Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2551
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
28 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 
นอนบนน้ำที่เชอราตัน โมโอเรีย

นอนบนน้ำ ที่เชอราตันโมโอเรีย


ลากูนของเชอราตันเป็นสีเขียวใสส่งประกายระยิบระยับล้อกับแสงแดดยามบ่าย ความใสของน้ำทำให้เรามองทะลุลงไปถึงผืนทรายและหมู่ปะการังใหญ่ที่มีอยู่ทั่วไปใต้ผืนน้ำ ระหว่างทางคนขับรถก็ทักทายแขกที่ผ่านไปมา “บงชูร์” และได้รับคำทักตอบกลับมาอย่างกระปรี้กระเปร่า หมู่บังกาโลเหนือน้ำสองข้างทางมองดูสวยคลาสสิก ท่ามกลางลมทะเลเย็นสดชื่นไม่เหนียวตัวของหมู่เกาะทะเลใต้ (เนื่องจากช่วงนี้เป็นฤดูหนาวของชาวเฟรนช์โพลีนีเชีย) บรรยากาศแบบนี้ทำให้รู้สึกปลอดโปร่งและสบายอย่างบอกไม่ถูก

สักครู่ก็มาถึงหน้าบังกาโลของเราเป็นบังกาโลเบอร์ 80 หันหน้าไปทางด้านซ้ายมือทิศตะวันตก ทันทีที่ประตูห้องเปิดออก เราก็สามารถมองทะลุไปถึงเฉลียงใหญ่เหนือน้ำและสีเขียวสดใสของลากูนโมโอเรีย ห้องกว้างขวางดูน่าสบายตกแต่งด้วยไม้แดงขัดมันเป็นเงา ห้องน้ำกว้างขวางมีทั้งที่อาบน้ำฝักบัวและอ่างน้ำแบบมีขาสี่ขาตั้งบนพื้นแบบโบราณ ข้างอ่างอาบน้ำ มีหน้าต่างขนาดใหญ่ไม่มีกระจก มองออกมาเห็น เตียงขนาดใหญ่อยู่กลางห้องตกแต่งด้วยฟูกหนาและผ้าคลุมเตียงผืนใหญ่มีหมอนอ้วนๆอยู่ 4 ใบ ด้านขวามือเป็นโซฟายาวและโต๊ะกาแฟกระจก พื้นใต้โต๊ะกาแฟเป็นพื้นกระจกใสให้มองทะลุลงไปชมฝูงปลาแหวกว่ายอยู่ตามหมู่ปะการังในน้ำใสแจ๋ว มองไปด้านหน้าเป็นประตูกระจกเลื่อนได้บานใหญ่ มองออกไปเห็นวิวภูเขาและลากูนได้สุดลูกหูลูกตา รีบเดินรี่ออกไปชมวิวที่เฉลียงเหนือน้ำ ปรากฏว่ามีบันไดทอดลงไปสู่ชานไม้ใหญ่เหนือผืนน้ำสีเขียวเพียงแค่ไม่กี่คืบ (ฝรั่งเรียกว่า Sun Deck) บนชานมีเดย์เบด แบบปรับเอนได้ให้นอนเล่น 2 ตัว มีโต๊ะกาแฟไม้ อยู่ตรงกลางและที่สำคัญจากชานพัก มีบันไดทอดตัวลงไปในน้ำทะเลสีเขียวใส! แถมยังมีฝักบัวน้ำจืดติดเอาไว้ที่เสาด้านหนึ่งให้อาบตอนขึ้นมาจากทะเล! ว๊าว ตื่นเต้น ลองล้มลงนอนบนเดย์เบด บนซันเด็ค มองเห็นปลาว่ายน้ำอยู่รอบตัว ทอดตามองไปทางซ้ายเห็นทิวเขาแสนสวยของโมโอเรีย มีโฟร์กราวนด์เป็นแนววอเตอร์บังกาโล มองไปด้านขวาเป็นเส้นขอบฟ้าสุดลูกหูลูกตา อา…what a life!





