....OUR FAMILY'S JOURNEY....
ภูหินร่องกล้า - ภูทับเบิก (ไปนอนนับดาวที่เขาค้อ ตอนจบ)




ภูหินร่องกล้า - ภูทับเบิก
(ไปนอนนับดาวที่เขาค้อ ตอนจบ)



9 พฤศจิกายน 2008
ออกจากน้ำตกแก่งโสภาเมื่อตอนเที่ยงครึ่ง ไปที่สามแยกบ้านแยง แล้วเลี้ยวขวาเข้าตำบลบ้านแยง ซึ่งเส้นทางนี้จะผ่านนครไทย ระยะทาง 29 กม. และสามารถทะลุไปอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลยได้

ตามข้างทางจะพบชาวไร่เขาเริ่มปลูกต้นยางพารา และสับปะรดกันหลายที่ คล้ายๆกับแถวเมืองเลย การเกษตรสมัยใหม่คงให้คำตอบชาวไร่ ชาวสวนได้แล้วกระมังว่า พื้นที่ที่สามารถปลูกยางพาราได้ คงไม่ใช่เฉพาะทางภาคใต้เหมือนแต่ก่อน..





ไร่นาตามเส้นทาง นครไทย-ภูหินร่องกล้า





ก่อนถึงอำเภอนครไทยเราเลี้ยวขวาออกไปตามป้ายที่ชี้บอกว่า ด่านซ้ายและภูหินร่องกล้า พอขับไปถึงสามแยก เราเลี้ยวขวาอีกครั้งเพื่อไปอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ระยะทาง 28 กม. จะเจอด่านเก็บเงินก่อนเข้าเขตอุทยานฯ โดยค่าเข้าชมคนละ 40 บาท รถเล็กอีกคันละ 30 บาท แล้วขับขึ้นเขาไปเรื่อย จะเจอที่จอดรถที่ลานหินแตกเป็นแห่งแรก หลังจากนั้นก็ขับตามป้ายบอกทางไปเรื่อยๆ เลือกแวะเอาตามใจชอบครับ





อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า






อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า
อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ตั้งครอบคลุมพื้นที่รอยต่อของสองจังหวัด คือ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย และอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ภูหินร่องกล้าเป็นพื้นที่อันเป็นแหล่งกำเนิดของประวัติศาสตร์ การสู้รบอันยาวนานเป็นวีรกรรมของนักรบไทย ความขัดแย้งของลัทธิและแนวความคิดที่นำไปสู่ความสูญเสีย เลือด ชีวิตและน้ำตา ภาพประวัติศาสตร์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ณ ที่นี้ ตลอดจนสภาพสิ่งก่อสร้างในอดีตจะถูกบันทึกเก็บรักษาไว้ เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ทำการศึกษาถึงผลของการใช้กำลังเข้าประหัตประหาร ความสูญเสียที่ประเมินค่ามิได้ อันเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการเมืองความแตกแยก ความสามัคคีของคนในชาติ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า มีเนื้อที่ประมาณ 307 ตารางกิโลเมตร หรือ 191,875 ไร่





บ้านพักบริเวณที่ทำการอุทยานฯ





ประวัติความเป็นมา
ในปี พ.ศ. 2511-2515 เทือกเขาหินร่องกล้านี้เคยเป็นฐานที่มั่นใหญ่ของการเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์ ทำให้เกิดปัญหาความมั่นคงทางการเมืองขึ้น ในกลางปี พ.ศ. 2525 ทางราชการทหารจึงได้เปิดยุทธการภูขวาง โดยจัดกองพลผสมจากกองทัพภาคที่ 1 , 2 , 3 กรมการบินศูนย์สงครามพิเศษทหารเรือทหารอากาศ ตำรวจ และพลเรือน เข้าปฏิบัติการยึดภูหินร่องกล้า ทว่าไม่สำเร็จเพราะสภาพพื้นที่ไม่อำนวย เนื่องจากภูหินร่องกล้าตั้งอยู่กลางเทือกเขาสูงชันและสลับซับซ้อนเป็นป่ารกทึบ

ต่อมากองบัญชาการทหารบกได้เปลี่ยนแผนยุทธการในการปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ โดยใช้นโยบายที่66/2523 และคำสั่งที่ 65/2525 กองทัพภาคที่ 3 และทหารหน่วยผสม พลเรือน ตำรวจทหารที่ 3 (พตท. 33) ซึ่งนำโดย พันเอกไพโรจน์ จันทร์อุไร ผู้อำนวยการ พตท.33 ได้นำนโยบายใหม่นี้เข้าปฏิบัติการจนประสบความสำเร็จได้รับชัยชนะ โดยไม่เสียเลือดเนื้อแม้แต่น้อย บรรดาชาวบ้านและมวลชนของ ผกค. ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวเขาเผ่าม้ง (แม้ว) ได้กลับใจไม่ให้ความร่วมมือกับ ผกค. และเข้ามอบตัวกับทางราชการ ส่วนแกนนำได้ละทิ้งฐานที่มั่นไป

