ธันวาคม 2556

1
2
3
4
5
6
7
9
10
11
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
บาหลี-ยอกยาการ์ตา
         ครั้งนี้จะพาท่านไปเที่ยว บาหลี-ยอกยาการ์ตา กันนะครับ ผมไปมานานแล้วล่ะ ตั้งแต่ปี 2009 แต่อยากมาเล่าให้ท่านๆได้อ่านกัน เพื่อว่าจะพอมีประโยชน์บ้าง ที่ได้เดินทางไปครั้งนี้ พี่มี่และคณะอาจารย์ได้พานักศึกษา ป. โท MBA ไปศึกษาดูงาน ผมก็เลยมีโอกาสได้ไปแจมด้วย แต่ผมกับพี่อีกคนที่ทำงานที่ระยองต้องเดินทางไปก่อน โดยผมนั่งรถโดยสารไปเจอกันกับพี่เขาที่สนามบินสุวรรณภูมิ เรานัดเจอกัน 04.00 น. เมื่อจัดการการสัมภาระเสร็จ ก็รอเวลา 06.30 น. เราก็บินไปบาหลีก่อน ส่วนทางอาจารย์และนักศึกษามารถตู้กันและทางคณะบินเวลา 11.00น. ตามมาทีหลัง 11.20 น. ผมกับพี่ไปถึงสนามบินบาหลี          เมื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ผมเป็นคนเฝ้ากระเป๋า ส่วนพี่นิดเขาไปจัดการจองตั๋วเครื่องบินสำหรับการเดินทางไปที่ยอกยาการ์ตา เพื่อเราจะได้ไปชมบุโรพุทโธกันต่อ โดยเราจะไปกัน 5 คน ส่วนที่เหลือหลังจากจบทริปที่บาหลีแล้วก็บินกลับประเทศไทย เหลือ 5 คนบินไปเที่ยวที่ยอกยาการ์ตาต่อ โชคไม่ดีช่วงที่ไปเป็นเป็นวันหยุดของประเทศอินโด ทำให้ค่าตั๋วเครื่องบินแพงมาก แต่ไหนๆก็มาแล้วก็ต้องยอมล่ะครับ อ้อจะขอเล่าหน่อย ระหว่างกำลังกรอกข้อมูลเพื่อเข้าเมือง เจ้าหน้าที่เขาก็มาช่วยนะครับเขาบอกว่า ตอนแรกนึกว่าผมเป็นคนอินโด ฮ่าๆๆๆสงสัยผมคงตากแดดทำสวนมากไปผิวเลยดำได้ที่ไปเหมือนคนของเขา
         เมื่อจัดการตั๋วที่จะบินไปยอกยาการ์ตาเสร็จ เราก็หาแท็กซี่ไปโรงแรมที่พัก เมื่อไปถึงตอนแรกว่าจะนอนพักเอาแรงซะหน่อย เพราะตอนนั่งรถมาจากมหาสารคามผมนอนไม่หลับเลย แต่พี่นิดเขาอยากไปเที่ยวชายหาดขึ้นชื่อของที่นี้  หาด Kuta เลยชวนผมไปเป็นเพื่อนก็ไม่อยากไปหรอกนะครับ แต่จะให้พี่เขาไปคนเดียวก็ไม่ได้ ง่วงแสนง่วง แต่ต้องฝืนตัวเองไปเป็นเพื่อนพี่เขา ก็อย่างที่บอกและครับว่าเป็นวันหยุดของเขา ผู้คนเยอะมากๆ รถไม่สามารถวิ่งไปส่งเราที่ถนนเลียบชาดหาดเราต้องเดินเข้าไป เราไปดูพระอาทิตย์ตกกัน และไปหาอาหารทานกันเสร็จแล้วนั่งแทกซี่กลับที่พัก ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที บอกตามตรงถ้านั่งนานกว่านี้ผมหลับบนรถแน่ เมื่อถึงที่พักรีบอาบน้ำนอนสลบไปเลย มารู้สึกตัวอีกที่ เมื่อพี่มี่มาเคาะประตูห้อง หลังจากเปิดประตูให้พี่เขาแล้ว ไม่นานหลังจากนั้นผมก็หลับเป็นตาย 