เหม่อลอยอยู่ได้ไม่นานคุณสามีก็ส่งเสียงมาให้ตื่นจากภวังค์บอกว่าหิวแล้ว ข้าวเช้าก็ไม่ได้กินมานะวันนี้ นี่จะให้แขวนท้องข้าวกลางวันอีกรึจ๊ะ คุณนายพอตื่นจากภวังค์และความปลื้มเปรมทั้งมวล ก็รู้สึกท้องร้องจ๊อกขึ้นมาทันที สองคนเลยเดินเกี่ยวก้อยกันไป ที่ร้านอาหารริมสระว่ายน้ำของโรงแรม ระหว่างทางเดินไปสระน้ำก็อดโอ้เอ้ไม่ได้เพราะนอกจากวิวจะสวยไปทุกมุมแล้ว ใต้ทะเลสองข้างทางที่เดินผ่านก็เต็มไปด้วยปลาหลากสีหลายชนิดว่ายกันอยู่ขวักไขว่ทำให้ต้องหยุดเกาะราวเชือกดูไปตลอดทาง ไปถึงสระน้ำ (ซึ่งก็อยู่ริมทะเล) มีร้านอาหารชื่อ โรตุย (ROTUI BAR AND GRILL) มีโต๊ะไม้กางร่มขาวตั้งอยู่ริมหาด เหมือนที่เคยเห็นในรูปในแม๊กกาซีน แดดยามบ่ายค่อนข้างจ้า เราจึงเลือกนั่งตัวที่ร่มที่สุด สั่งชีสเบอร์เกอร์กับมาฮีมาฮีเบอร์เกอร์ (ปลามาฮีมาฮี) และนั่งดริ๊งก์น้ำผลไม้ดูสาวใส่ชุดบิกินี่ สองท่อน (หรือท่อนเดียว ท่อนล่าง) เดินไปมา เรื่องท้อปเลสอาบแดดนี่ชาวยุโรปชอบกันมาก ถือเป็นเรื่องเพื่อความสวยงามตามธรรมชาติ ไม่เหมือนชาวเอเซียหรืออเมริกันที่ค่อนข้างไม่นิยมจะโป๊ประเจิดประเจ้อขนาดนั้น (นิยมเปิดนิดเปิดหน่อย ไม่ถึงอล่างฉ่างหมดสิ้นสงสัย) สักครู่ก็เห็นหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นกลุ่มหนึ่งแต่งกายแบบคนทำงานไม่เหมือนนักท่องเที่ยวเดินสำรวจทางโน้นทางนี้อยู่พร้อมๆกันกับคณะสต๊าฟของโรงแรมที่ทำหน้าที่ไกด์คอยพรีเซนท์ตามจุดต่างๆ พอมองออกว่าน่าจะเป็นตัวแทนท่องเที่ยวในญี่ปุ่นมาเยี่ยมชมสถานที่เพื่อไปแนะนำลูกค้าที่ญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นรุ่นใหม่นี่มี ไลฟ์สไตล์ค่อนไปทางฝรั่งมาก หนุ่มสาววัยทำงานของญี่ปุ่นนิยมเก็บเงินหรือใช้เงินโบนัสท่องเที่ยวไปทั่วโลกในยามว่างหรือพักร้อน และมีงบประมาณสูงพอที่จะไปที่ไหนก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไปตากอากาศตามชายทะเล สามารถแชร์ค่าใช้จ่ายกันระหว่างเพื่อนหรือคู่รักพักตามรีสอร์ทระดับหรูได้ทุกที่ คิดแล้วก็น่าอิจฉาชาวญี่ปุ่น รีสอร์ทดังๆและธุรกิจท่องเที่ยวทั่วโลกให้การต้อนรับลูกค้าชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างดี เตรียมทุกอย่างไว้อำนวยความสะดวกเช่นมีโบรชัวร์หรือป้ายภาษาญี่ปุ่น มีพนักงานญี่ปุ่นไว้ต้อนรับ มีสายการบินบินตรงจากญี่ปุ่น มานึกถึงบ้านเรากันเอง หนุ่มสาววัยทำงานของไทยจะทำงานเก็บเงินเที่ยวไกลๆปีละครั้งสองครั้งนั้นเป็นเรื่องยาก ด้วยค่าเงินและค่าครองชีพที่จิ๊บจ๊อยกว่ามาก หรือถึงจะมีเงินไปเที่ยวได้การจะขอวีซ่าเข้าไปท่องเที่ยวแต่ละประเทศนั้นก็ล้วนแล้วแต่ยากเย็นเข็ญใจ เพราะที่ไหนๆก็กลัวเราจะแอบหนีเข้าไปทำมาหากินที่บ้านเมืองเขา เพราะไม่มีเงินถุงเงินถังพร้อมให้ทุกที่ยินดีต้อนรับเข้าไปใช้จ่ายเหมือนชาวญี่ปุ่น แถมเที่ยวบินต่างๆก็มีน้อยและไม่สะดวก ต้องนั่งเครื่องต่อเครื่องตูดบานอย่างทริปนี้ไงล่ะ!



