|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ลำนำ(54)
ทุกข์แค่เราก็พอ
ปณิธานตั้งไว้ในดวงจิต แต่ไหนไหนก็มิเคยแปรเปลี่ยน โอ้หนอชีวิต ทำไมหนอจะต้องมาเบียดเบียนข่มขี่ มาข่มเหงประทุษร้ายอย่างยิ้มหยัน เพียงเห็นน้ำตาขณะรอประหาร ใจก็สะท้านเย็นเยือกวาบหวั่น เพียงรู้ว่ามันต้องทรมานก่อนตาย ใจก็นึกวาดหวาดกลัวแทน
ทำไมหนอชีวิตเรา เกิดมาจะต้องก่อบาปแก่ผู้อื่นเขา แย่งชิงเลือดเนื้อของผู้อื่นอย่างไม่ละอาย
ไม่อยากเลย ไม่อยากให้ใครเดือดร้อน ไม่อยากให้ใครทุกข์เศร้า เกิดมาชาติไหน ก็ขอให้มีจิตกุศลตัวนี้ แม้บางคนเขาจะหาว่าขี้ขลาดก็ช่างเขา แม้จะถูกเอาเปรียบเอารัด
ก็มิขอคืนจิต เกิดมาเป็นชีวิตนั้น อย่าได้เป็นตัวการทำให้ผู้อื่นเศร้าหมอง อย่าได้เป็นตัวการทำให้ผู้อื่นทุกข์หม่น ตามครรลองแห่งสัจธรรม ขนาดจิตดั่งนี้ ได้ฝังหยั่งรากมาแต่เด็ก ก็ยังเผลอขาดสติได้อย่างเจ็บแสบ เพียงเรื่องกระทบที่เข้ามาทางหูทางตา
ก่อเกิดความผิดใจอย่างสายฟ้า ตามติดด้วยเสียงกู่ร้องอย่างเงียบ เงียบราวกับคลื่นในท้องสมุทร ! มันรู้แต่ว่าไม่พอใจ ไม่ชอบใจ...ไม่ชอบใจมากมาก ปัญหาเหล่านี้ รู้ก็รู้ว่าไม่มีใครช่วยได้ นอกจากตัวเราที่จะทำความตกลงกับตัวเรา มีการแก้ไขที่ตนเป็นจุดเริ่มต้น แต่ใจสิมันแสนร้าย มันโหมพัดพยาบาทขึ้นโชติช่วง มันเที่ยวเอาเรื่องที่เกิด ไปเล่าให้ผู้อื่นฟัง หมายจะฟ้อง หมายจะบอก ด้วยไม่สามารถที่จะสงบอุเบกขากับมันได้
หลายต่อหลายครั้ง ที่จะต้องเอาเรื่องไม่เป็นเรื่อง รู้ไปก็แค่นั้น กลับไปบอกเล่ากับคนที่เรารัก เพื่อน พี่น้อง พ่อ แม่ ฯลฯ หากไม่เล่าก็ดูเหมือนอัดไว้ในอก ไม่ถ่มคายออกมาก็คงจะท้องขึ้น
นี่แหละหนอจิต ทำอะไรโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำอะไรไม่เคยคิดถึงผู้อื่นจะเป็นตายอย่างไร บางครั้งบทเศร้าเขาก็ช่วยเศร้า บางครั้งบทโกรธเขาก็ช่วยด่า บางครั้งบททุกข์เขาก็ช่วยทุกข์
ใจมันโมหะ มันไม่เคยรู้สึกระลึกถึง คำคติแต่โบราณเก่าก่อน "พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง" มันคิดแต่จะหาพวก หาประโยชน์ มีกระโถนเอาไว้บ้วนถ่มก็พอใจ
น่าสงสาร..น่าสงสาร น่าสงสารเพื่อนเพื่อน พ่อแม่ พี่น้อง ที่อยู่รอบรอบตัว ต้องมาร่วมรับกรรมอย่างน่าสมเพช ไม่มุสาก็ต้องเรียกว่ามุสา เพราะหาเรื่องมาระบายให้ผู้อื่นทุกข์ ไม่ปาณาฯ ก็ต้องเรียกว่าปาณาฯ เพราะทำใจคนอื่นเขาห่อเหี่ยว ไม่เคยเลยหนอที่จะระลึกรู้ พูดในสิ่งที่ควรพูด พูดในสิ่งที่ก่อแต่ประโยชน์
อย่าว่าแต่เพียงเท่านี้ ด้วยจิตที่ปรารถนาผู้อื่นเป็นสุข แม้ยามตายก็ขออโหสิ อย่าให้ใครมาเสียน้ำตาแม้สักหยด ให้รู้สึกเหมือนใบไม้ร่วง เพื่อจะได้ไม่ทุกข์โศกวิปโยค ขอส่งความปรารถนาดีแต่ทุกทุกชีวิต ไม่ใฝ่ฝันตัวเป็นดวงดาราเจิดจรัส
เราซิหิ่งห้อยน้อย โบยบินวับแวมเล็กเล็ก กลางม่านแห่งความมืด สงบเสงี่ยมเจียมตน ไม่หวังอะไรจากใครแม้นิด เราซิดวงดาวอันไกลลิบ ส่องประกายสลัวอยู่ไกลโพ้นยากจะเห็น จะเป็นอะไรหนักหนา ขอเป็นเราผู้สงบอยู่ก็พอแล้ว
จากกัลยาณมิตร(เรไร ) เสียงประกอบ //www.palungjit.com
Create Date : 14 มกราคม 2554 |
Last Update : 14 มกราคม 2554 19:26:11 น. |
|
0 comments
|
Counter : 384 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|