....OUR FAMILY'S JOURNEY....
แลลาว & ซินจ่าวเวียตนาม (ซินจ่าวเวียตนาม..2010...ตอนที่1)




(ซินจ่าวเวียตนาม..2010.. ตอนที่ 1)




อ่านตอนที่ 2 : ที่นี่





4 กันยายน 2010

มีโอกาสได้ไปเยือนเวียตนามกลางอีกครั้ง โดยครั้งนี้ไปเป็นกรณีพิเศษติดตามคุณแฟนไปสัมนาที่มุกดาหารและซื้อทัวร์จากโรงแรมเข้าไปในเวียตนาม ซึ่งเป็นการเดินทางโดยรถยนต์

เราเคยไปแบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อเดือน พฤษภาคม 2007 ซึ่งเป็นการไปกับทัวร์เช่นกัน แต่คราวนั้นใช้เวลาอยู่ในเวียตนาม 3 คืนกับ 4 วัน (อ่านได้ที่บล๊อกนี้).... ส่วนคราวนี้ เขามีเวลาไม่มากนัก แค่ 2 คืนกับ 3 วัน.... เราอยากกลับไปดูแถบนั้นอีกครั้ง เพื่อดูความเปลี่ยนแปลง หลังจากเวลาผ่านไป 4 ปี..

บล๊อกนี้ขอพาคุณๆเดินทางไกลกับเรา โดยใช้เส้นทางหมายเลข 9 ในลาวจนถึงเวียตนาม หรือเดี๋ยวนี้เป็นเส้นทางสายเอเชีย AH16..










สะพานมิตภาพไทย-ลาว 2








ออกจากโรงแรมก็ประมาณ 0820 น. โดยที่มีรถปรับอากาศจากฝั่งลาวเข้ามารับที่โรงแรมพลอยพาเลซ เป็นรถปรับอากาศอย่างดีแบบที่เราท่านเคยใช้บริการเมื่อเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศ.... ขนาด 45 ที่นั่งคันใหญ่เป็นรถฮุนได แต่นั่งสบายเพราะไม่ได้แบ่งส่วนใดไปทำห้องน้ำเหมือนบ้านเรา อุปกรณ์ที่ติดบนรถเป็นจอทีวีแบบ LCD ประมาณ 32 นิ้วรับระบบ HD ได้ด้วย ต่อสายเข้ากับ Note book เพื่อเล่นคาราโอเกะ อันนี้หลายๆคนชอบ เพราะร้องคาราโอเกะได้ตลอดทาง..










ที่ด่าน ตม. ไทยมุกดาหาร








ออกจากเมืองมุกดาหาร รถพาเราวิ่งขึ้นทางเหนือ ก่อนจะเลี้ยวขวาเข้าด่าน ตม. ของไทย ตรงนี้เขาให้เราลงเดินผ่านด่านข้ามไปขึ้นรถอีกฝั่ง.... คุณๆควรจะเตรียมตัวให้ดี ถือสัมภาระแต่พอเหมาะ เพราะส่วนใหญ่ (พวกกระเป๋า) เราเอาไว้บนรถได้ พาสปอร์ต ถ้าเราไปเองก็ต้องไปผ่านพิธีการ แต่สำหรับวันนี้เจ้าหน้าที่ทัวร์จัดการให้เราหมด....

ที่ข้างๆ ตม. มีที่ฝากรถด้วย ราคาก็ตกวันละ 100 บาทต่อคัน สถานที่ฝากรถมุงหลังคาอย่างดี น่าจะปลอดภัย คงเหมาะสำหรับคุณๆที่ขับรถไป และอยากข้ามไปเที่ยวสะหวันะเขตหรือต่อรถเข้าดานังเอง










แม่น้ำโขง ถ่ายขณะรถผ่านสะพาน











เลียบแม่น้ำโขงฝั่งลาว






แลลาว

ที่ประเทศลาวเวลาทักทายกันเขาจะใช้คำว่า "สะบายดี" ซึ่งตรงกับบ้านเราว่า "สวัสดี" ..... ส่วนการกล่าวขอบคุณ เขาจะใช้คำว่า "ขอบใจ"


ผ่านด่านไทย รถก็สลับเลนส์เป็นวิ่งเลนส์ขวาก่อนขึ้นสะพาน และต้องไปลงรถที่ ตม.ลาวอีกครั้ง คราวนี้ต้องลากกระเป๋าและถือ passport ผ่านด่านด้วย เขาจะมี CCTV คอยดูอยู่ เจ้าหน้าที่ก็จะคอยตรวจ passport อีกที....ส่วนรถก็จะถูกตรวจค้นโดยเจ้าหน้าที่ลาว ก่อนที่จะผ่านด่านไปรับเราหลัง ตม. กระบวนการทั้งสองด่าน ใช้เวลาร่วมๆ 1 ชั่วโมง....

