|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
วัยแรกรุ่นครุ่นคิด 2
น้องรัก
อย่างที่เคยบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า พี่อ้อได้เสียแม่ไปในปีแรกของการเป็นนักเรียนมัธยม ความรู้สึกเป็นอย่างไร ได้บรรยายไว้แล้วในจดหมายตอน "พ่อกับแม่ของพี่อ้อ คำว่ารักคงยังไม่พอ จึงขออนุญาตไม่เล่าซ้ำ แต่ผลของการที่เป็นเด็กผู้หญิงที่ย่างเข้าสู่วัยรุ่น แต่ขาดแม่คอยชี้นำ ซ้ำต้องห่างพ่อไปโดยพลันเพราะพ่อแต่งงานใหม่หลังจากที่แม่ตายเพียงสามเดือนก็ทำให้พี่อ้อเรียนรู้ที่จะพึ่งตนเองตั้งแต่นั้นมา อันที่จริงก็เป็นนิสัยส่วนตัวของพี่เองด้วย ที่ไม่ค่อยยอมเอ่ยปากขออะไรจากใคร นิสัยแบบนี้อาจจะเป็นเพราะพี่อ้อชินกับการที่มีแม่คอยจัดหาอะไรๆให้โดยที่ไม่เคยต้องเอ่ยปาก และส่วนหนึ่งก็อาจมาจากการที่พี่ถูกเลี้ยงคู่กับน้องสาวขี้แยและเอาแต่ใจมาแต่เด็ก เวลาที่พ่อกับแม่พูดถึงพี่อ้อก็มักจะพูดว่า ลูกคนนี้ไม่โยเย พาไปไหนไม่ต้องกลัวว่าจะร้องเอานั่นเอานี่ ทำให้พี่อ้อฝังหัวตัวเองว่านี่คือเรา และไม่เคยที่จะเรียกร้องอะไรเลย แม้กระทั่งเมื่อถึงเวลาที่ควรจะร้องขออะไรที่จำเป็นก็ไม่สามารถเอ่ยปากออกมาง่ายๆ ทำให้พี่ตกอยู่ในสถานะ ไม่มีก็ไม่ใช้ ไม่ได้ก็ไม่เอา ไม่ทำให้ก็ทำเอง ยอมอด ยอมหิว ดีกว่าขอค่าขนมเพิ่ม ดังนั้นถึงแม้ว่าฐานะทางบ้านจะไม่ขัดสน แต่พี่อ้อในวัยรุ่นก็มีเงินติดตัวน้อยมากเมื่อเทียบกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน ข้าวของที่คนอื่นมีนั้น ถ้าเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยก็ไม่ต้องหวังว่าพี่จะได้สัมผัส ถ้าจะมีก็เพราะเงินที่ได้มาจากการอดมื้อกินมื้อของพี่เอง
น้องอาจจะสงสัยว่าเหตุใดพ่อหรือแม่เลี้ยงที่พี่อ้อเรียกว่า น้า... จึงไม่สนใจจะไถ่ถามทุกข์สุขของพี่อ้อ นั่นก็เพราะพ่อของพี่อ้อต้องทำงานหนัก ออกจากบ้านแต่เช้ามืด กลับก็ดึก ถึงไม่กลับดึกก็มักจะปิดประตูดูทีวีในห้องนอนกับน้า ห้องนั้นไม่ได้ล็อค... แต่ใครเล่าจะอยากเข้าไป... ดังนั้น พอพ่อกลับมาจากทำงาน ถ้าโชคดีก็ได้ทานข้าวพร้อมกัน แต่หลังจากนั้น ที่ของพี่อ้อกับน้องคือบ้านทั้งหลัง ยกเว้นห้องส่วนตัวของพ่อกับน้า...
