|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ลำนำ(51)
ช้ำแค่ไหนก็จะเดิน
มนุษย์กำลังใฝ่คว้าแสวงหาอะไรกันขวักไขว่ ฉันก็กำลังคิดวิถีทางไปสู่ขอบฟ้าอันไกลลิบ ยิ่งเดินขอบฟ้าก็ยิ่งหนี ไกลออกไปทุกที เหนื่อยและเมื่อยล้า หมดแรงแล้วที่จะคว้าเอา
หยุดพักก่อน นั่งนึกตรึกตรองดูการกระทำในอดีต จุดหมายปลายทางของเราคืออะไรนะ ? ชีวิตนี้ต้องการอะไร ? เราจะเอาอะไรจากโลก ? ชีวิตครอบครัวเล็กๆ มีลูกน้อยที่น่ารักหรือ ? ชีวิตต่อสู้ด้วยความรุนแรงกับอำนาจรัฐหรือ ? ชีวิตที่สุขุม สงบ อ่อนโยน จนๆ ซื่อๆ แต่เป็นประโยชน์
ฉันได้ตัดสินใจแล้วว่าเอาชีวิต สุขุม สงบดีกว่า หัวเลี้ยวนี้เลือกได้แล้วด้วยความพิจารณาอยู่ หัวต่อที่จะเดินเล่า เราพร้อมเพียงใด แปลกจริงหนอ ! ทางสายนี้มีด่านเก็บค่าผ่านด้วย มองทางเดินร่มรื่น เงียบเหงา สงบวังเวงจัง
เอาละ ตัดสินใจแล้วก็ลองดูสักชาติหนึ่ง ฉันคิดไว้ว่า ถ้าไม่ดีจริง ชาติหน้าค่อยเปลี่ยนใหม่ เดินไปถึงด่าน มีประตูแคบๆ นายด่านยิ้มอย่างใจดี ถามว่า : จะไปไหน ทางนี้แน่ละหรือ? ฉันยิ้มตอบ : จะไป...ด้วยเสียงนิ่มนวล นายด่าน : หนทางไกล ผู้เดินทางต้องวางสัมภาระไว้ข้างนอก ฉัน : ห้ามเอาอะไรเข้าไปบ้างละ ? นายด่าน : ยิ้มอย่างเยือกเย็น ก็ สมบัติและญาติ ฉัน : นิ่งสักครู่ ตรึกตรองอีกครั้ง ฉันตอบว่า : ไม่มีปัญหา
นั่นใครวิ่งตามมา เรียกฉันให้หยุดด้วย เพื่อน : เธอกำลังเห็นแก่ตัวที่สุด ทอดทิ้งอุดมการณ์ : เด็กน้อยตาดำๆ กำลังคอยเธออยู่ : พ่อ แม่ พี่น้องเรียกร้องหาเธอ : แม่เธอกำลังป่วย เธอคนอกตัญญู : หัวใจสะท้านเสียววูบ สำนึกความรับผิดชอบครบบริบูรณ์ ได้แต่รำพึงว่า เธอไม่เข้าใจฉัน ทำอย่างไรได้ ฉันดำเนินชีวิตขบถเสียแล้ว
ฉัน : เพื่อนเอ๋ย ชีวิตเดิมๆ นั้น ไม่มีปัญหาหรอก ฉันอยู่ได้อย่างสบาย ท่ามกลางไออุ่นและดอกไม้ ดูซิ ! แม้แต่ฟ้ายังร้องไห้ น้ำตาไหลคร่ำครวญ โลกไร้คุณธรรม คนในโลกจึงโหดร้าย ฉันจะติดอาวุธแห่งความรัก เพื่อยิงกระสุนแห่งความเมตตาไปยังสรรพสัตว์ ภารกิจทางโลกมิได้ขาดแคลนนักหรอก ผู้สืบสานต่อก็หาได้โดยไม่ยาก ฉันไม่มีสิทธิเรียกร้องให้ใครมาเข้าใจ มาเห็นใจ มาสรรเสริญ ชื่นชม
