โลกจะสวยงาม เพราะมีความรัก ไม่ว่าจะเป็นความรักแบบไหน
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
22 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 

พี่อ้อกับท้องนาท้องไร่ และวีรกรรมที่ลืมไม่ลง



สวัสดีจ้ะน้องรัก

ว่าจะเล่าเรื่องตอนโตขึ้นมาหน่อย แต่ก็อดเล่าวีรกรรมตอนเด็กไม่ได้ คิดว่าคงจะเป็นเรื่องพื้นๆที่เด็กบ้านนอกทุกคนก็ต้องเคยผ่านมาแล้วทั้งนั้น แต่เผื่อว่าน้องซึ่งเป็นเด็กเมืองกรุงจะคิดไม่ออกว่าพี่อ้อตอนเด็กๆอยู่ได้อย่างไรโดยไม่รู้จักเกมคอมพิวเตอร์และตุ๊กตาบาร์บี้ ลองอ่านดูนะ

บ้านของพี่อ้อล้อมรอบด้วยทุ่งนา ทุ่งนาที่ไม่ใช่ของที่บ้านพี่อ้อสักแปลง อย่างที่รู้กันนะจ้ะว่าที่บ้านของพี่ค้าขาย แต่อย่างไรก็ตาม ตากับยายซึ่งย้ายจากพะเยามาปลูกบ้านในละแวกเดียวกันยังคงมีอาชีพเดิมคือทำไร่ แต่เช่าที่ดินของคนอื่นซึ่งอยู่ไกลจากบ้านมากๆ (จำไม่ได้ว่าไกลแค่ไหน แต่ไกลมากในความรู้สึกของเด็กอย่างพี่อ้อ เพราะเดินเท่าไหร่ๆก็ไม่ถึงสักที) ตาพาพี่อ้อไปทำไร่แค่ไม่กี่หนในชีวิตของพี่อ้อ (และของตา) เพราะตาของพี่อ้อเสียเมื่อพี่อายุประมาณสิบขวบ ตอนแรกๆก็เอาพี่อ้อแบกขึ้นหลัง พาเดินไป แบบนี้สนุกดี แต่พอพี่อ้อโตขึ้นมาหน่อยก็ต้องเดินเอง ความรู้สึกมันช่างไกลแสนไกล น้าของพี่อ้อเล่าให้ฟังว่าพี่อ้อเดินไปไร่ชอบแกว่งแขน ผู้ใหญ่เตือนก็ไม่ฟัง เดินไปก็ฮัมเพลงไปแกว่งแขนไป ในที่สุดก็พลาด แกว่งแขนเข้าไปในพุ่มหนามอย่างแรง เพราะระหว่างทางมีหญ้าและพุ่มไม้ขึ้นรกตลอดทาง ตกลงพี่อ้อต้องเปลี่ยนจากฮัมเพลงมาร้องครางเป็นลูกหมาเพราะมีหนามเล็กๆขนาดแทบมองไม่เห็น มีลักษณะเป็นขนๆตำอยู่ทั่วแขน น้าต้องช่วยเอาออกให้ เป็นผลขอการไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่

