บางครั้งโลกแห่งความจริงไม่สวยงาม...เฉกเช่นความฝัน แต่รู้สึกและจับต้องได้
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
24 ธันวาคม 2553
 
All Blogs
 
ลำนำ(20)…วิสาขะรำลึก








วันนี้ในวันนั้น
วันแห่งคืนจันทร์เพ็ญกระจ่างฟ้า
ท่ามกลางชีวิตที่ไหลเรื่อย
เวียนวนอย่างไร้เป้าหมาย
ท่ามกลางม่านหมอกแห่งอวิชชา
ที่แผ่คลุมไปรอบทิศ
บีบกดชีวิตทั้งหลาย
ให้โศกสลดรันทด...คับข้อง...และคับแค้น

ทะเลแห่งความทุกข์ เวิ้งว้างกว้างใหญ่
คลื่นซัดซ่าดังทะลุกาลเวลาอย่างน่าตระหนก
กระหน่ำชีวิตแล้วชีวิตเล่า...ให้ตายซาก
โลกทั้งโลกมีแต่เสียงคร่ำครวญ
โลกทั้งโลกมีแต่เสียงหวนไห้...

วันนี้ในวันนั้น
วันที่จันทร์เจิดจ้ายิ่งกว่าคืนใด
เสียงร้องไห้ของทารกแรกเกิด
ดังกังวานกึกก้องไปทั่วขุนเขา
ราวกับเป็นสัญญาณภัย
เตือนให้รู้ถึงความพ่ายแพ้ครั้งยิ่งใหญ่
ที่จอมมารจะมิเคยลิ้มรสแต่ปางใดในชั่วชีวิต
ประสูติแล้ว...
โอรสแห่งกรุงกบิลพัสดุ์ประสูติแล้ว
นาม สิทธัตถะกุมาร...

วันนี้ในวันนั้น
วันที่จันทร์ผ่องยิ่งกว่าแสนล้านดารา
วันแห่งการสิ้นสุดการแสวงหา
ที่ตรากตรำมารวม ๖ ปี
ของชายหนุ่มอนาคาริก
ผู้ละทิ้งเวียงวัง
สมบัติพัสถาน
ครอบครัว
ความสุขสบาย
มาดำรงชีวิตอย่างนักบวช
นอนตามโคนไม้ เนินหญ้า
นาม สิทธัตถะ...เจ้าชาย...

วันนี้ในวันนั้น
วันที่จันทร์สุกสกาวยิ่งกว่าสุกสกาว
วันที่จะต้องจารึกไว้บนแผ่นผามิรู้ลืม
เสียงหวีดร้องดังปานถล่ม
กองทัพมารอันเกรียงไกรเริ่มแตกพ่าย
ถอยร่นอย่างไม่เป็นขบวน
จอมมารคอขาดสะพายแล่ง
จากน้ำมือของบุรุษนามสิทธัตถะจอมทัพ
ผู้ถึงแล้วซึ่งอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ
เป็นอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า...

และวันนี้ในวันนั้น
วันที่จันทร์เจิดจ้าอย่างอาลัย
ใต้ต้นรังคู่ ยืนระฟ้าอย่างสำรวม
สรีระแห่งองค์พระผู้มีพระภาค
ประทับนิ่งมิไหวติง

เท้าซ้อนเหลื่อมเท้า
มือวางแนบลำตัว
ด้วยท่าสีหไสยาสน์
ดวงตาหลับพริ้มสนิท...สนิทตลอดกาลนาน
ท่ามกลางเสียงร้องไห้ของผู้ยังหวั่นไหว
ท่ามกลางความสังเวชใจของเหล่าสาวกพระอรหันต์เจ้า

๔๕ ปี แห่งการทำงาน
๔๕ ปี แห่งการเข็นกงล้อพระสัทธรรม
รื้อขนสัตว์ ข้ามฝั่งวัฏสงสาร
นับว่าเพียงพอแล้วสำหรับสังขารของพระพุทธองค์
ที่ได้ตรากตรำ...ตรากตรำ
กองทัพธรรมแห่งศากยะ
จะสืบทอดรับช่วงต่อไป...และต่อไป
ดอกมณฑารพ ดอกใหญ่สีขาว
หล่นกระจายไปทั่วพื้นรอบรอบ
เสียงองค์พระผู้มีพระภาค
ดังแว่วอยู่มิรู้หาย

"ดูกร พวกเธอทั้งหลาย
เราตถาคตไม่สรรเสริญอามิสบูชา
เราตถาคตสรรเสริญแต่ปฏิบัติบูชา
ขอพวกเธอจงเป็นธรรมทายาทเถิด
อย่าได้เป็นอามิสทายาทกันเลย..."