พ่อยกหน้าที่ดูแลพี่อ้อกับน้องให้เป็นของน้า ซึ่งมองอย่างยุติธรรมแล้ว น้าก็ทำหน้าที่แม่บ้านได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง บ้านช่องสะอาดเอี่ยม ข้าวปลาก็หามาให้กินครบทุกมื้อ แต่ถามว่าน้าทำหน้าที่แม่ให้แก่พี่อ้อกับน้องได้ดีแค่ไหน พี่อ้อคงจะต้องบอกได้แต่เพียงว่า ไม่ใกล้เคียงแม่เลย แต่พี่ไม่โทษน้าสักนิด เพราะสำหรับผู้หญิงสาวโสดที่ไม่เคยมีลูก แล้วต้องมาเจอเด็กวัยรุ่นเก็บกด อยากได้อะไร ไม่อยากได้อะไรก็ไม่พูดอย่างพี่อ้อ และยังมีน้องสาวช่างเรียกร้องอีกคน ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการ นี่เป็นความคิดของพี่อ้อเมื่อโตขึ้นและมีวุฒิภาวะมากพอแล้ว แต่พี่อ้อในเวลานั้นยังไม่สามารถคิดแบบนั้นได้ ได้แต่สงสัยว่าเราไม่ดีตรงไหน ทำไมคนนั้นคนนี้ไม่ทำแบบนั้นแบบนี้
ชีวิตที่บ้านของพี่อ้ออ้างว้างสิ้นดี ยิ่งนานวันพี่อ้อกับพ่อก็คุยกันน้อยลงทุกที เมื่อคุยกันน้อยก็เข้าใจกันน้อย และอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อเข้มงวดและไม่ไว้ใจพี่อ้อเลย เพื่อนคนไหนหน้าตาไม่เรียบร้อยถ้ามาหาพี่อ้อที่บ้านแล้วพ่อเห็น พ่อจะห้ามคบอย่างไร้เหตุผล พี่เข้าเมืองไปหาเพื่อนแต่ละครั้งจะต้องกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต ยิ่งถ้าวันไหนกลับค่ำก็เป็นอันว่าพรุ่งนี้เตรียมรับเทศนาช่วงเช้า บางครั้งพี่ถูกด่าว่าเสียๆหายๆ และถูกตราหน้าราวกับว่าไปทำอะไรผิดศีลธรรมใหญ่หลวง สิ่งที่ทำให้ไฟโทสะของพ่อพุ่งสูงขึ้นอีกก็ดูเหมือนจะเป็นการที่พี่อ้อไม่โต้เถียง ไม่ตอบคำถาม เอาแต่เงียบ เพราะหลายๆครั้งพี่เองไม่รู้ว่าจะตอบอะไรเพราะมันไม่มีอะไรต้องตอบ และอีกหลายๆครั้งที่โกรธกับคำถามเกินกว่าจะตอบออกไป และเมื่อไหร่ที่ถึงที่สุดพี่อ้อก็จะใช้สายตาจ้องกลับอย่างไม่เกรงกลัว และจุดนี้เองที่อารมณ์ของพ่อจะระเบิดถึงขีดสุด และนี่คือพี่อ้อในอีกมุมหนึ่ง มันคงทำให้พ่อโกรธมาก และคงสงสัยว่าอะไรที่ทำให้ลูกสาวสุดที่รักของพ่อกลายเป็นแบบนี้ ก็คงคล้ายๆ กับคำถามในใจของพี่ ว่าอะไรที่ทำให้พ่อที่แสนใจดีของลูก กลายเป็นพ่อที่ไม่ดูดำดูดี และดูถูกลูกตัวเองขนาดนี้ มานึกในตอนนี้ บางทีการมองมาที่พี่กับน้องคงเตือนให้พ่อนึกถึงอะไรบางอย่างในอดีต และหวาดระแวงว่าพี่กับน้องจะทำให้ตัวเองอับอายขายหน้าเหมือนแม่ของเรากระมัง แผลใจของพ่อก็มีแต่พ่อเท่านั้นที่รู้ พี่อ้อซึ่งขณะนั้นเด็กเกินกว่าจะเข้าใจก็ได้แต่รู้สึกโกรธและเกลียดพ่อเท่านั้น
