเนียล” เธอเรียกซ้ำพลางเขย่าที่แขนเขาเบาๆ แต่ก็ต้องตกใจมากที่ตัวเขาร้อนจี๋ เธอให้หลังมือแตะที่หน้าผากอย่างตกใจ
“ตัวร้อนจี๋เลย ไม่สบายเหรอ….แดเนียล....แดเนียล คุณเป็นอะไร” เธอเรียกเขาอย่างตกใจ
แดเนียลลืมตาอย่างอ่อนเพลีย
“ผมปวดหัวจัง” เขาตอบ
“เดี๋ยวฉันจะพาไปหาหมอนะ” เธอพูดพลางพยุงให้เขาลุกแต่ตัวเขาใหญ่กว่าเธอมากจึงพยายามพยุงกันอย่างทุลักทุเล
ไอริณพาชายหนุ่มมาโรงพยาบาลและนั่งรอฟังอาการที่หน้าห้องฉุกเฉินหมอดูอาการร่วมชั่วโมงและพาเขาย้ายไปห้องผู้ป่วยพักฟื้น
“เขาเป็นอะไรหรือคะคุณหมอ” เธอถามหมออย่างร้อนใจ
“แพ้อากาศครับ เขาเป็นโรคภูมิแพ้ สงสัยคงปรับตัวเข้ากับอากาศที่นี่ไม่ได้เลยป่วยครับ”
หมอตอบ
“แพ้อากาศเหรอคะ เขาก็ดูแข็งแรงดีออก”
“โรคภูมิแพ้เป็นได้ทุกคนครับ มันอยู่ที่ภูมิคุมกันร่างกายของเราที่จะต่อต้านอะไร ถ้าเจอสิ่งที่ร่างกายไม่ยอมรับก็จะมีอาการแสดงออกมาแบบนี้แหล่ะครับ” หมออธิบาย
“พักผ่อนสักพักเดี๋ยวก็หาย หมอสั่งยาให้แล้ว ทานยาตามที่บอกอาการก็จะดีขึ้นครับ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะหมอ”
หญิงสาวนั่งลงข้างๆเตียงคนไข้ นึกสงสารชายหนุ่มและพอจะเข้าใจว่าเขาคงอยู่ที่เมืองไทยนานๆไม่ได้แน่นอน
แดเนียลหลับไปทั้งวันพอตื่นมาก็แปลกใจที่เห็นตัวเองนอนอยู่บนเตียงนอนมีถุงน้ำเกลือห้อยระยางข้างๆ และใบหน้ารูปไข่ที่นั่งจ้องเขาอยู่ เขาสบตากับเธอ
“ผมเป็นอะไรครับ”
“คุณเป็นโรคภูมิแพ้ คุณแพ้อากาศที่นี่ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยตัวคุณก็ออกจะโต ทำไมถึงใจเสาะขนาดนี้”
“ไม่เกี่ยวกันสักหน่อย” ชายหนุ่มตอบแล้วพลิกตัวหนีเป็นเชิงไม่อยากจะพูดด้วย
“คุณทานข้าวและก็ทานยาจะได้หายเร็วๆ”
ชายหนุ่มก็ยังเฉย
“ผมคิดว่าคุณจะปล่อยให้ผมตายๆ ไปซะจะได้ดีซะอีก”
“พูดอะไรของคุณ”
“คุณมีสิทธิ์เรียกร้องอะไรมากไปกว่าการกินข้าว กินยา อย่ามางอแงเหมือนเด็กๆ หน่อยเลย” หญิงสาวบ่นแบบไม่สนใจใยดีเหมือนเคย
“ผมอยากจะกลับเกาหลีนิ”
“หายแล้วค่อยกลับ จะไปทั้งแบบนี้ได้ยังไง เกิดเป็นลมบนเครื่องบินแล้วใครจะช่วยฉันแบกคุณ ตัวออกเบอเร่อ” เธอต่อว่า ชายหนุ่มหันมาหาเธอ