         เช้าวันนี้ตื่นมา เราไม่ได้มีกันสองคนอีกแล้ว แต่เป็นคณะใหญ่ 20 คน มีบัสมารอรับคณะของเราเพื่อเดินทางไปเที่ยวกัน โปรแกรมของเราวันนี้ คือ วัดเบชากีห์ มารดารแห่งปวงวิหาร เป็นวัดที่สำคัญที่สุดในบาหลี ตั่งอยู่เชิงเขากุหนุงอากุง เป็นวัดในศาสนาฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในบาหลี ถือเป็นมาตาของวัดทั้งหลาย ในบริเวณประกอบด้วยวัดเล็กๆเกือบ 30 แห่ง ที่เรียงรายเป็นขั้นๆ กว่า 7 ขั้นไปตามไหล่เขา มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมากตั้งแต่ก่อนสมัยประวัติศาสตร์เลยทีเดียว แต่ละวัดจะมีความสำคัญแตกต่างกันไป โดยวัดที่มีความสำคัญที่สุดคือ ปุระ เปนา ตารันอากุง ซึ่งเป็นศูนย์กลางของวัด เบชากีห์ ทุกวันจะมีคนบาหลีเดินทางมาประกอบพิธีทางศาสนา 
         วัดเทมภัคสิริงค์ หรือวัดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ หรือจริงๆแล้วคนบาหลีเรียกว่าวัด Pura Tirta Empul ตั้งอยู่ใน Tampak Siring ภายในวัดมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ผุดพรายน้ำขึ้นมา ชาวบาหลีล้วนเคารพบูชาวัดนี้ด้วยเชื่อว่ากำเนิดมาจากพระอินทร์ จึงมีชาวบ้านมาอาบน้ำ เก็บน้ำไปดื่มกิน เพราะเชื่อว่าบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่นี้รักษาโรคต่างๆได้ ขับไล่สิ่งเลวร้าย และเพื่อเป็นศิริมงคล
         วัดเม็งวี หรือ Pura Taman Ayun ปุระ ทามัน อายุน เป็นวัดที่สำคัญซึ่งก่อสร้างตั่งแต่ปี ค.ศ. 2177 เป็นวัดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของบาหลี วัดแห่งนี้เป็นวัดหลวง ของราชาแห่งราชวงค์เม็งวี ความโดดเด่นของวัดแห่งนี้คือ อาคารที่มีหลังคาทรงเมรุหลายชั้นกว่า 29 แห่งทั้งยังมีการจัดสวนและคูเมืองอีกด้วย
         วันถัดมาเราไปที่วัด Pura Ulun Danu Bratan ปุระ อุลัน ดานุ บราตัน ตั้งอยู่ริมทะเลสาบบราตัน มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟสูงบางครั้งถูกคั่นด้วยเมฆ วัดนี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัย  ศตวรรษที่ 17 เพื่อใช้ทำพีธีทางศาสนาพุทธและฮินดู รวมทั้งอุทิศแด่เทวี ดานุ เทพแห่งสายน้ำ ไม่สามารถเดินข้ามไปยังวัดได้ มีลักษณะเด่นตรงศาลาซึ่งมีหลังคาทรงสูงที่เรียกว่าเมรุ มุงด้วยฟางซ้อนกันถึง 11 ชั้น 