จากนั้น พตท. 33 จึงได้เริ่มพัฒนาพื้นที่แห่งนี้โดยทำการตัดถนนผ่านใจกลางภูหินร่องกล้าและ พตท. 33 ได้มีหนังสือด่วนมากที่ สร.4001(301)/324 ลงวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2526 ให้กองทัพภาคที่ 3 และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 พิจารณาร่วมและประสานกับกรมป่าไม้ เพื่อพิจารณาจัดตั้งบริเวณหินร่องกล้าเป็นอุทยานแห่งชาติ







ที่กางเต้นท์ใต้สวนสน







กองอุทยานแห่งชาติได้เสนอกรมป่าไม้ มีคำสั่ง ที่ 196/2526 ลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2526 ให้นายชุมพล สุขเกษม นักวิชาการป่าไม้ 5 นายไมตรี อนุกูลเรืองกิตต์ เจ้าพนักงานป่าไม้ 3 นายมาโนช การพนักงานนายช่างโยธา 3 ไปดำเนินการหาสำรวจข้อมูลบริเวณภูหินร่องกล้า ผลการสำรวจสรุปได้ว่า เป็นพื้นที่ ๆ สภาพภูมิประเทศและทิวทัศน์สวยงาม เป็นป่าต้นน้ำลำธาร และมีเอกลักษณ์ทางธรรมชาติ ที่เป็นจุดเด่นหลายแห่ง เช่น ลานหินแตก ลานหินปุ่ม ประกอบกับเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ของการสู้รบระหว่างกองทัพแห่งชาติกับคอมมิวนิสต์ มีความเหมาะสมจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติได้






ต้นเฟิร์นตามทางเดินไปลานหินปุ่ม






กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ ได้นำเสนอคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ มีมติในคราวประชุมครั้งที่ 1 /2526 เมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ.2526 เห็นสมควรให้ออกพระราชกฤษฎีกากำหนดพื้นที่ป่าภูหินร่องกล้าให้เป็นอุทยานแห่งชาติ โดยได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณป่าภูหินร่องกล้า ท้องที่ตำบลบ่อโพธิ์ ตำบลเนินเพิ่ม ตำบลบ้านแยง อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก และตำบลกกสะท้อน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ให้เป็นอุทยานแห่งชาติในปี พ.ศ. 2527 โดยได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 101 ตอนที่ 96 ลงวันที่ 26 กรกฎาคม 2527 นับเป็นอุทยานแห่งชาติที่ 48 ของประเทศ
(ขอบคุณข้อมูลจาก กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ )






ลานหินแตก






ลานหินแตก
อยู่ห่างจากฐานพัชรินทร์ ประมาณ 300 เมตร ลักษณะเป็นรอยหินที่มีรอยแตกเป็นแนวเป็นร่องเหมือนแผ่นดินแยก รอยแตกนี้บางรอยก็มีขนาดแคบ แต่รากต้นหญ้าชอนไชไปได้ บางรอยก็กว้างพอคนก้าวข้ามได้และบางรอยก็กว้างมากจนไม่สามารถกระโดดข้ามถึง สำหรับความลึกของร่องหินแตกนั้นไม่สามารถจะคะเนได้ ลักษณะเช่นนี้สันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากการโก่งตัวหรือเคลื่อนตัวของผิวโลก จึงทำให้พื้นหินนั้นแตกเป็นแนวนอกจากนี้บริเวณหินแตกยังปกคลุมไปด้วยมอส ไลเคนส์ ตะไคร่ เฟิร์นและกล้วยไม้ชนิดต่างๆ






รอยแยกของหิน






ลานหินแตก






ข้อมูลจากแผ่นป้ายที่ลานหินแตก
ในส่วนที่เป็นธรรมชาติแปลกตา ซึ่งไม่ปรากฏที่ใดในประเทศไทยมาก่อน จากการศึกษาทางธรณีวิทยาพบว่า ภูหินร่องกล้าเป็นเทือกเขาที่มีการเอียงเทของชั้นหินแบบโครงสร้างประทุนคว่ำ มีปลายข้างหนึ่งเอียงลงทางทิศเหนือ และมีรอยเลื่อนขนาบทั้งสองข้าง ทำให้เกิดการโก่งงอ จึงทำให้เกิดรอยแตกสองแนวตั้งฉากกัน การผุพังก็เกิดขึ้น เมื่อ 40 ล้านปีได้เกิดรอยเลื่อนสองข้างของภู เมื่อเทียบดูจะเห็นตรงกลางของภูหินฯยกสูงขึ้น ทางตะวันตกและออกทรุดตัวลง ทางด้านใต้ชั้นหินเคลื่อนที่มากกว่าทางด้านเหนือ การผุพังตามธรรมชาติทำให้เกิดหน้าผาชัน ตามรอยแยกบวกกับกระบวนการทางเคมีฟิสิกส์ของธรรมชาติ ตลอดจนการเกิดน้ำกัดเซาะใต้ดิน จึงเกิดเป็นลานหินแตกขนาดใหญ่ ลึกประมาณ 20 เมตร กว้าง 2-3 เมตร หินในลานหินแตกเป็นหินหน่วยภูพาน ประกอบด้วย หินทราย หินทรายปนกรวด และหินกรวดมน ส่วนใหญ่มักเป็นกรวดที่มีความกลมมาก.






