พิพิธภัณฑ์จันเสน ต.จันเสน อ.ตาคลี นครสวรรค์
ผ่านถนนสายเอเชียช่วง สิงห์บุรี - ชัยนาท บ่อย ๆ
ก็เห็นคำว่าจันเสน บ่อย ๆ
วันนี้ตั้งใจแวะเมืองจันเสน ... พิพิธภัณฑ์จันเสน
การเดินทาง
จากจังหวัดลพบุรี วิ่งตามถนนเลียบคันคลองฝั่งตะวันตก ทล.3196
ผ่าน อ.บ้านหมี่ มาราว 20 กม.
แยก อ.บ้านหมี่ มาจาก จันเสน
จากต้นถนน ทล.11 ที่อินทร์บุรี เลี้ยวขวา เข้าถนนทล. 3196
ระยะทางทั้งหมดราว 20 กม.
มาจากขวามือในภาพแล้วเลี้ยวขวาตามรถตู้ไป
เรา
มาจากนครสวรรค์
เลี้ยวซ้ายไปตาคลีที่ชุมทางต่างระดับชัยนาท
ก่อนถึงตัวอำเภอตาคลี มีทางแยกเลี้ยวขวาไป อ.บ้านหมี่
เป็นถนนเลียบคลองส่งน้ำ
ลอดใต้ถนนสาย 11
สะพานที่เห็นข้ามคลองข้างหน้า เป็นทางรถไฟ
มาจาก ต.จันเสน อ.ตาตลี นครสวรรค์ ... ถึงทางเลี้ยวเข้าจันเสนแล้ว
จัน อาจหมายถึง ต้นจัน อาจเป็น นายจัน
เสน อาจหมายถึง เสนา,
เมืองจันเสนอาจเป็นเมืองหน้าด่านของละโว้ เพราะอยู่ห่างเพียง 50 กม.
สะพานรถไฟ ถ่ายไว้เมื่อ พ.ย. 2555
เข้าเมืองจันเสน ทางรถไฟซ้ายมือ
ไปตามป้ายเรื่อย ๆ พิพิธภัณฑ์อยู้ในวัดจันเสน
โบสถ์วัดจันเสน
บันไดสิงห์ ศิลปะทวารวดี
หลวงพ่อนาค เป็น
พระพุทธรูปนาคปรก หิน สมัยลพบุรี 2 องค์
ได้มาจากวัดปืน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี
พิพิธภัณฑ์จันเสน
เริ่มจากที่ หลวงพ่อโอด ได้มาอยู่ที่จันเสน
มีชาวบ้านพบวัตถุโบราณ ก็เอามาถวายท่านบ้าง
และท่านก็บอกให้ชาวบ้านนำมาขายให้ท่านแทนที่จะเอาไปขายที่อื่น
จน พ.ศ. 2509 อาจารย์นิจ หิญชีระนันทน์ ได้เห็นภาพถ่ายทางอากาศ
จึงคิดว่าน่าจะเป็นเมืองเก่าสมัยทวาราวดี
ซึ่งมีลักษณะ
เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนเนิน ในที่ลุ่ม
เป็นสี่เหลี่ยมมุมมน หรือ วงกลม
มีคันดินล้อมสองชั้น ระหว่างคันดินเป็นคูน้ำ
เพื่อเก็บน้ำไว้ใช้ และป้องกันน้ำท่วม
ถาม ... หลุมขุดค้นตามรูปนี้อยู่ที่ไหน
ตอบ ... กลบหมดแล้วเพราะที่ดินต่างมีเจ้าของ
ประวัติศาสตร์ไทย
ที่เคยเรียน ... เริ่มต้นที่อาณาจักรสุโขทัย
ที่เคยเที่ยว ... แผ่นดินไทยนี้ มีมนุษย์อาศัยอยู่มาตั้งแต่ 3000 ปีก่อน
แผนที่นี้ สันนิษฐานว่านี่คือแผ่นดินสมัยก่อน
จะพบเมืองแบบทวาราวดี
ตามหัวเมืองชายฝั่งทะเล และในแผ่นดินลึกเข้าไป
เช่นทางอิสานไปถึงเมืองฟ้าแดดสงยาง - กาฬสินธุ์
ภาพจากบล็อกล็อกอิน surya21
จากการศึกษาจากภาพถ่ายทางอากาศ
พบเมืองโบราณสมัยนี้ถึง 63 เมือง
เช่น
บันทึกของภิกษุจีนจิ้นฮง ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 12 กล่าวว่า
โถโลโปตี เป็นชื่อของอาณาจักรหนึ่ง
ตั้งอยู่ระหว่างอาณาจักรศรีเกษตร (ลุ่มน้ำอิรวดี)
และอาณาจักรอิศานปุระ (ภาคอิสานและกัมพูชา)