และวันนั้นในวันนี้
วันที่ยังมิสิ้นใยแห่งความหวัง
ดวงประทีปจุดต่อกันอย่างเชื่อมั่น...อย่างทระนง
เกาะกุมประสาน
ขานรับพินัยกรรมจอมโลกนาถ

ผู้พรั่งพร้อมด้วยพุทธบริษัท
ต่างน้อมรับเอาปฏิปทาของพระพุทธองค์ใส่ดวงใจ
ตามรอยพระยุคลบาท
ด้วยศีลเป็นพื้นฐาน...เป็นแก่นแกน
จนก่อเกิดกลายเป็นสมาธิ
เป็นปัญญาในที่สุด...
วิมุติหลุดพ้นจากกองกิเลสโดยสิ้นเชิง

ด้วยสิบนิ้ว
ด้วยเกล้า
ด้วยเศียร
กราบแทบพระบาทสุดหล้า
คารวะใด
ศรัทธาใด
ขอพลีมอบแด่องค์ธรรมิกราช
ผู้หาญทำลายเหล่ามารร้ายเป็นตัวอย่าง

น้อมรำลึก
ที่ได้เกิดมาใต้ร่มบวรพุทธศาสนา
ได้ปฏิบัติตามแนวจนได้มรรคผล
เป็นบุญแก่ข้าน้อยยิ่งนัก
กราบแทบพระบาทอีกวาระ
ด้วยเลือดเนื้อ
ด้วยชีวิต...ทั้งหมดสิ้น

สูญญาณู

………………..

ประณมมือตั้งจิต
น้อมรำลึกวันวิสาขะ
วันแห่งความยิ่งใหญ่ของโลก
นี้เอกอัครมหาบุรุษแห่งสัมมาสัมพุทธะ
ได้ประสูติ-ตรัสรู้-ปรินิพพาน
ข้าน้อยขอเดินตาม
ตามรอยพระยุคลบาทด้วยฉันทะ

ขอชีวิตแห่งพระองค์เป็นแบบอย่างแก่ข้าน้อย
ได้ดำเนินรอยตามอย่างชิดใกล้
เบื้องต้น-ท่ามกลาง-บั้นปลาย
ทุกขั้นทุกบท
ขอน้อมถือเป็นทางแห่งสาระ
โอ ! พระพุทธองค์เจ้าค่ะ
แม้จะประสูติบนกองเงินกองทอง
มากมีทรัพย์ศฤงคารวัตถุ
ข้าทาสบริวารมากล้น

เอ่ยดาวได้ดาว
เอ่ยเดือนได้เดือน
ทุกอย่างครบพร้อม
สมบูรณ์สุดยอด
เพียงแค่ชี้นิ้ว
เพียงแค่ชำเลือง
ทุกอย่างจะรีบเปลี่ยนแปลง
เปลี่ยนแปลงไปตามพระประสงค์
โอหนอ ! รัชทายาทแห่งฟ้า
จะเสวย จะทรงดำเนินชีวิตอย่างไร

ใครหนอจะกล้าขัด
ปราสาทสามฤดู
ลมหายใจมีแต่ความสุข
ชีวิตที่วนเวียนอยู่บนกองกาม
ใครหนอจักมากมายเทียบเท่า
แต่ถึงกระนั้น
แม้จะปกป้อง กลบเกลื่อนแค่ไหน
ยากนักที่จะปิดบังหัวใจใฝ่หา
ท่ามกลางการมอมเมา
มอมเมาฉาบพอกกองกามทับถม
ปรุงสุขคละคลุ้งหวานชื่น
เสนาะพริ้งวาบหวาม

"เจ้าชาย..เจ้าชาย
กระโดดลงมาซิเจ้าชาย
มาดื่มกินเกลือกกลั้ว รสแห่งเสน่หา
ที่ร้อยรัดบุรุษสตรีทั้งมวลไว้ในโลก
มาเถอะเจ้าชาย
ชีวิตนี้สั้นนัก
ปล่อยเวลาให้เศร้าอยู่ทำไม
มาซิ !
รีบมาตักตวงความสุขให้ชุ่ม
นี่สำหรับทางตา...
นี่สำหรับทางหู...
นี่สำหรับทางจมูก...
ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ

เจ้าชายจะไปที่ไหนนะ
เรามีทุกอย่างให้พร้อม
เสพเข้าไปเถอะเจ้าชาย
ชีวิตเหมือนพยับแดด
ไปสำคัญหมายมั่นอะไร
มาซิ! มาซิ!"
เสียงเชิญชวนกระซิบอย่างเย้ายวน
ตอกย้ำอยู่วันแล้ววันเล่า
แต่ไม่อาจสามารถ
ปิดบังพระปัญญาธิคุณลงได้
เพียงสัมผัสผู้เกิด ผู้แก่
เพียงเห็นผู้เจ็บ ผู้ตาย
สัจจะแห่งการแสวงหาหนทางแห่งอิสรภาพ
พลันถูกปลุกเร้ากระพือโหม
ความเป็นลูกไก่ผู้พี่
ที่จะต้องเจาะเปลือกไข่ออกก่อน

ก่อมโนธรรมสำนึก
ให้หาญกล้าสลัดโซ่ตรวนแห่งบุตรภรรยา
เพื่อวันหนึ่งข้างหน้า
น้ำตาของชาวโลกจะได้ถูกเช็ด...
โอ ! ...พระพุทธองค์

หกปีเต็มเต็มแห่งการพากเพียร
ทดลองสารพัด
ด้วยชีวิตเลือดเนื้อ
แม้เกือบสิ้นชีพก็หลายครั้ง
แต่กลับมิเคยไหวหวั่น
พยายามยิ่งกว่าพยายาม

หา หา หา
ค้น ค้น ค้น
ราวกับงมเข็มในมหาสมุทร
ทน ทน ทน
ทนเสียยิ่งกว่ามนุษย์เหล็กไหล

ตบะใดที่เขาทำ
ตบะใดที่ว่ายาก
ล้วนทำผ่านอย่างมิกังขา
แต่กระนั้นแสงทองก็ยังมิผ่องอำไพเสียที
ตราบจนวันนั้น วันปฏิญาณสัจจะ
"แม้เลือดเนื้อในกายของข้าจะเหือดแห้ง
จะมิถอนคืนกลับจากนี้ การนั่งยังอาสนะแห่งนี้
หากยังไม่บรรลุถึงโพธิญาณอันเกษม !"
จากนั้น...
อีกไม่นาน...
ท่ามกลางคืนเพ็ญกระจ่างฟ้า
เสียงหวีดร้องปานจะสิ้นชีวิต
ดังกระหึ่มถล่มทลาย
กำแพงแห่งอวิชชา
ที่ได้กักขังชีวิตมานานแสนนาน
ได้ถูกทำลายย่อยยับเสียแล้ว

หลังจากวันนั้น...
ต่อไป...และต่อไป...
เสียงหวีดร้องดังกรีดแหลมอย่างรันทด
ทยอยดังมาไม่ขาดสาย
ราวกับระลอกคลื่นที่โหมเข้าฝั่ง
"ทำไมหนอ มีท่านถึงต้องมีเรา !?"
ตลอด ๔๕ ปีถัดจากนั้น
บุรุษจีวรสีคล้ำหม่น
ผู้มีกายอิ่มเอิบและเดินอย่างสงบสำรวม
เริ่มทวีมากขึ้นอย่างมิเคยเห็น
ไม่ว่า ณ ที่ใด
ที่บุคคลเหล่านั้นก้าวย่าง

