สาวใหญ่นางหนึ่งผู้มีสีหน้าซูบซีดอิดโรย ดวงตาลึกโหลราวกับไม่ได้หลับได้นอนมานาน
หล่อนนั่งอยู่ท่ามกลางควันธูปที่ลอยคลุ้ง คละเคล้ากลิ่นหอมรุนแรง ภายในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่ประตูหน้าต่างทุกบานถูกปิดด้วยผ้าม่านสีแดงเข้มผืนหนา ป้องกันแสงสว่างจากภายนอกไม่ให้เล็ดลอดเข้ามา
หล่อนนั่งก้มหน้านิ่งในใจสั่นไหวด้วยความวิตกกังวลหล่อนไม่รู้ว่าคิดถูกรึเปล่าที่มาที่นี่ หล่อนไม่รู้ว่าแม่หมอที่นั่งอยู่
เบื้องหน้านี้จะช่วยหล่อนได้ไหม หล่อนไม่รู้ว่าต้องทำอะไร ต้องทำยังไง ถึงจะหลุดพ้นจากความทุกข์ใจอันใหญ่หลวง
หล่อนไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครได้แล้ว ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง หรือแม้แต่นายจ้างหล่อนก็ไปหาไปปรึกษามาหมดแล้ว
แต่ไม่มีใครช่วยให้หล่อนคลายทุกข์ใจได้เลย ไม่มีใครช่วยหล่อนได้จริงๆ หรือพวกเขาไม่เต็มใจช่วยกันแน่นะ หล่อนไม่รู้เลยจริงๆ
แม่หมอ อยู่ในเครื่องแต่งกายสีขาว ปล่อยผมสีดำขลับยาวสยายอยู่กลางหลัง หล่อนเป็นหญิงวัยกลางคนที่ดูดี อิ่มเอิบมีน้ำมีนวล
และแลดูมีสง่าราศรีเป็นอย่างมาก หล่อนนั่งขัดสมาธิอยู่เบื้องหน้าโต๊ะหมู่บูชา ที่เต็มไปด้วยพระพุทธรูป มากมายหลายองค์ ลดหลั่นลงมาเป็นรูปปั้นเด็กชายผมจุกในชุดไทย ยืนยิ้มท้าวสะเอวจ้องเขม็งมา
อีกทั้งเครื่องรางของขลงต่างๆนานา
ดวงตาของแม่หมอหลับพริ้ม ริมฝีปากที่ปิดสนิท คล้ายจะเคลือบด้วยรอยยิ้มจางๆ
หล่อนลืมตามองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเพียงแวบหนึ่งแล้วจึงหลับตาลงดังเดิม ก่อนจะเอ่ยเสียงกังวาลใสขึ้น
"เจ้าหนีร้อนมาพึ่งเย็นสินะ"
"คะ...ค่ะ..." หญิงผู้มาเยือนเอ่ยตอบตะกุกตะกัก ด้วยเสียงแผ่วเบา
"มีคนทำให้เจ้าทุกข์ใจ?" แม่หมอถาม
"ค่ะ..." หล่อนตอบอย่างงุนงงสงสัย
แม่หมอรู้ได้อย่างไรในเมื่อหล่อนยังไม่ได้เอ่ยปากถามสิ่งใดเลย
"เมื่อก่อนเขาเป็นคนดีมาก และรักเจ้ามากด้วย แต่เดี๋ยวนี้เขาเปลี่ยนไปแล้ว สินะ" แม่หมอย้ำให้ช้ำใจทำไม?
"ใช่ค่ะ ดิฉันไม่เข้าใจเลย ว่าดิฉันทำอะไรผิด ...." หล่อนตอบด้วยเสียงสั่นเครือ น้ำตาเริ่มคลอเบ้า
"เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก เป็นเพราะเขาโดนยาเสน่ห์น่ะ" แม่หมอว่า
"ห๊ะ....ยาเสน่ห์เหรอคะ ต้องเป็นนังนักร้องนั่นแน่ที่ทำยาเสน่ห์ใส่เขา
แล้วดิฉันจะทำยังไงดีล่ะคะแม่หมอ ช่วยดิฉันด้วยนะคะ"
หล่อนร้องด้วยความตกใจกลัว
"เจ้าไม่ต้องห่วงไปหรอก ข้าพอมีวิธีแต่เจ้าต้องอดทนสักหน่อยนะ ทำได้ไหมล่ะ" แม่หมอยื่นข้อเสนอ
"ได้ค่ะได้ ให้ดิฉันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ขอแค่ให้เขากลับมาเป็นเหมือนเดิมก็พอ" หล่อนระล่ำระลักตอบ
แม่หมอยื่นห่อผ้าสีขาวให้หล่อนห่อนึง ภายในบรรจุกิ่งไม้แห้งส่งกลิ่นหอมจางๆ
"ไม่ยากดอก เจ้าเอานี่ ไป ต้มใส่น้ำให้เขาดื่มทุกวัน ถ้าจะให้ดีแช่ตู้เย็นไว้เลย พอเขามาถึงบ้านก็รินใส่แก้วให้เขาดื่มทุกวันๆจนกว่าจะหมด ต้องทุกวันด้วยนะห้ามขาด ถ้าเขาไม่ดื่มห้ามบังคับ ขู่เข็ญล่ะเดี๋ยวเขาจะสงสัย ถ้าเขารู้ตัวยามันจะไม่ได้ผลนะ เจ้าต้องค่อยพูดหวานๆประจบให้เขาดื่ม "