แล้วก็วางภาระเดินผ่านด่านเข้าไป อะไรกันนั่น ! ทางเดินเกลื่อนไปด้วยเศษแก้ว เศษกระเบื้อง และหนามแหลมจากต้นไม้เลื้อย ดูเท้า ! ฉันก็ได้ทิ้งรองเท้าเสียแล้ว คนที่เขาเดินไปก่อนลิบๆ หลายคน บางคนเดินอย่างสบาย สดชื่นเบิกบาน แต่ดูคนโน้นซิ เขาหกล้มแล้ว กระเบื้องบาดเลือดออกแดง นั่งลงร้องไห้ไม่ยอมเดินต่อ
อีกคนหนึ่ง เดินขากระเผลก ย่องๆ แบบเสียวเท้า แต่ก็อดทนเดินต่อไป ด้วยความระทม มีคนเดินสวนออกมา บอกฉันว่า... กลับไปเถิดนะ ! ด้วยความหวังดี, แล้วจะเสียใจ ฉันยืนครุ่นคิดอยู่ว่า เอ ! เราจะเดินแบบไหน ทำไมจึงมีคนเดินอย่างสบาย มีคนบาดเจ็บ ร้องไห้ และมีบางคนหันหลังกลับ
อะไรเป็นเหตุให้แต่ละคนมีพฤติกรรมต่างๆ กัน ? ไม่เอาละ ขาเป๋ ร้องไห้ ! เอาอย่างคนเบิกบานดีกว่า แล้วจะทำอย่างไรดีละ เราก็ไม่ใช่ผู้ชำนาญเสียด้วยซิ จะกลับหลังหันก็ใช่ที่ เพราะมิใช่วิสัย ยังไม่ได้ทดลองเลย...เอาละนะ เตรียมอกเตรียมใจ ... ฉันยอมทุกอย่างแล้ว
สติตั้งมั่น ระมัดระวังให้ดี ค่อยๆ ก้าวอย่างมั่นคง แผ่วเบา ช้าๆ แต่แน่นอน จิตแน่วแน่ เด็ดเดี่ยว เร่งกำลังต่อสู้ขึ้นมา ก้าวได้สอง-สามก้าวแล้ว ยังปลอดภัย มีอะไร เกิดขึ้นแล้วฉันจะบอกท่านต่อไป
ก้าวที่สี่ เอ ! นั่นคนสร้างถนนเขาจับกลุ่มคุยอะไรกันอยู่ มีทั้งผู้เฒ่าและคนหนุ่มสาวด้วยละ นั่งอยู่ริมถนน นั่นผู้เฒ่าสตรีลุกยืนขึ้น ชี้มือสั่งงาน พร้อมทั้งบอกบทอยู่ พอเหนื่อยก็เดินไปพักใต้ร่มไม้ สาวน้อยทั้งหลายก็ลุกขึ้นไปทำงานการ เก็บเศษกระเบื้องจากถนนกองไว้ข้างทาง
แต่มีคนหนึ่งกลับเอาหินทุบกระเบื้องให้แตก แล้วแอบโยนมาที่กลางถนนอีก น่าแปลกจัง ทำอย่างนี้ไม่ถูกนี่นา ! ใจร้ายจังเลยละ เดี๋ยวฉันก็เหยียบถูกเท่านั้นเอง ไม่ถูกต้องเลย ทำไมเพื่อนเขาไม่ตักเตือนห้ามปราม หรือว่าผู้นี้มีสิทธิพิเศษอะไร ? ให้เหตุผลไม่ได้ ฉันเองต้องระวังตัวเองให้มากที่สุด
อุ๊ย ! เสียวแปลบที่ใต้เท้าเลือดไหลซึมออกมา เหยียบเศษกระเบื้องเข้าไปแล้วซิเรา ปวดไม่น้อย ฉันอดทนเดินทางไปหาคนกลุ่มนั้น เขาคงจะช่วยเหลือฉันได้แน่ นั่นคนที่ทุบเศษกระเบื้องให้แตกนั้น ถามฉันอย่างเมตตาว่า..กระเบื้องตำหรือจ๊ะ คงปวดมากน่าสงสารจัง
เป็นไปได้หรือนี่ที่คำพูดกับพฤติกรรมของเขาไม่ตรงกัน มายาวีหรือเปล่าหนอ ? คนเก็บเศษกระเบื้องพูดว่า เซ่อเซอะซุ่มซ่ามอย่างนี้ก็สมควรแล้วที่จะเจ็บตัว โธ่ ! ทำไมเขาต้องมาซ้ำเติมว่าฉันด้วยล่ะ ผู้มีเมตตาท่านหนึ่งมาดูแผลให้ฉัน ท่านจับเท้าฉันบ่งเศษวัสดุออก ใส่ยาให้อย่างไม่รังเกียจ
