อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ... นอกกำแพงเมืองศรีสัช
เที่ยว Historic Town of Sukhothai and Associated Historic Towns กันต่อ
วันนี้จะพาไปวัดที่อยู่นอกกำแพงศรีสัชนาลัย
แถวนี้จะเป็นคุ้งน้ำ
* วัดโคกสิงคาราม *
อยู่ทางทิศตะวันออกของกำแพงเมืองศรีสัชนาลัย
ติดกับกำแพงเมืองเชลียง
เจดีย์ทรงกลมก่อด้วยศิลาแลง
ตั้งอยู่บนฐานเดียวกันเช่นเดียวกับวัดพระศรีสรรเพชญ์ พระนครศรีอยุธยา
วิหารด้านหน้ารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าผนังเจาะช่องแสง
อุโบสถอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของวิหาร
ภายในมีเจดีย์ทรงกลม
กำแพงวัดก่อด้วยศิลาแลง 3 ด้าน
ยกเว้นด้านทิศใต้ใช้ร่วมกับกำแพงเมืองเชลียง
* วัดเจ้าจันทร์ *
เป็นศิลปะแบบขอมที่พบในประเทศไทย
ที่เรือนธาตุมีซุ้มประกอบทั้งสี่ด้าน
ซุ้มทางเข้าสู่องค์ปรางค์มีเฉพาะทางด้านทิศตะวันออก
มณฑปพระอัฏฐารศ ... พระยืนสูง 18 ศอก
ก่อด้วยศิลาแลง ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายขององค์พระปรางค์ ... ห้องสี่เหลี่ยมขวาในรูป
วิหาร
ตั้งอยู่ทางด้านหน้าของพระปรางค์
จากการขุดทดสอบพบว่าฐานวิหารได้มาสร้างภายหลัง
โดยการถมอัดลูกรังรอบ ๆ องค์ปรางค์ แล้วจึงก่อสร้างวิหาร
จากการขุดค้นที่ใกล้กับฐานปรางค์
เป็นฐานหน้ากระดานบัวคว่ำบัวหงาย
( ให้ดูที่ฐานวิหาร จะเหมือนกระถางคว่ำแล้วเอากระถางหงายมาวางทับน่ะ ... ตามความเข้าใจเรานะ ) พบว่ามีการบดอัดลูกรังทับกลุ่มอิฐ
สันนิษฐานว่า น่าจะมีศาสนสถานก่ออิฐอยู่ก่อนแล้ว
ต่อมาเมื่อมีการสร้างปรางค์จึงรื้อออก
เมื่อขุดค้นลงไปในระดับลึก
พบหลักฐานโบราณวัตถุสมัยทวาราวดี เครื่องถ้วยหริภุญชัย
(พุทธศตวรรษที่ 16 - 18 )
ลูกปัดแก้วและชิ้นส่วนโครงกระดูกมนุษย์
ดังนั้นสรุปว่า
ก่อนที่จะสร้างปรางค์ศิลาแลงองค์นี้
จะต้องมีศาสนสถานก่อด้วยอิฐ จึงมีอายุก่อนพุทธศตวรรษที่ 18
* วัดชมชื่น *
เจดีย์ประธานทรงกลมก่อด้วยศิลาแลง
วิหารตั้งอยู่ทางด้านหน้าเจดีย์ประธาน
ก่อด้วยศิลาแลงขนาดหกห้อง
มีมุขยื่นออกมาหน้าห้อง
ด้านหลังวิหารเชื่อมต่อกับมณฑป
มณฑปมีลักษณะย่อมุมไม้สิบสอง
หลังคาเป็นศิลาแลงก่อเหลื่อมเข้าหากันเป็นรูปโค้งแหลม ด้านหน้าเป็นทางเข้าในมณฑป มีพระพุทธรูปปางมารวิชัย
ด้านหน้าทั้งสองข้างมณฑปทำเป็นซุ้มจรนำสองซุ้ม
ด้านหลังมีซุ้มจรนำ ซึ่งเดิมประดิษฐานพระพุทธรูปปางนาคปรก
แต่ปัจจุบันสูญหายไปแล้ว
นอกจากนี้ยังมีลวดลายปูนปั้นที่หน้าบันหลังคาด้านหลังมณฑป
เห็นวัดลักษณะนี้แล้วคิดถึงวิหารวัดปราสาทที่เชียงใหม่