"แล้วก็นี่สำหรับเจ้า เอาไปทาริมฝีปากทุกเช้าเย็น "
แม่หมอยื่นตลับสีผึ้งเล็กส่งให้ ก่อนจะหยิบขวดแก้วใสเล็กๆส่งให้อีกหนึ่งขวด
"ส่วนอันนี้เป็นหัวน้ำหอมปลุกเสก เอาไปหยดใส่น้ำอาบ ใช้เป็นประจำทุกคืนอย่าให้ขาดแม้แต่คืนเดียว "
แม่หมอส่งกระดาษแผ่นเล็กๆให้หล่อนอีก
"และนี่สำคัญมาก เจ้าต้องท่องคาถาในแผ่นกระดาษใบนี้ให้ขึ้นใจ เจ้าจะต้องท่องคาถานี้ขณะต้มน้ำดื่ม ท่องขณะทาสีผึ้ง
และท่องทุกคืนก่อนเข้านอนเข้าใจไหม"
หล่อนรับทุกสิ่งไว้ด้วยความหวัง หวังว่ามันจะได้ผลจะแก้เสน่ย์ยาแฝดที่ครอบงำสามีของหล่อนได้
ก่อนจะลากลับ หล่อนหยอดเงินทำบุญใส่ตู้บริจาคมากพอดู แม่หมอว่าบริจาคตามแต่ศรัทธา แต่ถ้าบริจาคมากเท่าไรบุญกุศลก็จะช่วยให้
สิ่งที่หวังสัมฤทธิผลได้มากเท่านั้น....... แน่นอนหล่อนอยากให้ได้ผลไวๆ
"เฮ้อ...สำเร็จไปอีกรายแล้วนะ แม่บ้านผู้ทุกข์ทน เพราะสามีเบื่อหน่าย ก็ดูหล่อนแต่งตัวเข้าสิ เสื้อโปโลสีซีดจาง
กางเกงโคร่งๆตัวเก่าแถมไม่ได้รีด ผมแห้งกรอบแตกปลายที่มัดขมวดมุ่นอยู่บนหัว ผิวหน้าที่หยาบกร้านเกินวัยไร้การตกแต่งใดๆดวงตาอิดโรยเบ้าตาคล้ำเป็นหมีแพนด้า กลิ่นเหงื่อเหม็นเปรี้ยวชีวิตนี้คงไม่รู้จักน้ำหอมกระมังก็ทำตัวแบบนี้สามีที่ไหนจะไปทน
สวีทหวานเหมือนเดิมอยู่ได้ ถึงไม่มีใครใหม่ แต่ก็คงทำตัวเหมือนเดิมไม่ได้ ถ้าหล่อนไม่คิดจะทำตัวให้เหมือนเดิมตอนที่เค้ามาจีบหล่อนใหม่ๆได้อ่ะนะ เฮ้อ....แม่หมอเซ็ง
ก็ได้แต่หวังว่าหล่อนจะทำตามที่บอก เอาน้ำหวานเย็นๆชื่นใจให้สามีดื่มเมื่อกลับบ้าน แทนที่จะเป็นคำบ่นคำด่า
ทาสีผึ้งให้ปากนุ่มๆน่าสัมผัส ใส่น้ำหอมน้ำปรุงเสียบ้าง บางที่สามีก็ชินกลิ่นอ่ะนะ เปลี่ยนน้ำหอมบ้างคงดีขึ้น
คาถาที่ให้ไปท่องบ่นทุกวัน จิตใจจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่เครียด อ่ะนะ ถ้าไม่ได้ผลครั้งหน้าถ้าหล่อนมาหาอีกคงต้องใช้วิธีอื่น
อืมๆๆๆๆ ต้องคิดค่าครูให้หนักหน่อยละนะ ถ้ามาอีกนี่แสดงว่าเกินเยียวยาต้องให้ลูกแม่ไปจัดการจริงๆซะละมั้ง
ใช่ไหมลูก...."
"คิกคิก คิกคิก อะไรแม่ จะใช้หนูอีกแล้วเหรอ ฝีมือแม่ตกแล้วอ่ะดิ่ คิกคิก"
เสียงเด็กน้อยหัวเราะคิกคัก ดังมาจากรูปปั้น
เด็กหัวจุก ยืนเท้าสะเอวอยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชา......
คุยกันนิดท้ายเรื่อง
ท่านหญิงฯแต่งเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าสองสามวันแล้ว แต่ไม่มีเวลาขัดเกลาสำนวนเลย
แถมเวลาลงบล็อกนี่ จัดคำ จัดข้อความยากมากจริงๆเลยค่ะ ดูแล้วไม่สวยงามเลย ขอปล่อยไว้อย่างนี้ก่อน ถ้ามีเวลาจะเข้ามาจัดหน้าใหม่ให้อ่านง่ายและสวยงามขึ้นนะคะ
อัพทิ้งไว้ก่อน ยังไม่มีเวลาตามอ่านงานเพื่อนๆน๊า.....
ว่างแล้วจะตามไปคอมเม้นที่หน้าบ้านเพื่อนๆนะคะ
รักนะจุ๊บๆ
ท่านหญิงน่าเกลียด
สามกอพออากาศร้อนอบอ้าว เป็นหวัดเอย.....
ร้อยคาถา ก็ไม่อาจสู้หนึ่งมารยานะครับพี่
เหมือนที่แม่หมอพูดเลย
ถ้ารักษาเนื้อรักษาตัว ดูแลการบ้านการเรือน
รับรองผู้ชายไม่ไปไหนไกลแน่นอนครับ