ไปทำไร่กับตาไม่ค่อยรู้สึกว่าไปทำงานเพราะพี่อ้อมีหน้าที่นอนคอยตาอยู่ในนั่งร้าน หรือที่เขาเรียกกันว่า กระท่อมปลายนา (ที่พระเอกนางเอกหนังไทยเขาเข้าไปหลบฝนกันนั่นหละ) ถึงเวลากินข้าวตาก็จะแกะห่อข้าวที่เตรียมมาหรือทำกับข้าวกินกันสดๆตรงนั้นเลย อากาศข้างนอกร้อน แต่ในนั่งร้านกลับมีลมพัดเย็นสบาย ให้ความรู้สึกเหมือนไปปิกนิก มีอยู่ครั้งสองครั้งที่พ่อกับแม่ตามไปช่วยตาด้วย เลยสนุกกันใหญ่ พืชที่ตาปลูกก็มีถั่วลิสง ยาสูบ มันเทศ แล้วก็ข้าวโพด พี่อ้อเคยทำแค่ปลูกถั่ว คือเอาไม้พลองยาวๆขนาดเท่าแขนมีปลายแหลม ทิ่มลงไปบนพื้นดินให้เป็นแนวเดียวกัน โยนเมล็ดพันธุ์ถั่วลิสงลงไปแล้วก็ใช้เท้ากลบ สนุกดี อีกอย่างที่เคยทำคือเก็บใบยาสูบ อันนี้ไม่สนุกเท่าไรต้องเก็บใบที่กำลังดี ไม่แก่ไม่อ่อนไป พี่อ้อไม่เคยแยกได้ถูกสักที ส่วนข้าวโพดและมันเทศพี่อ้อไม่ทันได้เห็นตอนเขาปลูกหรือเก็บ แต่ทันได้กิน (แหะๆ) มันเทศที่เก็บมาสดๆ เอามานึ่งหรือต้มกินอร่อยอย่าบอกใคร กินสดๆก็ได้ หวานๆแต่จะออกแป้งๆ ฝืดคอ กินมากไม่ดี สำคัญคือต้องล้างให้สะอาดก่อนเพราะบางทีก็กินทั้งเปลือก ถั่วลิสงต้มคงไม่ต้องพูดว่าอร่อยยังไงสำหรับคนชอบกิน แม่ชอบเอาถั่วลิสงมาตากแห้งแล้วเอาไปทอด โรยเกลือ ใส่ขวดโหลปิดให้สนิทเก็บไว้กินเล่นได้นาน ส่วนข้าวโพดตอนเก็บมาใหม่ๆก็เอามานึ่งหรือเผาทั้งเปลือกพอสุกแล้วก็แกะกิน หวานอร่อยดี บางทีก็นึ่งขายสดๆมีคนมาซื้อถึงบ้าน หน้าข้าวโพด ชาวบ้านที่อยู่ละแวกเดียวกันมักจะพากันตั้งโต๊ะนึ่งข้าวโพดขายตามข้างถนน บางทีมีเป็นสิบๆเจ้า ข้าวโพดที่เหลือจากขาย ตากับยายจะเอามาผึ่งไว้ใต้ถุนบ้าน พอแห้งสนิทดีแล้วก็แกะเป็นเมล็ดพันธุ์เพื่อปลูกต่อไป หรือไม่ก็ขายเป็นเมล็ดพันธุ์ทีละกระสอบๆ งานแกะเม็ดข้าวโพดจากฝักนี่พี่อ้อถนัดนัก

นอกจากการไปไร่กับตานับครั้งได้ พี่อ้อก็ไม่ได้มีกิจกรรมใดๆที่พอจะคุยได้ว่าเป็นชาวไร่ชาวสวนกับเขาเลย หน้านาก็ได้แต่มองชาวบ้านเขาดำนา เกี่ยวข้าว แต่ไม่เคยได้ศึกษาว่าเขาทำกันอย่างไร อย่างเก่งก็ไปเล่นโคลนจับปูจับปลากับเพื่อนผุ้ชายช่วงที่ในนามีน้ำขัง พร้อมที่จะปักกล้า แต่ทำหลังจากที่ลงกล้าแล้วไม่ได้เพราะเดี๋ยวไปเหยียบกล้าเขาตายหมด และทำบ่อยไม่ได้เพราะจะโดนแม่ดุที่เสื้อผ้าเปื้อนโคลน พี่อ้อเลยไม่มีโอกาสจะได้ใกล้ชิดเจ้าทุยหรือพี่โคพอที่จะรู้ว่าเขาเลี้ยงกันอย่างไร รู้แต่ว่ามูลวัวมูลควายเป็นปุ๋ยชั้นดี ต้องแบกไปส่งอาจารย์เพื่อขอคะแนนวิชาเกษตร ก็พี่อ้อน่ะ ไม่รู้เป็นไง ไม่ว่าครูจะสั่งให้ปลูกอะไร เป็นไม่เคยรอด ตายทุกที ต้องใช้วิธีปุ๋ยคอกแลกคะแนนอยู่เป็นประจำ ทั้งๆที่เป็นลูกหลานชาวไร่ ตากับยายของพี่อ้อน่ะ ปลูกอะไรก็ขึ้น แค่โยนๆลงดินก็งอกงามขึ้นมาได้ อยากให้ตายยังอุตส่าห์ขึ้นเลย ด้วยเหตุนี้ หลังบ้านตากับยายก็เลยมีผักผลไม้ขึ้นเต็มไปหมด

