Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
2 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
นัท ฝากถึง เต๋า

เป็นเรื่องดีถ้าทำได้อย่างที่พูด นัท ฝากถึง เต๋า (คมชัดลึก)

กระแสตอบรับละครเวที “แม่นาค เดอะ มิวสิคัล” ฮอตจนต้องเพิ่มรอบไปจนถึงวันที่ 28 มิถุนายนนี้ แถมยังไม่พอ ยังกระโดดไปเปิดรอบใหม่เดือนหน้า ระหว่างวันที่ 16-26 กรกฎาคมอีกด้วย เรียกว่าฮอตพอๆ กับสาว “นัท” มีเรีย เบเนเดตตี้ นางเอกของเรื่องที่ถูกจับตามองเหลือเกิน หลังอดีตสามี “เต๋า” สมชาย เข็มกลัด เข้าพิธีวิวาห์กับไฮโซ “ยุ้ย” อัฐมาศ อัศววิมล

วันนี้ “คม ชัด ลึก” จึงขออนุญาตสาว “นัท” ล้วงลึกทุกความรู้สึกในทุกเรื่องราวมาฝากกัน

งานที่รุ่ง

กระแสตอบรับ “แม่นาค เดอะ มิวสิคัล” ดีจนต้องเพิ่มรอบ รู้สึกอย่างไร

นัท : รู้สึกดีใจ พอเราเล่นแล้วมีคนชอบ เหมือนเราต้องให้ความสุขกับผู้ชม แล้วเขารับได้ มีการเพิ่มรอบไปเรื่อยๆ

ถือเป็นบทพิสูจน์ที่สอบผ่าน หลังก่อนหน้านี้มีเสียงวิจารณ์ค่อนข้างเยอะ

นัท : เสียงวิจารณ์มันมีขึ้นได้ เพราะก่อนหน้านี้ผู้ชมเขาอาจจะยังไม่เห็นภาพ ว่าจะออกมาอย่างไร มาวันนี้เขาได้เห็นภาพทั้งหมด กระแสเป็นไปในทางที่ดี ก็รู้สึกดีใจ จริงๆ ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้รู้สึกกดดันอะไร รับได้ นัทเชื่อมั่นในตัวพี่บอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) ด้วย อีกอย่างทีมงานทุกคนทำงานกันเต็มที่ ทำให้ทุกอย่างต้องออกมาดี

ละครเวทีเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ 2 แล้ว ถือว่าง่ายขึ้น หรือรู้สึกได้เปรียบคนอื่นไหม

นัท : ผ่านประสบการณ์มาแล้ว ก็จะรู้แล้วว่าวิธีการทำงานเป็นยังไง ไม่กังวลแล้ว รู้ว่าต้องซ้อมแค่ไหน หนักแค่ไหน ต้องเจออะไร เรียกว่าง่ายในการทำงาน แต่บทเปลี่ยนไป แล้วก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับเรื่องที่แล้วเลย เราก็ต้องมาศึกษา ตีความตัวละคร มาเริ่มศูนย์ใหม่ ถือว่ายากกว่าเรื่องที่แล้ว ในมุมที่ตัวละครนี้ต้องทำอะไรเยอะกว่า พัฒนาการของตัวละครก็เยอะกว่าตั้งแต่ฉากแรก ยันฉากสุดท้าย

ถ้าให้เปรียบกับการเล่นละครล่ะ

นัท : มันต่างกัน ละครหรือภาพยนตร์ มันไม่สด เล่นแล้วก็มีจังหวะการเทกได้ เล่นแล้วก็มีกล้องมารับหน้าเรา ถ่ายให้เห็นอารมณ์ ร้องไห้ หลับตา แต่สำหรับละครเวที โรงละครจะกว้าง ผู้ชมเขาเห็นเราสดเลย เทกไม่ได้ ต้องซ้อมหนักมาก เพื่อให้ทุกอย่างคงที่ ต้องส่งอารมณ์ให้คนดูรับได้เท่าๆ กันในทุกรอบที่เล่นเหมือนเดิม

