“ปาฏิหาริย์ไม่ใช่การเดินบนน้ำ หรือบินอยู่บนอากาศ แต่ปาฏิหาริย์คือการเดินอยู่บนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว”

ติช นัท ฮันท์
384 .. เสียงอ่านเพชรพระอุมา-ภาคสมบูรณ์ # 41 (286 - 300)










เสียงอ่านเพชรพระอุมา–ภาคสมบูรณ์ # 41

ลำดับที่ 286 - 300








ที่มาของเสียงอ่านเพชรพระอุมา ขอเชิญเปิดอ่านที่นี่






ขอเชิญฟังเสียงอ่านนวนิยาย เพชรพระอุมา – ภาคสมบูรณ์

ลำดับที่ 286 – 300 ค่ะ






ลำดับที่ 286 - 288






ลำดับที่ 289 - 291






ลำดับที่ 292 -294






ลำดับที่ 295 - 297






ลำดับที่ 298 - 300






ขอเชิญติดตามตอนต่อไปในลำดับที่ 42 ค่ะ



















อิ น ไ ซ ด์ เ พ ช ร พ ร ะ อุ ม า

จากนิตยสาร จักรวาลปืน ฉบับที่ 293
ต อ น ที่ 2/2
โดย........ พนมเทียน









"นิทานข้างกองไฟในป่า"
เป็นประโยชน์สำหรับผมอย่างยิ่ง ในการเขียนนวนิยายเรื่องเพชรพระอุมา เพราะได้ดึงเข้ามาเป็นองค์ประกอบของเรื่องกว่าครึ่งค่อนเรื่อง นอกเหนือจากเรื่องราวที่คิดฝันจินตนาการแต่งขึ้นเอง นี่พูดถึงวัตถุดิบที่ได้รับเมื่อโตขึ้นมาแล้ว เมื่อตนเองเป็นนักเดินป่าแล้ว แต่ย้อนหลังลงไปกว่านั้น เป็นสิ่งที่ได้รับการบอกเล่า มาจากตาของผม ท่านเองก็ได้รับการบอกเล่าสืบต่อกันมาเป็นทอดๆ ตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษของท่าน สมัยก่อนนี้ท่านผู้อ่านอาจเคยได้ยินกิติศัพท์ ของป่าดิบดงดำ ที่ลึกลับซับซ้อน และดุร้ายมากของเมืองไทยเรา (ซึ่งปัจจุบันนี้ ถนนสายมิตรภาพตัดผ่านตลอด สองฝั่งทางเต็มไปด้วยบ้านเรือน ผู้คน โรงงานอุตสาหกรรม และภูเขาหัวโล้น) นั่นก็คือ ดงพญาไฟ



ใครที่พยายามจะผ่านเข้าดงพญาไฟ ก็เหมือนจะเอาชีวิตไปทิ้งเสีย เพราะนอกจากความรกทึบเต็มไปด้วยอันตรายจากสัตว์ร้ายนานาชนิดแล้ว ยังเต็มไปด้วยไข้ป่า จนกระทั่งต้องมีการเปลี่ยนชื่อมาเป็น ดงพญาเย็น (คือเพื่อให้ "เย็น" ลงกว่าสภาพอันดุร้ายของมัน) ป่าดงพญาไฟ หรือ ดงพญาเย็น นี่แหละ คือที่มาของเรื่องราวมหัศจรรย์ต่างๆ ไม่ว่าจะเรื่องของ ผีโขมดดูดเลือด ซึ่งในเวลากลางคืน มองเห็นเป็นดาวไฟสีทับทิมแดงสว่างวูบๆ ลอยมาด้วยอาการเหมือนหิ่งห้อย เพื่อลงเกาะดูดเลือดคนเดินป่าที่กำลังหลับอยู่ จนกระทั่งเลือดหมดตัว ตายไปในเวลารุ่งเช้าอย่างลึกลับ…..



