|
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | |
|
|
|
26 กันยายน 2550
|
|
|
|
สมการ G ที่ ชาวพุทธ ก็มีเช่นกัน
ผมไม่แน่ใจว่า มันสามารถเปรียบเทียบกันได้ไหม
แต่ผมคิดว่า ถ้าเป็นเช่นที่ผมว่า G = กรรมเก่า G= คนที่เกิดมาโง่ G= คนเป็นง่อย G= คนรวย G= คนจน
อย่างนี้จะเป็นไปได้ไหมครับ ............................
นี่เป็นข้อความหลังไมค์ที่ มีชาวคริสต์ท่านหนึ่งส่งมาถึง
ผมเห็นว่าน่าจะเป็นอะไรที่ให้ชาวพุทธได้ฉุกคิดสะกิดต่อมกันบ้างน่าจะดี
ชาวพุทธบางส่วน ซึ่งมีจำนวนเยอะพอสมควร มีความเชื่อว่า "กรรมเก่า" นั้นทำให้เกิดทุกสิ่ง
จริงอยู่ว่าในพุทธศาสนา มีการกล่าวถึงวิบาก วิบากนั้นก็คือกรรมเก่านั่นเอง
หรือบางคนจะเรียกว่า ดวง พรหมลิขิต ก็สุดแท้แต่จะเชื่อหนักไปทางไหน
แต่พุทธองค์ได้จตรัสสอนว่า สัตว์โลกย่อเป็นไปตามกรรม
ดังนั้น กรรม คือการกระทำ การกระทำย่อมเกิดผล
กรรมที่กระทำได้ วางแผนได้ คือกรรมตรงหน้า คือกรรมในอนาคต ไม่ใช่กรรมเก่า
ฉนั้น สิ่งที่ชาวพุทธควรจะเรียนรู้คือ
"เลิกโทษกรรมเก่าว่าทำให้เราเป็นอย่างนู้นอย่างนี้"
การโทษกรรมเก่า ก็เสมือนมีค่า G อยู่เช่นกัน
เพราะกรรมตรงหน้านั้นสำคัญที่สุด ต้องสู้กับกรรม
ไม่ใช่ปล่อยให้โดนค่า G ในกรรมเก่าทับถม
พุทธองค์ยังทรงหาวิธีพ้นจากบ่วงกรรมทั้งหลาย ด้วยการค้นหา วิธีสารพัดจะตัดการกระทำกรรมชั่วทั้งหลาย เพื่อท่านได้กระทำเองและสั่งสอนสัตว์โลก
และก็ทรงค้นหา วิธีสารพัดที่จะสร้างกรรมดี เพื่อเป็นเสบียงในอนาคต ท่านได้กระทำมามากแล้ว และได้ทรงสอนสัตว์โลกด้วย
หนทางสุดท้าย ท่านได้สอนเรื่อง การละในความยึดมั่นถือมั่นในการกระทำทั้งปวง ทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว
เพื่อแสวงหาโมกขธรรม คือนิพพาน อันเป็นที่ดับ พ้นจากบ่วงกรรมทั้งหลาย
Create Date : 26 กันยายน 2550 |
Last Update : 26 กันยายน 2550 23:53:26 น. |
|
0 comments
|
Counter : 394 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
|
campaign |
|
|
|
|