Group Blog All Blog
|
แบกเป้เที่ยวสแกน ในการจะไปแบ็คแพ็คนั้น การเดินทางท่องเที่ยวในแต่ละครั้งเราต้องศึกษาข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นในอินเตอร์เน็ต หนังสือหรือจากคนที่เคยไปมาแล้ว(ถ้ามี) เพื่อที่เราจะได้ข้อมูลมากที่สุดเพื่อช่วยในการตัดสินใจ เมื่อได้ข้อมูลครบหรือคิดว่าเราพอจะไปได้แล้ว สิ่งต่อไปคือเช็คตารางเวลาที่เราสามารถจะเดินทางไปได้ในครังนี้กลุ่มของพวกเราจะเดินทางไปแบ็คแพ็คที่กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวียกลุ่มเราเลือกเดินทางในช่วงวันหยุดยาวสงกานต์แต่กว่าจะนัดวันที่จะไปขอวีซ่าได้ก็เลื่อนแล้วเลื่อนอีกเพราะแต่ล่ะคนติดงาน เวลาว่างไม่ตรงกันในช่วงเวลาที่ยังไม่ได้ไปยื่นขอวีซ่าก็เตรียมเอกสารต่างๆไป พร้อมๆกับการหาโรงแรมจองตั๋วรถไฟสแกนเรียลพาส เรือล่องชมฟยอร์ด ตั๋วเครื่องบินสถานที่ๆจะไปเที่ยวกันว่ารถไฟไปถึงหรือไม่ ถ้าไม่ถึงจะต่อรถไปยังไงและดูอาหารการกินว่า จะเตรียมอะไรไปบ้าง ดูอัตราแลกเปลื่อนเงินและดูว่าแต่ล่ะประเทศใช้เงินสกุลไหนเพราะในกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวียใช้เงินสกุลของแต่ประเทศเราต้องมาคำนวนว่าเราจะอยู่แต่ล่ะประเทศกี่วันใช้เงินวันล่ะเท่าไหร่ต้องเผื่อไว้เท่าไหร่และเราต้องกลับมาประเทศ ไหนอีกบ้าง(แต่ถ้าใครมีทุนเยอะก็คงไม่ต้องคิดมาก และคงไม่อยากไปแบบแบ็คแพ็คหรอกผมว่า)เมื่อเตรียมเอกสารพร้อมตามทีประเทศเดนมาร์กต้องการเราก็นัดวันที่จะไปทำวีซ่าอีกรอบๆนี้ได้วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 56 แต่กว่าจะได้วันมาก็มีการปะทะคารมกันทุก วันแม้จะอยู่ไกลกันทีมของเรามี4 คน 3 คนอยู่มหาสารคาม อีก 1 อยู่ระยอง มีทั้งโทร เฟซ อีเมล์ ไลน์ ครบเซตกว่าจะตกลงกันได้ว่าจะไปวันไหน เจอกันเวลาไหนเมื่อถึงเวลาทางฝั่งมหาสารคามก็เดินทางไปนอนรอที่วิหารแดง จังหวัดสระบุรีที่บ้านน้องของพี่ที่ ไปด้วยกันเพื่อจะได้ไม่ต้องรีบมากในวันนั้น เมื่อเจอกันแล้วเราก็เอาเอกสารไปให้เจ้าหน้าที่เช็คก่อนเขาบอกรูปถ่ายที่เราเตรียมไปไม่ผ่านพื้นด้านหลังต้องเป็นสีขาวเท่านั้นอ้าว ไหนบอกเป็นสีอ่อนได้ ไม่เป็นไรเราไปถ่ายกันใหม่ที่ศูนย์นั้นและพอได้รูปไป ยื่นที่เคาน์เตอร์เขาบอกว่าเราต้องถ่ายเอกสารหน้าพาสปอร์ตทุกหน้าในเล่มย้ำทุกหน้าหลายคนที่ไปขอก็บ่นเหมือนกันว่าจะเอาไปทำไมแต่ก็ได้แค่บ่นในเมื่ออยากไปเมืองเขาๆว่าไงก็ต้องทำตามเมื่อกระบวนการเสร็จเราก็กลับมารอฟังผลด้วยใจจดจ่อ ใช้เวลาใน การขอ 15 วันแต่ยังไม่ถึงอาทิตย์ด้วยซ้ำ พี่ที่อยู่ระยองที่แกเป็นคนจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรมตั๋วรถไฟและอื่นๆบอกว่าทางสายการบินจะให้เราออกตั๋วภายในวันสองวันนี้ถ้าไม่อย่างงั้นราคาอาจขึ้นไปอีกตายห่า วีซ่ายังไม่ผ่านไม่รู้จะได้ไปรึปล่าวนี้จะให้ ออกตั๋วก่อนถ้าไม่ผ่านไม่ต้องเสียเงินฟรีรึนี้คืนไม่ได้ด้วยทางสามคนตกลงกันว่าไม่ออกจนกว่าวีซ่าจะผ่านก็เลยมีคนงอลไปหนึ่งแต่....ไม่มีอ่ะ เราอยู่ในความสงบจนเขาส่งอีเมล์บอกว่าผ่านแววเสียเงินของจริงมาแล้วตอนแรกพี่ที่อยู่สารคามอีกคนจะถอนตัวแต่พี่ที่แกจองตั๋วบอกไม่ได้ราคาตั๋วเท่าเดิมจะถอนตัวไงทุกอย่างถูกจองไว้หมดแล้วก็เลยยังอยู่ครบทีมเมื่อได้วีซ่าแล้วการจองโรงแรม ตั๋ว รถไฟตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศแอบไฮนิดหน่อยเวลาเราน้อยตอนแรกว่าจะนั้งเรือแต่ราราพอกันแต่ใช้เวลาต่างกันเราจะได้มีเวลาเที่ยวเพิ่มขึ้นอีกหน่อยเราทำการหาโรงแรมใหม่อันเก่าแพงไปแล้วก็ไกลสถานีรถไฟด้วยเราเลยช่วยกันหาใหม่ที่มันราคาเหมาะ สมกับการแบ็คแพ็คของเราเมื่อทุกอย่างพร้อมก็เหลือแค่เตรียมตัวเองให้พร้อม ซ้อมเดิน วิ่ง เพื่อให้พร้อมลุยเตรียมเสื้อผ้าคิดหนักมากกลัวหนาวแล้วเรื่องอาหารการกินอีกพวกเราไม่ชอบกินขนมปัง สรุปเสื้อผ้าคนล่ะกระเป๋าใบใหญ่เอาอาหารไปกินด้วยอีกสามใบในสี่คนฮ่าๆๆๆๆเพื่อความประหยัด มีน้ำพริกต่างๆในการไปครั้งนี้เราได้เอาข้าวที่หุงแล้วที่ทางห้างเขาเอามาแพ็คไปด้วยพร้อมอาหารสำเร็จอีกบางส่วนบะหมี่นั้นเอาไปยุแล้วขาดไม่ได้มันเป็น อาหารเมืองนอกของทีมเราครั้งนี้เราได้เตรียมพริก กระเทียม มะนาวไปด้วยเพราะเราจะไปกินอาหารทะเลบนเรือนอนระหว่างประเทศเดนมาร์กไปนอร์เวย์เราคิดว่าเราจะทำน้ำจิ้มซีฟู๊ดไปจิ้ม กุ้ง หอย ปู ปลาแถวนั้นแล้วเจอกัน
บ่ายๆวันที่ 5 เมษาออกเดินทางจากบ้านที่มหาสารคามเพื่อไปพักที่วิหารแดงสระบุรีก่อนหนึ่งคืนจะได้ไม่ต้องรีบมากจะได้มีเวลาเช็คว่ายังขาดเหลืออะไรอีกไหมเพราะกว่าจะถึงเวลาเดินทางไปเจอกับพี่เป็นตอนเย็นๆของวันที่ 6 บ่ายแก่ๆวันที่ 6 นั่งรถตู้จาก สระบุรีไปลงที่อนุสาวรีแล้วต่อรถไฟฟ้าไปแอร์พอร์ตลิ้ง เพื่อไปเจอพี่อีกคนที่มาจากมหาสารคามก่อนแล้วเมื่อวานเพื่อมาส่งแม่ไปเที่ยวเวียดนาม