เรื่องราวของเสือสมิง หรือวิญญาณ ของคนตายที่ตายเพราะเสือกัด กลายเป็นผีตายโหง เข้าสิงร่างเสือ ซึ่งนำเสือมาราวีคน หรือพรานในรูปแบบที่น่าพรั่นพรึงต่างๆ…. เรื่องราวของต้นพริกขี้หนู ซึ่งเติบโตกลายเป็นต้นไม้ใหญ่หลายคนโอบ มีเม็ดของมันติดอยู่ตามกิ่งก้านสาขา ในลักษณะเหมือนหวีกล้วย…. เรื่องราวของตะขาบยักษ์ ตัวขนาดต้นซุง เวลาเลื้อยมาที เสียงตีนอันมากมายของมันที่ตะกายมากับกิ่งใบไม้แห้งฟังเหมือนเสียงพายุพัด และ ฯลฯ….



เหล่านี้ ล้วนเป็นเรื่องที่ผมนั่งอ้าปากฟังตาเล่า เมื่อสมัยยังเป็นเด็กๆ อยู่ ท่านเองก็คงเกิดไม่ทันในยุคนั้น บรรพบุรุษของท่านเล่ามาให้ฟังอีกทีหนึ่ง ถึงแม้อาจจะเป็นเรื่องนิทาน หรือเป็นเรื่องที่เขาแต่งกันขึ้นมา มันก็ฟังดูเข้าท่าไม่ใช่หรือครับ ถ้าหากจะเอามาใส่ไว้ใน นวนิยาย ที่แต่งขึ้นมา โดยปรุงรสชาติ สร้างเหตุ สร้างผลขึ้นมา เท่าที่จะทำได้ ความจริงผมก็อยากจะเล่าเกร็ดของเรื่องราวเหล่านี้ที่ได้รับฟังมาอีกทีหนึ่งให้ละเอียดออกไป เพราะโดยความพิสดารของมันมีอยู่ในแต่ละเรื่อง มีฝอยละเอียดมาก สนุกพอสมควรทีเดียว แต่ก็เห็นว่ามันจะหมดเปลืองเวลา เปลืองหน้ากระดาษไปเสียเปล่าๆ ก็เลยขอสรุปโดยย่นย่อ เกี่ยวกับเค้าโครงเรื่องที่ปรากฏอยู่ใน เพชรพระอุมา ว่า

1. มาจากประสบการณ์พบเห็นด้วยตนเอง (ส่วนน้อย)
2. มาจาก "นิทานข้างกองไฟในป่า" (เป็นส่วนค่อนข้างมาก)
3. มาจากที่บรรพบุรุษนักเดินป่า เล่าให้ฟังเมื่อตอนยังเป็นเด็กๆ (บางส่วน)
4. คิดสร้างเรื่อง จินตนาการ แต่งขึ้นเอง (เป็นส่วนใหญ่)

ทั้ง 4 องค์ประกอบนี้ เมื่อนำเข้ามารวมกันเข้าแล้ว ก็แน่นอนที่สุดว่า เรื่องราวที่จะเขียนขึ้น มันต้องแตกลูกแตกหลานไปได้ไกล…. อย่างน้อยก็ไกลเท่ากับความยาว ของเรื่อง ถ้าท่านอ่านโดยละเอียดมาแต่ต้น ก็จะแบ่งความรู้สึกได้เป็นสองลักษณะ คือในตอนต้นๆ นั้น เป็นศิลป์ในการเดินป่า, การยังชีพอยู่ในป่า และหลักการล่าสัตว์ ซึ่งมันเป็นหลักการแห่งความจริงทั้งหมด ที่อาศัยนำมาปูเป็นพื้นฐานก่อน ต่อมาก็เริ่มจะเป็นเรื่องราวที่ลี้ลับพิสดารขึ้น ตามลำดับ ซึ่งก็มาจากนิทานข้างกองไฟในป่านั่นเอง ผนวกกับคิดแต่งจินตนาการขึ้นดังได้เรียนแล้ว