ติดใจอยากเล่นเรื่องที่ 3 เลยไหม

นัท : (หัวเราะ) ถ้ามีโอกาสก็เล่นอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นไปได้จบจากละครเวทีเรื่องนี้ ก็อยากเล่นละคร เล่นภาพยนตร์เหมือนกัน เครื่องเริ่มร้อน แล้วช่วงหลังคนก็ไม่ค่อยเห็นนัทในจอทีวีเท่าไหร่ มัวแต่ไปร้องเพลง ซึ่งมีโอกาสทำมากกว่า ทำให้หลายคนคิดว่าไม่ได้เล่นละครแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ ถ้ามีบทอะไรน่าสนใจเข้ามาก็อยากทำ อยากให้คนได้เห็นเราในทีวีบ้าง แล้วก็อยากให้แม่ดูด้วย เขาอยู่บ้านก็อยากให้เขาเห็นเราในทีวีบ้าง

มีผู้จัดติดต่อมาบ้างหรือยัง

นัท : มีติดต่อมาบ้าง แต่ว่าจังหวะยังเล่นไม่ได้ อยากทำละครเวทีให้จบก่อน คาดว่าประมาณปลายปีช่วงนั้นก็จะรับเล่นได้

งานเพลงล่ะ

นัท : คุยๆ อยู่เหมือนกันว่าจะยังไงต่อไป

เพราะงานเพลงชุดที่ 7 เมื่อปีที่แล้ว ค่อนข้างเงียบด้วยหรือเปล่า

นัท : นัทไม่ทราบหรอก นัทคิดว่ามันไปเรื่อยๆ มากกว่า งานเพลงของนัท คนฟังจะเป็นคนที่ชอบเรา จะเป็นเพลงกระแสเลยก็ไม่ใช่ มันมีความเป็นตัวนัทอยู่ นัทก็จะมีกลุ่มของนัทอยู่ แต่อาจจะไม่เหมือนสมัยก่อน เพราะวงการเพลงเปลี่ยนไปแล้ว จบจากละครเวทีก็ยังมีคอนเสิร์ตที่อเมริกาอีกประมาณ 10 รัฐ

อยู่ในวงการมากว่า 10 ปีแล้ว ยังมีอะไรอยากทำอีกไหม

นัท : จริงๆ ยังมีอย่างหนึ่งที่ไม่ได้ทำ คือการเป็นดีเจ แต่ว่าคงไม่ใช่เราตอนนี้ ยังมีอย่างอื่นที่เรายังทำได้ แล้วก็ไม่ได้วางแผนจะหยุด จะอะไร เพราะยังมีมาเรื่อยๆ ให้ทำอยู่

ชีวิตที่ถูกจับตา

ใน 10 กว่าปีที่ผ่านมา วงการบันเทิงให้อะไรบ้าง

นัท : นอกจากทรัพย์สินเงินทอง ก็คือชื่อเสียง นัทว่ามันเป็นอาชีพที่มีเกียรตินะ ไปที่ไหนคนก็ให้การต้อนรับดี ข้อดีพอคนรู้จัก ชื่นชมก็ให้เกียรติ เหมือนเราเป็นคนพิเศษสำหรับเขา เราก็ภูมิใจทำให้คนอื่นมีความสุข หัวเราะได้ แต่อีกมุมหนึ่งก็คือ มันทำให้เราเสียความเป็นส่วนตัว ถูกจับตามอง คาดหวัง ต้องเป็นอย่างที่เขาคิด มีกรอบที่สังคมมองว่าต้องเป็นแบบนั้น แบบนี้ ทุกอย่างจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้เสมอ

กรอบสังคมเหล่านี้ทำให้ลำบากใจไหม

นัท : มันก็มีบ้างบางช่วง เวลาที่เราอยากทำอะไรตามใจตัวเองบ้างบางมุม แต่ก็ต้องระวังหลายๆ อย่าง แต่ก็ต้องคิดว่าถ้าทำไปแล้ว มันกลายเป็นสิ่งไม่ดีแก่เราในภายภาคหน้า กลายเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ในทางไม่ดี มีผลต่อครอบครัว เพื่อน มันก็เยอะเหมือนกัน