ตามข้อบังคับในการไปท่องเที่ยวลาว เราต้องจ้างไกด์ลาว 1 คนสำหรับรถ 1 คัน... เคยเช่ารถตู้ไปเที่ยวปากเซ เราต้องจ่ายวันละ 500 บาทสำหรับไกด์ ตรงนี้คงไม่ต่างกัน ส่วนกำหนดการเข้าเวียตนามนั้น บริษัทท่องเที่ยวทางเวียตนามจะเป็นคนจัดคิวให้ทั้งหมด ไม่ว่าร้านอาหาร โรงแรมที่พัก อันนี้ขึ้นอยู่กับราคาทัวร์ครับ










ตม. ที่สะหวันนะเขต






หลังจากที่ไกด์เราซึ่งเป็นสาวสะหวันนะเขต ที่สามารถพูดได้ทั้ง ไทย ลาว และเวียตนามด้วย ได้ขึ้นมาบนรถและแนะนำตัวว่าเธอชื่อจิราภรณ์ (น่าจะเขียนว่า จิลาพอน นะ..) ชื่อเล่นเธอว่าจี้ เธอจบการศึกษาจาก วิทยาลัยสร้างครูสะหวันนะเขต (อันนี้ถามเอาภายหลัง เพราะเธอไม่บอก) ดูเธอจะทันลูกเล่นของทัวร์ไทยเลยล่ะ...










รถเราเป็นแบบนี้







การเดินทางผ่านเส้นทาง หมายเลข 9 นี้จะผ่านแขวง (จังหวัด)เดียวของลาวคือสะหวันนะเขต ซึ่งปัจจุบันเมืองนี้พัฒนาไปมาก มีบ่อนคาสิโน "สะหวันเวกัส" ตั้งอยู่ที่นั่น ซึ่งแน่หละลูกค้าส่วนมาก ก็คนไทยนี่แหละ... จะว่าไปแล้วบ่อนคาสิโนเกิดขึ้นรอบๆบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นเกาะสอง สามเหลี่ยมทองคำ ปากเซ เก็นติ้งไฮแลนด์มาเลย์เซีย ปอยเปต หรือแม้แต่สิงคโปร์ คนที่ไปเล่นส่วนมากก็คือไทย อันนี้ไม่รู้ว่าผู้ใหญ่บ้านเราเขากำลังกระจายรายได้สู่เอเชียหรือเปล่าน๊า เสียดายเงินที่ออกไป น่าจะคิดต่างจากเดิมนะ???

เราต้องนั่งรถผ่านถนนสายนี้อีก 245 กม. เพื่อไปเข้าด่านเวียตนามที่ ลาวบาว ซึ่งต้องใช้เวลา 3 ชั่วโมงเศรษๆ ขณะที่รถวิ่งไป ปกติไกด์ลาวจะสาธยายถึงเรื่องลาวของเมืองต่างๆที่ถนนสายนี้ผ่าน รวมทั้งแขวงสะหวันนะเขตนี้ด้วย...

สำหรับ Back packer จะมีรถโดยสารแบบเดียวกับที่เรานั่ง และแบบไม่ปรับอากาศ วิ่งประจำทางจาก ปากเซ - ดานัง และ ปากเซ - เว้ ด้วย ส่วนราคาและเวลา ลองเช็คดูเองนะครับ.











