|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
เรื่องสั้น : ความรักที่ทดแทนไม่ได้ (ตอนจบ)
สมศรีนั่งเหม่อครุ่นคิดถึงเรื่องราวในอดีต ที่มันยังแจ่มชัดอยู่ในความรู้สึกตลอดเวลา เธอวางรูปนายช่างลง และค้นหารูปหนึ่งที่เธอรักนักหนา มันเป็นรูปของลูกชายในวัยเด็ก สดใส น่ารัก ไร้เดียงสา ในรูปเด็กน้อยกำลังชี้มือมาข้างหน้า และอ้าปาก คล้ายจะพูดคำว่า แม่ เธอยิ้มทั้งน้ำตา ......................................................
2 ปีผ่านไป ลูกชายของเธอก็กลับมา เขาดูสูงขึ้นแต่ผอมลงไปมาก ผมก็ยาวขึ้น เขากลับมาคราวนี้ พูดน้อยลงจนเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกับเธอ คนที่เขาพูดด้วยมากที่สุดคือน้องสาวคนโตของเขา นอกนั้นจะเป็นลักษณะถามคำ ตอบคำ แต่แค่นี้เธอก็ดีใจหนักหนาแล้ว ถึงแม้ลูกจะไม่พูดกับเธอเลยตลอดชีวิต แค่ได้มีลูกอยู่ใกล้ตัว ก็ทำให้เธอมีความสุดที่สุดแล้ว
แต่ดูเหมือนว่า ความสุขจะอยู่กับเธอไม่นานนัก
วันนั้น เธอได้ยินเสียงลูกชายกับนายช่างถกเถียงกันเสียงดังลั่น เธอรีบวิ่งไปดูเพราะไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก เธอรีบเข้าไปห้ามแล้วถามหาสาเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งพอสรุปได้ว่า เจ้าลูกชายไปขโมยเงินของนายช่างที่ใส่ไว้ในเสื้อเชิ้ตที่เขาถอดทิ้งไว้ เงินนี้เป็นเงินที่เขาต้องนำไปจ่ายเป็นค่าของในวันพรุ่งนี้ จำนวนเงินไม่มากมายนัก แต่ความสำคัญมันอยู่ที่ นายช่างเกลียดคนขี้ขโมยมากที่สุด
เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้เธอไม่อยากเสียลูกไปอีก ประกอบกับเธอโกรธนายช่างเสมอมากับเหตุการณ์ครั้งก่อน ทำให้เธอโดดเข้าปกป้องลูกชายเต็มที่ และต่อว่านายช่างที่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ นายช่างมองเธอด้วยสายตาเจ็บช้ำและร้าวราน และครั้งนี้เป็นเขาที่หุนหันออกจากบ้านไปท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก
นายช่างกลับเข้าบ้านในตอนเช้าด้วยท่าทีอิดโรย และเปียกปอน มาถึงก็อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า และเข้านอนทันที เธอไม่ได้สนใจเข้าไปดู จนกระทั่งเย็น
แม่ พ่อไม่สบาย แม่ไปดูพ่อหน่อย เสียงลูกสาวคนกลางมาเรียก เธอจึงเดินเข้าไปดูในห้องที่เขานอนอยู่ เห็นเขานอนหน้าซีดอยู่บนเตียง แต่เมื่อแตะตัว ก็ต้องสะดุ้งโหยง เพราะตัวเขาร้อนมาก ท่าทางกระสับกระส่าย และไม่รู้สึกตัว เธอเริ่มร้อนใจ และนำตัวเขาส่งโรงพยาบาลทันที ระหว่างรออยู่หน้าห้อง ICU เธอเริ่มภาวนาให้เขาหายเป็นปกติ นั่นนับเป็นครั้งแรกในรอบสองปีที่เธอรู้สึกเป็นห่วงเขาอย่างจริงจัง .......................................................
