Bloggang.com : : ตุ้งแง่ว : โบรกแนะเก็งกำไร 6 บจ.พื้นฐานแกร่ง ดัชนีมีแนวโน้มอ่อนตัว หุ้นเอเชียร่วง รอรับที่พันจุด

โบรกแนะเก็งกำไร 6 บจ.พื้นฐานแกร่ง ดัชนีมีแนวโน้มอ่อนตัว หุ้นเอเชียร่วง รอรับที่พันจุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ เวลา 9.31 น. ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับ 30.65 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ด้านตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวอยู่ในแดนลบ โบรกคาดดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีแนวโน้มปรับตัวลงตามตลาดต่างประเทศ หลังเฟดออกมาตรการ Operation Twist ซึ่งอยู่ในการคาดการณ์ของตลาดแล้ว และนักลงทุนส่วนใหญ่คาดหวังมาตรการที่ดีกว่านี้ ขณะที่มูดี้ส์ ได้ลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ 3 แห่ง ประกอบกับหนี้ยุโรปยังคงรุมเร้า รอซื้อแถว 1000 จุด แนะเก็งกำไร 6 หุ้นเด่น ได้แก่ BGH, AS, AH, DTAC, LPN และ SPALI

บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้: ลงไปเห็นแถว 1000+/-10 จุด กันอีกรอบ

คาด SETI อ่อนตัวลงตามแรงกดดันจากภายนอกหลังเฟดเผยมีความเสี่ยงทางลงอย่างมากต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่กังวลแผนการ Operation Twist วงเงิน 4แสนล้านดอลลาร์ของเฟดโดยการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะยาว และขายพันธบัตรระยะสั้นออกมาในปริมาณที่เท่ากันจะไม่สามารถช่วยฟื้นเศรษฐกิจได้ อีกทั้งปัญหาหนี้สินยุโรปยังคงรุมเร้า ตลาดภูมิภาคเช้านี้ (7.48 น.) ดิ่งหนักในระดับ 1-2% ค่าเงินบาทอ่อนตัวอย่างรวดเร็วสู่ระดับ 30.67 บาท/ดอลลาร์ มอง SETI ลงตามได้เห็น1000+/-10 จุด กันอีกรอบ

กลยุทธ์การลงทุน: มอง Wait&See ท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์ ลดสัดส่วนการถือหุ้นเหลือไม่เกิน 25%

แนวต้าน : 1035-1045 แนวรับ : 1010-1000

การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 0-25% : เงินสด 100-75%

ถือต่อในพอร์ต : BGH

หุ้นที่ปรับออก : DTAC, PS, THCOM, KTB

หุ้นที่ปรับเข้า :

1. AS เก็งกำไร FV ปี 55 = 18 บาท แนวโน้มธุรกิจดี+เปิดบริษัทที่อินโดฯ

2. AH เก็งกำไร FV ปี 55 = 17 บาท รอโมเดลรถกะบะออกใหม่อีซูซุ (29 ก.ย.), เชฟโรเลต (5 ต.ค.)

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ คาด SET ใกล้จะพักตัวลงอีกรอบจะเข้าเทรดดิ้งใหม่ต้องรอแถว 1000 (+/-)

แนวโน้ม แม้ว่าเมื่อคืนนี้เฟดจะประกาศมาตรการ Operation Twist วงเงิน 4 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ตลาดหุ้นทั่วโลกไม่ได้ตอบรับในเชิงบวกเพราะเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้อยู่ก่อนแล้ว ขณะที่การระบุถึงความเสี่ยงในช่วงขาลงของภาวะเศรษฐกิจสหรัฐจากเฟดกลับมีอิทธิพลต่อสินทรัพย์เสี่ยงมากกว่า ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ก็เปิดปรับตัวลดลงกว่า 2% ด้วยเช่นกัน ซึ่ง FSS ก็คาดการณ์ว่า SET จะอยู่ในช่วงรีบาวด์ได้เพียงรอบสั้นๆ และยังมีโอกาสที่จะแกว่งผันผวนและปรับตัวลงต่อเนื่องได้อยู่ โดยยังคาดว่าแนวโน้มที่ SET จะปรับตัวลงไปถึงบริเวณ 1000 จุดหรือหลุดต่ำกว่ายังมีความเป็นไปได้สูง ดังนั้นในช่วงที่ผ่านมาหลังทยอยทำกำไรเมื่อตลาดบวกขึ้นไปแล้ว ถัดจากนี้ถ้าจะกลับเข้าซื้อเพื่อเทรดดิ้ง จึงแนะนำให้รอเฉพาะเมื่อตลาดปรับตัวลงไปใกล้ 1000 จุดเท่านั้น

