Flags of Our Fathers สมรภูมิศักดิ์ศรี ปฐพีวีรบุรุษ หนึ่งภาพถ่ายเป็นได้หลากหลายเรื่องราว
แล้วเรื่องไหนจริง
ภาพถ่ายมันเป็นความทรงจำที่ไม่เคยแก่ เป็นคำพูดที่ อัลเบิร์ต ไอสไตน์ นักวิทยาศาสตร์ชื่อก้องโลกเจ้าของทฤษฎีสัมพันธภาพเคยบอกเอาไว้ แน่นอนว่าเมื่อเรากดชัตเตอร์ลงแล้ว เวลาในตอนนั้นจะถูกหยุดลง แล้วโผล่ออกมาเป็นภาพถ่ายที่วันเวลาผ่านไปคนในภาพ หรือเหตุการณ์ต่างๆในภาพนั้นๆจะไม่แก่ไปตามกาลเวลา ยกเว้นเสียว่าตัวภาพถ่ายเองโดนเผา โดนปลวกกัด ก็ว่ากันไป ภาพถ่ายที่มีชื่อเสียงนั้น เราสามารถเห็นได้ทั่วๆไป ซึ่งแน่นอนมันมีอยู่ทั่วโลก แต่ละภาพจะสื่อความหมายของมันออกมาเอง แต่ถ้าเกิดการสื่อความหมายของภาพออกมากลับเป็นเรื่องของคนมองภาพนั้นๆแทนเสียล่ะ ยกตัวอย่างก็ หน้าปกอัลบั้ม Abby ของวงดนตรีชื่อก้องโลก The Beatles เป็นภาพสมาชิกวงทั้ง 4 คน อันได้แก่ (จากขวาไปซ้าย) จอห์น เลนน่อน,ริงโก้ สตาร์,เซอร์ พอล แมคคาธี่ และ จอร์จ แฮริสัน ดูๆไปมันก็เป็นเพียงภาพของนักดนตรีที่กำลังเดินข้ามถนนแอบบี้ แต่ก็มีการตีความไปต่างๆนาๆ ทั้งเรื่องข่างการตายของ พอล บ้าง ทำไมคนนั้นชีนิ้ว ทำไม พอล ไม่ใส่รองเท้า ทำไม เลนน่อน ใส่ชุดขาว เห็นไหม ภาพถ่ายภาพเดียวสามารถสื่อความหมายออกมาได้เยอะไปหมด แล้วเรื่องไหนมันเป็นเรื่องจริงที่ภาพต้องการจะสื่อออกมากันแน่ ภาพถ่ายชื่อก้องอีกอันคงจะเป็นภาพของเหล่าทหารทั้ง 6 นายแห่งสหรัฐอเมริกา ที่ทำการปักธงลงบนผืนแผ่นดินอีโวจีม่า ซึ่งภาพดังกล่าวหากจะสื่อออกมาเป็นคำพูดคงประมาณว่า ฉัน (อเมริกา) ชนะสงครามแล้ว และขอประกาศความเป็นผู้ชนะโดยการปักธงชาติของฉันเสีย แน่นอนที่ว่าผู้คนชาวเมืองแห่งสหรัฐต่างปลื้มปิติยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศชาติกำลังจะได้รับชัยชนะ แต่หากเกิดว่าภาพถ่ายไม่ได้ต้องการที่จะสื่ออะไรแบบนั้นออกมาล่ะ เสนารักษ์ จอห์น ด๊อก แบรดลี่ย์,เรนนี่ แก็กนอน และ ไอรา ฮาเยส คือ 3 ใน 6 คนที่บอกว่าเป็นบุคคลที่อยู่ในภาพถ่ายนั้น ส่วนอีก 3 คนที่เหลือเสียชีวิตในสงครามบนอีโวจิม่า พวกเขากลับบ้านเกิดสหรัฐดังฮีโร่ ได้รับการต้อนรับอย่างดีเยี่ยม พวกเขาทั้ง 3 ได้ถูกเรียกว่า วีรบุรุษ เรื่องราวทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเรื่องจริง บุคคลทั้ง 3 ที่ได้บอกเล่ากันไปในย่อหน้าข้างบนมีตัวตนจริงๆ ผู้กำกับชื่อก้องโลกนาม สตีเว่น สปีลเบิร์ก ได้นำเอาเรื่องราวของภาพถ่ายแห่งประวัติศาสตร์นี้มาถ่ายทอดลงบนแผ่นฟิล์ม โดยตัวเขาเองได้ไปเรียกคุณปู่แห่งวงการฮอลลีวูดอย่าง คลิ้นต์ อีสต์วูด มาทำหน้าที่กำกับ โดยทั้งสองคนก็นั่งเก้าอี้อำนวยการสร้างไปในตัวด้วย หนังเรื่องที่ว่าคือ Flags of Our Fathers สมรภูมิศักดิ์ศรี ปฐพีวีรบุรุษ เรื่องราวจะมีการเล่าย้อนความตามมุมมองของ เจมส์ แบรดลี่ บุตรชายของ ด๊อก ผู้ซึ่งความชรากำลังจะพรากชีวิตของเขาแล้วในไม่ช้า ด๊อก ได้เล่าเรื่องราวให้กับลูกชายฟังถึงเหตุการณ์ที่เขาประสบพบเจอมาในสงครามกับเหล่าบรรดาเพื่อนพ้องทหารของเขาทั้งหลาย ซึ่งตัว เจมส์ เอง ก็ดูเหมือนต้องการจะเขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องราวนี้ออกมาเขาจึงตระเวนไปถามไถ่บุคคลที่ร่วมรบในสงครามที่อีโวจิม่าครั้งนั้นเพื่อจะได้ข้อมูลที่มากขึ้น การเล่าเรื่องราวในตัวหนังหากจะบอกันตามตรง ผมไม่สามารถเขียนบรรยายออกมาเป็นเรื่องเป็นราวได้ เพราะจับต้นชนปลายไม่ถูก ตัวหนังมีการนำเสนอที่ข้ามเวลาไป ข้ามเวลามา มีทั้งปัจจุบัน อดีต และอดีตในอดีต อีกที จึงไม่สามารถเล่าเรื่องราวได้ดีนักหากจะเขียนออกมาเป็นตัวหนังสือ จึงขอแนะนำให้ไปหามาดูเองดีกว่า แต่ถ้าถามเรื่องฉากจำลองสงครามว่าดีไหม ขอบอกได้เลยว่าทำได้ยอดเยี่ยม ผมเคยยกให้มีหนังเรื่องเดียวที่ทำฉากสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ดีที่สุดนั้นคือ Saving Private Ryan ฉากการขึ้นบกนอร์มังดี ต้อนเริ่มต้นเรื่อง มันเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ แต่สำหรับ Flags of Our Father ก็ทำได้ดีเช่นกันทั้งฉากสู้รบ การเล่าเรื่อง ทำให้มีความรู้สึกถึงสงครามจริงๆนั้นเป็นแบบไหน หลังจากใช้เวลาเกือบๆ 2 ชั่วโมงดูจนจบ ตัวหนังก็ยังให้แง่คิดเหมือนเดิม สงครามไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น วีรบุรุษสงครามไม่นานก็ถูกลืม ในหนังมีการชูประเด็นเรื่องนี้ที่ว่า แก็กนอน ได้รับการเชิดชูอย่างมากตอนที่กลับมาใหม่ๆดังวีรบุรุษ แต่เมื่อสงครามสงบลงเขาก็เหมือนเป็นคนปกติ ไม่ได้รับการเหลียวแลใดๆ หรือจะ ไอรา ซึ่งเขาเป็นคนชนเผ่าอินเดียนแดง ที่ได้ไปร่วมรบ แม้จะทำอะไรให้ประเทศชาติ แต่คำว่าเชื้อชาติของเขาก็ไม่ได้รับการยอมรับอยู่ดี สงครามมีแต่การสูญเสีย คืออีกประเด็นที่หนังแสดงให้เห็น การเป็นวีรบุรุษของเหล่าชายชาติทหารที่ตายในสนามรบ สร้างความเจ็บปวดให้กับผู้คนที่เฝ้ารอคอยให้เขาเหล่านั้นกลับบ้าน พ่อ แม่ พี่ น้อง คนรัก และครอบครัว ต่างรอคอย พวกเขาไม่ได้สนใจว่าลูกๆ หรือคนรักจะได้เป็นวีรบุรุษหรือไม่ พวกเขาสนใจเพียงอยากให้กลับมาอย่างปลอดภัย Flags of Our Father เป็นหนังสงครามโลกอีกเรื่องที่ทำออกมาได้ดี สื่อความหมายของการตีความคิดคนได้ค่อนข้างชัดเจน ความรักกันของพี่น้องในกองทัพทหาร ผู้เขียนขอแนะนำให้หามาดูกันน่ะครับ ทับแก้วสาม //www.nangnadoo.com
Create Date : 06 สิงหาคม 2555 |
Last Update : 6 สิงหาคม 2555 7:08:36 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2658 Pageviews. |
|
|
|