โอ ! คนใจดีก็มีอยู่ ท่านช่างเอื้ออารีจริงหนอ ! ท่านไม่พูดมาก แต่มีคนว่าท่านอยู่มาก ท่านยิ้มน้อยๆ ให้ฉันแล้วกล่าวอย่างสุภาพว่า "อดทน สังวรระวังให้ดี อย่าเพิ่งเข็ดขยาด จงเดินช้าๆ ด้วยความสุขุม รู้จักประมาณกำลังของตน
การเดินตามแฟชั่นนั่นไม่ใช่เรื่องจริง ผู้มีปัญญาแล้วย่อมรู้และเข้าใจตัวเอง เดินต่อไปเถอะเพื่อให้ถึงที่หมาย ไม่เดินเวลานี้ วันนี้ ชาตินี้ ก็ต้องเดินเวลาหน้า วันหน้า ชาติหน้า"
ฉันกราบขอบพระคุณท่าน ทำท่าจะเดินต่อไป ท่านถาม..หายเจ็บแล้วหรือ ? ฉัน...พอทนได้ ผู้มีเมตตา...นั่งพักผ่อนก็ได้ กายใจพร้อมแล้วค่อยเดิน ฉันถาม... "ทำไมคนที่นี่ตัวใหญ่จังเลย ? ..ทำไมเขาแกล้งโยนกระเบื้องไปกลางถนน ทำไมผู้เฒ่าบางคนจึงใช้อำนาจบาตรใหญ่ข่มขู่เด็ก ในเมื่อทางประตูเข้า เขียนไว้ว่า
ช้า สุขุม อ่อนโยน เบิกบาน หยุด ไม่เห็นเป็นจริงเลยนี่นา..." ผู้ทรงปัญญาท่านหนึ่งนั่งฟังอยู่ใกล้ๆ ยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก ผู้ทรงปัญญา..ที่นี่ไม่ใช่ที่มาเสพย์สุขหรือหลบลมร้อน ..ที่นี่เป็นแหล่งสำรอกพิษร้าย (กิเลส) ..ผู้มีมรรคผลเท่านั้นที่ทนอยู่ได้ ..จงฉลาดในการนำเอาพิษร้ายมาทำเซรุ่ม เพื่อสร้างภูมิต้านทานให้แก่ตนเองยิ่งขึ้น
พฤติกรรมต่างๆ ที่ได้พบเห็นนี้ ผู้ฉลาดก็เรียนรู้ ได้รับประโยชน์จากกิเลสของคน ผู้โง่เขลาเท่านั้นแหละที่ถือสา ไม่ปล่อยวาง จงเลิกถามว่า ทำไมเขาจึงเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ? ถามตัวเองซิว่า ทำอย่างไรเราจึงจะอยู่กับเขาเหล่านั้นได้ เอ้า ! ให้คาถากันหอกปากคมดาบ
จงได้ยินสักแต่ว่าได้ยิน เสียงเป็นเพียงพลังงานรูปหนึ่ง จงอ่อนน้อมถ่อมตนให้มากที่สุด เพื่อสลายอัตตา เขาทิ่มแทงหอกมาจะได้ไม่โดน แล้วท่านผู้ทรงปัญญาก็ลุกเดินออกไป ฉันนั่งใคร่ครวญคำพูดของท่านอยู่ครู่หนึ่ง พอจับต้นชนปลายเข้าใจด้วยเหตุปัจจัย ว่าเพราะสิ่งนั้นเป็นเหตุสิ่งนี้จึงเกิดขึ้น เอาละ ! ลุกเดินต่อไปดีกว่า นั่งแป้นอยู่นานแล้ว
จากกัลยาณมิตร(ใบบัวบก) เสียงประกอบ //www.palungjit.com
Create Date : 11 มกราคม 2554 |
Last Update : 11 มกราคม 2554 18:07:55 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1022 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|