ที่มีมณฑปพระประทานสร้างต่ออกไปด้านหลังของวิหาร
สอดคล้องกับที่ว่าปลายพุทธศตวรรษที่ 20
กองทัพเชียงใหม่ได้เข้ามายึดครองศรีสัชนาลัยอยู่กว่า 10 ปี
ที่วัดชื่นชมจะมีหลุมขุดค้น
พบโครงกระดูกมนุษย์ จำนวน 15 โครง
ในระดับความลึก 7-8 เมตร
กำหนดอายุได้ประมาณ พุทธศตวรรษที่ 9 เป็นต้นมา และได้พัฒนามาจนถึงสมัยทวาราวดี (พุทธศตวรรษที่ 12-16)
พบกลุ่มโบราณสถานก่อด้วยอิฐที่มีขนาดใหญ่สองกลุ่ม
และพบเครื่องถ้วยชามเชลียงเป็นจำนวนมาก
ซึ่งกำหนดอายุได้ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมาจนเข้าสู่สมัยสุโขทัย
* วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ( เชลียง ) *
สันนิษฐานว่าเป็นศูนย์กลางของเมืองศรีสัชนาลัย
หรือเมืองเชลียงในพุทธศตวรรษที่ 18
กำแพงวัด
ทำด้วยศิลาแลงแท่งกลมขนาดใหญ่ปักเรียงชิดติดกันขอบเขตแนวกำแพง
เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 60 เมตร ยาว 90 เมตร มีคานทับหลังกำแพง
มุมด้านใน มีเจดีย์รายและซุ้มพระพุทธรูปปางนาคปรก
เหนือซุ้มประตูเป็นรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรปูนปั้น
และนางอัปสรร่ายรำ แบบบายน
ปรางค์ประธานก่อด้วยศิลาแลงฉาบปูน
มีลักษณะแบบอยุธยาตอนต้น
ราวพุทธศตวรรษที่ 21
ที่สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถขยายอำนาจ
จนผนวกสุโขทัยเข้ากับอยุธยาสำเร็จ
พระประธาน หรือหลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย
* พระธาตุมุเตา *
เป็นเจดีย์ทรงมอญ
จากการขุดแต่งได้พบทองจังโกประดับส่วนยอดของเจดีย์
อยู่นอกกำแพงแก้วทางด้านหลังปรางค์ประธาน
ล้อมรอบด้วยกำแพงศิลาแลงที่ทำเป็นแท่นสี่เหลี่ยมบาง
ซึ่งน่าจะเป็นคนละสมัยกับกำแพงศิลาแลงฐานเป็นเหลี่ยมซ้อนกันสี่ชั้น
ต่อจากนั้นเป็นบัวถลาสามชั้น ส่วนที่อยู่เหนือขึ้นไปหักพังหมดแล้ว
* พระวิหารสองพี่น้อง *
ก่อด้วยศิลาแลง
มีพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยสององค์อยู่บนแท่นพระ
ฐานวิหารสองพี่น้องได้ก่อทับอยู่บนโบราณสถานที่ก่อด้วยอิฐ
ข้างขวาของวิหารสองพี่น้อง พบรอยพระพุทธบาทอยู่ด้วย
* มณฑปพระอัฏฐารศ *
อยู่ด้านหลังพระธาตุมุเตา
เดิมน่าจะเป็นมณฑปพระสี่อิริยาบถ ต่อมาได้ซ่อมแซมดัดแปลง
ภายในซุ้มคูหายังมีพระพุทธรูปปูนปั้นยืนอยู่
เดิมมณฑปมุงหลังคาด้วยกระเบื้องดินเผา
จบด้วยภาพ แม่น้ำยมขากลับ
Create Date : 14 กันยายน 2553 |
|
21 comments |
Last Update : 7 มกราคม 2562 15:45:00 น. |
Counter : 1130 Pageviews. |
|
|