ข้ามรอยแยกของหินด้วยสะพานไม้แบบนี้






ลานจอดรถ ด้านหลังจะเป็นฐานพัชรินทร์







ลานหินปุ่ม
อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 4 กิโลเมตร อยู่ริมหน้าผาลักษณะเป็นลานหินผุดขึ้นเป็นปุ่มไล่เลี่ยกัน คาดว่าเกิดจากการสึกกร่อนตามธรรมชาติของหินทางเคมีและฟิสิกส์ ในอดีตบริเวณนี้ใช้เป็นที่พักฟื้นของคนไข้เนื่องจากอยู่บนหน้าผา จึงมีลมพัดเย็นสบายเหมาะแก่การนั่งพักผ่อน






เส้นทางเดินธรรมชาติไปลานหินปุม






ตามเส้นทางที่เราเดินไปที่ลานหินปุ่มจะเป็นทางวนรอบหากันได้ ถ้าเราวนไปทางขวาจากที่จอดรถไปถึงลานหินปุ่ม ระยะทางประมาณ 1200 เมตร จะพบธรรมชาติที่สวยงาม เช่น ดอกไม้ชนิดต่างๆ หินรูปร่างแปลกๆ และวันนั้นมีสายหมอก (หรือเมฆ) ลอยต่ำๆสวยงามมาก






ภาพนี้ถ่ายผ่านหุบเขาไปที่ผาชูธงซึ่งอยู่คนละสันเขา






หินที่ทางเดินไปลานหินปุ่ม






หินก้อนนี้แปลก คล้ายหัวงูใหญ่






ตามเส้นทางนอกจากจะเจอพันธุ์ไม้ชนิดต่างๆแล้ว เรายังได้เห็นเจ้าหน้าที่เขาทำฝายแม้ว หรือฝายเอนกประสงค์ด้วย อากาศตามทางเดินเย็นสบายดี ประกอบกับมีสายหมอก พัดผ่านยิ่งทำให้น่าเดินยิ่งขึ้น






ฝายแม้ว






ลานหินปุ่ม







จากลานหินปุ่ม เราเดินต่อไปอีก ประมาณ 500 เมตรก็จะถึงผาชูธง ที่นักท่องเที่ยวชอบไปถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกกัน ใกล้ๆผาชูธงจะเป็นหน้าผาสูงชัน มองเห็นเมฆลอยอยู่ด้านล่าง และพัดเข้ากระทบตัวเราที่นั่งพักเหนื่อยในบริเวณนั้น อากาศเย็นสบายแบบนี้น่านั่งพักอ่านหนังสือเล่นที่สุด.







ดอกไม้ป่า






ดอกไม้ป่า







ผาชูธง
อยู่ห่างจากลานหินปุ่มประมาณ 500 เมตร เป็นหน้าผาสูงชัน สามารถเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล โดยเฉพาะภาพวิวพระอาทิตย์ตกดินจะสวยงามไม่แพ้จุดชมวิว อื่นๆ บริเวณนี้เคยเป็นสถานที่ที่ผกค.จะขึ้นไปชูธงแดง (ฆ้อนเคียว) ทุกครั้งที่รบชนะทหารของรัฐบาล






ผาชูธง






ทิวทัศน์ใกล้ๆผาชูธง






ดอกไม้ป่า






จากผาชูธงเราสามารถเดินกลับไปที่จอดรถได้ ระยะทางประมาณ 850 เมตร โดยไม่ต้องย้อนกลับไปทางเดิม ....






เส้นทางเดิน






โรงเรียนการเมือง การทหาร
อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 6 กิโลเมตร มีสภาพเป็นป่ารกทึบหนาแน่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่

ในอดีตเคยเป็นสถานที่สำหรับให้การศึกษาตามแนวทางของลัทธิคอมมิวนิสต์ ในบริเวณโรงเรียนการเมืองการทหาร จะประกอบไปด้วยบ้านฝ่ายพลเรือน ฝ่ายพลาธิการ ฝ่ายสื่อสาร และสถานพยาบาล ส่วนเหล่านี้มีทั้งหมด 31 หลัง เป็นบ้านหลังเล็ก ๆ กระจายอยู่อย่างเป็นระเบียบ