ส่วนเมื่อหมดหน้านา พี่อ้อก็มีของเล่นคือกองฟางและดินเหนียว หลังจากที่ชาวบ้านเกี่ยวข้าว นวดข้าวเสร็จ นาแต่ละแปลงก็จะเหลือต้นข้าวแห้งๆที่ไม่มีเมล็ดติดอยู่เรียกว่า ฟางข้าว ฟางข้าวจะถูกนำมากองรวมกันไว้เป็นกองๆประปรายทั่วไปในนาแต่ละแปลง ใช้เป็นอาหารวัว เอาไปเพาะเห็ดก็ได้ นอกจากจะมีประโยชน์แล้ว กองฟางนี้เป็นสวรรค์ของเด็กๆ เป็นของเล่นเอาท์ดอร์ พี่อ้อชอบกระโดดลงไปในกองฟางเพราะรู้ว่าจะไม่เจ็บ นอกจากนี้ยังสามารถเอามาสร้างบ้านได้อีกด้วย แค่เอาไม้ใผ่หรือไม้อะไรก็ได้มาทำโครงบ้านแล้วก็เอาฟางสุมๆลงไปก็ได้บ้านเล็กๆที่ร่มรื่นพร้อมเล่นบ้าน ส่วนข้าวของในบ้านก็ขุดเอาดินเหนียวมาปั้น พี่อ้อปั้นเก่งมาก ทั้งช้อนคันเล็กๆ กะทะ ตะหลิว หม้อ ทัพพี เตาอั้งโล่ พี่อ้อปั้นเป็นหมด บ้านของพี่อ้อเลยสนุกใหญ่ แต่......ไม่อยากบอกเลยว่าทุกครั้งหลังจากเล่นบ้านฟางพี่อ้อต้องเข็ดหลาบและระวังในการเล่นครั้งต่อไป เพราะเวลาที่อาบน้ำจะแสบมาก คันยิบๆทั้งหน้าทั้งตัว เพราะผิวถูกฟางบาดเป็นรอยแผลเล็กๆนับร้อยนับพันที่มองไม่เห็น และแผลก็เล็กจนเราไม่รู้สึกอะไร จะรู้สึกก็ต่อเมื่อโดนน้ำ...โอย...ไม่อยากจะบรรยาย

การเล่นต่างๆที่พี่อ้อเล่านี้แม่ไม่เคยว่า แต่มีเรื่องหนึ่งที่แม่ห้ามขาดแต่พี่อ้อก็ยอมเสี่ยงไม้เรียวแอบทำบ่อยๆคือการแก้ผ้าเล่นน้ำในคูส่งน้ำ คูส่งน้ำนี้เป็นคูขุด ซึ่งชาวบ้านขุดเพื่อใช้น้ำในยามข้าวขาดน้ำ คูนี้ยาวมาก อ้อมไปมาโอบล้อมผืนนาของชาวบ้านในละแวกนั้นทั้งหมด แล้วก็วนกลับมาบรรจบกัน ไม่แน่ใจว่าจุดเริ่มต้นและจุดจบอยู่ที่ไหน พี่อ้อไม่เคยรู้เรื่องนี้เลยจนโตขึ้น คิดตามประสาเด็กว่าคูอยู่ตรงนั้นตามธรรมชาติ คูที่ว่านี้ผ่านหลังบ้านพี่อ้อโดยตรง แต่เป็นส่วนที่แคบจนดูไม่ออกว่าเป็นคูน้ำเดียวกันกับส่วนที่อ้อมล้อมผืนนาด้านหลังบ้านของพี่ แต่ห่างออกไปอีก คูช่วงนี้เองที่เด็กๆชอบมาเล่นน้ำ น้ำในคูตื้นมาก ลึกที่สุดแค่เลยเข่ามานิดหน่อย และน้ำก็ใสราวกับกระจก มองเห็นพื้นทรายขาวสะอาด น่าเล่นที่สุด