ต้นพุทธะใหญ่น้อยพลันเติบโตแตกกล้า
ดอกฟ้าอันสูงลิบ
พลันถูกยอสู่พื้นเพื่อเด็ดชม
อัศจรรย์จริงหนอ !
บุคคลผู้เมาหมกอยู่กับกองกาม
เพียงเสียงเรียกให้ฟัง ให้มีสติ
พวกเขากลับหยุดยั้งเงี่ยหูฟัง
อัศจรรย์จริงหนอ !
บุคคลผู้มัวเมาบนกองกาม
รักกามเสมอชีวิต
เพียงเสียงบอกให้ละ หน่าย คลาย เลิก
พวกเขากลับฟัง
กลับไปกระทำสัมฤทธิผล

โอหนอ! ๔๕ ปีแห่งการหว่านพุทธธรรม
กี่แสนกี่ล้านที่ดวงตาถูกปัดเช็ดจนไร้ฝุ่นธุลีหนา
ท่านทำงาน
ทำงาน ทำงาน ทำงาน
ตราบจนวาระสุดท้ายของชีวิต
โอ้! พระศาสดา
ผู้สถิตอยู่ในหัวใจของข้าฯ
ข้าน้อยขอตั้งสัตย์ปฏิญาณ
น้อมรำลึกพระคุณแห่งมหาบุรุษนาม"สัมมาสัมพุทธะ"
ผู้สละละทิ้งทรัพย์สมบัติ
ผู้โยนคืนความสุขให้แก่โลก
ออกมาส่องประทีปให้แก่มวลชน
จะขอดำเนินลีลาชีวิตเยี่ยงท่าน
อุทิศเวลาให้แก่ศาสนามากกว่านี้
จะขอขวนขวายในงานกิจ

จะมักน้อย - ไม่ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม
ลดละเบญจกามประดามี
เดินสู่สุขแห่งโลกุตระ
แต่เพียงอย่างเดียว
โอ้ ! พระพุทธองค์
ข้าน้อยขอกราบสุดเศียรสุดเกล้า

แววฟ้า

………………….

วันประสูติ-ตรัสรู้-ปรินิพพานได้เวียนมาบรรจบอีกวาระ
จากวิสาขะ ถึง วิสาขะ
จากอดีตอันไกลโพ้นสู่ปัจจุบัน
บรรพบุรุษรุ่นแล้วรุ่นเล่า
ที่ล้มหายตายจากผ่านไปและผ่านไป
สืบทอดสถิตไว้ วิสาขะอย่าลืมเลือน

กาลเวลาหมุนผ่าน
กงล้อแห่งธรรมจักรจากสีทองอร่ามเริ่มมัวสลัว
เสียงบดขยี้ไปตามมรรคาสู่เหล่ามาร
เริ่มคลายเกลียวกังวานเสนาะอย่างวังเวง
ชราแล้วหรือสัทธรรมของพระพุทธองค์ ?
แต่ทว่า...
ท่ามกลางรัตติกาลอันมืดสนิท
หิ่งห้อยน้อยกลับพอเห็นอยู่รำไร
ประกาศตัวกลางม่านมืดใกล้จะสิ้นหวัง
แม้นหิ่งห้อยมิอาจเทียบสุริยัน
แต่ก็ทำอย่างมิบ่น มิท้อ อย่างเกื้อกูล
จุดเล็กๆ ยิ่งกว่าเม็ดทรายในท้องสมุทร
รวมตัว รวมพลัง
กระชากเข็นกงล้อแห่งธรรมจักรให้เดินหน้าอย่างสงบเชื่อมั่น
มาเถิด !
ผู้ที่ยังไม่มาขอให้มา
ผู้ที่มาแล้ว ขอให้เป็นสุข ขอให้เป็นหลักแกนผู้อยู่หลัง
วิสาขปุณณมีเพ็ญแจ่มกระจ่างฟ้า

นโม ประณมมือสำรวม
ทยอยมาอยู่ร่วมรวมพลังประสานปณิธานแห่งองค์โคตมะ
น้อมรับศีล น้อมฟังธรรม น้อมขัดเกลาตน
เช้า-สาย-บ่าย-ค่ำ มิแหนงหน่ายเบื่อระอา