บ้านพักอดีตนักศึกษาจากธรรมศาสตร์






บริเวณบ้านพักอื่นๆ







ภายในบ้านแต่ละหลังจะมีแคร่สำหรับนอน และโต๊ะสำหรับเขียนหนังสือทำด้วยไม้กระดานอย่างหยาบ ๆ เศษข้าวของกระจายอยู่เกลื่อนบางหลังเริ่มผุพังเพราะถูกปล่อยให้ร้าง หลังจากมวลชนทำการมอบตัวแล้ว นอกจากนี้บริเวณตอนกลางของโรงเรียนการเมืองการทหาร มีรถแทรกเตอร์จอดอยู่ 1 คัน ซึ่ง ผกค.ทำการยึดจากบริษัท พิฆเนตร แล้วเผาทิ้งไว้






ลานหินที่ใช้สำหรับการประชุม






รถแทรคเตอร์ที่โดนยึดมา






เลยลงไปจากที่ชาวเขาขายของที่ระลึก จะมีกังหันน้ำ และน้ำตกที่ใสสะอาด สวยงามมาก โดยเดินลงจากถนนไปเล็กน้อย






น้ำตกที่ใช้ปั่นกังหันน้ำ






กังหันน้ำ












การเดินทาง
จากตัวเมืองพิษณุโลก โดยสารรถยนต์ไปตามเส้นทางพิษณุโลก - หล่มสัก ระยะทางประมาณ 68 กิโลเมตร ก็จะถึงสามแยกบ้านแยง แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่อำเภอนครไทย เป็นระยะทาง 29 กิโลเมตร จากนั้นเดินทางต่อโดยรถสองแถว อีกประมาณ 28 กิโลเมตร ก็จะถึงหน่วยบริการประชาชนอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า

ขอทราบรายละเอียดและสำรองที่พักได้ที่งานบริการบ้านพัก ฝ่ายนทนาการและสื่อความหมาย ส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กรมป่าไม้ โทร. 5797223 , 5795734 หรือ โทร.5614292 - 4 ต่อ 724 , 725 หรือติดต่อที่อุทยานแห่งชาติโดยตรง



เราออกจากโรงเรียนการเมืองเพื่อเดินทางต่อไปที่ภูทับเบิก เพื่อชมทิวทัศน์บนยอดเขาที่สูงที่สุดของจังหวัดเพชรบูรณ์ แต่ได้รับข่าวร้ายว่า เส้นทางที่จะไปภูทับเบิกไม่ค่อยดี คือเป็นหลุมลึก เพราะเหตุฝนตกหนัก และกำลังจะปรับปรุง ซ่อมแซมถนนอยู่ มีรถจากเพื่อนนักท่องเที่ยวหลายคันบอกเราว่า อย่าผ่านไป อันตราย ถ้าติดหล่มจะหาคนช่วยไม่ได้

เพื่อความมั่นใจเราเลยหาเพื่อนร่วมเดินทาง แต่ไม่ยักกะมีใครอยากไป เลยเข้าไปคุยกับน้องคนขายของที่ระลึกหน้าโรงเรียนการเมือง น้องเขาบอกว่า "รถ CRV น่ะไม่มีปัญหาหรอก เพราะใต้ท้องรถสูงกว่ารถเก๋งธรรมดา" และเขาก็บอกเราด้วยว่าเมื่อซักครู่รถฮอนด้าแจ๊ส ยังไปเลย

เราตัดสินใจจะไป เพราะถ้ากลับไปทางนครไทย ใช้เวลาเดินทางไกลมาก เป็นร้อยๆ กม. ถ้าเราไปหล่มสักทางนี้จะเหลือระยะทางแค่ห้าสิบกว่า กม.เท่านั้นเอง.... เอา เสี่ยงเป็นเสี่ยง

ขับออกจากโรงเรียนการเมืองถ้าตรงไปจะเป็นหมู่บ้านร่องกล้า เราเลี้ยวขวาไปบ้านทับเบิก ระยะทางประมาณ 28 กม. พอเหลือซัก 10 กม.จะถึงทับเบิก ก็เจอทางชำรุด เป็นหลุมขนาดใหญ่ มีคนเอาดินมาถม แต่เจอฝนเลยกลายเป็นหล่มโคลน เห็นรถเข็นผักสองคันกำลังจะผ่าน เราแซกตัวเข้าตรงกลาง โดยวางแผนว่าถ้าเราติดหล่ม รถผักสองคนนี้คงพอช่วยเราได้บ้าง แต่เราผ่านไปได้ด้วยดี แม้จะทุลัก ทุเรหน่อย แต่ก็ผ่านไปได้...






ภูทับเบิก ดินแดนแห่งความหนาว ที่มีดาวเกลื่อนดิน

ภูทับเบิก เป็นจุดที่สูงที่สุดของเพชรบูรณ์ โดยมีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,768 เมตร เหตุผลที่เรียกภูทับเบิกก็เพราะอยู่ใกล้กับหมู่บ้านม้งทับเบิก ต.วังตาล ซึ่งห่างจากอ.หล่มเก่า 40 กม. และห่างจากตัวจังหวัดเพชรบูรณ์ประมาณ 97 กม.