         Pura Tanah Lot ทานาห์ลอต เป็นวัดที่ตั่งอยู่บนชายหาดริมทะเล 1 ใน 5 ของบาหลี เรียกว่ายื่นลงไปในทะเลเลยทีเดียว สร้งโดยนักบวชฮินดู ชื่อว่า ดัง ฮยัง นิราร์ธา ตั่งแต่สมันศตวรรษที่ 11 เพื่ออุทิศแด่เทพเจ้าและปีศาจแห่งท้องทะเล สร้างบนโขดหินคล้ายเกาะเล็กๆเมื่อเวลาน้ำขึ้น จึงดูเหมือนวัดอยู่กลางทะเล เวลาน้ำลงผู้คนสามารถเดินข้ามทางเดินไปยังตัววัดได้ เป็นวัดทีมีความศักดิ์สิทธิ์ที่คนบาหลีให้ความเคารพบูชาเป็นอย่างมาก มีทิวทัศน์ที่สวยงาม 
         วันนี้หลังจากส่งคณะทัวร์ส่วนใหญ่ขึ้นเครื่องกลับแล้ว เรา 5 คนก็ขึ้นเครื่องบินมาเมืองยอกยาการ์ตา เพื่อจะไปชมบุโรพุทโธ กัน ที่พักของเราน่ารักมาก เจ้าของเป็นคนญี่ปุ่น เราพักทีนี้ 2 คืน เรามาถึงก็เกือบ 11.00 น. กว่าจะเหมารถไปถึงที่พักก็เกือบเที่ยงแล้ว หลังจากได้ที่พักแล้วก็เดินชมเมืองแถวๆที่พักนิดหน่อยแล้วกลับไปพักผ่อนเพราะแดดแรงมาก พอบ่ายแก่ๆ สามสาวมาชวนเข้าไปเที่ยวในเมือง แต่พี่มี่ไม่สบายเลยขอพักดีกว่า สาวๆเลยไปกันเอง ขากลับเลยซื้อข้าวมาฝาก 
          เช้าวันนี้เราเหมารถไปเที่ยว บุโรพุทโธ กันแต่เช้า จะได้ไม่ร้อน เพราะบุโรพุทโธ ตั่งอยู่บนเนินเขา พอสายๆก็จะร้อนมาก เราไปถึงยังไม่เปิดให้เข้าไป เลยพากันไปซื้อตั๋วก่อน แล้วก็นั่งรอในห้องขายตั๋วนั้นแหละเพราะเย็นสบายดี อากาศที่นี้ต่างจากบาหลีมาก ที่บาหลีฝนตกแทบทั้งวัน เราไปเที่ยววัดก็พากันกางร่มเลยทำให้การเที่ยวที่บาหลีลำบากนิดหน่อย ต่างจากที่ยอกยาการ์ตา ที่นี่ร้อนมักๆ เมื่อถึงเวลาประตูเปิดเราต้องเดินเขาไปอีก 600-700 เมตร ก็จะถึงบุโรพุทโธ ก็อย่างที่บอกแหละครับ ว่าตอนที่เราไปเป็นช่วงวันหยุดของเขา ผู้คนเลยเยอะมาก 
         บุโรพุทโธ  ห่างจากยอกยาการ์ตา ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 40 กิโลเมตร สร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ 1293-1393 โดยกษัตริย์แห่งราชวงศืไศเลนทร์ เป็นสถูปแบบมหายาน โดยบุโรพุทโธเป็นศาสนสถานของศาสนาพุทธนิกายมหายาน ถ้าไม่นับนครวัดของกัมพูชา ซึ่งเป็นทั้งศาสนสถาณของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูและศาสนาพุทธ บุโรพุทโธจะเป็นศาสนสถาณของศาสนาพุทธที่ใหญ่ที่สุดในโลก บุโรพุทโธ สร้างด้วยหินภูเขาไฟประมาณ 2 ล้านตารางฟุตบนฐานสี่เหลี่ยม กว้างด้านละ 121 เมตร สูง 403 ฟุต เป็นรูปทรงปิรามิด มีลานเป็นชั้นลดลั่นกัน 8 ชั้น และใน 8 ชั้นนั้น 5 ชั้นล่างเป็นลานสี่เหลี่ยม  3 ชั้นบนเป็นลานวงกลม และบนลานกลมชั้นสูงสุด มีพระสถูปตั่งสูงขึ้นไปอีก 31.5 เมตร เป็นมหาสถูปที่ระเบียงซ้อนกันเป็นชั้นๆลดหลั่นกันไป และในปี พ.ศ 2534 องค์การยูเนสโก ได้ประกาศให้ บุโรพุทโธ เป็นมรดกโลก
