วนเที่ยวรอบเล็ก ๆ แถวภาคกลาง ตอน ๓ เข้าอ่างทอง
จากลพบุรี เพื่อจะไปอ่างทองเราเลือกไปทางสิงห์บุรีเพื่อที่จะไปที่ วัดพระนอนจักรสีห์ก่อน (B)
ไปทางท่าวุ้งข้ามสายเอเชีย หรือ ทล.32 ไปสิงห์บุรีส่วนตัวจะเรียกว่าแยกสิงห์บุรีใต้ แล้วแยกซ้ายอีกที ตามป้ายชื่อวัดไปเรื่อย ๆ
ด้านหน้าวัดที่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้ใช้เข้าออก แต่เขาจะไปใช้ประตูข้าง เพื่อจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของวัด
สันนิษฐานว่าวัดนี้สร้างสมัยก่อนกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไสยาสน์ขนาดใหญ่ มีพุทธลักษณะแบบสุโขทัยที่มีความงดงามมาก มีความยาว 47 เมตร 42 เซนติเมตร (1 เส้น 3 วา 2 ศอก 1 คืบ 7 นิ้ว) ลักษณะพระพักตร์ หันไปทางทิศเหนือ พระเศียรหันไปทางทิศตะวันออก
เป็นรูปของพระพุทธเจ้าปางไสยาสน์เทศนาปาฏิหาริย์ แก่อสุรินทราหู ผู้เป็นยักษ์ เพื่อลดทิฎฐิของอสุรินทราหูที่ถือว่ามีร่างกายใหญ่โตกว่ามนุษย์ พระพุทธเจ้าจึงเนรมิตร่างกายให้ใหญ่กว่ายักษ์ ( จาก เวปไซด์ธรรมะไทย )
ตอนที่ไป ( 15/07/2553 ) พลวงพ่อท่านกำลังถูกลงรักสีดำหมดเลย และมีนั่งร้านเต็มไปหมดเลยไม่ได้ถ่ายรูปมา ได้ภาพมาจากเวป
จากนั้นเราก็ใช้เส้นทาง 309 ไปอ่างทอง ถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาแต่ต้องระวังต้องเลี้ยวซ้ายไปไชโย แถววัดพิกุลทอง ดูป้ายดี ๆ จะมีบอกว่าไปอ่างทองตัวเล็ก ๆ ถนนดีรถวิ่งไม่ค่อยมาก
พอเข้าเขต อ.ไชโย ซ้ายมือจะผ่านทางเข้าวัดไชโยวรวิหาร เลี้ยวลงไปเลย
เดิมเป็นวัดราษฎร์โบราณสร้างมาแต่ครั้งใดไม่ปรากฏ มีความสำคัญขึ้น มาในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) แห่งวัดระฆังโฆสิตาราม ธนบุรีได้สร้าง พระพุทธรูปปางสมาธิองค์ใหญ่เป็นปูนขาวไม่ปิดทองไว้กลางแจ้ง ณ วัดแห่งนี้
ถึงสมัยรัชกาลที่ 5 ได้เสด็จฯ มานมัสการและโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์วัดไชโยในปี พ.ศ. 2430 แต่การกระทุ้งฐานรากเพื่อสร้างโบสถ์และวิหารทำให้พระพุทธรูปองค์โตพังทลายลง จึงได้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สร้างพระพุทธรูปขึ้นใหม่ ตามแบบหลวงพ่อโต วัดกัลยาณมิตร ได้พระราชทานนามพระพุทธรูปว่า "พระมหาพุทธพิมพ์" และสถาปนาวัดไชโยให้เป็นพระอารามหลวงชื่อ "วัดไชโยวรวิหาร"อย่างไรก็ตาม คนทั่วไปก็ยังคงเรียกว่า "วัดเกษไชโย"
วิหารซ้ายมือเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป " พระมหาพุทธพิมพ์ "