จุดชมวิวริมถนนก่อนเข้าอุทยานฯภูหินร่องกล้า






ภูทับเบิก มีสภาพภูมิประเทศที่สวยงามด้วยธรรมชาติแบบทะเลภูเขา ป่าไม้ สายหมอก ไอหนาวและอากาศบริสุทธิ์ สภาพภูมิอากาศเย็นสบายตลอดปี เนื่องจากร่องลมเย็นจากเทือกเขาหิมาลัย และอยู่บนที่สูง จึงสามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกลและทะเลหมอกที่มีให้ดูตลอดปีภูทับเบิก

เล่ากันว่า ณ ที่ตรงนี้เวลากลางคืน มองลงไปด้านล่างที่ อ.หล่มเก่า และบ้านผู้คนในพื้นราบ จะเห็นแสงระยิบระยับ คล้ายดาวอยู่บนดิน






จุดชมวิวริมถนนก่อนเข้าอุทยานฯภูหินร่องกล้า






ข้างบนภูทับเบิก มีเต็นท์ที่พักให้เช่า สำหรับผู้ที่ต้องการค้างคืน เพื่อสัมผัสความหนาวเย็น หรือต้องการชมทะเลหมอกตอนเช้า โดยท่านที่ต้องการขึ้นไปพักที่นี่ ต้องเตรียมเสบียง และน้ำให้พร้อมไว้ด้วย เพราะข้างบนยังไม่มีร้านค้าไว้บริการ แต่ไม่มีปัญหาเรื่องห้องน้ำ ห้องท่า ลองค้างที่นี่สักคืนซิครับ เป็นประสบการณ์วิเศษอีกที่หนึ่งที่จะลืมไม่ลงทีเดียว






จุดชมวิวริมถนนก่อนเข้าอุทยานฯภูหินร่องกล้า






ขายผักและของที่ระลึก






ถนนที่ขึ้นมาจากหล่มเก่าที่คลุมด้วยหมอก






ถนนสู่หมู่บ้านทับเบิก






ป้ายภูทับเบิก






วิวจากภูทับเบิก





วิวจากภูทับเบิก






วิวจากภูทับเบิก






วิวจากภูทับเบิก







อากาศที่ภูทับเบิกวันนั้นแม้เวลาของวันยังอยู่ที่ 15 นาฬิกาเศษๆ แต่อากาศเย็นมาก ตรงจุดชมวิวใกล้ๆป้ายภูทับเบิกน่าจะ สิบกว่าองศานิดหน่อย นี่ถ้าตกดึกน่ากลัวว่าจะต่ำกว่าสิบองศาเป็นแน่

นักท่องเที่ยวเริ่มกางเต้นท์ และบางรายก็กำลังติดต่อเต้นท์กันอยู่ เราเองก็อยากจะชมดาวเกลื่อนดินที่นี่เหมือนกัน แต่เวลาไม่อำนวย เลยต้องจากที่นี่ประมาณ 16 นาฬิกา เพื่อเดินทางเข้าหล่มสัก







บริเวณที่กางเต้นท์







แปลงกะหล่ำ






เห็นสวยดีเจอที่ภูทับเบิก







ทางลงจากจุดชมวิวภูทับเบิกถึงพื้นราบสามสิบกว่า กม. ถนนชำรุดเสียส่วนมาก ทางการกำลังทำถนนใหม่ คาดว่าน่าจะแล้วเสร็จในอีกสองปี (ทั้งสาย) ในการขับรถขึ้นภูทับเบิกทางด้านนี้ค่อนข้างลำบาก ต้องใช้ความระมัดระวังมาก ทางที่ดีควรขึ้นทางนครไทย ภูหินร่องกล้าจะง่ายกว่า ตรงจุดที่เป็นหลุม น่าจะซ่อมได้แล้วเสร็จ หลังฝนนี้ (หรือตอนที่เขียนนี้อาจจะซ่อมเสร็จแล้วก็ได้)

เราค่อยๆขับลงเขาด้วยเกียร์ต่ำลงมาเรื่อยๆ แต่ไม่วายหันกลับไปมอง เมฆ หมอกที่ปกคลุมรอบๆยอดภูทับเบิกที่เราผ่านมา ยิ่งเย็นลงอากาศคงหนาวขึ้นเรื่อย รอให้มีเวลา เราจะมานอนสัมผัสความหนาว ดูดาวเกลื่อนดินที่ภูทับเบิกสักครั้ง.....แต่วันนี้ ลาก่อน.



จบบริบูรณ์แล้วครับสำหรับทริบ "ไปนอนนับดาวที่เขาค้อ" ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่นำมาใช้อ้างอิงตลอดทริบนี้ และสุดท้าย ขอขอบคุณทุกท่าน ที่กรุณาเขียนคำติชมฝากไว้ในแต่ละตอน และที่ Guestbook

ถ้าการนำเสนอครั้งนี้มีส่วนหนึ่งส่วนใดผิดพลาดผู้เขียนขอน้อมรับไว้ทั้งหมด และขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วย แต่ถ้ามีส่วนใดเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านบ้าง ผู้เขียนขอมอบผลดีส่วนนั้นสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่านครับ.