อัศจรรย์จริงหนอ !
บุคคลอยู่เมาหมกในกองกาม
ยามศิษย์ตถาคตเจ้าเปล่งประกาศการประหาร
พวกเขากลับเงี่ยหูฟัง
ฟังอย่างยินดี
และนำไปประพฤติประหารตาม
อัศจรรย์จริงหนอ !
บุคคลผู้เมาหมกอยู่ในกามสุข
ยามศิษย์ตถาคตเปล่งประกาศประหารรักให้สิ้นซาก
พวกเขากลับตื่นตัวยินดี
โน้มน้อมนำกลับไปประหารสุขตามกำลัง
อัศจรรย์จริงหนอ ! อัศจรรย์จริงหนอ !
น้ำตาโพธิสัตว์ไหลริน
ไม่มีเสียงสะอื้น ด้วยมิใช่ความโศกเศร้า
ไม่มีเสียงร่ำไห้ด้วยมิใช่ความอาดูร
มนุสโสสิกว่าพันชีวิต
สงบนิ่งดื่มด่ำธรรมลีลาอย่างเงียบแน่น
เด็ก-หนุ่ม-สาว-แก่-เฒ่า
พ่อแม่กับลูก ลูกกับพ่อแม่
แม้สักครั้งในชีวิต
ที่อุตส่าห์ให้ความสำคัญแก่พระศาสนา

มา ! มา!
อนุโมทนา สาธุ
ผู้ที่ยังไม่มาขอให้มา
อนุโมทนา สาธุ
ผู้ที่ยังไม่มีศีล ขอให้มีศีล
ด้วยมีหนทางแห่งสายนี้เท่านั้น
ที่จะเช็ดน้ำตาของความทุกข์โศกให้หายสนิท
ด้วยมีหนทางแห่งสายนี้เท่านั้น
ที่จะทำให้เธอหลุดพ้นจากวังวนอันบ้าคลั่งของโลกีย์
มารใดๆ มิอาจกล้ำกรายแม้สักเส้นขน
ศีลของเธอจะเป็นสะเก็ด
สมาธิของเธอจะเป็นเปลือก
ปัญญาของเธอจะเป็นกระพี้
วิมุติของเธอจะเป็นแก่น
ไม่มีใครเลยที่จักอาจทำร้ายทำอันตรายเธอได้ต่อไป
ลานฟังสัทธรรมยังคงคลาคล่ำนิ่งสงบตั้งมั่น
ทุกชีวิตต่างสำรวมแม้ในลมหายใจ
อุพเพงคาปีติผุดขึ้นมาราวกับฝันยังไม่สิ้น
ดึงหยาดน้ำตาอันใสบริสุทธิ์
ที่เปี่ยมแน่นด้วยพลังแห่งเมตตาเสียสละ
ที่เทิดทูนบูชาความดีแห่งตถาคตเจ้าสุดเกล้าสุดเศียร
ที่ยากยิ่งใครจักเสมอเหมือนเอ่อไหล
ไกลออกไป ณ เบื้องนอก
กระแสมนุสโสสิยังทยอยเดินเข้ามาสมทบไม่ขาดสาย

วันนี้วันดีหนอ
วันสำคัญแห่งชาวพุทธที่ทุกคนควรจะตราตรึง
ถึงวันสมเด็จพ่อของเราประสูติ
พากเพียรสู้ไม่ถอยต่อสารพัดอุปสรรคอย่างเหนื่อยยากจนตรัสรู้
และดับขันธปรินิพพานหมดภารกิจ ณ วันนี้
นี่แหละคือการเกิดครั้งยิ่งใหญ่ที่พวกเธอพึงระลึกสังวร
เตือนตน เร่งกระทำกิจสมเป็นลูกโดยมิชักช้า
สัทธรรมปฏิรูป
สัทธรรมถูกบิดเบือน
ดุจแก่นแกนเนื้อกลองอานกะถูกไม้อื่นแทรก
จนแทบจะหาเนื้อเดิมไม่ได้
ช่วยกัน ! พวกเราจะต้องช่วยกัน
เราไม่ทำแล้วใครจะทำเล่า ?
มิต้องเอ่ยด้วยวจี
เพียงสัมผัสจิตต่อจิต
ต่างก็รู้หน้าที่กิจตนต่อศาสนา