เมื่อพร้อมแล้วเราก็เดินทางไปสนามบินกันเลยเพื่อที่จะไปเจอพี่อีกคนที่เดินทางมาจากระยองพร้อมเอกสารการจอง โรงแรม เรือ รถไฟ ตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศเพราะเราจะบินไปกลับระหว่าง สวีเดน - ฟินแลนด์ เมื่อพร้อมกันแล้วเรารีบเช็คเอกสารกันก่อนเลยว่าครบไหม เมื่อได้เวลาเช็คอิน พวกเราก็ทำตามกระบวนการแต่ช่วงระหว่างโลดกระเป๋าอยู่นั้นเจ้าหน้าที่เห็นว่างของชิ้นนึงมันแปลกไปถามว่าอะไร ไม่ใช่ปลาร้าใช่ไหม เราตอบว่าใช่ เขาบอกว่างานเข้าแล้ว หันไปถามรุ่นพี่ๆบอกว่าก็ไม่เป็นไรลองโลดไปก่อนแล้วค่อยว่า กันถ้าไปถึงแล้วเห็นมันตอนรับกระเป๋าแสดงว่าได้นะถ้าไม่เห็นก็ต้องทำใจทางเราก็ตกลงไปตามนั้น เหตที่ต้องเอาปลาร้าไปด้วยเพราะว่าหลานพี่เขาที่ไปเรียนต่อที่ สวีเดน อยากได้ปลาร้าปลากระดี่ และเมื่อเราเดินทางไปถึงสนามบินเดนมาร์ก รับกระเป๋าแล้วเรา ต้องนั้งรถไฟข้ามประเทศไปเมืองมัลโม ประเทศสวีเดนเลย เพื่อเอาเจ้าปลาร้านี้แหละไปส่งก่อนและหลานจะพาเที่ยวชมเมืองพร้อมทำอาหารมาให้ทานเป็นการขอบคุณ เส้นทางการท่องเที่ยวของเรา วันที่ 6 เมษา. พอถึงโคเปนเฮเกน (เดนมาร์ก)เราก็นั่งรถไฟข้ามประเทศไปเมือง มัลโม(สวีเดน)แล้วกลับมานอนโคเปนเฮเกน วันที่7.เที่ยวในโคเปนเฮเกน เย็นขึ้นเรือนอนจาก โคเปนเฮเกน (เดนมาร์ก)ไปเช้าที่ออสโล (นอร์เวย์)แล้วต่อรถไฟไปนอนเมือง ฟลอม วันที่ 8. เที่ยวเมือง ฟลอม ช่วงเช้า บ่ายนั่งเรือชม ฟยอร์ด ใช้เวลาสองชั่วโมง เรือเทียบท่าที่เมือง กุดวาเกน แล้วต่อบัสเพื่อจะไปต่อรถไฟที่เมือง วอส (voss) เพื่อไปเมืองเบอเกน วันที่ 9. เที่ยวที่เมือง Bergen ช่วงเย็น-เช้า บ่ายๆนั่งรถไฟกลับมานอนที่ ออสโล วันที่ 10. เที่ยวในออสโล เช้า- เย็น บ่ายๆ ขึ้นรถไฟไป สตอกโฮล์ม (สวีเดน) นอนที่นี่ วันที่ 11. ไปถึงเข้าที่พักที่นี้ฝนตกอีกแล้ว แต่นิดหน่อย พอไปได้ ซักพักก็หยุดเราที่นี้เทียว เย็น - เช้า บ่ายบินไป เฮลซิงกิ (ฟินแลนด์) วันที่ 12. ถึงที่พักแล้วพักนิดหน่อยพอหายเหนื่อยก็ออกชมเมืองกันต่อ แล้วเลยไปจองเรือข้ามไปประเทศ เอสโตเนีย (Estonia)พรุ่งนี้ ช่วงนี้เรือมีรอบเดียว ตอนบ่าย แต่ถ้าถึงช่วงไฮ จะมีเรือรอบเช้าด้วย วันนี้เลยเที่ยว ในเฮลซิงกิก่อน วันที่ 13. ช่วงเช้าไปเที่ยวอีกด้านของเมืองรอเวลาขึ้นเรือตอนบ่าย ก็เดินเที่ยวไปเรื่อยๆ บ่ายข้ามไปประเทศ เอสโตเนีย