บลูมควิสต์ ได้รับข้อเสนอที่เขายากจะปฏิเสธจาก วังเกอร์ ที่ว่า หากไขเรื่องราวทั้งหมดให้เขา เขาจะเปิดให้ขอมูลลับที่จะเปิดโปงความลับของบริษัท เวนเนอร์สเตริน ให้ บลูมควิสต์ จึงตกลง เขาเริ่มต้นสืบหาความจริงโดยการโยงใยเรื่องราวในครอบครัวตระกูล วังเกอร์ แต่เนื่องจากการหาข้อมูลต้องอาศัยผู้ชำนาญการเขาอยากได้ผู้ช่วย และผู้ช่วยที่เขาได้มาก็คือ ลิสเบธ ทั้งคู่จึงต้องออกไขคดีนี้ แต่ยิ่งสืบก็ยิ่งเจอเรื่องราวอันลึกลับของครอบครัว วังเกอร์ มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแต่ละคนก็อยากจะปิดมันเอาไว้เป็นความลับ แฮร์เรียต เธอหายไปไหน ? เธอตายแล้วหรือเปล่า ? ใครฆ่าเธอ ? ต้องไปตามดูกันน่ะครับ
บอกกันตามตรงว่าผมยังไม่เคยได้อ่านหนังสือ ยังไม่ได้ดูหนังฉบับสวีเดน ได้ดูฉบับนี้เท่านั้นจึงไม่ทราบว่าจะบอกอย่างไรดีหากจะเปรียบเทียบกับแบบอื่นๆ แต่ตัวหนังนั้นตามสไตล์ ฟินเชอร์ จริงๆครับ ด้วยโทนภาพที่ดูเข้ม ดำๆมืดๆ ฉากในสวีเดนดูกดดัน การเล่าเรื่องอาจจะงงๆช่วงแรกๆบ้าง แต่พอมากลางๆแล้วจะเริ่มเข้มข้นไปจนเกือบสุดครับ แต่ตอนจบผมว่ามันเดาง่ายเกินไป ไม่ได้เหมือนกับ Se7en ที่ทำเอาผมร้องตอนจบ แต่ก็มีการหักมุมบ้างเหมือนกันแต่มันก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากมายครับ อาจเป็นเพราะคาดหวังไว้เยอะหรือเปล่าไม่แน่ใจ เนื่องจากกิตติศัพท์ของทั้งหนังสือ พร้อมตัวหนังที่สร้างไปก่อนหน้านี้ทำไว้ครับ
ทางด้านตัวดาราทำได้ดีทุกคนเลย ตอนแรกผมมักจะติดตามกับ พี่เครก ในบท เจมส์ บอนด์ มากกว่า แต่มาเรื่องนี้ไม่ใช่เลยเขาดูเป็นคนจริงๆ เจ็บจริงๆ เป็นนักข่าวที่ครุ่นคิดผู้เจอปัญหาหลายอย่าง จนถูกทรมาน (อีกแหละ) แต่ที่ต้องชมหนักๆ ก็ต้องเป็น รูนี่ย์ มาร่า ที่เคยร่วมงานกับ ฟินเชอร์ มาแล้วใน The Social Network รับบทเป็นแฟนสาวของ มาร์ค ซักเกอร์เบริก ตามเรื่องครับ เธอสลัดคราบของสาวน่าหวานมาเป็นสาวซัก พังค์ เจาะ เปลือย ทำทุกอย่าง โทรมมากมาย การแสดงของเธอก็ทำจิตๆดี แต่เสียงมันน่ารักไปครับ จึงไม่แปลกที่จะได้เข้าชิงออสการ์ดาราหญิงปีที่ผ่านมา
คำพูดคำจา บทสนทนายังคมคายเหมือนเดิมสำหรับหนังของพี่แก โดยเฉพาะที่โดนใจผมก็ตอนท้ายๆที่ มาร์ติน หลายชายและพี่ชายของ แฮร์เรียต ที่ได้บอกเอาไว้ตอนท้ายที่ว่า น่าแปลกที่คนเรากลัวเสียน้ำใจมากกว่ากลัวเจ็บกลัวตาย มันจี๊ดมากครับ
สรุปแล้วเป็นหนังทริลเลอร์ อาชญากรรม ที่น่าดูอีกเรื่องน่ะครับ ไปหามาดูซะ
ตามไปอ่านเรื่องราวข่าวสารได้ที่ //nangnadoo.com/ น่ะครับผม