ขึ้นรถได้ก็เริ่มร้องเพลงกัน







ข้อมูลประเทศลาวโดยสังเขป

ศาสนา ประชาชนลาวมากกว่าร้อยละ 90 นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท เหมือนกับไทย และถือปฏิบัติอย่างเคร่งคัด อีก 10% ที่เหลือนับถือศาสนาคริสต์ และอิสลาม โดยเฉพาะศาสนาคริสต์ ฝรั่งเศสเจ้าอาณานิคมเข้ามาเผยแพร่ในช่วงที่เข้ามาปกครองประเทศลาว

ภาษา ภาษาประจำชาติคือภาษาลาว มีลักษณะใกล้เคียงกับภาษาภาคอีสานของไทย นอกจากนี้คนลาวบางส่วนยังสามารถใช้ภาษา อังกฤษ และฝรั่งเศสได้ดี


ประชากร จากข้อมูลปี 2544 ลาวมีประชากรทั้งหมด 5.6 ล้านคน (ปัจจุบัน เห็นบอกว่า 6 ล้านเศษ) ประกอบไปด้วย 3 ชนชาติใหญ่ 68 เผ่า ได้แก่

ลาวลุ่ม หมายถึง ชนเผ่าที่อาศัยอยู่ตามที่ราบลุ่มใกล้แม่น้ำโขง คิดเป็น ร้อยละ 70 ของประชากรทั้งหมด เช่น ไทลาว ไทเหนือ ไทแดง ไทขาว ผู้ไท ลาวพรวน ไทลื้อ เป็นต้น

ลาวเทิง เป็นกลุ่มชนเผ่าที่อาศัยบนพื้นที่ความสูง ไม่เกิน 1000 เมตร คิดเป็น 20% ของประชากร เช่น สีดา บ่าแวะ ละแนด ฯลฯ

ลาวสูง เป็นประชากรส่วนน้อยอาศัยอยู่บนเทือกเขาสูง ส่วนใหญ่เป็นชาวม้ง และเผ่าอื่นๆ เช่น มูเซอ ก่อ กุ่ย เป็นต้น


ระบบเงินตรา สกุลเงินของประเทศลาว คือ กีบ สำหรับเงินกีบที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศลาวส่วนใหญ่จะแบ่งออกเป็นใบละ 1000, 2000, 5000, 10000, 20000 กีบ (ไม่มีเงินเหรียญกษาปณ์)






แขวงสะหวันนะเขต

เริ่มในสมัยขอมเรืองอำนาจ เมืองนี้มีชื่อว่า สุวันนะพูมประเทศ เป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ในปี พ.ศ. 2120 ท้าวหลวงและนางสิมได้อพยพผู้คนจากภาคเหนือลงมาตั้งหมู่บ้านชื่อว่าหลวงโพนเมืองสิม ห่างจากตัวเมืองปัจจุบันประมาณ 18 กิโลเมตร เส้นทางเดียวกับไปพระธาตุอิงฮัง ครั้นถึง พ.ศ. 2185

ท้าวสิมพะลีบุตรชายได้พาชาวบ้านหลายสิบครอบครัวแยกออกไปตั้งเมืองใหม่ในเขตสะหวันนะเขตเรียกกันว่า บ้านท่าแร่ เพราะอุดมสมบูรณ์ด้วยแร่ธาตุและทองคำจนถึงปี พ.ศ. 2462 เมื่อลาวตกเป็นประเทศอาณานิคม ฝรั่งเศสได้ตั้งสำนักงานผู้ว่าราชการแผ่นดินประจำแขวงที่ท่าแร่ และตั้งชื่อใหม่เป็น สะหวันนะเขต

เราจะต้องเดินทางผ่าน 5 เมือง ของแขวงสะหวันนะเขต คือ.-

- เซโน
- ดงเย็น
- พะลานไช
- พิน
- เซโปน
และเข้าด่านลาวบาว








เมืองเซโน (SENO)







ประมาณ 50 กม. จากด่าน หรือเมืองไกรสอน พมวิหาน (เมื่อก่อนชื่อว่าเมือง "กันทะบุลี"..อยู่ในแขวงสะหวันนะเขต) ก็ถึงเมือง เซโน หรือ SENO ซึ่งเป็นสี่แยกหรือชุมทางใหญ่ที่เราขึ้นเหนือ ตามทางหลวงหมายเลข 13 ก็จะไปแขวงคำม่วน และเวียงจัน ถ้าลงใต้ (หมายเลข 13) ก็จะไปจำปาสักหรือปากเซ ไปตะวันออกก็เวียตนามหรือลาวบาว ตะวันตกก็กลับสะหวันนะเขต

เราสงสัยเหมือนกันว่า SENO มาจากคำย่อว่าอะไร 3 ตัวหน้าพอจะรู้ คือ S = South, E = East, N = North.... ส่วน O นี่สิไม่เข้าแก๊บอะไรเลย แล้วจะเป็น เหนือ ใต้ ออก ตก ได้อย่างไร.... คุณไกด์เราให้คำอธิบายว่า ชื่อนี้ฝรั่งเศสเป็นคนตั้งให้ O จึงมาจากคำว่า Ouest (หรือ Occident นี่แหละ)..ท่านผู้รู้ภาษาฝรั่งเศสก็ตอบให้ทีครับ เพราะจำไม่ได้..










