สวัสดีค่ะ หลังจากห่างหายการเขียนบล๊อกไปนาน ต้องบอกว่านานมาก
เพราะต้องไปเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ที่ผ่านมา 

ทริปฮ่องกงครั้งนี้เดิมทีวางแผนว่าจะไปตั้งแต่เดือนมีนาคม แต่ Air Asia ก็ไม่ยอมออกโปร
จองโรงแรม บินฟรี! มาซักที จนตอนแรกตัดใจไม่ไปแล้ว พอ เหนื่อย ขี้เกียจรอ
แต่ประมาณต้นเดือนมีนาคมแอร์เอเชียก็จัดโปรงามๆ มาให้
ก็ไล่ตามหาเวลาบินฟรี แต่สุดท้ายก็ได้มาเที่ยวเดียวค่ะ เป็เที่ยวขากลับประมาณนี้



ส่วนเวลาบินได้มาดังนี้ค่ะ ค่าเครื่อง 2 คนตกแล้วอยู่ที่ คนละ 3,976 บาทค่ะ
เมชอบไปแต่เช้า กลับมาตอนค่ำๆ รู้สึกว่าได้เที่ยวจนคุ้มค่าเครื่องดีค่ะ


ส่วนโรงแรมเมพัก Bridal Tea House Hotel Tai Kok Tsui Li Tak
ที่เมจองพร้อมกับตั๋วได้มาในราคา 2,893 บาทต่อคืน พัก 2 คืนตกเป็น 5,787 ขาท
ค่าตั๋วเครื่องบิน + ที่พัก = 6,869 บาท/คนค่ะ โดยผู้ร่วมทริปครั้งนี้เป็นพี่สาว

ตัวโรงแรม Bridal Tea House Hotel Tai Kok Tsui Li Tak นั้นหาไม่ยากค่ะ
ลงรถไฟฟ้าสายสีส้มสถานี Olympic ทางออก B จากนั้นเมใช้ Google Map แล้วแคปหน้าจอไว้จากที่บ้านไปเลย
พนักงานของโรงแรมเท่าที่เห็นมี 2 คน คนผู้ชายสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ แต่คนผู้หญิงพูดไม่ค่อยได้ค่ะ
ตอนไปเจอกับผู้หญิง แต่สุดท้ายก็คุยกันรู้เรื่อง แบบเหนื่อยหน่อยนึง
รอบๆ ด้านของโรงแรมเป็นเหมือนช่างทำนู้นทำนี่ค่ะ เรียกไม่ถูก ตรงข้ามเป็นก่อสร้าง
ทุกวันกลับโรงแรมค่อนข้างดึก แต่ไม่น่ากลัวนะคะ ตอนกลางคืนมีของกินเยอะมาก ไม่ต้องกลัวอดเลย
แต่ร้านที่เจอไม่มีภาษาอังกฤษเลยเป็นปัญหาหนึ่ง เพราะอ่านภาษาจีนไม่ออก พูดไม่ได้
ขอโม้แป้ป พอกลับมาจากฮ่องกงนี่รีบไปหาหนังสือภาษาจีนมาเรียนเลยนะ ไฟแรงมาก
แล้วยังไม่หมดไปฮ่องกงได้ภาษาจีนกลับมาด้วย ขอบอกแบบภูมิใจมาก



ตอนเช้ารีบไปสนามบินเช้ามากค่ะ เช็คอินมาแล้ว กระเป๋าไม่โหลด เน้นประหยัด
ส่วนเรื่องอาหารการกินของฝากท้องไปกับ S&P เมนูข้าวต้มกุ้งเหมือนเดิม
ระหว่างรอขึ้นเครื่องก็นั่งทำผมเข้าห้องน้ำก็หมดเวลาพอดี



นั่งบนเครื่องบินหลับก็ไม่สบาย นอนก็ไ่หลับ อ่านหนังสือที่อยู่ด้านหน้าจบไปหลายรอบก็ยังไม่ถึง
แอบนั่งคิดว่าถ้ามันมีบริการวาร์ปจากไทยไปฮ่องกงได้ จะรีบไปใช้บริการทันทีเลย

ขอแปะแผนที่ MTR นิดนึงนะคะ



พอเครื่องแตะฮ่องกงด้วยความสั่นสะท้าน กะตึก กะตึก กะตึก และลงจอดเป็นที่เรียบร้อย
ก็เข้าไปยิ้มให้ ตม. ทำหน้าแบ๊วๆ ทาง ตม. ขอดูตั๋วขากลับ แล้วก็ปล่อยผ่านออกมา
จากนั้นก็แวะไปซื้อบัตร Otopus 150 HK$ ใช้ได้ 100 HK$ มัดจำ 50 HK$
ไม่ใช้แล้วสามารถเอาไปคืนได้ แต่ถ้าคืนก่อน 3 เดือนจะโดนหักเงิน 9 HK$ ค่ะ
สถานที่แรกที่ไปคือขึ้นกระเช้าไปไหว้พระใหญ่ค่ะ นั่งรถเมล์สาย S1 ไปลงที่ Tung Chung แล้วเดินไปยังสถานีเคเบิ้ลคาร์
หรือถ้าใครจะไปที่อื่นก็สามารถดูสายได้จากผังเลยค่ะ ป้ายเบ้อเริ่มเลย



ไปถึงคนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ยืนโม้ + ถ่ายรูปแป๊ปเดียวก็ถึงคิวเราซื้อตั๋วแล้วค่ะ
ตั๋วมีหลายประเภทค่ะ ทั้งไปกลับแบบธรรมดารอคิวค่อนข้างนาน แบบคริสตัลไปได้เลยไม่ค่อยมีคน
แล้วก็แบบไปธรรมดากลับคริสตัลค่ะ ด้วยความงก + ใจไม่กล้าพอเลยขอเลือกแบบธรรมดาแล้วกัน



1 กระเช้าจะนั่งได้ทั้งหมด 8 คนค่ะ บรรยากาศตอนนั่งก็รีบหาทางมองวิวด้านล่างอยากเห็นวิวเหมือนในรูปเคยเห็นในรีวิวของคนอื่น
แต่!!! มันมีแต่หมอกขาวโพลน อย่างกับมฤตยูหมอกินคนเลย



เดี๋ยวจะหาว่าโม้ จัดไปอีก 1 รูปค่ะ แอบเฟลนะ เพราะอยากเห็นวิวด้านล่างมากกว่าหมอกสีขาว



บรรยากาศภายในหมู่บ้านนองปิง เป็นแบบที่น่ารัก มีของร้านอาหาร ร้านน้ำชาให้เลือกนั่งชิลล์ๆ หลายร้านอยู่
มีร้านของฝากของที่ระลึก แต่ราคาค่อนข้างสูงไปนิดค่ะ แต่ของบางชิ้นก็เก๋จนทำใหเรายอมเสียเงินค่ะ




ต่อไปเราจะไปตามหาพระใหญ่ ขึ้นบันได้ไปโม้ไปสองคนพี่น้อง แวะถ่ายรูปตามขั้นเวลาเหนื่อย
ระหว่างเดินขึ้นบันไดเห็นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งสวยมากใส่รองเท้าส้นสูงเดินขึ้น นึกในใจ OMG! สามารถมาก แถมไม่บ่นเลยนะคะ
ยิ้มใส่กล้องของพี่ผู้ชาย น่ารักจริงๆ แต่ตอนลงมาจากนองปิงแอบเห็นเปลี่ยนรองเท้าเป็นส้นแบนนะคะ ท่าทางจะเมื่อย




พอขึ้นมาถึงเห็นอาม่าแก่มากแล้วค่อยๆ เดินขึ้นมาทีละก้าว มันมีความรู้สึกแบบบอกไม่ถูก
แต่ก็ยิ้มๆ ให้อาม่าไป นึกในใจอาม่าสู้ตายค่ะ

ขอโม้นอกเรื่องแป๊ปนะคะ น้องหมาวัดบ้านเขาแลมีสกุลนะคะ น่ารักทุกตัวเลย
เห็นแล้วอยากขโทยกลับบ้าน ตัวขวามือให้จับด้วย น่ารักสุดๆ



ใครใคร่อยากลิ้มลองอาหารเจก็สามารถซื้อคูปอง 60 HK$ เพื่อเข้าไปทานอาหารเจได้ค่ะ



หลังจากใช้เวลาอยู่ด้านบนจนหนำใจก็ขอกลับลงมาภาคพื้นดินเพื่อไปเช็คอิน + เก็บสัมภาระให้เรียบร้อย
เตรียมตัวไป Avenue of star พร้อม Shopping กันต่อค่ะ



อ่าว Victoria ช่างมัวหม่นและหม่นหมองมาก ยอดตึกก็โดนหมอกกลืนกิน




เดินลัดเลาะไปตามริมทางเดินกะว่าจะอยู่รอชม Symphony of light แต่ตอนที่ไปถึงเพิ่งจะ 5 โมงก็เลยตัดสินใจไปเดิน Shopping ก่อนค่ะ
ผู้หญิงก็คงหนีไม่พ้นร้านเครื่องสำอาง ไปถึงไปตามหาคอลลาเจน พอหยิบขึ้นป๊าดดดด! มีแต่ภาษาจีนกับญี่ปุ่น เซง!
หลังจาก Shopping เสร็จก็ล้า + เหนื่อย + ขี้เกียจเลยตัดสินใจกลับโรงแรมดีกว่า เป็นอันว่าจบวันที่ 1 แบบงงๆ