อ่านตอนที่ 3 ll


______จบทริบ______










Create Date : 15 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 28 กรกฎาคม 2556 21:55:32 น. 30 comments
Counter : 9288 Pageviews.

 
รูปสวยมากค่ะ ฟ้าสว่างดีจังนะคะ แต่ตอนมีหมอก ก็เป็นหมอกจริงๆกลุ่มใหญ่

ชอบทิวทัศน์ใกล้ๆผาชูธง ดูแล้วสบายตา สบายใจดีค่ะ

ขอบคุณที่พาไปเที่ยวที่ดีๆ ดูรูปอิ่มใจเลยค่ะ


โดย: บี่บี๋ IP: 115.67.91.90 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2551 เวลา:19:23:54 น.  

 
ภาพจุดชมวิวริมถนนก่อนเข้าอุทยานฯภูหินร่องกล้า ภาพแรกงามมาก งามจริงๆ จนอยากทำ wall paper ที่บ้านค่ะ


โดย: บี่บี๋ IP: 115.67.91.90 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2551 เวลา:20:14:30 น.  

 
ขอบคุณ คุณบี่บี๋ที่ตามอ่านทุกบล็อกครับ....... วันที่ไปถ่ายเจอน้องๆที่เป็นทหารมาประจำอยู่ค่ายเรด้าใกล้ๆ เวลาถ่ายเราอยากให้เห็นภาพถนน ลอดผ่านสายหมอก ต้องรอจังหวะ...... คืออยากได้ตัวเองติดตรงช่องว่างน่ะ เลยวานน้องเขาถ่ายให้..... บางครั้งรอนานมาก หมอก (หรือเมฆก็ไม่รู้) คลุมเต็มไปหมด สวยมากๆ..... น้องๆทหารเขาบอกว่า สวยแบบนี้ทุกวันแหละพี่ พวกผมถึงวิ่งออกกำลังกายมาที่นี่ไง.....เห็นแล้วอิจฉาเขาจังครับ.


โดย: wicsir วันที่: 15 พฤศจิกายน 2551 เวลา:20:35:54 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ค่ะ

วันนี้ลองเปิดแต่เช้า ที่คนยังไม่เข้ามาชมมาก ได้เห็นครบทุกภาพแล้วค่ะ สวยสุดใจขาดดิ้น....

ภาพใหญ่ๆ 45 ภาพ ถ้าคนชมมากๆ ก็จะโหลดได้ช้า เสียดายแทนค่ะ

คุณผู้เข้ามาชมคะ ใจเย็นๆนะคะ ภาพชุดหมอกคลุมฟ้า คลอดิน งามจับใจมาก ถ้าคุณชอบ โปรดรอดู ขอยืนยันค่ะ


โดย: บี่บี๋ IP: 115.67.196.198 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2551 เวลา:5:30:17 น.  

 
หวัดดีครับคุณบี่บี๋...

ขอบคุณนะครับที่กรุณาเตือนเรื่องภาพ......เอาออกไปสองภาพแล้วครับ เสียดายก็เสียดาย....ไม่อยากให้โหลดช้าอย่างว่านั่นแหละครับ


โดย: wicsir วันที่: 16 พฤศจิกายน 2551 เวลา:5:45:59 น.  

 
สวยดีครับ


โดย: instrumentman วันที่: 16 พฤศจิกายน 2551 เวลา:6:22:49 น.  

 
ขอบคุณ Instrumentman ครับที่แวะมาชม


โดย: wicsir วันที่: 16 พฤศจิกายน 2551 เวลา:7:24:24 น.  

 
ขอบคุณมากๆค่ะ ที่นำภาพสวยๆ และเรื่องราวรายละเอียดมาเล่าสู่กันฟังมากมาย
สนุกดีค่ะ ภาพถ่ายสวยดิบๆดี ชอบที่ไม่แต่งภาพ (คงไม่ได้แต่งเน๊อะ!! ดูไม่ค่อยเป็นหรอกค่ะ แต่รู้สึกได้ มันคล้ายๆ เหมือนไปยืนถ่ายเอง (อิน)
ขอภาพทับเบิกเพิ่มได้มั๊ยค่ะ? ไม่ต้องวิวก็ได้ แต่เป็นวิถีชีวิต หรือ เด็กๆแถวนั้น
และ คราวหน้าขอภาพดาวที่ท้องฟ้าทับเบิกนะคะ...
Thanks!!!


โดย: มะฮอกกานี IP: 118.172.243.79 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2551 เวลา:13:25:05 น.  

 
หวัดดีครับ มะฮอกกานี...