เรามีเวลที่นี้แค่สอง-สามชั่วโมง เพราะเวลาจำกัดเราต้องข้ามกลับไปนอนที่ เฮลซิงกิ เราไม่ได้เตรียมตัว มาเลยไม่ได้จองที่พักที่เอสโตเนีย พอมาถึงที่เฮลซิงกิแล้วคุยกันว่าไป เอสโตเนียไหม พอทุกคนบอกไปก็ไปจองตั๋วเรือกันเลย เรือใช้เวลาเที่ยวล่ะ 2 ชั่งโมง ถ้าใครสนใจก็ลองดูนะครับ คืนนี้เรากลับมานอนที่เดิมเฮลซิงกิ วันที่ 14. วันนี้เราไม่ ต้องรีบตื่นตกลงกันว่าขอตื่นสายๆสักวัน 10 โมงเราค่อยเดินไปสถานีรถไฟ ไปสนามบินเพื่อบินกลับ สตอกโฮล์ม (สวีเดน) พอถึงที่พัก เก็บสัมภารเสร็จวันนี้เราข้ามไปเที่ยวเขตเมืองเก่า เดินเที่ยวกันจนดึกค่อยกลับที่พัก วันที่ 15. ตอนเช้า ออกชมเมืองอีกรอบวันไปชมพระราชวัง บ่ายไปสนามบินเพื่อบินกลับประเทศ 16. นอนบนเครื่อง มาถึงเช้าๆวันที่ 17 . พร้อมแล้ว เต๊ะท่าท้าหนาวหน้าสถานีรถไฟเมืองมัลโม สวีเดน เซ็นทรัลสเตชั่น แห่งเมืองมัลโม สวีเดน ห่างจากโคเปนเฮเกน เดนมาร์ค เพียงไม่กี่สิบนาที เดินท้าหนาวฝ่าลมเย็นเยียบสู่เขตเมืองใหม่ของมัลโม ด้านหน้าที่เห็นคือตึกใหม่ของมัลโมที่จะเป็นตึกที่สูงที่สุดในสวีเดนทีเดียวเชียวแหละ เรียกว่าสะดุดตาทั้งรูปทรงและความสูง อีกตึกหนึ่งของมัลโมที่ดึงดูดสายตาด้วยการตกแต่งโดยใช้การ์ตูนน่ารักๆแม้จะอ่านไม่ออกก็ตามที จตุรัสกลางเมืองมัลโม ถูกแก็งค์แบกเป้ใช้เป็นลานอาหารกลางวัน มื้อนี้สุดหรูข้าวผัดกุ้งตัวโตรสชาติดีโดยฝีมือว่าที่ดอกเตอร์(หลานของเพื่อนในกลุ่มเราได้รับทุนมาศึกษาระดับปริญญาเอกที่สวีเดน) ราดหน้าด้วยน้ำพริกนรก บางช่วงมีหิมะสลับฝนโปรยปรายให้ระลึกเสมอว่ามาถึงแล้วดินแดนแห่งความหนาวเย็นได้บรรยากาศเจงๆครับ หอนาฬิกาใหญ่แห่งโบสถ์เมืองมัลโม ติดย่านชอปปิ้ง แถวท่าเรือของเมืองมัลโม ดอกไม้เล็กๆกำลังพลิบาน พระราชวังเก่า ที่ตอนนี้กลายมาเป็นมิวเชียม กลับจากมัลโมสู่กรุงโคเปนเฮเกน เดนมาร์ค มุ่งหน้าสู่ที่พักคนยาก ผ่านซิตี้ฮอลล์ จากสถานีรถไฟ ลงจากสถานีรถไฟผ่านสวนสนุกชื่อดังทิโวลี ตามหาที่พักด้วยอาการจ้ำอ้าวด้วยสัมภาระรวมทั้งอาหารการกินที่ขนมาเต็มพิกัด ไดเร็คชั่นโฮสเทลบอกมุ่งหน้าสู่สะพานจะพบอยู่ตีนสพานเดินจนจะถึงก้ไม่มีวี่แวว เอ๊ะยังไง ดีแต่เป้นคนใฝ่สูงเหลือบตามองตึกสูงเบื้องหน้า ชื่อ DAN HOSTEL ผงาดอยู่ข้างตึก โอ้ที่พักคืนนี้ไม่ใช่ย่อยเลยนะพวกเรา เข้าที่พักเสร็จเรียบร้อย ไม่รอช้าเตรียมตัวลุย อั้ยยะอากาศดันไม่เป็นใจเอาเสียเลย