ทุกครั้งที่พ่อโมโหและด่าว่าพี่อ้อ เสียงของพ่อจะดังไปสามบ้านแปดบ้านจนชาวบ้านได้ยินกันทั่ว ทำให้พี่อ้ออับอาย โกรธและเกลียดพ่ออย่างที่สุด สิ่งที่พี่คิดตอนนั้นคือ คงสมใจคนบางคนที่อุตส่าห์เอาเรื่องเล็กเรื่องน้อยของพี่อมารายงานพ่อ ก็มิใช่คนเหล่านี้ละหรือที่ทำให้พ่อกับแม่ของพี่อ้อต้องลงเอยอย่างน่าสลด เพราะอย่างนี้ พี่จึงไม่สุงสิงกับคนในละแวกบ้าน พูดด้วยนับคำได้ ยิ่งบางคนที่พี่รู้ว่าชอบใส่ไฟพี่ พี่ก็จะไม่มองหน้า ไม่ไหว้ ไม่เห็นว่ามีตัวตน ไม่ว่าจะอายุมากคราวแม่หรือคราวย่า พี่อ้อก็ไม่ไว้หน้า ความโกรธ ความเกลียดที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มควันหนาทึบในใจทำให้พี่อ้อเป็นเด็กสาวเย่อหยิ่ง เย็นชา ไม่น่ารักสำหรับพวกเขา และก็อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาหมั่นไส้และยิ่งจับผิดหนักขึ้นไปอีก แต่พี่อ้อก็ไม่เคยสนใจ เพราะรู้อยู่อย่างเดียวว่าเราต้องไม่มีวันตกลงมาให้เขาซ้ำ พวกเขาไม่มีวันทำให้เราเสียคนได้
ชีวิตของพี่อ้อเวลานั้นเหมือนแยกเป็นสองส่วนคือ ชีวิตที่บ้าน กับชีวิตที่โรงเรียน
อยู่ที่บ้าน พี่มักปิดประตูเงียบ อ่านหนังสืออยู่ในห้อง ถ้าไม่จำเป็นก็แทบจะไม่ออกจากห้องเลยจนเพื่อนๆรุ่นเดียวกันในละแวกบ้านเรียกว่า นางห้อง ดูเผินๆพี่อ้อเป็นเด็กไม่มีปัญหาอะไรเลย เรียนเก่ง ไม่เที่ยวเตร่ ไม่คบเพื่อนเกเร แต่แท้จริงพี่อ้อคิดอะไร ก็แทบจะไม่มีใครรู้ ในขณะเดียวกัน ที่โรงเรียนพี่อ้อเป็นเด็กร่าเริง คบกับคนง่าย เข้ากับใครก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นเด็กเรียนหรือเด็กเที่ยว แต่ความที่พี่ค่อนข้างมีโลกส่วนตัวสูง ทำให้พี่อ้อมีเพื่อนสนิทจริงๆนับคนได้ และเพื่อนที่สนิทที่สุดของพี่ก็ไม่เคยรู้เลยว่าพี่มีปัญหาอะไรที่บ้าน และแทบจะไม่มีใครได้มาที่บ้านของพี่เลย จะบอกว่าพี่อ้อเป็นคนที่อยู่กึ่งกลางของคำว่าสนิทกับทุกคน และคนที่ไม่มีใครสนิทด้วยเลยก็อาจจะใช่
ฉันใดก็ฉันนั้น ในเมื่อปัญหาที่บ้านเพื่อนไม่เคยรู้ พี่อ้อทำอะไรที่โรงเรียนที่บ้านก็ไม่เคยรู้เลยเช่นกัน พี่อ้อเป็นแชมป์อ่านทำนองเสนาะของจังหวัด เป็นแชมป์วาดรูปบนกำแพง ชนะเลิศโต้วาที พ่อพี่จะรู้ก็ต่อเมื่อมีคนอื่นไปเล่าให้ฟัง หรือฟังจากข่าวเช้าทางวิทยุ ปลายปีพ่อพี่ลืมไปแล้วว่าลูกกำลังจะจบชั้นมัธยมและต้องเรียนต่อ มารู้อีกทีพี่อ้อสอบติดโควต้ามหาวิทยาลัยชื่อดังในภาคเหนือและกำลังจะย้ายออกไปแล้ว เป็นต้น
สุดท้ายนี้ก็อาจสรุปชีวิตในวัยรุ่นของพี่อ้อได้ว่ามีแต่การครุ่นคิด หมกมุ่นอยู่กับตนเองในอันที่จะประคับประคองตนให้รอดพ้นช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญที่สุด พี่อ้อไม่เคยคิดว่าตัวเองมีปัญหา คิดเพียงว่าถ้าที่นี่เราไม่มีความสุข เราก็ต้องไปจากที่ตรงนี้ให้ได้ ใครมองว่าเรามีปัญหา มองว่าเราไม่ดี เราจะพิสูจน์ให้เขาดูว่าไม่ต้องพึ่งใครเราก็ดีได้ พี่โชคดีที่เข้มแข็งพอที่จะลากตัวเองให้ก้าวผ่านชีวิตช่วงนั้นมาได้ ถึงแม้ตัวของพี่จะผ่านพ้นช่วงเวลานั้นมาแล้ว แต่กว่าที่ใจของพี่จะก้าวข้ามความรู้สึกโกรธและเกลียดก็กินเวลาหลายปี เวลาเท่านั้นที่ช่วยรักษาแผลใจได้ คำกล่าวนี้จริงเสียยิ่งกว่าจริง แต่อะไรก็ไม่สู้ประสบการณ์ ใจที่มองอย่างเป็นกลางและเมตตาที่เรามีต่อผู้อื่น