พี่อ้อว่ายน้ำไม่เป็น และแม่ก็ห้าม คาดโทษหนักเอาไว้ แต่พี่อ้อก็อดไม่ได้เมื่อเห็นเพื่อนๆกระโดดน้ำกันตูมตาม ยิ่งมองไปในคูก็อดใจไม่ไหว ต้องเข้าใจว่าน้ำกับเด็กเป็นของคู่กัน เด็กชาวเหนืออย่างพี่อ้อไม่ค่อยมีโอกาสได้เล่นน้ำทะเล หรือแม้กระทั่งได้สัมผัสการเล่นน้ำ หรือหัดว่ายน้ำอย่างจริงจัง นอกจากใครโชคดีจะมีบ้านอยู่ติดกับแม่น้ำ ครั้งหนึ่ง พี่อ้อยอมเสี่ยงแก้ผ้าลงเล่นน้ำกับเพื่อนๆในคู สนุกมากจริงๆ แต่แล้วเมื่อกลับบ้านก็ถูกแม่ตีหนัก คำแก้ตัวฟังไม่ขึ้นเพราะแม่บอกว่ามองจากหน้าต่างหลังบ้านเห็นคูน้ำ แม่เห็นพี่อ้อแต่ไกลก็จำได้เพราะใส่กางเกงในสีแดง เลยโดนตีตามระเบียบ ตอนนั้นไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ต้องห้าม เพราะน้ำในคูตื้นมาก ไม่น่าจะมีอันตราย แต่โตขึ้นถึงรู้ว่า อันตรายสำหรับเด็กผู้หญิงที่แม่ห่วงนั้นไม่ใช่แค่การจมน้ำ แต่เป็นเรื่องอื่นๆด้วย

พี่อ้อทำวีรกรรมที่ทำให้ต้องถูกตีครั้งใหญ่เมื่ออยู่ชั้นปอหก เนื่องจากเป็นหัวโจกตั้งขบวนการนักสืบตามแบบในหนังสือ "เจ็ดสหายนักสืบ" นักสืบที่มาร่วมขบวนการกับพี่อ้อก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คือบรรดาน้องๆลูกของน้าๆป้าๆแถวบ้านซึ่งสถาปนาให้พี่อ้อเป็น "ลูกพี่" ไม่ว่าพี่อ้อจะสั่งให้ทำอะไรเป็นอันว่าได้ดังใจ ฮ่าๆ ก็พวกเขาเด็กๆทั้งนั้น อายุตั้งแต่ ห้าขวบขึ้นมาถึงแปดขวบ (เห็นไหม...พี่อ้อมีนิสัยรักเด็กมานานแล้ว ไม่ได้เพิ่งมาเป็นตอนโต) เอาล่ะ กลับเข้าเรื่อง พอตั้งขบวนการนักสืบได้ พวกเรานักสืบหัวเห็ดก็ต้องหาคดีสืบ แต่.... จะสืบอะไรดีล่ะ ในหมู่บ้านเล็กๆเงียบสงบในจังหวัดเชียงราย... น้องคิดว่าจะมีเรื่องอะไรน่าสืบหรือ? โธ่... จะมีได้อย่างไรเล่า เป็นอันว่าพวกเราลงเอยด้วยการนัดประชุม มีรหัสลับเข้าห้องประชุม (ซึ่งก็คือห้องครัวของแม่พี่ เป็นห้องเล็กๆ แยกออกมาจากตัวบ้าน) ใครบอกรหัสลับได้ถูกต้อง ก็เอาขนมมากิน และคุยกัน แค่นั้น ไม่เร้าใจเลย วันหนึ่ง ลูกพี่อย่างพี่อ้อเลยคิดว่าขบวนการนักสืบของเราน่าจะออกเดินทางเพื่อสืบหาอะไรบางอย่าง (ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร) ให้ทุกคนเตรียมอาหารและน้ำมาเจอกันในวันถัดมา ปฏิบัติการนี้เป็นความลับ ห้ามบอกใคร (แหม...เริ่มเข้าท่าแล้ว พี่อ้อคิดในใจด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง)

