เอม 19 เดือน (Aim 19 mois)
ช่วงเวลาครึ่งเดือนแรกตอนอายุ 19 เดือน เอมอยู่เมืองไทย อีกครึ่งเดือนหลังกลับมาอยู่ฝรั่งเศส ตอนอยู่ไทยศัพท์ภาษาไทย จะพัฒนาดีมาก เอมรู้จักคำต่างๆและพูดได้เยอะขึ้น
อารมณ์ดีขึ้นด้วย อาจจะเป็นเพราะปรับสภาพร่างกายกับอากาศ อาหารและอีกหลายๆอย่างได้แล้ว อีกอย่างนึงคือพ่อเค้ากลับไปก่อน เอมอยู่กะดิฉันได้ใช้เวลาพักผ่อนท่องเที่ยวอย่างสบายๆ ไม่เร่งรีบ มีเวลานอนตื่นสาย แต่ดิฉันกะเอมก็ยังออกจากบ้าน ทำโน่นทำนี่กันทุกวันนะคะ ไม่ได้อยู่บ้านเต็มๆวันเลย แถมยังได้แวะไปต่างจังหวัดวันเสาร์อาทิตย์ด้วย
(ตรงนี้ไม่ได้โทษพ่อเค้านะคะ เพียงแต่ตอนสามีอยู่เมืองไทย ตารางเที่ยวเราแน่นมากๆ เพราะเวลาน้อยค่ะ พ่อแม่ลูกเหนื่อยไปตามๆกัน)
กลับมาบ้านที่ฝรั่งเศส ความประพฤติเอมดีขึ้นเยอะ ดีกว่าตอนอยู่ เมืองไทยที่ถูกตามใจ มักจะร้องงอแง กลับมานี่ปุ๊บ เธอเปลี่ยนกลับ เป็นน้องเอมที่น่ารัก เลี้ยงง่ายเหมือนเดิม มียากหน่อยก็แค่ 2 วันแรก ที่ไม่ยอมนอนเตียงตัวเอง จะนอนกะพ่อแม่ให้ได้ เพราะติดมาจาก ตอนอยู่เมืองไทยที่เรานอนด้วยกันตลอด
นอนตอนกลางวันช่วงแรกๆ ดิฉันอนุโลมให้มานอนเตียงกะเราได้ แต่กลางคืนหนูต้องไปลงเตียงหนูนะ ในเมื่อเรากลับมาที่นี่แล้ว ระเบียบวินัยก็ต้องกลับมาเหมือนเดิมด้วย (ตอนอยู่เมืองไทย หยวนๆให้เพราะมันจำเป็น อย่างไปอยู่โรงแรม ใครจะทิ้งลูกให้อยู่คนละห้องได้เนอะ)
คืนแรกที่นอนเตียงเธอ เอมร้องไห้มากมาย ไม่ยอมนอน จะขอไปนอนห้องเรา พ่อเค้าต้องมานั่งกล่อมข้างเตียง (ไล่ดิฉันไปห่างๆค่ะ เพราะเอาไม่อยู่ เป็นยัยแม่ใจอ่อน จะยอมให้ลูกมานอนด้วยซะเนี่ย) เอมร้องนานมากกกก จนกระทั่งยืนหลับแหน่ะ คิดดู เอากะเธอสิ
รูปข้างล่างตอนกลับมาถึงนี่ปุ๊บ ดิฉันรื้อกระเป๋าเดินทาง มีผู้ช่วยตัวเล็กเข้าไปนั่งป่วนด้วยค่ะ
ที่จำได้แม่นคือหลังจากเข้ามาในบ้าน ดิฉันก็คุยกะสามีว่าดูซิ เอมจะจำบ้านเราได้ไหมหนอ ไปตั้งเดือนกว่าๆ สิ่งแรกที่เธอทำ คือมองไปรอบๆ คงจะเริ่มคุ้นๆ แล้วเดินไปดูที่คอกของเธอ เกาะซี่กรงไม้ ชะเง้อดูของเล่นที่กองสุมอยู่มากมายแล้วร้อง ว้าว ว้าว...