มีภาคเกี่ยวกับ "แฟนตาซี" อยู่ภาคหนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องราวของ นิทรานคร อันเป็นอาณาจักรที่ถล่มทลายแล้ว โดยไม่สามารถจะบอกถึงอายุของมันได้ ว่านครแห่งนี้เกิดขึ้นเมื่อใด ยุคใด สมัยไหน และก็ได้ผูกขึ้นให้เป็นเรื่องราวอัศจรรย์ ดังได้ปรากฏอยู่ในท้องเรื่อง สาเหตุก็มาจากที่ครั้งหนึ่ง ผมได้นำคนอเมริกันเข้าไปสำรวจถิ่นมนุษย์หินเมืองกาญจน์ ทางเขาเขียวด้านหลัง ของน้ำตกเอราวัณเข้าไป (ดังเคยกล่าวมาแล้ว) ยอดเขาที่ผมนำฝรั่งไต่ขึ้นไปสูงกว่าระดับน้ำทะเลตามลำดับ ลูกแล้วลูกเล่านั้น แต่ละลูก มีป่าซ้อนป่า มีเขาซ้อนเขา มีทุ่งซ้อนทุ่ง คือเราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า เหนือยอดเขาลูกนั้นลูกนี้ ที่บ่ายหน้าไต่ขึ้นไปนั้น มันจะมีสภาพเป็นป่าฟื้นที่โล่งกว้างไกล ไม่ผิดอะไรกับป่าชั้นล่างที่ผ่านมาแล้ว จนทำให้เราลืมไปเสียแล้วว่า ก่อนที่เราจะมาพบป่าใหญ่เข้าอีกนั้น เราได้ไต่ระดับขึ้นมาช่วงหนึ่งแล้ว ครั้นพอทิ้งระดับเดิม เริ่มไต่ต่อไปอีก พอสุดทางของมันก็ไปพบทุ่งโล่งและดงทึบเข้าอีก เป็นอยู่เช่นนี้ นับครั้งไม่ถ้วน



และเป้าหมายแหล่งสุดท้ายนั้นเอง ผมได้ไปพบเข้ากับบริเวณเนินเขาอันกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง มีพยานวัตถุหลงเหลืออยู่ให้เห็นถึงสภาพที่เคยเป็นอาณาจักรอันรุ่งเรืองมาก่อน ลักษณะของมันมีคูเมือง มีตัวเมือง มีปราการสิ่งก่อสร้าง ซึ่งส่วนใหญ่จมหายไปใต้พื้นดินบางส่วน อันเป็นลักษณะกำแพงเมืองและสิ่งก่อสร้าง ลักษณะป้อมค่าย มันผุดโผล่ขึ้นมาให้เห็น เป็นบ้านเมืองของใครในสมัยไหน ผมก็ไม่อาจเดาได้เหมือนกัน



ระหว่างที่พวกฝรั่งกำลังเพียรพยายามที่จะหาเครื่องมือเครื่องใช้ในยุคสมัยหิน โดยไม่สนใจกับอาณาจักรร้างที่พบนั้น ผมก็พิจารณาพิเคราะห์ไปอีกลักษณะหนึ่ง ผมไม่สนใจเรื่อง "ขวานหิน" หรือซากเรือโบราณ ที่พบอยู่ในถ้ำบริเวณใกล้เคียงกัน อันแสดงให้เห็นว่า เป็นสมบัติของมนุษย์ยุคหิน แต่ผมกลับสนใจในอาณาจักรรกร้างลักษณะประหลาด ที่ไปพบเห็นจมดิน อยู่บนเนินเขากว้างใหญ่ลูกนั้น ตั้งคำถามว่า มันเป็นอาณาจักรอะไร ในยุคสมัยใดกันแน่ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ไม่เคยบันทึกไว้ก่อน ผู้คนที่จะผ่านไปมาในละแวกนี้ ก็ยากนักที่จะมีได้ นอกจากกะเหรี่ยงเดนตาย ที่หาของป่าเพียงไม่เกินสองสามคน ที่เคยหนีโขลงช้างดุ เตลิดพลัดเข้ามาติดอยู่ในบริเวณนี้โดยบังเอิญ ไม่มีร่องรอยของมนุษย์หรือชาวป่าอื่นใด จะใช้เป็นเส้นทางผ่านไปมาเลย เพราะมันเปลี่ยวกันดารจริงๆ