         จากบุโรพุทโธ จะพาท่านไปชมพระราชวังเมกกะลัง หรือพระราชวังน้ำ Water Palace เป็นพระราชวังที่สวยงาม มีห้องต่างๆที่จัดแสดงเครื่องใช้ เสื้อผ้า และสิ่งของต่างอีกมากมายให้ท่านได้ชม เป็นอีกที่หนึ่งที่ไม่ควรพลาด 
         ตอนเย็นเราไปเดินเล่นที่ตลาด ไปหาอาหารอร่อยๆทานและหาผลไม้มาไว้ทาน ถ้าใครมีโอกาสไม่ควรพลาดนะครับ
         วันสุดท้ายเราจะพาท่านไปเที่ยวที่วัดพรัมบานัน Prambanan Temple เป็นวัดฮินดูที่ใหญ่ทีสุดในประเทศอินโดนีเซียหรือจะเรียกว่าใหญ่ที่สุดในเอเซียอาคเนย์เลยก็ว่าได้ ตั่งอยู่ที่เมืองพรัมบานันตอนกลางของเกาะชวา และอยู่ไม่ไกลจากยอกยาการ์ตามากนักเพียง 18 กิโลเมตรเท่านั้น วัดถูกสร้างขึ้นราวปี พ.ศ 1390 แต่หลังจากสร้างเสร็จได้ไม่นาน ตัววัดก็ถูกทอดทิ้งและถูกปล่อยให้ทรุดโทรมตามกาลเวลา จนเมื่อถึงปี พ.ศ 2461 (ค.ศ1918) จึงได้มีการเริ่มบูรณะวัดขึ้นมา การบูรณะของสิ่งก่อสร้างหลักเสร็จสิ้นลงเมื่อปี พ.ศ 2496 (ค.ศ1953) ในปัจจุบัน พรัมบานันถูกยกย่องให้เป็นมรดกโลกและนับได้ว่าเป็นหนึ่งในศาสนสถานในศาสนาฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในเอเซียอาคเนย์ ตัววัดโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมและความใหญ่โตของปรางค์ที่สูงถึง 47 เมตร
         ตอนที่เราไปที่พรัมบานัน ที่นี้มีการจัดงาน มีการแสดงต่างมากมายหลากหลายเวทีให้เลือกชม
พอออกจากที่นี้เราก็ไปที่สนานบินเพื่อบินกลับไปนอนที่บาหลี ตอนที่เราบินไปถึงบาหลีก็สอง สามทุ่มได้ พอได้ที่พักแล้วก็ออกไปหาข้าวทานกัน แล้วรีบเข้านอนเพราะเหนื่อยมาก พรุ่งนี้เช้าพี่ๆ 3 คน จะต้องรีบไปสนามบินแต่ตีห้า ส่วนผมกับพี่นิดที่บินมาก่อนใครเพื่อน สายๆเราก็ออกไปดูบารองแดนซ์ กันก่อน พอการแสดงจบเราก็ไปสนามบินเพื่อเดินทางกลับประเทศไทย 
         ปล. ทริปนี้เราไปกันเมื่อปี 2009 นะครับ และทริปนี้ก็เป็นทริปสุดท้ายที่ได้ไปเที่ยวกับพี่นิด เพราะทริปต่อๆมาก็ไม่ว่างตรงกัน แล้วเมื่อปลายปี 2011 พี่เขาก็จากไปด้วยโรคมะเร็งหลับให้สบายนะครับพี่สาวที่แสนดี 