นึกน้อยอกน้อยใจกันไปเพลินๆสักครึ่งชั่วโมง อาหารที่สั่งถึงมา รสชาตินับว่าใช้ได้ ที่เก๋คือบนโต๊ะจะมีมายองเนสกับซ๊อสมะเขือเทศใส่ขวด(ยาหม่อง) เล็กๆตั้งคู่กันเอาไว้ ด้วยขนาดที่พอดิบพอดีทำให้แขกสามารถสวาปามได้หมดทั้งขวด หยิบเฟรนช์ฟรายขึ้นมาจิ้มมายองเนสกิน อเร็ดอร่อยเหลือจะกล่าว ไม่เชื่อลองดู แต่อ้วนไม่รับประกัน!

กินกันอิ่มหนำแล้วก็ชวนกันเดินเล่นรอบรีสอร์ท แวะไปที่โต๊ะจองเอ๊กซเคอร์ชั่น จองทัวร์ว่ายน้ำกับปลาโลมา (Dolphin Quest) ที่โรงแรมบีชคอมเบอร์ อินเตอร์คอนติเน็นตัล พรุ่งนี้เช้าเอาไว้ รู้ทั้งรู้ว่าทัวร์นี้ไม่ได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เลย เพราะชาวโลมาที่เราไปว่ายน้ำด้วยเป็นโลมาเลี้ยง แต่ด้วยความที่ปลื้มโลมามาแต่โบราณก็อดไม่ได้ที่จะขอไปเล่นด้วย โดยขอไม่ฟังเสียงกระแนะกระแหนใดๆจากนักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทั้งหลาย ช่วยไม่ได้จริงๆค่ะ