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ....ภาพดิบๆครับถูกต้องแล้ว สิ่งที่ทำเพิ่มคือแปะชื่อ และย่อภาพเพื่อโพสน่ะ.... อาศัยเป็นมุมที่ชอบ เลยเอามาลง เผื่อท่านผู้อ่านอินด้วยน่ะครับ..

ถ้ามีโอกาสจะเก็บภาพแบบที่คุณมะฮอกกานีมารีวิวให้ครับ.... ต้องยอมรับว่า วันที่ไปทับเบิกสวยได้ใจจริงๆครับ


โดย: wicsir วันที่: 16 พฤศจิกายน 2551 เวลา:15:34:07 น.  

 
ภาพสวยมากครับใ


โดย: น้องเล็กสุด GPP IP: 211.24.238.2 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2551 เวลา:17:51:36 น.  

 
สวัสดียามค่ำค่ะ

ภาพสวยมากเลยค่ะ ดูมีเมฆหมอกลอยวน สงสัยอากาศจะดีมากแน่ๆเลย

ได้ยินชื่อภูทับเบิกก้อหนาวแล้วค่ะ

ไม่ใช่อากาศน๊า แต่เป็นเส้นทางขึ้นที่คดเคี้ยวเลี้ยวลดตะหาก กว่าจะถึงเล่นเอาแทบอ๊อกอ่ะค่ะ

หนำซ้ำใช้เวลาเดินไป-กลับเพื่อชม ลานหินปุ่มกะผาชูธงได้สำเร็จเกือบสองช.มแน่ะ

งานนี้คนหนักไม่เอา เบาสู้อย่างnLatteเลยเข็ดเลยอ่ะค่ะ

ราตรีสวัสดิ์นะคะ


โดย: nLatte วันที่: 16 พฤศจิกายน 2551 เวลา:20:18:43 น.  

 
หวัดดีครับ nLatte.....
เดินที่ลานหินปุ่มได้พลังดีออก อากาศก็ดี ถึงระยะทางจะไกล.... สนุกดีครับ
ขอบคุณที่แวะมาทักทายครับ


โดย: wicsir วันที่: 17 พฤศจิกายน 2551 เวลา:7:34:21 น.  

 
รูปสวยอีกแล้วครับ

เมื่อต้นปีไปมา ไม่ได้แวะภูหิน
เลยไปทับเบิกเลยครับ

กะหล่ำก้ไม่ได้ดู เพราะตัดหมดเเล้วอะ

อยากไปอีกจัง แต่ไม่มีเวลาแล้วอะ

Photobucket


โดย: chalawanman วันที่: 17 พฤศจิกายน 2551 เวลา:17:02:48 น.  

 
ขอบคุณ Chalawanman ที่แวะมาเยี่ยมครับ


โดย: wicsir วันที่: 17 พฤศจิกายน 2551 เวลา:20:35:59 น.  

 
บรรยากาศดีมากเลยครับ

น่าไปพักผ่อนหน้าหนาวนี้จัง


โดย: DAN_KRAB วันที่: 22 พฤศจิกายน 2551 เวลา:23:16:55 น.  

 
หวัดดี DAN_KRAB..

อากาศดีมาก แต่ตอนนี้ทางขึ้นไม่ค่อยดี ต้องขับแบบระวังหน่อยนะครับ


โดย: wicsir วันที่: 23 พฤศจิกายน 2551 เวลา:7:30:02 น.  

 
ตอนเราไปกะหล่ำไม่สวยเท่านี้ค่ะ มีแต่โทรม โทรม


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 2 ธันวาคม 2551 เวลา:13:55:00 น.  

 
ผมอาจจะโชคดีกว่าน่า....


โดย: wicsir วันที่: 2 ธันวาคม 2551 เวลา:15:19:27 น.  

 
สวัสดีค่ะ

ภาพที่มีเมฆ งามสุดซึ้ง...
ณ เวลานั้น โลกหยุดหมุน.. หยุดเคลื่อนไหวหรือไม่หนา....
ท่ามกลาง หมอกสลัวลาง..คงสบายกายมากๆ...น่าจะเย็นไปถึงใจ
คนใดทุกข์ใจ ขมขื่นใจ...น่าจะได้มา ล้างใจ...กับที่แห่งนี้นะคะ...

เก็บดอกไม้ป่ามารวม...เกสรสุคันธมาเลศ
ไร้แก้วเกดพิกุลแกมกับกาหลง
ณ พนัสพนมไพรพนาพงดงเขา..ภูทับเบิก
ไม่ยอมเลิก..สะสรงเสาวคนธวารีที่ฝายแม้ว...

เย็นกายเย็นใจ....ดีจังเลยค่ะ...ขอบคุณค่ะ


โดย: สมใจ IP: 203.144.187.19 วันที่: 6 ธันวาคม 2551 เวลา:16:03:56 น.  

 
ขอยคุณ คุณสมใจมากๆ สำหรับคำชมและคำแนะนำดีๆ..