สาเหตุแห่งการพบซากเมืองร้างหาที่มาไม่ได้กลางป่าลึกในครั้งนั้นเอง ทำให้เกิดเรื่องราวของ นิทรานคร และ ผีดิบมันตรัย กับ นางพญาพันธุมวดี ขึ้น ในพ.ศ.นั้น ขณะที่ผมกลับจากป่าออกมาแล้ว กรมศิลปากร (ในยุคนั้น) โวยจะเล่นงานผม หาว่าผมนำฝรั่งเข้าไปดินแดนที่กรมศิลป์ได้สำรวจเอาไว้แล้ว และประกาศเป็นเขตหวงห้ามเอาไว้แล้ว แต่โดยความจริง ผมไม่เคยเห็นราชการส่วนไหนของเรา หรือบุคคลใดโผล่เข้าไปถึงเลย สาเหตุที่เรื่องถูกเปิดเผยออกมา ก็เพราะฝรั่งชุดที่เข้าไปนั้น ดันเอาขวานหินไปให้หนังสือพิมพ์รายวันดู และหนังสือพิมพ์ลงข่าว กรมศิลป์ฯ ในยุคนั้นก็เลยจำเป็นต้องมีบทบาท ทั้งๆ ที่ร้อยวันพันปี (ในยุคนั้น) ไม่มีมนุษย์คนไหนผ่านเข้าไปถึงเลย นอกจากไอ้กะเหรี่ยงที่ชื่อ "ปิ" (เรียกสั้นๆ ว่างั้น) จะเผ่นหนีช้างป่าขึ้นไปติดอยู่ในถ้ำ บนซอกหน้าผา และไปพบเรือกับขวานหินโบราณเข้า และ "กะเหรี่ยงปิ" นี่แหละ ที่เป็นคนนำทางขึ้นไป ผมไม่ใช่ผู้นำทาง แต่ทำหน้าที่เป็นพรานคุ้มกัน เท่านั้น



ทุ่งใหญ่นเรศวร หรือ เซซาโว่ อันเป็นป่าที่ยังอุดมสมบูรณ์อยู่นั้น ครั้งหนึ่งเมื่อสิบกว่าปีมาแล้ว คณะนายตำรวจทหารชุดหนึ่ง ได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ไปปฏิบัติภารกิจลับอยู่ที่นั่น (ผมว่าไปตามเนื้อข่าว) ในครั้งนั้น เพื่อนนายตำรวจคนหนึ่งโทรศัพท์มาชวนผม แต่ก็โชคดีเหลือเกิน ผมติดธุระเรื่องเขียนหนังสือนี่แหละไปกับเขาด้วยไม่ได้ แล้วพวกเขาก็เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ฮ. ตก ขากระทิง และสรรพสัตว์ป่ากระเด็นออกจาก ฮ.เต็มไปหมด จนเป็นข่าวอื้อฉาว ผมก็ได้แต่ลูบอก รำพึงว่า "อาตมารอดตัวไปทีนึง ที่บังเอิญไม่ได้ไปร่วมกิจกรรมด้วย" ในครั้งนั้น หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ เล่นข่าวใหญ่หลายวันติดต่อกัน มีบางฉบับบอกไว้ละเอียดยิบว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องขึ้น "พนมเทียน" เข้าไปสำรวจดูลาดเลาเอาไว้ก่อนแล้ว และหนังสือพิมพ์ได้ถ่ายภาพของทิวขุนเขาสูงเยี่ยมเทียมฟ้ามาลงในหน้ากระดาษของตน ยืนยันด้วยว่า "นี่ยังไง เทือกพระศิวะ" ของ "พนมเทียน" รอดซวยไปได้แล้วก็เกือบซวยเข้าอีกเหมือนกัน เพราะข่าวนั้น แหล่งข่าวอ้าง ว่า "พนักงานป่าไม้เล่าให้นักข่าวฟังว่า "พนมเทียน" เคยผ่านเข้าไปก่อนแล้ว !"