ด้านหน้าวิหาร มีพระอุโสถ ที่มีภาพเขียนฝีมือช่างในสมัยรัชกาลที่ 5
ขวามือเป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อพระพุทธาจารย์พ่อโต พรหมรังสี
เราเข้ามาทางหลังวัด เพราะหน้าวัดจะหันไปทางตะวันออก ติดแม่น้ำเจ้าพระยา
จากวัดไชโยวรวิหารเรามุ่งหน้าไป อ. เมือง อ่างทอง ว่าจะไปวัดขุนอินทประมูลต่อ เดี๋ยวนี้จะมีทางแยกขวาเข้าไปได้เลยตามแผนที่ มีป้ายบอกชัดเจน
วิ่งลัดเลาะทุ่งนาซักแป๊บ ก็จะเห็นจีวรท่านแต่ไกล
ตั้งอยู่ที่ ตำบลอินทประมูล อ.โพธิ์ทอง เป็นพระพุทธไสยาสน์ที่ใหญ่และยาวที่สุด ในประเทศไทย วัดได้ 50 เมตร
สมมุติฐานแรกสร้างขึ้นสมัยกรุงศรีอยุธยา เล่ากันว่าขุนอินทประมูล นายอากรที่ยักยอกเงินหลวงนำไปสร้างวัด จึงถูกลงโทษโดยเฆี่ยนจนตาย วัดนี้จึงได้ชื่อวัดขุนอินทรประมูล โดยที่บริเวณวัดยังมีซากโบราณสถาน "วิหารหลวงพ่อขาว" ซึ่งเหลือเพียงฐาน ผนังบางส่วนและองค์พระพุทธรูป ในศาลาเอนกประสงค์มีศาลรูปปั้นขุนอินทประมูลและโครงกระดูกมนุษย์ ที่ขุดพบในเขตวิหารพระพุทธไสยาสน์เมื่อปี พ.ศ. 2541 ลักษณะนอนคว่ำหน้า มือและเท้ามัดไพล่อยู่ด้านหลัง เชื่อกันว่าเป็นโครงกระดูกขุนอินทประมูล แต่บ้างก็ว่าไม่ใช่ ... วิหารหลวงพ่อขาวอยู่ทางเข้าด้านพระบาทของพระนอน
ภาพจากไทยตำบลดอทคอม
สมมุติฐานที่สอง สร้างในปลายสมัยสุโขทัย ในรัชสมัยพระยาเลอไท พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินจากกรุงสุโขทัยโดยชลมารค มานมัสการพระฤาษีสุกกะทันตะ ณ เขาสมอคอน แล้วประทับแรม เป็นเวลา 5 วัน จากนั้นได้เสด็จผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วล่องลงมาตามลำแม่น้ำน้อย และตามลำคลองบางพลับ เพื่อประพาสท้องทุ่ง เมื่อถึงเวลาค่ำได้ทรงหยุดประทับแรม ณ โคกบ้านบางพลับ ครั้นเวลายามสามได้เกิดศุภนิมิต เป็นลูกไฟดวงใหญ่ลอยขึ้นมาเหนือยอดไม้ แล้วหายไปในท้องฟ้าทางทิศตะวันออก พระองค์ทอดพระเนตรเห็นศุภนิมิตนั้น แล้วก็ทรงปิติโสมนัส จึงได้ทรงมีพระราชดำริให้สร้างพระพุทธไสยาสน์ ขึ้นเป็นพุทธบูชา ด้วยคติว่า พระองค์ได้เสด็จมาบรรทมพักแรมอยู่ ณ สถานที่แห่งนั้น
เข้าอ่างทอง
เป็นคนชอบหลงทางแม้จะมี gps ก็เลยคิดว่าเล่าแบบละเอียดหน่อยน่ะค่ะ
Create Date : 23 กรกฎาคม 2553 |
|
33 comments |
Last Update : 4 เมษายน 2557 10:18:12 น. |
Counter : 6222 Pageviews. |
|
|
และเป็นรอยต่อของศิลปะกรรมของรัฐสุโขทัยที่แพร่หลายลงมาจรดสุพรรณภูมิ