หมอต้องเสียใจด้วย เชื้อไวรัสแพร่กระจายเร็วมาก และร่างกายคนไข้ก็อ่อนแอมาก หมอได้พยายามช่วยอย่างเต็มที่แล้ว หมอคงพูดอะไรที่ยาวกว่านี้ แต่เธอไม่ได้ยินเสียแล้ว เธอเป็นลมล้มพับไปตั้งแต่ได้ทราบว่านายช่างได้จากเธอไปแล้ว
คงเพราะความที่เธอไม่เคยสนใจในตัวเขา และก็พอนึกได้ลาง ๆ ว่า ตั้งแต่เขาออกจากงานมา เขาเริ่มดื่มเหล้าหนักขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่สนใจสุขภาพของตัวเองเหมือนเมื่อก่อน นี่คงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ร่างกายเขาอ่อนแอเกินกว่าจะต้านทานเชื้อโรคร้ายได้
ในงานศพนายช่าง เธอไม่ได้ร้องไห้เลยสมกับที่ได้ลั่นวาจาไว้ ไม่ใช่เพราะเธอเกลียดเขา แต่เป็นเพราะเธอไม่มีน้ำตาจะร้องแล้วต่างหาก กรมธรรม์ประกันชีวิตที่เขาทำไว้มากมายโดยระบุให้เธอกับลูก ๆ เป็นผู้รับผลประโยชน์ ทำให้เธอได้รับทราบว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขารักเธอมากเพียงใด แต่เธอสิ เธอไม่เคยรักเขาเลยตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ได้อยู่ร่วมกับเขามาแม้เขาจะเพียรถามหลายหน แต่เธอก็ไม่ตอบ จนท้ายที่สุดเขาก็เลิกถาม
เธอรู้สึกเจ็บจนร้าวระบบไปทั้งอก น้ำตามันคงไหลย้อนกลับไปท่วมหัวใจเสียแล้วกระมัง
เธอเริ่มกลัวกับความทุกข์ แต่คนเรามักจะเจอสิ่งที่กลัวเสมอ..... ................................................
หลังจากทำบุญเจ็ดวัน เธอกลับถึงบ้าน ลูกสาวคนโตที่เข้าไปหาพี่ชายตามปกติ ก็เดินออกมาด้วยน้ำตานองหน้า พร้อมด้วยจดหมายฉบับหนึ่ง เธอรับจดหมายมาเปิดออกช้า ๆ ด้วยมืออันสั่นเทา สังหรณ์ในใจลึก ๆ บอกว่ากำลังจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น
แม่ครับ
ผมต้องขอโทษที่ไม่ได้อยู่ลาแม่และน้อง ๆ เป็นเพราะผมละอายใจเกินกว่าที่จะทนพบหน้าได้ ผมนอนคิดอยู่หลายคืน จึงได้ตัดสินใจทำอย่างนี้ แม่จะโกรธจะเกลียดผมเพียงใดก็ได้ แต่โปรดรับรู้ไว้ว่าผมมีเหตุผลที่ต้องทำอย่างนี้ มีบางเรื่องที่ผมต้องสารภาพให้แม่ได้รับรู้ไว้
หลังจากที่พ่อตาย และแม่พาผมมาอยู่กับเขา ครั้งนั้น ผมรู้สึกโกรธ รู้สึกเกลียด ที่แม่ไม่รักพ่อ พอพ่อตายไม่ทันไร แม่ก็มีผู้ชายคนใหม่ ผมแค้นใจมาก คิดอยู่ตลอดเวลาว่าแม่หักหลังพ่อ และคิดหาทางจะแก้แค้นคนที่มาแทนที่พ่อตลอดเวลา
ผมเลวมากครับ ที่ไม่เคยนึกเลยว่าการที่แม่ทำอย่างนั้น เพราะแม่รู้ดีว่าไม่สามารถเลี้ยงดูลูก 2 คนตามลำพังได้ แม่จึงต้องหาคนมาช่วยเหลือ แม้แม่จะไม่ได้รักเขาเลยก็ตาม วันที่ผมแค้นใจที่สุด ก็คือวันที่ผมทะเลาะกับเขาเป็นครั้งแรก และแม่เข้าข้างเขา วันนั้น ผมคิดว่าแม่ไม่รักผมแล้ว ที่นี่ไม่มีใครต้องการผม ผมจึงต้องหนีไปให้ไกล
มันเป็นความคิดที่โง่มาก และเพราะความโง่ครั้งนั้น แม่คงไม่รู้ว่า ผมต้องพบเรื่องอะไรบ้าง มันเลวร้ายเสียจนผมไม่อยากจะพูดถึง ผมโทษว่าเป็นความผิดของเขา และพาลโกรธแม่ที่ทำให้ชีวิตผมต้องตกต่ำอย่างนี้ หลังจากหมดเรื่องเลวร้าย ผมก็คิดได้ว่าผมต้องกลับไปแก้แค้นคนที่ทำให้ชีวิตผมย่ำแย่ลง ผมกลับบ้าน และทำตัวเหลวไหลไปเรื่อย ครั้งนี้แม่เข้าข้างผม คงเป็นเพราะแม่ไม่อยากเสียผมไปอีก แต่มันก็ทำให้ผมได้ใจ และคิดหาหนทางแก้แค้นตลอดเวลา แล้วผมก็ทำสำเร็จ