“คุณจะกลับเกาหลีกับผมใช่ไหม” น้ำเสียงเขาดีใจอย่างออกนอกหน้า
“ใช่.....ใครจะปล่อยให้คนป่วยเดินทางคนเดียวล่ะ ถ้าคุณยังไม่ยอมทานข้าวทานยาแบบนี้ หายช้าฉันก็จะพาคุณกลับช้าไม่รู้ด้วยนะ”
ชายหนุ่มยิ้ม
“ทานสิ แต่คุณต้องป้อนผมนะ” เขาต่อลอง
“นิคุณ...มือไม่ได้เจ็บซะหน่อย”
“ก็ผมไม่มีแรงแล้ว อ่อนเพลียแรงน้อย” เขาทำท่าออกเซาะอย่างน่าหมั่นไส้
หญิงสาวเลยจำใจป้อนข้าวเขา
เมื่อชายหนุ่มหายดีทั้งสองก็เดินทางกลับเกาหลีพร้อมกันไอริณไปร่ำลาพ่อกับน้าชม
“ดูแลตัวเองดีๆนะลูก ต่อจากไปลูกมีครอบครัวเป็นของตัวเองแล้วจะต้องทำหน้าที่ของแม่บ้าน ดูแลสามีและเรื่องในบ้านให้ดี ความสำเร็จของคนก็เริ่มจากที่บ้านก่อนถึงจะทำงานข้างนอกได้ดี”
“ค่ะพ่อ พ่อก็เหมือนกันนะคะ มีอะไรก็รีบโทรไปบอกอุณนะคะ แล้วอุณจะมาช่วยพ่อเอง”
“ยังมีน้าอยู่ทั้งคนนะจ๊ะหนูอุณ ไม่ต้องห่วงทางนี้หรอกจ๊ะ น้าก็ขอให้หนูมีความสุขดูแลครอบครัวให้ดี มีเรื่องอะไรก็โทรมาเล่าให้น้าฟังนะ”
“ค่ะน้าชม อุณไปก่อนนะคะ”
แดเนียลเอ่ยร่ำลาพ่อตาแม่ยายแล้วก็ตามหญิงสาวขึ้นรถ
เมื่อทั้งสองมาถึงเกาหลีเป็นเวลาดึกมากแล้วทั้งสองแยกเข้าห้องนอนอย่างเหนื่อยล้า
ตอนเช้าไอริณตื่นขึ้นมาทำกับข้าวให้ชายหนุ่มทานและทำความสะอาดบ้านชายหนุ่มตื่น 8 โมงเช้า เขาลงมาทานข้าวเช้ามองดูคนร่างเล็กที่ง่วนกับการเก็บกวาดบ้าน
“ไอริณมาทานข้าวด้วยกันสิ” เขาเรียกเธอ
“คุณทานก่อนเถอะ”
“ไม่เอาหรอก มาทานข้าวด้วยกันนะ” เขาเดินไปหาเธอแย่งไม้ถูพื้นมาแล้ววางลง แล้วจูงเธอไปนั่งลงที่เก้าอี้
“คุณต้องมานั่งทานข้าวกับผมนะ จะให้ผมทานข้าวคนเดียวได้ยังไง”
“ทำไม แค่นี้ก็ทานไม่ลงหรือไงคะ”
ชายหนุ่มมองหน้ารูปไข่อย่างไม่สบอารมณ์
“ผมบอกให้ทานด้วยก็ทานด้วยเถอะน่า จะให้ทานคนเดียวได้ยังไง กับข้าวตั้งเยอะ” ชายหนุ่มหาข้ออ้าง
หญิงสาวจำใจทานข้าวกับเขา
“ต่อไปคุณต้องทานกับผมทุกวันนะ” เขาบอก
“ทำไมไม่เห็นหน้าฉันแล้วกินข้าวไม่ลงหรือยังไงกัน” เธอยั่วอารมณ์เขา
“มันไม่เกี่ยวซะหน่อย....... คิดว่าผมอยากจะเห็นหน้าคุณหรือยังไง ยัยแม่หนอน หน้าตาก็งั้นๆ มันไม่ช่วยให้เจริญอาหารหรอกนะ”
ไอริณระงับอารมณ์เอาไว้
“ก็แล้วทำไมไม่กินคนเดียวล่ะ” เธอกระแทกช้อนลงที่โต๊ะ