เป็นชาวมอญ
โบราณวัตถุ และโบราณสถาน ศิลปะอินเดียสมัยราชวงศ์คุปตะ
อายุ ราวพุทธศตวรรษที่ 12 (พ.ศ. 1201) - พุทธศตวรรษที่ 16 (พ.ศ.1699)
จากการขุดค้น "แหล่งโบราณคดี" ต่างๆ พบว่า
เมืองโบราณแทบทุกแห่งจะมีการต่อเนื่องทางวัฒนธรรม
จากชุมชนสมัยก่อนประวัติศาสตร์
มาสู่ช่วงสมัยทวารวดี เมื่อมีการติดต่อกับอารยธรรมอินเดีย
จึงเกิดทฤษฎีใหม่ว่า
เป็นเมืองที่อยู่ในขั้นตอน เมืองก่อนรัฐ(Proto-State)
ที่มีองค์ประกอบสมบูรณ์ในตัวเอง คือ
เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ความเชื่อ ศาสนา
วัฒนธรรมทวารวดีเริ่มเสื่อมลงราวปลายพุทธศตวรรษที่ 16 (พ.ศ.1601-1699)
ด้วยมีอิทธิพล แบบขอมหรือเขมรโบราณ เข้ามาแทนที่
*
จากการขุดพบโครงกระดูกใน "แหล่งขุดค้นทางโบราณคดี"
บอกถึง วัฒนธรรม ชีวิตการเป็นอยู่ จากหลุมศพ
เช่น
ฝัง ของมีค่า ... เครื่องประดับ เครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็น
ให้ไปใช้ในโลกหน้า ... ความเชื่อในชีวิตหลังการตาย หรือ เกิดใหม่
ภาชนะใส่ของ ... ปั้นภาชนะดินเผาได้
ทุบภาชนะดินเผาเพื่อรองร่างหรือไม่ ?
ที่พบกับหลุมศพ
ซ้ายสุดเป็นลิ่มที่ทำจากหินใข้ตัดสิ่งของต่าง ๆ ... ยุคหิน
กระดุมดินเผา ... ใช้ถ่วงเวลาปั่นด้าย
ควายดินเผา
ภาชนะดินเผา ทำลวดลายจากเชือก
ประดับร่างกายด้วย ลูกปัด เปลือกหอย ตุ้มหู
หวีผม
เดานะ ... กงจักร คณโฑดอก ตะเกียง ม้า หงส์
จินตนาการได้ว่า
ซ้ายเป็นแบบแม่พิมพ์ สำหรับหล่อโลหะ ... บอกว่าเข้าสู่ยุคโลหะ หลอมโลหะได้
โบราณวัตถุ โลหะ ทองแดง สำริด ... ขันสำริด
เมืองโบราณจันเสน
สำรวจเมื่อ 2509 เป็นเมืองที่ตั้งในที่ลุ่ม เคยมีทางน้ำไหลผ่าน
ตัวเมืองอยู่สูงกว่าที่รอบ ๆ
มีคูน้ำ คันดินและบึงน้ำโบราณ
บ่อน้ำโบราณ ข้างวัดจันเสน
*ตราประทับดินเผา*
ตราดินเผารูปสัญลักษณ์ทางศาสนา
อาจใช้เป็นเครื่องราง
ศิลปะทวารวดี ประมาณพุทธศตวรรษที่ 13-14 (พ.ศ.1301-1499)
ด้านบนเป็นภาพ วัว ตรีศูล ครุฑ (หรือหงส์)
ด้านล่างเป็นตัวอักษร อินเดียแบบปัลลวะภาษาสันสกฤต 1 แถว
อาจหมายถึงเทพตรีมูรติ คือ
พระพรหม (พระผู้สร้าง) พระวิษณุ (ผู้ปกป้องรักษา) และ พระศิวะ (ผู้ทำลาย)
สามารถเปรียบได้กับหลักธรรมที่ว่า เกิดขึ้น คงอยู่ และ ดับไป
ตราดินเผารูปสัญญลักษณ์ เจ้าของสิทธิ์
อาจเป็นสิ่งสำคัญของชุมชน
รูปคนขึ้นต้นตาล
* ตุ๊กตาดินเผา *
สัตว์ศิลปะทวาราวดี
ที่พบจะแตกหักเสียหายจึงไม่ทราบว่าเป็นส่วนประกอบของอะไร
ส่วนใหญ่ยิ้ม แสดงว่ามีความสุข หรือ แยกเขี้ยว ก็ ทำให้กลัว
เครื่องดินเผา และผู้นำชม
กรุณาอธิบายทั้งหมด ทำให้การมาที่นี่สนุกเพลิดเพลินมาก
ผู้คน
บอกถึงลักษณะของคนยุคนั้นได้
หญิงบางคน ผมหยิก บางคนผมเรียบ
ตา ...