ในวันเดินทาง นักสืบทุกคนเตรียมกล่องข้าวและกระติกน้ำมาอย่างพร้อมสรรพ มีทั้งลายโดราเอมอน ลายคิตตี้ ดูสมกับเป็นมืออาชีพกันทุกคน แล้วเราก็ออกเดินทาง เดินขบวนโดยมีพี่อ้อนำ เอ...แต่ว่าจะไปทางไหนดีนะ เอาเป็นว่าไปเรื่อยๆตามคันนาก็แล้วกัน ปรากฎว่าขบวนสวนสนามของเราเป็นที่เอิกเกริกมากสำหรับเด็กรุ่นเดียวกันที่พบเราระหว่างทาง มีการขอแจมเป็นระยะๆ สร้างความ "ยืด" ให้แก่พี่อ้อหัวหน้าขบวนอย่างยิ่ง พี่อ้อพบเด็กผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันสองสามคน รู้จักหน้าค่าตากันดี เคยเล่นด้วยกันบ่อยๆ นอกจากพวกเขาจะขอแจมแล้วยังเสนอตัวพาทัวร์อีกด้วย พวกเราเดินเพลินไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าออกห่างจากหมู่บ้านมาไกลแค่ไหน แต่เริ่มเหนื่อยแล้วเลยพักทานข้าวปลาที่กระท่อมปลายนาที่ปลูกชิดกับคูน้ำ พวกเราบางคนเลยเล่นน้ำเสียเลย พี่อ้อไม่ได้เล่นน้ำด้วย แต่นั่งดู กำลังเพลินกันอยู่ก็เห็นคนแก่รูปร่างคุ้นๆเดินมาแต่ไกล ดูท่าทางจะรีบน่าดู พอแกเดินเข้ามาใกล้ๆก็ทำเอาพวกเราอึ้งกันหมด เพราะคนแก่คนนั้นคือคุณยายสุดที่รักของพี่อ้อเอง พอยายมาถึงก็ดุพี่อ้อใหญ่โต บอกว่า "รู้ไหมว่ามากันไกลขนาดไหน" ยายสั่งให้พวกเราขึ้นจากน้ำแล้วตามยายกลับบ้านทันที พวกเราเลยจ๋อยไปตามระเบียบ ต้องตามยายกลับบ้านแยกย้ายกันไปรับโทษแต่ละบ้าน พี่อ้อโดนหนักกว่าเพื่อนเพราะโตกว่าใครแต่ไม่รู้จักคิด พาน้องๆไปเสี่ยงอันตราย ถูกพ่อตีหนักที่สุดในชีวิต โกรธก็โกรธ แต่ก็รู้ว่าท่านมีเหตุผลที่ต้องลงโทษ

ตั้งแต่นั้นมาพี่อ้อก็ต้องจำกัดการเล่นและจินตนาการของตัวเองไว้บ้าง อีกอย่างหนึ่งยายบอกว่าพี่อ้อเริ่มโตเป็นสาวแล้วต้องระวังตัว ถึงแม้พี่อ้อจะไม่คิดอย่างนั้น คิดว่าตัวเองยังเด็กอยู่ก็ตาม ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอันตรายของลูกผู้หญิงมีอยู่รอบตัว ไม่ว่าจะเด็ก สาว หรือแก่