เพราะวางตัวดีมาตลอดด้วยหรือเปล่า

นัท : ใช่ บางครั้งอย่างที่บอก เราวางตัวในแบบที่คนเขาว่าดี ทำให้เวลาเราทำอะไร แต่ละอย่าง ก็มีบ้างที่จะต้องคิด ถ้าผิดนิดหนึ่ง ก็จะเป็นเรื่องใหญ่ มันกลายเป็นเรื่องไม่ปกติ ไม่ถึงกับเครียดมาก แต่เวลาที่จะตัดสินใจบางอย่าง บางครั้งก็ทำให้ลำบากใจเหมือนกัน

ดูเหมือนจะเป็นแบบอย่างให้แก่รุ่นน้องด้วย

นัท : ถ้าเป็นแบบอย่างที่ดีก็โอเค แต่แบบอย่างไม่ดี บางครั้งก็เป็นเรื่องส่วนตัว มนุษย์ไม่มีใครเพอร์เฟกต์หรอกบนโลกใบนี้ ก็จะคิดว่าถ้าเราไม่ได้ทำให้สังคมแย่ลง แค่เราแย่ลงคนเดียวคงไม่เป็นไร

มุมไหนของตัวเองที่คิดว่าแย่ล่ะ

นัท : นัทเป็นคนคิดมาก คิดละเอียด แคร์ความรู้สึกคนอื่นมาก จนไม่คิดถึงความรู้สึกตัวเอง ใจร้อน โกรธง่าย หายเร็ว แล้วเป็นคนที่ต้องมีเหตุผลมาพูดด้วย ถ้ากรณีมีปัญหา แม้จะเป็นเรื่องเล็ก ก็ต้องมีเหตุผลมาแย้งให้จบ ถ้าผิดก็ต้องยอมรับผิด นัทจะไม่ยอมเลย ถ้าเขาจะมาแย้งว่าตัวเองไม่ผิด ทั้งที่เขาผิด

ทุกวันนี้ดูเหนื่อยพอสมควรทั้งเรื่องงานและการดูแลคุณแม่

นัท : เรื่องคุณแม่ไม่เหนื่อยแล้วนะ ด้วยอาการป่วยที่คงที่ ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงมาก นัทมาทำงานตรงนี้คุณแม่ก็เข้าใจ แล้วเราก็คุยกันทุกวัน โทรศัพท์ถามข่าวคราวกันตลอด วันไหนหยุดก็ไปหา นัทก็เลยไม่เครียด เพียงแต่ชีวิตมันจะเดิมๆ ไม่ค่อยมีอะไรโลดโผน

ผ่านอุปสรรคในชีวิตมาหลายจุด อะไรที่ทำให้แข็งแกร่งแล้วผ่านมาได้

นัท : ความจริงนัทไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากนะ นัทไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนคิดหรอก ไม่ได้ดีไปทุกเรื่อง ในด้านของอารมณ์ ก็ต้องมีอะไรมากระทบบ้าง นัทได้ธรรมะมาช่วย มีคนรอบข้างดี แล้วเป็นคนคิดบวกอยู่แล้วด้วย

เรื่องอดีตที่ไม่เคยจบ

หลังรู้ข่าวเต๋า เคยมีวันไหนที่รู้สึกเจ็บแปลบๆ ที่หัวใจบ้างไหม

นัท : ไม่นะ มันเหมือนก็ดีแล้วที่เขามีชีวิตในแบบที่แฮปปี้ เราไม่มีสิทธิ์หรือมีส่วนในชีวิตของกันและกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน มันเป็นเรื่องอดีตที่เก่าไปแล้ว เราไม่เห็นจะต้องไปอะไร