“ก็แบบนี้น่ะดีแล้ว.....การทานข้าวก็ต้องมีเพื่อนนั่งทานไปด้วย บ้านนี้ก็มีเราแค่สองคนเองนะ และอีกอย่างคุณก็ต้องทานข้าวเช้าด้วยเหมือนกัน ถ้าทานสายกว่านี้เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะ” เขาตอบเสียงอ้อมแอ้ม
ไอริณทานข้าวต่ออย่างไม่ใส่ใจนักแดเนียลแอบเมียงมองได้แต่อมยิ้ม เขาไม่กล้าบอกเธอตามตรงนัก ก็เขาชินกับการนั่งทานข้าวกับเธอทุกวันเสียแล้วนินา
ตอนสายเขาแต่งตัวออกจากบ้าน
“เดี๋ยวผมจะไปบริษัทหน่อยนะครับ ไปดูตารางงาน อาจจะกลับเย็นหน่อย”
“ค่ะ” ไอริณยังคงง่วนกับการทำความสะอาดบ้านต่อเพราะไม่อยู่หลายวันบ้านค่อนข้างสกปรก
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะพาไปทานข้าวกับคุณแม่นะ”
“ค่ะ” เธอตอบโดยไม่ได้หันมามองเขา


 



Create Date : 01 เมษายน 2553
Last Update : 17 สิงหาคม 2562 7:38:42 น.
Counter : 1147 Pageviews.

1 comments
  
กว่างานบ้านจะเสริจก็บ่ายไอริณต้องซักผ้าของเธอกับแดเนียล เมื่อเสร็จทุกอย่างดีแล้วไอริณนั่งพักเหนื่อย นั่งคิดว่าจะทำอะไรต่อไปดี คิดถึงฮูนามินเธอจึงต่อโทรศัพย์ถึงพี่สะไภ้
“สวัสดีค่ะพี่สะไภ้”
“อ้อ....ไอริณเองเหรอ กลับมาเมื่อไหร่กัน”
“เมื่อคืนค่ะพี่”
“พรุ่งนี้ฉันจะไปดูงานที่ร้านดีไหมคะ”
“ได้สิ.....”
“ฝากบอกคุณแม่ด้วยนะคะพรุ่งนี้เราจะแวะไปทานข้าวด้วย”
“จ๊ะ แล้วเจอกันนะ”
ตอนบ่ายไอริณไปหาจิรัญญาที่ร้านอาหารไทย
“โอ้ว...หนูอุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“สวัสดีค่ะอาญา อุณมาถึงเมื่อคืนค่ะ นี่ค่ะของฝากจากเมืองไทย” เธอส่งของฝากที่เตรียมมาให้จิรัญญา
“ขอบใจมากเลยนะจ๊ะ แล้วมาคนเดียวเหรอ”
“ค่ะแดเนียลเขาไปดูงานที่บริษัท”
“นั่งก่อนนะจ๊ะ” ญาเชื้อเชิญเธอเข้ามานั่งในร้าน
“แล้วเป็นไงบ้าง กับแดเนียล”
“ก็ดีค่ะ...แล้วชาอินล่ะคะ เธอเป็นไงบ้าง สามีเธอเข้ากันดีไหม”
“รายนั้นไม่ต้องห่วงหรอกนะ เขาเข้ากันได้ดีทีเดียวเชียวแหล่ะ ตอนนี้ทั้งสองย้ายไปอยู่อพาสเม้นส์แล้ว”
“เหรอคะดีจัง อุณก็คิดว่าคุณซง อันโบ คงจะดูแลเธอได้ดีค่ะ”
“เดี๋ยวอาจะโทรให้เธอมาหาเราที่นี่นะ อุณอยู่ทานข้าวเย็นกับเรานะ”