พี่อ้อจำได้ว่าตอนยังเด็กนั้น ด้วยความที่พ่อไม่เคยซื้อของเล่นเข้าบ้าน พี่อ้อเลยต้องใช้ทุกอย่างเป็นของเล่น บางทีก็เป็นของที่ไม่น่าเล่น อย่างเช่น กรรไกรตัดผมสุดหวงแสนแพงของแม่ พี่อ้อก็เอามาตัดกระดาษทำตุ๊กตากระดาษเล่นเอง บางทีก็ตัดกระดาษเอามาทำเงิน วาดรูปอาหารระบายสีแล้ววางขาย ทำการ์ดจับคู่สุภาษิต พี่อ้อต้องจินตนาการว่าบ้านเป็นโรงพยาบาลบ้าง เป็นธนาคารบ้าง เป็นป่าเขาลำเนาไพรบ้าง บ้านของเราเป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูง มีเสาอยู่กลางบ้าน เสาที่ว่านี้บ่อยครั้งถูกสมมุติให้เป็นต้นไม้ พี่อ้อใช้ให้ลูกน้อง ปีนขึ้นเสาเอามะม่วงบ้าง เงาะบ้าง ส้มบ้าง (ตามแต่ว่าในตู้เย็นจะมีผลไม้อะไร) ไปผูกไว้ที่ปลายเสา เวลาอยากกินก็ให้น้องคนเดิมปีนขึ้นไปเก็บลงมา

เกมสุดโปรดที่ใช้เล่นในบ้านของพี่อ้อมีอยู่สองสามเกม เกมแรกคือเกมเดินป่า สมมุติให้ตัวเองและพรรคพวกเป็นราชวงค์ องค์หญิงองค์ชาย ถูกศัตรูตามล่า ต้องหนีหัวซุกหัวซุนอยู่ในป่า หาผลไม้กินประทังชีพ ตอนนี้เองที่เสากลางบ้านได้มีบทบาทสำคัญ ทำหน้าที่เป็นต้นไม้ให้เราได้ปีนเก็บผลไม้ ถ้าเป็นเวลาเที่ยงพอดี แล้วมีข้าวสวยอยู่ที่บ้าน ก็เอาข้าวห่อใบตองมากินกับมือเหมือนที่เห็นจากละครจักรๆวงศ์ๆทางโทรทัศน์ (เรื่องกินข้าวนี้ บางทีพี่อ้อก็นึกแผลงเอาตะเกียบมาพุ้ยข้าวกินเหมือนกับที่เห็นในหนังจีน..ซึ่งตอนนั้นรู้สึกว่าได้ทำอะไรแผลงที่สุดแล้วเพราะที่บ้านพี่อ้อทานข้าวเหนียวด้วยมือเหมือนกับครอบครัวทางเหนือทั่วไป เราไม่ใช้ตะเกียบเลยนอกจากใช้กินก๋วยเตี๋ยว) เกมที่สอง เกมทำงานหาเงิน สมมุติให้ที่บ้านเป็นโรงพยาบาล พี่อ้อเป็นนางพยาบาล (ตอนเด็กพี่อ้อฝันอยากเป็นนางพยาลเหมือนกับน้าที่เลี้ยงพี่อ้อมา) ต้องเข้าเวรทำงานหนัก เวลาทำงาน ก็ให้เดินรอบเสาสิบรอบต่อหนึ่งเวร พอครบเดือนก็ได้เงินเดือน ส่วนคนอื่นๆอยากเป็นอะไรก็ให้คิดเอาเอง (ไม่รู้สนุกตรงไหน ..คงสนุกที่ได้เป็นอย่างที่ฝันไว้กระมัง) เกมที่สาม เกมโจรลักพาตัว พี่อ้อมีบทบาทเดียวตลอดการ คือ โจร มีหน้าทีฉุดกระชากลักพาน้องสาวข้างบ้านอายุแค่สี่ขวบ ที่มีหน้าที่อย่างเดียวคือร้องว่า "ช่วยด้วยๆ แม่จ๋า" ส่วนน้องสาวของพี่อ้อเล่นบทแม่ตลอดกาล มีหน้าที่ร้องว่า "อย่านะ ปล่อย อย่าทำลูกช้านนนน....(ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าสนุกยังไง..รู้แต่ว่าตอนนั้นสนุกมากที่ได้เล่นแบบนี้)