ถ้าพนักงานป่าไม้เห็นผมเข้าไป (ตามที่ให้ข่าวหนังสือพิมพ์) ผมก็คงตกเป็นผู้ต้องหาไปแล้ว ผมเข้าป่าไหน จะไม่มีใครเห็นผมหรอก เพราะผมไม่นั่ง ฮ.ไป ไม่นั่งแม้แต่รถยนต์ แต่ผมจะเดินอย่างเดียวกับสัตว์ป่าครับ และขณะที่อยู่ในป่า ก็มีชีวิตดำรงอยู่เหมือนสัตว์ป่า ไม่เคยเอาเปรียบมันเลยในทุกวิถีทาง เพียงแต่ใช้ไรเฟิลแทนเขี้ยวเล็บเท่านั้น เพราะไม่มีเขี้ยวเล็บหรืองาอย่างพวกมัน



อีกภาคหนึ่งของเรื่อง เพชรพระอุมา เป็นภาคที่เกิดจากความคิดฝันจินตนาการล้วนๆ โดยสมมติให้เกิด กาลเวลาซ้อนเหลื่อมกัน นั่นคือเหตุการณ์ตอนที่คณะเดินป่า หลงเข้าไปในป่าโลกล้านปี ต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ดึกดำบรรพ์ ประเภทไดโนเสาร์ ต่างๆ อันนี้โกหกกันหนักหน่วงหน่อย



ผมเคยศึกษาเรื่องของโลกสมัยก่อนยุคประวัติศาสตร์มาก่อน เคยมีความรู้เรื่องภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และชีวิตของสัตว์ที่เคยเกิดมาในพิภพโลกนี้เมื่อยุคกว่า 100 ล้านปีขึ้นไป เรียนมาจากตำรา ถ้าจะโกหก ก็แปลว่าตำราได้โกหกไว้ก่อนแล้ว เรามาโกหกตามแนวทางนั้น ก็คงไม่เป็นไร เพราะเรียนมาอย่างนั้น นิสัยใจคอ ชีวิตการเป็นอยู่ของสัตว์โบราณพวกนั้นเป็นอย่างไร นักวิชาการในเรื่องเกี่ยวกับประเภทนี้ เขาก็ระบุบอกไว้ชัดแจ้งแล้ว โบราณชีวศาสตร์ก็เคยร่ำเรียนมา ทำไมผมจะสมมติเหตุการณ์ขึ้นมา ให้เรื่องสนุกไม่ได้ คือ รพินทร์ นำคณะนายจ้างเดินทางหลงหรือข้าม "มิติ" ของกาลเวลา อาจเรียกได้ว่า เกิดขึ้นจากอาถรรพ์ของป่าดงดิบดำ ก็ได้



คนอื่นเดินไม่พบ แต่รพินทร์เดินกลับพบเข้า เพราะเดินข้ามมิติย้อนกลับไปสู่โลกในอดีตกาลย้อนหลังไปไกลโพ้น สาเหตุก็คือความอาถรรพ์ของป่า พยายามป้องกันทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้บ่ายหน้าไปถึงเป้าหมาย (อันลี้ลับ) นั้นได้ จึงบันดาลให้พบเห็นเข้ากับสิ่งต่างๆ ที่มนุษย์คนอื่น (สมมติถ้าพยายามเดินในเส้นทางเดียวกัน) ไม่อาจพบเห็นได้ ใครจะว่าผมโม้เกินกว่าเหตุ ผมก็ต้องยอมรับ