กลยุทธ์: ช่วงนี้ถ้าตลาดขยับขึ้นยังเน้นขายทำกำไร ส่วนถ้าจะกลับเข้าเทรดดิ้งรอบใหม่แนะนำให้รอช่วงที่ SET แกว่งลงไปแถว 1000 จุดหรือใกล้เคียงก่อนจะปลอดภัยกว่า ส่วนจะซื้อเพื่อถือลงทุนยังน่ารอดัชนีต่ำกว่า 1000 จุด

KGI ประเมินหุ้นไทยวันพฤหัสฯ ปรับลง เนื่องจากตลาดตอบสนองเชิงลบต่อการประกาศมาตรการกระตุ้นทางการเงินของ ธ.กลางสหรัฐฯ )เฟด (เมื่อคืน ทั้งนี้เฟดจะลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ อายุต่ำกว่า 3 ปี โดยการขายออกเป็นมูลค่า 4 แสนล้านเหรียญฯ เริ่มตั้งแต่เดือน ต.ค. เพื่อนำเงินส่วนนี้ไปซื้อพันธบัตรอายุระหว่าง 6-30 ปี เพื่อกดให้ดอกเบี้ยพันธบัตรในช่วงอายุดังกล่าวลดลง ด้วยความหวังว่าจะ

ลดต้นทุนสินเชื่อและสินเชื่อจำนองของสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี มาตรการดังกล่าวเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว จึงมีการขายรับข่าว

นอกจากนี้จิตวิทยาการลงทุนยังถูกกดดันจาก i) เฟดกล่าวว่าแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะโตพลาดเป้า เนื่องจากความปั่นป่วนของตลาดการเงินโลก และ ii) มูดี้ส์ ได้ลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ 3 แห่ง ได้แก่ Bank of America, Citigroup และ Wells Fargoเนื่องจากมูดี้ส์เชื่อว่ารัฐบาลสหรัฐฯ มีศักยภาพน้อยลงในการสนับสนุนธนาคารดังกล่าว

ทั้งนี้ KGI มองว่าจากนี้จนถึงปลายเดือน ถือว่าหมดปัจจัยภายนอกให้เล่น เนื่องจากสหรัฐฯ ได้ประกาศมาตรการแล้ว และจากนี้ต้องรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือน ว่าจะออกมาดีหรือจะแย่อย่างที่เฟดเตือนไว้ ส่วนฝั่งยุโรปนั้นต้องรอความชัดเจนเรื่องกรีซถึงต้นเดือนหน้า และวันถัดไปที่มีนัยสำคัญเชิงปัจจัยคือ 29 ก.ย. ซึ่งรัฐสภาเยอรมันจะพิจารณาเพิ่มศักยภาพของกองทุน EFSF ของยุโรป

กลยุทธ์: พอร์ตเทรดดิ้ง (เมื่อวานให้หาจังหวะขาย) ให้อยู่นอกตลาดเพื่อรอดูสถานการณ์ไปก่อน ส่วนพอร์ตลงทุนให้รอดูสถานการณ์เช่นกัน หรือซื้อหุ้นเฉพาะกลุ่มที่เชื่อมโยงกับปัจจัยในประเทศอย่างสูง เช่นสื่อสารและอสังหาริมทรัพย์ คาดว่าจะเด่นกว่าตลาด หุ้นเด่นได้แก่ DTAC*, LPN และ SPALI

Create Date : 23 กันยายน 2554

Last Update : 23 กันยายน 2554 9:19:18 น.

0 comments

Counter : 548 Pageviews.