พี่อ้อยังมีวีรกรรมแสบๆอีกมาก แต่จำได้เท่านี้ คนแก่ก็แบบนี้ ชอบเล่าเรื่องอดีต หลงๆลืมๆ แต่สิ่งที่พี่อ้อไม่เคยลืมคือความสุขที่ได้รับในวัยเด็ก ความรู้สึกเวลามองสีเขียวขจีของต้นข้าวเต็มผืนนา สีทองของข้าวเวลาสุกงอมสว่างไสวไปทั่วท้องทุ่ง กลิ่นหอมของผืนดินหลังฝนตก เสียงหรีดหริ่งเรไร เสียงกบเขียดยามค่ำคืน และเสียงหัวเราะของเด็กๆ สิ่งเหล่านี้แม้จะเกิดขึ้นนานมากแล้ว และไม่มีวันหวนกลับมาอีก แต่สำหรับพี่อ้อ ทุกอย่างราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้

ปัจจุบันนี้พี่อ้อไม่ได้อยู่บ้านหลังเดิมอีกต่อไป แต่กลับไปครั้งใดก็ใจหายเมื่อพบว่าอะไรๆเปลี่ยนไปมากเหลือเกิน ไม่มีอีกแล้วทุ่งนา ไม่มีเสียงหรีดหริ่งเรไร คูน้ำถูกโบกทับด้วยคอนกรีต หลังบ้านเป็นโครงการบ้านจัดสรรค์ รอบบ้านมีบ้านหลังใหม่ผุดขึ้นมากมาย ยอมรับในความเปลี่ยนแปลงแต่ก็อดเศร้าไม่ได้ ถึงพี่อ้อจะมีบ้านใหม่และย้ายไปกี่บ้าน ความทรงจำจากบ้านหลังเดิมที่มีพ่อ แม่ น้อง และเพื่อนๆ เป็นความทรงจำแสนงามที่ยังอยู่ในใจของพี่อ้อ และทำให้ยิ้มออกได้เสมอยามที่นึกถึง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใดก็ตาม


รักมากจ้ะ

พี่อ้อ




 

Create Date : 22 ตุลาคม 2550
3 comments
Last Update : 8 มิถุนายน 2553 7:16:50 น.
Counter : 955 Pageviews.

 

ช่างเป็นความทรงจำที่น่ารัก คนอะไรทำไมจำได้เก่งจัง เป็นความทรงจำที่ดีมากค่ะ ขอบอก

 

โดย: สมีกัล IP: 58.8.47.26 24 ตุลาคม 2550 20:52:53 น.  

 

ถ่ายทอดได้ดีมากเลยคะ ได้กลิ่นความทรงจำเลยละ
นึกถึงตอนเด็กๆเลย เวลาเล่นองค์ชายองค์หญิง
ต้องมีตอนชมอุทยานอยู่ด้วย เป็นสิ่งสำคัญมากๆ
เพราะเจ้าชายจะต้องมาปิ๊งๆๆเจ้าหญิงตอนชมอุทยาน

 

โดย: พี่ฝน (Childcraft ) 10 ธันวาคม 2550 23:41:16 น.  

 

โอ..ที่แท้พี่อ้อก็เป้นเด็กบ้า่นนอกเหมือนกับเรานี่เอง ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย หน้าตาเป็นคนเมืองมากๆ

 

โดย: Oot IP: 58.8.7.112 23 ธันวาคม 2550 19:18:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


sandseasun
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add sandseasun's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.