ประโยชน์ตน-ประโยชน์ท่านจะต้องครบพร้อมเดินทางไปด้วยกัน
มิใช่หลีกหนีลี้หาย
มิใช่การตัดช่องน้อยแต่พอตัว
เสียงสูดน้ำมูกดังขึ้นอีกหลายเสียง-น้ำตาไหลเอ่อ
ราวกับการขานรับมรดกพินัยกรรมพระพุทธองค์

ยากหนอ ! ยากหนอ!
โลกใบนี้ยากแล้ว
เหล่ามารแบ่งกระจายครองเมือง
ความดีถูกสยบขู่หงอ
ความชั่วถูกปลูกเพาะทำนุบำรุงแตกช่อออกกิ่งสลอน
คนดีกลับจะต้องอายคนชั่ว

อโห ! โอหนอ !
เหล่ากระเบื้องถีบคนดีจมลึกเพื่อตัวเองเฟื่องฟูลอย
น้ำเต้าน้อยกำลังถอยจมลงไปทุกทีทุกที
ยาอยู่ที่ไหน
ใครๆ ก็ต้องการยารักษา
แต่ยานั้นใช่จะหาได้ง่ายๆ
กำแพงแห่งอวิชชาสูงท่วมฟ้า
หนายิ่งกว่าแผ่นดิน
มนุษย์ใดเล่าจะหาญหักด่านให้แตกสลาย
โลกกำลังถูกมอมเมา
โลกกำลังถูกยั่วยวน
ยากหนอ ! ยากหนอ !
แต่นั่นแหละ
จุดเล็กๆ ใต้ขอบฟ้ากว้าง
อุตส่าห์โจนทะยานต่อสู้อย่างน่าหวำ
เขามากันแล้ว
พากันมาจุดดวงประทีปให้ลุกโชติช่วงในดวงใจ
เสียงฟ้าร้องดังกระหึ่มกัมปนาท
ประดุจการรับรู้ปณิธานทวนกระแสของจุดเล็กๆ ที่มีลมหายใจอุ่น
สายฝนโหมกระหน่ำซัดซู่
สาดละอองไอเย็นหนาวยะเยือก

หยดน้ำหล่นจากฟ้าสู่พื้น
บ้างไหลผ่านขอบใบเขียวขจีจากแมกไม้ทีละหยด
ผนึกรวมกันเป็นกระแสใหญ่ไหลลงสู่สระน้อย
แต่หากรวมร่วมพลังอะไรฤาจะขวางหน้า
จันทร์กระจ่างฟ้า
สาดแสงผ่านหมู่แมกไม้รกชัฏอย่างมิย่อหวาด
เสียงกบ คางคก อึ่งอ่างประสานเหล่าแมลงดังกระหึ่ม
บทเพลงรวมชาติยังคงมีต่อไปไม่รู้หมดสิ้น
แต่บทเพลงทวนกระแสก็เฉกเช่นกัน
วันประสูติ-ตรัสรู้-ปรินิพพาน
มิใช่ขององค์ตถาคตเจ้ากักตุน
แต่พร้อมที่จะแบ่งปันให้แก่พุทธบุตรทั้งหลาย

มาเถิด ! เรามาสานปณิธานตถาคตเจ้า
ที่จะทำวันวิสาขะให้เกิดขึ้นในหัวใจของเรา
ให้สมเป็นลูกสมเด็จพ่อ
มิใช่สักแต่กราบคารวะสุดเกล้าสุดเศียรเพียงอย่างเดียว
ขอวิสาขะสถิตมั่น
เป็นแก่นเนื้อในดวงใจของมนุษย์ทวนกระแสทุกๆ คน
ด้วยศรัทธา
ด้วยขันติธรรม...สู้ไม่ถอย !

อุพเพงคา
เสียงประกอบ //www.palungjit.com



Create Date : 24 ธันวาคม 2553
Last Update : 2 มกราคม 2554 12:00:23 น. 0 comments
Counter : 361 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

atruthoflife10
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




กลับคืนสู่ธรรมชาติ ด้วยสุขภาพที่ดีกว่า

ไตรลักษณ์
เกิดขึ้น 26 พ.ย.2553

ดับไป....???

Friends' blogs
[Add atruthoflife10's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.