ก่อนหน้านี้คนลุ้นให้กลับไปคืนดี ตัวนัทเองเคยมีแวบเข้ามาในสมองไหม

นัท : ไม่ นั่นมันเป็นความคิดของคนอื่น

เรียกว่า ทำใจได้

นัท : ไม่เรียกว่าทำใจ เรียกว่าเข้าใจมาตั้งแต่ต้น อีกอย่างเรามีชีวิตของเราแล้ว เรื่องนี้แค่เป็นเรื่องใหม่ เรื่องเซอร์ไพรส์ขึ้นมาหนึ่งวัน แล้วก็ผ่านไปเท่านั้น

งานแต่งงานที่ผ่านมา เต๋าได้มาชวนไหม

นัท : ไม่ได้มาชวน แต่ส่งการ์ดมาให้ อย่างที่บอกนัทเป็นคนมองอะไรง่ายมาก ยิ่งเรื่องแบบนี้ มันยิ่งง่ายมาก มันไม่ได้ซับซ้อนอะไรขนาดนั้นหรอก เราเองก็ต้องมีอะไรทำเยอะแยะ ฉะนั้นเรื่องที่เข้ามา มันก็ไม่ได้สำคัญไปทุกเรื่อง เราก็เลือกเรื่องที่ควรที่จะทำมากกว่า ตอนนี้ก็คืองานที่แสดงอยู่ทุกวัน ก็เลยไม่ได้ไปอะไรตรงนั้น วันงานเขาเราก็ทำงานด้วย เพียงแต่ข่าวมันทำให้มี ทั้งที่เราไม่ได้มีอะไรเลย

มีของขวัญให้ไหม

นัท : ไม่รู้จะซื้ออะไร

หลังจากข่าวออกไปได้เจอ ได้พูดคุยกับเต๋าบ้างไหม

นัท : ไม่เลย เพราะว่ายุ่งกันทั้งสองฝ่าย

ได้อ่านคำสัมภาษณ์ของทั้งคู่ในนิตยสารดิฉันหรือเปล่า

นัท : ไม่ได้อ่านเลย

เต๋าบอกว่าจะหยุดทุกอย่างเพื่อเริ่มต้นใหม่ทั้งเรื่องความรัก และเรื่องงาน

นัท : ก็ดี ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี ถ้าสามารถทำได้อย่างที่พูดเอาไว้

เต๋าเคยพูดมุมนี้ให้ฟังไหม

นัท : เหมือนเคยพูดๆ อยู่แหละ แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร นัทกับคุณเต๋าจะไม่ได้คุยลงลึกอะไร จะเป็นการปรับทุกข์เวลามีปัญหาแล้วต้องการเพื่อนสักคนที่เขาคุยได้ นัทก็จะเป็นตรงนั้น แต่เรื่องที่เขาให้สัมภาษณ์มุมนั้นคงไม่ใช่นัทแล้ว

จากนี้ไปต้องทิ้งระยะห่าง หรือวางสถานะใหม่หรือเปล่า

นัท : อันนี้มันก็แน่อยู่แล้ว เป็นเรื่องที่ควรจะทำ ต้องมีมารยาท ที่ต้องให้เกียรติกันและกัน ซึ่งปกติเราก็ไม่ได้มีอะไรอยู่แล้ว เพียงแต่เวลาเขาเป็นข่าวขึ้นมาแต่ละครั้ง ก็จะต้องมีนัทเข้าไปเกี่ยวข้องให้มันดูมีอะไร ทั้งที่จริงๆ ไม่มีอะไร ต่างคนต่างใช้ชีวิตอยู่แล้ว

เหนื่อยไหมที่เรื่องในอดีตต้องพัวพันมาถึงตัวเราทุกวันนี้

นัท : ไม่ถึงกับเหนื่อย แต่รู้สึกมันตอบไปเยอะแล้ว คือถ้าเป็นเรื่องที่นัทต้องตอบ แล้วมันไม่เกี่ยวกับนัทเท่าไหร่ ก็ไม่รู้จะตอบอะไร