มาถึงตรงนี้ น้องคงพอจะรู้จักตัวตนของพี่อ้อมากขึ้น พี่ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงชีวิตวัยรุ่นตอนต้นของพี่มีผลกระทบมากๆต่อการมองโลก ความนึกคิดและการแสดงออกของพี่ในเวลาต่อๆมา และจนบัดนี้ การมองย้อนกลับไปดูอดีตทำให้พี่พบว่าหลายๆครั้งตัวเราก็ไม่ได้ทำสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป เพราะฉะนั้นเราจึงควรให้อภัยการกระทำที่ผิดพลาดของผู้อื่น และขณะเดียวกันก็ทำให้พี่ยอมรับว่าบุคคลต่างๆที่เกี่ยวข้องในชีวิตช่วงหนึ่งของเราจะมีเจตนาและแสดงออกต่อเราแบบไหน บางครั้งมันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราเปิดรับเขาแค่ไหนด้วย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบางครั้งมันก็ไม่ใช่ความผิดของใคร
คราวหน้าจะเล่าให้ฟังนะจ๊ะว่าออกจากบ้านไปเรียนมหาวิทยาลัยแล้วเป็นอย่างไร
รักจ๊ะ
พี่อ้อ
Create Date : 22 กันยายน 2552 |
|
29 comments |
Last Update : 7 ตุลาคม 2552 13:32:00 น. |
Counter : 765 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 25 กันยายน 2552 13:49:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: กุ๊กไก่ (t.noppawan ) 25 กันยายน 2552 16:17:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: โสมรัศมี 25 กันยายน 2552 18:42:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 25 กันยายน 2552 22:01:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: sananda (sananda ) 25 กันยายน 2552 23:56:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: gieyewon 26 กันยายน 2552 1:01:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: JewNid 26 กันยายน 2552 8:43:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: auau_pi 26 กันยายน 2552 9:28:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 26 กันยายน 2552 10:14:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: raya-a 26 กันยายน 2552 10:23:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: C.sasumi 26 กันยายน 2552 13:10:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: SongPee 26 กันยายน 2552 14:55:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: Pocoyo's 26 กันยายน 2552 17:09:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: babyL' 26 กันยายน 2552 17:17:48 น. |
|
|
|
|
|
|
|
อาจเป็นแง่มุมความคิดที่ดี
สำหรับใครอีกหลายคนทีไ่ด้อ่านนะครับพี่อ้อ
ปล. ผมไม่ได้เป็นคนโรแมนติกเลยครับ
แต่ชอบเขียนถึงเรื่องราวความรักนะครับ