วันนั้น ผมตั้งใจขโมยเงินเขา และให้เขาจับได้ ผมแกล้งถกเถียงกับเขาเพื่อจะดูว่าแม่จะเข้าข้างใครอีก จะเป็นเหมือนครั้งก่อนไหม แล้วก็เหมือนกับที่ผมคิดไว้ แม่เข้าข้างผม และทำให้เขาเจ็บปวด ผมรู้สึกสะใจอย่างมากที่ทำให้เขาเสียใจได้ แต่สิ่งที่ผมไม่เคยคิดเลยก็คือ ผมทำให้แม่และน้อง ๆ ต้องเสียใจไปด้วย
ผมมารู้ทีหลังว่าเขารักแม่มาก สิ่งที่เขาทำไว้ให้ สิ่งที่น้องเล่าให้ผมฟัง มันทำให้ผมรู้สึกผิดอย่างมากมาย มากเสียจนผมไม่อาจอยู่สู้หน้าใครได้ และผมรู้สึกว่า ผมได้ทำบาปอย่างใหญ่หลวงในชีวิต ผมเป็นต้นเหตุให้ผู้ชายที่ดีคนหนึ่งต้องตายไป ผมทำให้แม่เสียใจ
แม่ครับ ผมไปจากแม่เพื่อชดใช้ความผิดที่ผมทำไว้ แต่ผมสัญญาว่าผมจะไม่คิดสั้นเด็ดขาด ชีวิตของผมที่เหลือจากนี้ ผมขอชดใช้กรรมทั้งหมดที่ผมได้กระทำไป ผมคงไม่ใช่ลูกที่ดีนัก แต่ผมอยากบอกแม่ว่า ผมขอโทษ หากชาติหน้ามีจริง ผมขอมาเกิดเป็นลูกแม่อีกครั้งนะครับ
สุดท้ายนี้ พี่ขอฝากแม่ไว้กับน้อง ๆ ทุกคนด้วย
กราบแทบเท้าแม่
ลูก .............................................
จิตรายืนอยู่ที่ประตูนี้นานแล้ว ภาพของแม่ที่นั่งอยู่ในห้องกับกองรูปเก่า ๆ และจดหมายที่ยับยู่ ด้วยผ่านการเปิดอ่านและคราบน้ำตามาไม่รู้กี่ร้อยหน ชินตาเสียจนเธอไม่สามารถก้าวล่วงเข้าไปในห้องนั้นได้ เพราะอาจรู้สึกถึงความเป็นส่วนเกินได้ดี แม่เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่พี่ชายหนีออกจากบ้านไปเป็นครั้งที่ 2 จวบจนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 15 ปีแล้ว เธอไม่รู้ว่าพี่ชายไปอยู่ที่ไหน ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่ชายได้ชดใช้กรรมหมดหรือยัง แต่หากการทำให้พ่อแม่เป็นทุกข์ เสียน้ำตา นั่นคือกรรม สิ่งที่พี่ชายทำไปจะไม่กลายเป็นการเพิ่มกรรมให้ตัวเองหรอกหรือ
เธอไม่อาจปลอบประโลมใจอะไรแม่ได้ ความรักที่เธอและน้องสาวทั้ง 2 ทุ่มเทให้ มันเพียงแค่พยุงให้แม่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น เธอไม่เคยคิดน้อยใจ เพราะเข้าใจดีว่าแม่บอบช้ำกับความรักมากขนาดไหน โดยเฉพาะความรักที่มีให้ลูก อ้อมแขนที่เธอกอดแม่ ความรักที่เธอทุ่มให้ ไม่ว่ามันจะมีปริมาณมากสักเท่าใด ก็ไม่สามารถทดแทนความรักและอ้อมกอดที่แม่โหยหาจากคนเพียงคนเดียวได้เลย
จิตราหันไปมองแม่อีกครั้งก่อนปิดประตูลง และหันหลังกลับเดินมาอย่างช้า ๆ ปล่อยให้แม่ได้จมอยู่กับอดีต ความรัก ความเจ็บปวดและการรอคอย ที่ไม่อาจมีใครเปลี่ยนแปลงมันได้ และมันคงจะเป็นอยู่เช่นนั้นอีกนานเท่านาน....
Create Date : 10 พฤศจิกายน 2549 |
|
8 comments |
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2549 11:45:11 น. |
Counter : 638 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: Bond Man 10 พฤศจิกายน 2549 16:44:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: galdewis 12 พฤศจิกายน 2549 17:49:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: galdewis 12 พฤศจิกายน 2549 21:33:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: Lilly (supremeking ) 13 พฤศจิกายน 2549 10:38:45 น. |
|
|
|
|
|
|
.....คนเราทุกวันนี้ใช้ชีวิตหมดไปกับกาลเวลาที่ผันผ่าน จนลืมที่จะมองหาความงดงามและความอ่อนโยนในชีวิต หลายคนเพียรค้นหา และหลายคนไม่มีวันพบเจอ.....
|
|
|
|
|
|
|
ความรู้สึกบางอย่าง บางครั้งมันก็ติดอยู่ในใจของเราไปชั่วชีวิต ทำอย่างไรก็ไม่มีวันลืม