เรื่องอาหารการกิน เธอกินได้ปกติ ไม่เลือกอาหารแบบอยู่เมืองไทย (อีกแล้ว) และกินเป็นเวลาขึ้น (อยู่เมืองไทย ระบบรวนหมดเลยค่ะ สงสัยต้องโทษตัวเอง ฮ่าๆๆ ทำลูกเสียเด็ก)
อยู่เมืองไทยขวดนมยังไม่ยอมถือเองเลยอ่ะ ทั้งๆที่ถือเองได้ตั้งแต่ ก่อนไป แต่พอขากลับมาบ้าน ก็ถือเองได้เหมือนเดิม (ฮึ่ม มันน่านัก)
เอมถอดเสื้อกางเกงกระโปรงออกจากตัวเองได้แล้ว (หลังจากดิฉันถอดกระดุมหรือซิปให้นะคะ ถ้าเป็นยางยืด เธอก็รูดลงเองเลย) ถุงเท้ารองเท้าถอดเรียบ (เว้นแบบมีเชือกผูก)
สองวันหลังจากกลับมาถึงฝรั่งเศส ดิฉันก็โทรเม้าส์กะเพื่อนคนไทย ที่นี่ทันที ถามสารทุกข์สุขดิบ บลาๆๆๆ ด้วยว่าไม่ได้คุยกันนาน เจ้าเอมมานั่งตักคอยฟังยัยแม่เม้าส์แตก อยู่ๆเธอก็พูดขึ้นมาเองว่า "อ้าปาก" ฮ้า อะไรนะ ตอนแรกนึกว่าฟังผิด เพราะกำลังคุย กะเพื่อน แต่เอมก็ยังพูดให้ดิฉันฟังอีกครั้งว่า "อ้าปาก" แถมยังชี้และทำท่าประกอบด้วย
ตอนนั้นดิฉันตื่นเต้นมาก เพราะเป็นคำพูดที่ไม่ได้ตั้งใจสอน แต่เป็นผลพลอยได้ที่ซึมซับโดยบังเอิญ ก่อนหน้านี้ศัพท์ต่างๆที่เอมพูดได้คือคำที่เราเน้นย้ำ เช่นเห็นสัตว์ต่างๆก็ชี้บอกว่านั่นหมานี่แมวโน่นนก ทำให้เธอรู้จักคำเหล่านั้น
แต่การที่เอมพูดคำว่าอ้าปากได้ ก็เพราะเวลาจะแปรงฟันให้เธอ เรามักจะพูดคำว่าอ้าปากเพื่อให้เธอยอมให้เราแปรงแต่โดยดี ปะป๊าเธอก็พูดด้วยนะคะ แต่สำเนียงเพี้ยนเล็กน้อย (เจ้าเอมเลยติดสำเนียงพ่อมา กลายเป็นอ้าปัก ฮ่าๆๆ)
แถมเรายังร้องเป็นเพลง โดยใส่ทำนองเพลงเด็กที่คุ้นเคย ทุกครั้งที่จะแปรงฟันให้เอม (แต่ดิฉันไม่รู้จักชื่อเพลงนะคะ) ร้องมันทุกวัน วันละหลายรอบ จนเอมจำได้เองโดยอัตโนมัติ
นับเป็นก้าวแรกของคำต่างๆที่พร่างพรูตามมาอีกมากมาย ทำให้ดิฉันประจักษ์แล้วค่ะว่าเป็นความจริง จากการที่เคยได้อ่าน หรือฟังใครๆเล่ามา คือให้พูดกะลูกไปเรื่อยๆ โดยไม่หวังอะไร ไม่ต้องไปพร่ำสอนศัพท์ทีละคำ หรือมีหลักการมากมาย เด็กจะบรรจุศัพท์ต่างๆในสมอง ซักวันเค้าจะพูดออกมาเอง
เพราะงั้นใครมีลูกเล็กๆพูดไปเถอะค่ะ ไม่ต้องกังวลว่าลูกจะรู้เรื่องหรือไม่ เพราะจริงๆแล้วเด็กเค้าเข้าใจ เพียงแต่ยังสื่อออกมาไม่ได้เท่านั้นเอง แล้วเมื่อถึงวันนั้น วันที่เค้าพูดได้ คุณจะทึ่งในความสามารถของเจ้าตัวเล็ก
Create Date : 17 มีนาคม 2550 |
|
7 comments |
Last Update : 17 มีนาคม 2550 22:21:18 น. |
Counter : 732 Pageviews. |
|
|
|