ความจริงแล้วทัวร์โลมามีหลายแบบ แบบที่เป็นเชิงอนุรักษ์ก็มี กล่าวคือเรานั่งเรือใหญ่ออกไปกับนักชีววิทยาสัตว์ทะเล (MARINE BIOLOGIST) เพื่อไปหาดูปลาโลมาที่อยู่ตามธรรมชาติ โดยให้สังเกตการณ์อยู่บนเรือ จะไม่ให้ทำอะไรเป็นการรบกวนสมดุลธรรมชาติของโลมาเด็ดขาด (เช่นให้อาหารปลาจนปลาเคยตัวกลายเป็นหมา) ความจริงก็นับเป็นรายการท่องเที่ยวที่ดี และได้ร่วมอนุรักษ์โลมา คุณนายนั้นไม่เกี่ยงเรื่องอนุรักษ์ปลาโลมา แต่เกี่ยงเรื่องนั่งเรือวนไปวนมาเพื่อหาปลาโลมา เพราะปลาโลมาตามธรรมชาติไม่มี SCHEDULE ในการโชว์ตัว ไอ้จะหาเจอก็คงจะเจออยู่บ้างแต่ก่อนจะเจอก็คงเวียนหัวกับเรือที่ต้องขับวืดไปวืดมาวนหาว่าวันนี้ปลาไปโผล่ตรงไหน ทะเลไม่ใช่เล็กๆ อันนี้ที่พูดได้เพราะมีประสบการณ์มาแล้วจากทัวร์ดูปลาวาฬที่ไคคัวร่า (KAIKOURA) กับครอบครัวที่นิวซีแลนด์ ที่พอลงเรือก็ไม่มีการพูดพล่ามทำเพลงชมวิวทิวทัศน์ใดๆทั้งสิ้น สปีดพรวดไปมาตามหาปลาวาฬทันที วนอยู่ร่วมชม. ทำเป็นจะเจอแต่ก็ไม่เจออยู่หลายหน ก่อนจะไปเจอปลาวาฬตัวเท่าไอ้ดู๊ด(GOLDEN RETRIEVER) ที่บ้าน พอดำน้ำลงไปเห็นหางเท่าจิ้งจก! น่าผิดหวังแถมเวียนหัวเหลือใจคุณนายขอบอก เอาเป็นว่าคุณนายขอทัวร์โลมาแบบประดิษฐ์แทนแบบธรรมชาติแล้วกันทริปนี้

จองทัวร์โลมาเสร็จก็ตกลงกันว่าควรจะไปนอนเล่นบนซันเด็คที่ห้องพักราคาแพงให้คุ้ม แล้วโดดลงเล่นน้ำหน้าบ้านดูปลาให้สะใจ ว่าแล้วจึงบ่ายหน้าเดินทางไกลกลับบังกาโล ส่วนหนึ่งของความชอบบังกาโลเหนือน้ำของคุณนายก็ด้วยเหตุผลนี้แหละค่ะ ที่ว่าสามารถจะทำแอ๊คติวิตี้ แบบขี้เกียจได้ เช่นว่ายน้ำหรือสนอร์คกลิ้งจากระเบียงบ้านเลย ไม่ต้องนั่งเรือหรือเดินระหกระเหินไปตั้งไกลให้เหนื่อย พอว่ายน้ำดูปลาเหนื่อยจะได้ปีนกะไดขึ้นมานอนผึ่งแดดชมวิวบนเฉลียงเหนือน้ำหน้าบ้าน กินนู่นกินนี่ พอหายเหนื่อยก็ปีนกะไดลงไปในเล่นน้ำต่อ

ทำแอ๊คติวิตี้เชิงขี้เกียจกันตลอดบ่าย ในห้องมีหน้ากากและสนอร์คเกิ้ล เกียร์อย่างดี 2 ชุดให้ใส่ลงไปดูปลา น้ำใสเย็น มองเห็นไปถึงไหนๆ แถมตื้นแค่อก (อกสามี แต่แค่ท่วมจมูกคุณนาย) ดูปลาจนเหนื่อยก็ขึ้นอาบน้ำด้วยเครื่องหอมอลังการของเชอราตัน อาบเสร็จก็งีบ (เพราะเจ๊ทแล็กด้วย บินไกล และเวลาต่างจากบ้านเรากลับวันเป็นคืน) ตื่นขึ้นมาตกลงกันว่าจะกินข้าวในบ้านอีก (ที่นี่พิเศษตรงที่ราคาอาหารรูมเซอร์วิสเท่ากับเดินไปกินที่ห้องอาหารโรงแรม) โทรสั่งสปาเก๊ตตี้ซีฟู้ดมากินกับเบียร์ตาฮิเตียนยี่ห้อฮินาโน (คุณสามีบ่นว่าจืด) แล้วไปนอนรอดูวิวพระอาทิตย์ตกบนซันเด็ค มองดูเส้นขอบฟ้าทะเลใต้ที่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีชมพูอมส้ม เจือแสงเรืองรองของอาทิตย์ยามเย็น และแสงสะท้อนสีส้มเรื่อเรืองบนผืนน้ำ สวยจับตาจับใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิวสวยงามนี้อยู่แค่มองผ่านปลายเท้าเราไปข้างหน้า เป็นเหมือนจอภาพยนตร์ขนาดยักษ์ขณะที่เรานอนเอกเขนกดูอยู่บนเดย์เบดนี้เอง