ที่ผ่านมาหลายคนมองว่าลดสถานะลงได้อย่างไร

นัท : ต้องคิดดี ที่ผ่านมานัทก็จะมองในมุมที่ดีๆ ของกันและกัน อะไรที่ไม่ดี ผ่านไปแล้ว จบไปแล้วก็อย่าไปรื้อฟื้น เขาก็มีชีวิตของเขา เราก็มีชีวิตของเรา ยิ่งเป็นแบบนี้แล้ว ยิ่งต้องวางตัวไม่ไปก้าวก่ายซึ่งกันและกัน ซึ่งปกติเราเป็นแบบนั้นนะ เพียงแต่สื่อไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนั้น เพียงแค่เรารู้ว่าเราต้องการอะไรก็พอ

หัวใจที่รอคู่แท้

อยู่คนเดียวแบบนี้มีเหงาบ้างไหม

นัท : มีนะ แต่บางครั้งก็เหงาจนชินไปเลย กลายเป็นแบบว่านอนคนเดียวจนชิน บางครั้งเหงาอยากมีแฟนจังก็มี แต่ก็เป็นเพียงแค่ความคิด พอเอาเข้าจริงก็ยังไม่มีที่ใช่

เวลามีปัญหาเข้ามารู้สึกโดดเดี่ยวบ้างไหม

นัท : ไม่ นัทไม่ได้คิดคนเดียวอยู่แล้ว มีที่ปรึกษา ญาติ ลูกพี่ลูกน้อง มีคนที่รักนัทเยอะ แล้วส่วนใหญ่ปัญหาของนัทก็เป็นปัญหาที่หาคนปรึกษาได้ด้วย

จริงๆ เปิดใจรับหนุ่มๆ บ้างหรือเปล่า

นัท : เปิดนะ แต่ไม่มีใครเข้ามาเอง นัทเชื่อในเรื่องของพระเจ้า ว่าวันหนึ่งเขาจะส่งคนที่ใช่มาให้เราในเวลาที่เหมาะสมเอง เพราะนัทอธิษฐานทุกวันเลย ถ้าไม่ดีก็ไม่ต้องเข้ามา เราเองก็ไม่ได้คิดว่าต้องมีให้ได้ เราสามารถที่จะยืนอยู่ได้ด้วยตัวเองในระดับหนึ่ง

เพราะผ่านชีวิตคู่มาแล้วด้วยหรือเปล่า

นัท : ใช่ แล้วนัทก็มีความสุขกับงาน เพื่อน น้องๆ บางเวลาก็มีคนเข้ามานะ แต่ในเมื่อมันไม่ใช่ นัทก็ไม่ฝืนไง ไม่รู้จะฝืนไปเพื่ออะไร เพื่อให้ต้องมานั่งผิดใจกันเองเหรอ

แสดงว่าตอนนี้ยังไม่มีใคร

นัท : ไม่มี

แต่มีขาเม้าท์บอกว่ามีแล้ว แต่ไม่กล้าบอก

นัท : ไม่มี มีแฟนไม่เห็นผิดเลย ทำไมต้องไม่กล้าบอก เพียงแต่มันยังไม่มีคนที่ใช่ ที่เหมาะสม นัทต้องบอกอยู่แล้ว ไม่ใช่คนที่จะมาปิดอะไรแบบนั้น

ผ่านอะไรมาเยอะความคิดที่จะมีใครสักคนเปลี่ยนไปไหม

นัท : ต้องมีบ้าง อย่างที่บอกความคาดหวังของคนที่มองเราอยู่ ว่านัทต้องได้คนแบบนั้น แบบนี้ แล้วถ้ามันไม่ใช่ล่ะ ก็จะไม่ถูกใจพวกคุณอีก ทั้งที่เราไม่มีวันรู้หรอกว่าคนที่เราบอกว่าใช่ อาจจะไม่ใช่ก็ได้ หรือคนที่เราบอกว่าไม่ใช่วันนึงเขาอาจจะใช่ก็ได้

ข้อมูลจาก //www.kapook.com



Create Date : 02 กรกฎาคม 2552
Last Update : 2 กรกฎาคม 2552 1:38:15 น. 0 comments
Counter : 447 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

tuktauiu
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








Friends' blogs
[Add tuktauiu's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.