แต่ถึงจะเป็นเรื่องโกหกสมมติขึ้น ผมก็ไม่พยายามที่จะฉีกห่างตำราเรียนมาเกาะติดแจเลย มีคนนึกสนุกร่วมช่วยสนับสนุนในการโกหกของผมให้ดูสมจริงสมจังขึ้นอีกด้วย ท่านผู้นั้นคือ "ท่านมุ้ย" หรือ ม.จ.ชาตรี เฉลิมยุคล นักธรณีวิทยา ซึ่งโยนตำราเกี่ยวกับธรณีวิทยา และซากฟอสซิล ให้แก่ผมหลายเล่ม ป่านนี้ท่านคงจะลืมไปแล้ว ว่าได้ทรงประทานตำราที่ร่ำเรียนมาอะไรบ้าง ให้แก่ผมไว้บ้าง ขณะที่ประทานให้ ก็ไม่ได้บอกว่าให้ยืม แต่ทรงยื่นส่งให้เฉยๆ ผมก็ถือว่าเป็นการประทานให้เลย ก็ขอขอบพระทัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย หม่อมเจ้าองค์นี้ ทรงศึกษามาทางธรณีวิทยาแท้ๆ แต่ไหง๋ถึงกลายมาเป็นนักถ่ายภาพยนตร์มือหนึ่งของประเทศไทยไปก็ไม่ทราบเหมือนกัน
และท่านก็บอกกับผมว่า "ม.ร.ว.หญิงดารินฯ มีตัวจริงนะ"
ผมถามว่า "มีจริงอยู่ที่ไหนล่ะ กระหม่อม ?"

ท่านก็รับสั่งปนสรวลว่า "อยู่ในบ้านผม ลูกสาวผมเอง ชื่อ ม.ร.ว.ดาริน"



ผมก็เพิ่งจะมาถึงบางอ้อ ในกรณีที่ว่า ราชสกุลในชั้นหม่อมราชวงศ์ มีนามว่า ม.ร.ว.หญิง ดารินฯ นั้น เกิดมีตัวจริงขึ้นจริงๆ นั่นแหละ ป่านนี้คงโตเป็นสาวใหญ่แล้ว ตอนที่ทรงบอกกับผมนั้น อายุแค่ 5-6 ขวบเอง/




ติดตามอ่านอินไซด์ เพชรพระอุมา ตอนต่อไปได้ในลำดับถัดไป


















ขอขอบคุณ "พนมเทียน" เจ้าของผลงาน "เพชรพระอุมา"

ขอขอบคุณ ณ บ้านวรรณกรรม ผู้จัดพิมพ์วรรณกรรมเรื่องนี้

ขอขอบคุณ ห้องสมุดคอลฟิลด์เพื่อคนตาบอด
มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์
ผู้จัดทำเป็นหนังสือเสียง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ...เว็บแฟนแท้แท้เพชรพระอุมา และ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ขอขอบคุณภาพจากทุกเว็บที่เกี่ยวเนื่องกับเพชรพระอุมา

ขอขอบคุณเครื่องแต่งบล็อก จากบล็อกชมพร / บล็อกญามี่

และขอขอบคุณ คุณ treetree6969 ผู้จัดทำวิดีโอนี้



สาขา Book Blog


ร่มไม้เย็น ค่ะ




Create Date : 10 ตุลาคม 2556
Last Update : 10 ตุลาคม 2556 10:00:40 น. 0 comments
Counter : 3464 Pageviews.

ร่มไม้เย็น
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 127 คน [?]







เริ่มเขียน Blog เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ.2551


เริ่มนับจำนวนผู้เข้าเยี่ยม เมื่อเวลา 18.15 น.



Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2556
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
10 ตุลาคม 2556
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ร่มไม้เย็น's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.