ริมฝีปากหนา
ใส่ตุ้มหูจนติ่งหูมีรูกว้าง
การแต่งตัว รูปร่าง
ชายจูงลิง
พระพิมพ์ดินเผา
ผู้บรรยายบอกว่าสองอันนี้สำคัญ
ดินเผารูป ท้าวกุเวร เทพเจ้าแห่งความร่ำรวยและมั่งคั่งจากการค้าขาย
มีหม้อเงินและหม้อทอง
นั่งบนฐานบัว
และอีกด้านของดินเผา
เป็นรูปอภิเษกพระศรี เบื้องหลังความสำเร็จแห่งท้าวกุเวร
เป็นรูป
เทวีลักษมีถือดอกปทุมา ช้างอยู่สองข้าง
เพราะผุดขึ้นมาจากการกวนน้ำอมฤต
ต่อจากพระจันทร์ ... เป็นน้องสาวแห่งจันทราเทพ
เมื่อดอกปทุมาเปิดออก
คชสารแห่งนภากาศ
ต่างเทน้ำบริสุทธิ์จากหม้อทองคำชำระพระวรกายให้กับพระนาง
พระวิษณุประดิษฐ์อาภรณ์สีขาวนวลให้พระนางสวมใส่
เหล่าทวยเทพเจ้าและอสูรหวังครอบครองนางเป็นชายา
แค่พระพรหมให้นางตัดสินใจเลือกเอง
พระลักษมีทรงเลือกถวายดอกบัวคู่นั้นแด่องค์พระวิษณุ
พระหัตถ์พระพุทธรูปหินมีดอกบัว ... ได้รับอิทธิพลจากอินเดีย
อิฐผสมดินและแกลบข้าวเมล็ดสั้นกลม ... ชุมชนที่กินข้าว
ถาม ... พบพระพุทธรูปไหม ?
ตอบ ... ไม่พบ แต่มีแน่เพราะพบฐานพระพุทธรูปทำจากหินแกรนิท 2 ฐาน
ธรรมจักร
ลายผักกูดจึงเป็นสัญญลักษณ์ลวดลายที่นี่
มีการอพยพออก และ เข้ามาอยู่ในเมืองจันเสนหลายยุคหลายสมัย
แต่หลังสุดที่ความเจริญเข้ามาสู่จันเสนคือ
ในแผ่นพับบอกว่า เปิดวัน เสาร์อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
ถ้าไปเป็นหมู่คณะติดต่อที่
โทร 056-339-115 , 087-729-0909
วันที่ไปเป็นวันอังคาร มีคณะนักเรียนมาคณะหนึ่ง
จึงได้เข้าไปชม และมีเจ้าหน้าที่บรรยายตลอด 1-1 เพราะเด็กกลับออกไปแล้ว
และ
ตอนไปถ่ายภาพที่สถานีรถไฟ ร้านค้าถามว่ามาจากโรงเรียนไหน
ทำให้รู้สึกว่า จันเสนนี้เป็นเมืองเล็กที่อบอุ่นจริง
*
Create Date : 26 กันยายน 2557 |
|
21 comments |
Last Update : 26 กันยายน 2557 22:33:05 น. |
Counter : 7896 Pageviews. |
|
|
มาชมเรื่องราวข้อมูลดี
เพิ่งเคยรู้จักเมืองจันเสน ครับ