ภูเขาไฟ ถ่ายระหว่างนั่งเครื่องผ่านก่อนไปถึงบาหลี  จะเห็นว่ามีควันลอยออกมาอยู่



ห้องพักที่บาหลี





ชาดหาดชื่อดังของบาหลี หาด Kuta 





วัดเบซากีห์ Pura Besakih ที่ได้ชื่อว่ามาดาแห่งปวงวิหาร 



วันที่เราไปฝนตกแรง เลยไม่ค่อยได้ถ่ายภาพสักเท่าไหร่







Pura Tirta Empul วัดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ หรือที่คนไทยเรียกว่า วัดเทมภัคสิริงค์ 



โชคดีตอนที่มาถึงที่นี้ฝนหยุดตกแล้ว



ชาวบ้านนิยมมาอาบน้ำ เก็บน้ำไปดื่มกิน เพราะเชื่อว่าสามารถรักษาโรคภัยต่างๆได้ และขับไล่สิ่งเลวร้าย และเป็นศิริมงคลแก่ชีวิต




ก่อนเข้าวัดเขาจะมีผ้าให้ผูกเอวไว้









Pura Tanah Lot ทานาล็อต 







ที่ทานาล็อต ตอนไปมีฝนตกมาเป็นช่วงๆอยู่นะครับ จะเห็นว่าท้องฟ้ายังมีเมฆดำทะมึนอยู่



แต่ผู้คนก็ไม่กลัว ยังลงไปถ่ายภาพกันอยู่







Pura Ulun Danu Bratan วัดอุลัม ดานุร์ บราตู ฝนตกจึงเป็นอย่างที่ท่านเห็น













Pura Taman Ayun หรือวัดเม็งวี












อาคารที่มีหลังคาทรงเมรุที่มุงด้วยหญ้า





ค่าเข้าชมบุโรพุทโธ นะปี 2009 แต่ไม่ทราบว่าตอนนี้ราคาเท่าไรแล้ว



















































แอบมานั่งพักเหนื่อย ในมุมสงบ















ว่ากันว่าถ้าใครเอื้อมมือเข้าไปแตะพระพุทธรูปด้านในสถูปได้จะโชคดี





มันเป็นวันหยุดของเขาๆเลยมาเที่ยวเยอะมาก



จะเห็นว่าผู้คนเยอะมาก และนั่งในที่ห้ามนั่ง ชาวพุทธอย่างเราเห็นแล้วก็เศร้าใจ แต่เขาก็มีเจ้าหน้าที่มาคอยไล่อยู่เรื่อยๆทั้งวันนะครับ








































ถ่ายจากภาพเก่า ก่อนการบูรณะ





สถูปเล็กๆ ก่อนถึง พรัมบานัน










พระพุทธรูปด้านในสถูป



พรัมบานัน







จะเห็นว่าที่ไหนๆผู้คนก็ออกมาเที่ยวกันเยอะแยะสมกับเป็นวัดหยุด ก็คงเหมือนบ้านเรา























การแสดงบางส่วนที่พรัมบานัน









พระราชวังเมกกะลัง หรือพระราชวังน้ำ Water Palace

















ก่อนชมบารองแดนซ์



ห้องน้ำที่พักในยอกยาการ์ตา





 การตกแต่งภายในห้อง



บริเวณด้านนอกของที่พักในยอกยาการ์ตา









รถสามล้อในยอกยาการ์ตา





สละอินโด เนื้อแข็งกรอบ อร่อยมาก












ลองซื้อไปทานดู ก็อร่อยดีนะครับ 








ป้ายรถเมล์









Create Date : 16 ธันวาคม 2556
Last Update : 21 ธันวาคม 2556 23:27:24 น.
Counter : 1488 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

tuiontour
Location :
มหาสารคาม  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ชีวิตคือการเดินทาง ถึงไม่เคลื่อนที่ เวลาก็เปลี่ยนไป แม้ไม่ทำอะไร โลกก็หมุนไป ไยไม่สนุกกับชีวิต