โดย: wicsir วันที่: 11 ธันวาคม 2551 เวลา:19:51:03 น.  

 
ดีจังเลยพี่มีรายละเอียดภูหินร่องกล้าอย่างสมบูรณ์...เปิ้ลจะขออนุญาตลิงค์เว็บพี่ไปวางที่สเปซเปิ้ลนะค่ะ...เปิ้ลไปกับลูก ๆ ทั้งสอง ช่วง 7-10 ธ.ค.51 ค่ะ...เปิ้ลและลูก ๆ มาดูที่บล็อกพี่ แล้วอินเลยนะเนี่ย..พี่ค่ะลูกชายอยากได้รูปรถแทรกเตอร์ค่ะ เราอยากอ่านรายละเอียดในป้ายกันค่ะ พี่ย่อรูปเลยคลิกอ่านไม่ได้ค่ะ ..เปิ้ลไม่ได้เดินดูละเอียดเพราะใกล้มืด..แล้วมันก็วิเวกวังเวงชอบกลค่ะ อิอิ ส่งให้ทางเมล์ก็ได้นะค่ะ..ขอบคุณพี่ชายใจดีค่ะ


โดย: Pleja IP: 222.123.201.219 วันที่: 15 ธันวาคม 2551 เวลา:20:04:23 น.  

 
หวัดดีเปิ้ล...ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ
ที่จริงบรรยกาศแบนั้น แถวๆภูพานสกลนครก็มีนะ คือถ้ำเสรีไทย แต่ไม่ได้เก็บภาพไว้ ถ้าเผื่อผ่านไปจะถ่าย และค้นรายละเอียดมาเล่าให้เพื่อนๆฟัง.....

เวลาเราเขียนบล๊อก เราก็อยากให้คนเข้ามาอ่านได้อะไรติดตัวกลับไปบ้าง บางครั้งดูเหมือนเราจะรู้ แต่จริงๆแล้วเราไม่รู้ไง.... เลยอยากทำบล๊อกให้แปลกๆบ้างน่ะ.


โดย: wicsir วันที่: 15 ธันวาคม 2551 เวลา:22:34:30 น.  

 
พี่ค่ะ...เมล์รูปแทรกเตอร์ให้เปิ้ลด้วยนะค่ะ ขอขนาดไฟล์ใหญ่หน่อยนะค่ะ อยากอ่านข้อความตรงป้ายหน้ารถแทรกเตอร์ค่ะ..ขอบคุณมากจ้า


โดย: Pleja IP: 114.128.127.103 วันที่: 16 ธันวาคม 2551 เวลา:20:33:24 น.  

 
หวัดดีเปิ้ล.... ที่จริงวันนี้ว่าจะส่งให้แล้วหละ แต่คอมตัวตั้งโต๊ะที่บ้านดันเสีย เลยส่งซ่อมอยู่ เขาโทรมาบอกแล้วว่าซอมเสร็จ..

พรุ่งนี้ละกันครับ.


โดย: wicsir วันที่: 16 ธันวาคม 2551 เวลา:21:23:11 น.  

 
แวะมาเอาลิงค์เว็บพี่ไปวางที่สเปซเปิ้ลค่ะ...ขอบคุณมากจ้า


โดย: Pleja IP: 117.47.98.40 วันที่: 24 ธันวาคม 2551 เวลา:23:01:45 น.  

 
OK...krub.


โดย: wicsir วันที่: 25 ธันวาคม 2551 เวลา:16:30:23 น.  

 
สวยมากๆเลยค่ะ....
ถ่ายรูปมาสวยมากเห็นแล้วอยากไปอีกจังเลย....
แต่กลัวความหนาวสุดๆๆเลย.....


โดย: คนชุมแสง วันที่: 2 มกราคม 2552 เวลา:8:49:42 น.  

 
ขอบคุณคนชุมแสงที่แวะเข้ามาเยี่ยมครับ....


โดย: wicsir วันที่: 5 มกราคม 2552 เวลา:9:23:44 น.  

 
ตามมาเที่ยวค่ะ.... สวยมาก ๆ ค่ะ อยากไปจังเลยค่ะ


โดย: largeface วันที่: 12 มกราคม 2552 เวลา:15:33:18 น.  

 
ถ้าเป็นนักนิยมความหนาว ตอนนี้กำลังได้ที่ครับ น่าจะต่ำกว่า 10 องศาครับ.... ทับเบิก.. น้ำหนาว ... เขื่อนจุฬาภรณ์... ภูเรือ... น่าเที่ยวทั้งนั้นครับ.

ขอบคุณ largeface อย่างมากที่ตามอ่านเรื่องราวในบล๊อกครับ.


โดย: wicsir วันที่: 12 มกราคม 2552 เวลา:19:36:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wicsir
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]











...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......


อยากจะบอกว่า

@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว

@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.

@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...


ด้วยจริงใจ
นาย wicsir.




Rec. 11.06.08
New Comments
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
15 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add wicsir's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.