“เออ....ได้ค่ะ”
ตอนเย็นชาอินกลับจากทำงานมาพบไอริณทั้งสองสาวโผเข้ากอดกันอย่างคิดถึง
“เป็นไงบ้างไอริณ....ฉันคิดถึงเธอมากเลยนะ”
“ฉันก็เหมือนกัน เธอสบายดีไหม”
“สบายดี”
“แล้วคุณซง อันโบ ล่ะ”
ซง อันโบตามหลังชาอินมา
“สบายดีจ๊ะ”

ทั้งสองสาวเข้าครัวช่วยกันเตรียมอาหาร
“สามีเธอเขาดีกับเธอใช่ไหม ชาอิน” ไอริณถามเพื่อน
“เขาก็ทำหน้าที่สามีที่ดีจ๊ะ” ชาอินตอบอายๆ
“แล้วแดเนียลล่ะจ๊ะ ไอริณ”
“เขาไปดูงานที่บริษัทจ๊ะ” เธอตอบ
“เขาเป็นไงบ้าง”
“ก็ดีนะ อาจจะเอาแต่ใจมากไปหน่อย แต่เขาก็ไม่มีพิษภัยอะไร” เธอตอบ
“แล้วพวกเธอ..จี๊จ๊ะกันแล้วใช่ไหม” ชาอินเลียบๆเคียงๆถาม
“อะไรเหรอ” ไอริณถามอย่างไม่เข้าใจ
“ก็อย่างว่าไง” ชาอินย้ำ
“อย่างว่าเหรอ” ไอริณทำหน้าครุ่นคิดหนักอย่างที่ว่ามันคืออะไรกัน
“อะไรกันนี่อย่าบอกนะว่าพวกเธอยังไม่มีอะไรกัน”
“ยังหรอก” ไอริณตอบหน้าตาเฉย
“เธอนี่มันเดียงสาจริงๆ แม่คุณ แดเนียลน่ะเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟคจะตายสาวๆต่างก็ใฝ่ฝันทั้งเกาหลี เธอจะปล่อยโอกาสดีๆหลุดมือไปได้ยังไงกัน” ชาอินต่อว่าเธอ
ไอริณก็ยังไม่ได้ใส่ใจกับมันนัก
อาหารเย็นมื้อนั้นผ่านไปอย่างสนุกสนานชาอินรินเหล้าให้ไอริณดื่ม
“ดื่มเถอะนะมันเป็นธรรมเนียมเมื่อใครรินเหล้าให้เราก็ต้องดื่มให้หมด แค่แก้วเดียวเอง” เธอบอกเพราะรู้ดีว่าไอริณดื่มไม่เป็น

แดเนียลกลับมาที่บ้านไม่พบไอริณเขาแปลกใจว่าเธอหายไปไหน เดินดูทั้งบ้านก็ไม่พบ เขาลองโทรไปหาแม่ที่บ้านฮูนามินรับ
“วันนี้เธอโทรมาหาพี่เหมือนกันบอกว่าพรุ่งนี้จะมาทานข้าวกับคุณแม่และก็จะคุยเรื่องที่ร้านด้วย”
“แล้วเธอไปไหนนะ”
ฮูนามินครุ่นคิดว่าเธอรู้จักใครบ้างที่เกาหลี
“หรือจะไปหาคุณจิรัญญาหรือเปล่า”
“อ้อ..ใช่นะ อาจจะเป็นไปได้ครับ”
ชายหนุ่มวางสายแล้วรีบออกจากไปเพื่อไปหาหญิงสาวที่ร้านของจิรัญญาแต่ไปที่นั่นพนักงานของร้านบอกว่าเธอกลับบ้านไปแล้วและบอกที่อยู่บ้านให้ชายหนุ่มตามไป
แดเนียลไปที่บ้านของจิรัญญาเขากดออดหน้าบ้าน จิรัญญาดูที่จอมอนิเตอร์
“แดเนียลมาแน่ะ สงสัยจะมาตามอุณ” เธอบอก
ไอริณร่ำลาครอบครัวซางพร้อมกับขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้ สบตากับดวงตาคมเข้มที่มองเธอราวกับจะเลือดกินเนื้อ