ดูสภาพไม่ใช่แค่เปียกปอนแต่มันแสนหนาวเหน็บ งดๆเป็นมติเอกฉันท์ของกลุ่ม จากห้องพักชั้นเจ็ดจากกว่าสิบชั้นของโฮสเทลมองเห็นสายฝนสลับหิมะโปรยปรายต้อนรับชาวเราจากแดนไกล คืนแรกช่างน่าประทับใจเสียนี่กระไร เมื่อไม่สามารถออกไปตะลอนๆได้ทางเลือกก็คือมานั่งคุยที่ล็อบบี้หลังกินข้าวเย็นเรียบร้อยเพื่อวางแผนพรุ่งนี้ เพื่อนที่แสนดีนาม "ตูบอร์ก"(TUBORG) ช่วยให้ผ่านค่ำคืนนี้ไปไม่ยากเย็นนัก รสชาติไม่สำคัญเท่าการได้รู้จักกันจริงมะตูบอร์กอิอิ ไม่ใช่เวียร์ไม่ใช่ณเดช อิอิ ทีมงานแบกเป้โพสท่าที่ไม่ต้องทำยากแต่เหมือนมากคือหมดสภาพ โชว์บรรยากาศภายในห้องพัก แบบเรียบง่ายเตียงสองชั้นสองเตียงห้องน้ำในตัว จะเอาไรมากมาเที่ยวไม่ใช่มานอน หลับตาเอนหลังก็พร้อมม่อยหลับดังปิดสวิทช์ นอนหัวค่ำเนื่องจากฝนพรำ ทำให้คณะเราสดชื่นพร้อมออกสำรวจกรุงโคเปนเฮเกนยามเช้ามากๆ อากาศหนาวสุดๆได้ใช้ลองจอนอย่างคุ้มค่าราคาหนาว อิอิลบหนึ่งองศา ไฮไลต์ของโคเปนเฮเกนคือท่าเรือ นิวฮาพ เป็นที่นั่งแฮงค์เอาท์ยามค่ำคืน แต่เมื่อฟ้าฝนไม่เป็นใจ ก็ขอเสนอบรรยากาศยามเช้าอันแสนสดใส ไร้วี่แววผู้คน แสงแดดเช้ายังไม่มาเยือน ถัดจากย่านท่าเรือมาไม่ไกล จะพบลานหน้าพระราชวัง อนุสาวรีย์ตระหง่าน ภาพพานอรามาจึงจะแทนมุมมองความอลังการแห่งราชวังแห่งนี้ได้ เดินมาไกลโขเพื่อตามหาเงือกน้อย เจอโบสถ์เล็กๆแต่สวยงามจับใจยามต้องแสงแดดยามเช้า ใกล้น้ำพุลือชื่อ เกฟิออน นี่คือน้ำพุเกฟิออน ตำนานแห่งเดนมาร์ค มาเช้าเกินไปน้ำจึงยังไม่พุ่งพวย อีกมุมหนึ่งของน้ำพุเกฟิออนคู่กับโบสถ์แสนสวย พบแล้วแม่นางเงือกน้อย นั่งหงอยเหงาเพียงลำพัง อีกมุมหนึ่งของเงือกน้อย ที่แสนเจนตาผู้คนจากทั่วโลก ช่างภาพของเราบอกภาพนี้ บ่งบอกความเหงาของเงือกน้อยสุดๆ คุณๆเห้นด้วยไหมครับ ขอคุณมากครับที่เข้ามาให้กำลังใจ ผมกำลังหัดทำอาจจะอ่านอยากไป จะพยายามปรับปรุงครับ และจะทยอยลงรูปให้ดูนะครับ
โดย: tuiontour (tuiontour ) วันที่: 7 กันยายน 2556 เวลา:0:41:32 น.
ตั๋วรถไฟสแกนเรียลพาส ซื้อที่ไหนอ่ะ
โดย: kn IP: 61.91.128.42 วันที่: 6 เมษายน 2559 เวลา:14:56:02 น.
|
tuiontour
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] ชีวิตคือการเดินทาง ถึงไม่เคลื่อนที่ เวลาก็เปลี่ยนไป แม้ไม่ทำอะไร โลกก็หมุนไป ไยไม่สนุกกับชีวิต Link |
แอบเนียนโมเมเป็นเพื่อน BLOG
แล้วจะตีตั๋วนั่งรอชมภาพงามๆ นะคะ