<


พระอาทิตย์ตกไปแล้วแต่อาหารยังไม่มา รูมเซอร์วิสที่นี่ใช้เวลาเกือบชั่วโมง ชาวตาฮิเตียนไม่ซีเรียสเรื่องเวลาและไม่รีบร้อนใดๆทั้งสิ้น มาถึงก็เดินนวยนาดเข้ามาเสิร์ฟโดยไม่สนใจรัศมีเดือดดาลด้วยความหิวของแขกทั้งสอง สปาเก๊ตตี้ซีฟู้ดอลังการมาก ใส่หอยแมลงภู่ตัวเท่าฝ่ามือมา4-5 ตัวไม่รวมกุ้งปลา ปลาหมึกต่างๆที่โปะใส่มาแทบจะท่วมเส้นมิดจาน แถมยังอร่อยอีกตังหากกินหอยตัวโตรสชาติกลมกล่อมไม่มีกลิ่นคาวใดๆทั้งสิ้น กินเสร็จก็เดินลงไปนอนผึ่งพุงดูดาวกันที่ซันเด็ค (ซึ่งตอนนี้กลายเป็นมูนเด๊คหรือสตาร์เด๊คไปแล้ว) มองขึ้นฟ้าไปเห็นดวงดาวระยิบระยับสว่างไสว ท้องฟ้าเปิด ทะเลสงบราบ มีเสียงคลื่นซัดแนวปะการังแผ่วๆเป็นแบ๊คกราวนด์ ไม่มีทั้งยุงทั้งแมลงมากวนใจ (สงสัยจะไปอยู่แถวๆการ์เด้น) ลมพัดเย็นสบายทำเอาเคลิ้มๆ ก่อนจะชวนกันไปนอน




Create Date : 28 พฤษภาคม 2551
Last Update : 28 พฤษภาคม 2551 15:54:14 น. 3 comments
Counter : 818 Pageviews.

 
สวยจังค่ะ อยากไปบ้าง ได้นอนดูน้ำทะเลใส ฟังเสียงน้ำ ทอดสายตาตามทิวเขาสีเขียว พระอาทิตย์ตก และดูดาว ว้าว แค่นึกถึง ก็แอบอมยิ้มแล้วค่ะ

ครั้งหน้าขอตามเที่ยวด้วยคนนะค่ะ


โดย: kidthung maanoy วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:0:44:24 น.  

 

ขอตามไปเที่ยวด้วยคนนะคร้าบบบบบบ
บรรยากาศสวยสุดยอด

ว่าแต่ว่า ทริปนี้ เรียกว่า Honeymoon รึป่าวครับ
อิอิอิ

และแวะมาชวนไปเที่ยวเกาะตาปู (James Bond Island) ครับ

Phuket
คลิกที่ภาพเพื่อตามมาเที่ยวพังงาด้วยกันได้เลยนะครับ



โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:0:55:33 น.  

 
สวยงามมากๆๆๆๆสวยที่สุดเลยครับ


โดย: MM (ongchai_maewmong ) วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:10:43:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาวช่างเที่ยว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




I love you in a place,
where there's no space or time,
I love you for a reason,
you are a friend of mine.
Friends' blogs
[Add สาวช่างเที่ยว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.