“ทำไมคุณไม่โทรบอกผมว่าคุณไปไหน”
“ก็ฉันไม่รู้เบอร์โทรคุณนิ” เธอตอบแบบกวนอารมณ์สุดๆ
ชายหนุ่มได้แต่หัวเสียกับอาการที่ไม่ยินดียินร้ายกับอะไร
เขาพาเธอไปที่ห้าง
“มาที่นี่ทำไมคะ”
“ลงมาเถอะน่า” เขาเดินมาเปิดประตูให้เธอ แล้วพาเดินเข้าไปในห้าง
ที่ศูนย์โทรศัพย์มือถือชายหนุ่มเลือกซื้อมือถือที่เหมือนกับของเขาอันหนึ่งให้เธอ
“ซื้อให้ฉันทำไมคะ”
“ก็เอาไว้ใช้ไง เผื่อไปไหนมาไหนจะได้โทรหาได้ ผมไม่ชอบเวลาที่หาใครไม่เจอ” เขาบอกแล้วเดินนำเธอไป
“ไม่เห็นจำเป็นซะหน่อย” เธอบ่นตามหลัง
ชายหนุ่มแวะเข้าที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“ผมหิวแล้ว...คงกลับไปทำกับข้าวไม่ไหวหรอกดึกแล้ว” เขาบอก
“ฉันอิ่มแล้วนะ”
“แต่ก็ช่วยนั่งเป็นเพื่อนผมหน่อยจะได้ไหม เป็นการตอบแทนสามีที่ใจดีซื้อมือถือให้” เขาพูดแดกดันเธอ
“ขอบใจ แต่คราวหน้าฉันจะหาเงินซื้อเอง” เธอตอบอย่างไม่สนใจเหมือนเดิม
แดเนียลได้แต่ขบฟันอย่างโมโห
ขณะที่ทั้งสองนั่งทานอาหารกันอยู่นั้นมีสาวๆที่เดินผ่านไปมากรี๊ดกร๊าดแดเนียลเป็นระยะทำให้การทานอาหารไม่ค่อยราบลื่นเท่าที่ควร เพราะชายหนุ่มจะคอยโพสท่าถ่ายรูปให้กับพวกเธอ
“การเป็นดารานี่ก็ลำบากเหมือนกันนะ” เธอประชดเขา
“การเป็นเมียดาราก็ลำบากเหมือนกกันแหล่ะ” เขาเองก็ไม่อ่อนข้าให้
“ผมขอตัวก่อนนะครับ” เขาพูดกับบรรดาแฟนคลับก่อนจะฉุดมือหญิงสาวออกเดิน
เมื่อมาถึงบ้านเขาบอกแธอว่ามีงานแต่เช้า
“ฮืม....แล้วจะไปหาคุณแม่ตอนกี่โมงล่ะ”
“เอาไว้ผมเสร็จงานแล้วจะรีบกลับมา แค่ดูรายละเอียดของแฟชั่นโชว์ธรรมดา เที่ยงก็คงเสร็จ”
“พรุ่งนี้คุณตื่นแต่เช้าหน่อยล่ะกันนะ”
“ฉันตื่นเช้าอยู่แล้ว คุณเองแหล่ะที่ต้องตื่นแต่เช้า”
เธอพูดแล้วสะบัดตัวเดินขึ้นห้องไป
ชายหนุ่มได้แต่ยืนแยกเคี้ยวใล่ตามหลัง
ไอริณเอามือถือออกมาดูเธออ่านคู่มือภาษาอังกฤษที่มากลับกล่องแล้วลองเปิดเล่นเพื่อทดลองใช้งาน
โดย: unitan วันที่: 1 เมษายน 2553 เวลา:20:43:25 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

unitan
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]