บ้านหลังใหญ่ๆเริ่มมีให้เห็น








ระหว่างสะหวันนะเขตและเซโนเขาจัดการให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษสะหวัน - เซโน (Savan-Seno Special Economic Zone) ซึ่งเห็นมีโรงงานเกิดขึ้นมากมายเช่น บริษัทประกอบรถยนต์ของเกาหลี รวมทั้งโรงน้ำตาลจากไทย 2 โรงด้วย (ถ้าสนใจลองเข้าไปอ่านตาม Link นะครับ)

แขวงสะหวันนะเขตเป็นพื้นที่ราบ ไม่มีแหล่งท่องเที่ยวมากนัก แต่แขวงนี้เป็นเขตเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้กับลาวเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นแหล่งแร่ทองคำที่เมืองเซโปน จากโรงงานอุตสาหกรรมที่กำลังเกิดขึ้นมากมาย การทำอุตสาหกรรมป่าไม้ก็ยังมีร่องรอยให้เห็นหลายพื้นที่ในระหว่างทาง คุณไกด์เราบอกว่าการจะขออนุญาตตัดไม้ในลาวเป็นเรื่องค่อนข้างยุ่งยาก สมมติว่าเราขออนุญาตตัดได้ 1 ต้น ก็จะต้องปลูกคืน 5 ต้น (เขาว่ามาแบบนั้น) คนลาวจึงสร้างบ้านตามสถานะภาพ....












โรงน้ำตาลของไทย-ลาว







คนจนในลาวจะสร้างบ้านด้วยไม้ ส่วนคนรวย จะสร้างด้วยอิฐ ปูน ซึ่งถือว่าหายากในลาวต้องนำเข้าจากไทย....แต่ด้วยจำนวนประชากรแค่ 6 ล้านคนเศรษๆ จึงไม่ค่อยจะมีปัญหาในการทำลายป่ามากนัก.... นอกจากประชาชนลาวแล้ว เดี๋ยวนี้รัฐบาลได้อนุญาตให้ชาวจีนเข้ามาอาศัยในลาวได้จำนวนหนึ่ง (ไม่แน่ใจว่า 3000 ครอบครัวหรือไม่) แต่ปรากฏว่าชาวจีนก็เข้ามาเป็นจำนวนมาก ร่วมแสนคน เพราะลาวไม่ได้ระบุว่า 1 ครอบครัวมีสมาชิกกี่คน คนจีนส่วนมากเข้ามาในลาวก็จะมาเป็นนักลงทุน เช่นทำสวนยางพารา สัมประทานเหมืองทองคำที่เซโปนเป็นต้น (เมื่อก่อนเหมืองทองที่เซโปนได้สัมประทานโดยชาวออสเตรเลีย แต่ตอนนี้เปลี่ยนมือเป็นจีน)










แพะที่ปล่อยหากินตามธรรมชาติ







การขับรถในลาวต้องระวังพวกสัตว์เลี้ยง เพราะชาวบ้านชอบปล่อยออกหากินตามธรรมชาติ โดยเฉพาะทางสายนี้มีแออกมาหากินข้างถนนมากมายตลอดเส้นทาง จนถึงเขตเวียตนาม.... ที่ลาวเขามีเวลาสำหรับรถและสัตว์เลี้ยง คือก่อน 06.00 น ในตอนเช้า และหลัง 18.00 น. ในตอนเย็น ถ้าใครขับไม่ระวังไปชนสัตว์เลี้ยงเข้าในช่วงดังกล่าว อาจจะต้องจ่ายทั้งค่าซ่อมรถและชดใช้ค่าสัตว์เอง ราคาสัตว์อาจจะก้าวกระโดดไปมากกว่า 2 เท่าของราจริงก็ได้ ส่วนเลยเวลานี้ ถ้าสัตว์ออกมาให้รถชนเจ้าของสัตว์จะต้องชดใช้ แต่ร้อยทั้งร้อย ไม่มีใครออกมาอ้างว่าเป็นของตัวเองหรอก เจ้าของรถสามารถเอาไปได้เลยเพื่อชดใช้ค่าเสียหาย...อันนี้คุณไกด์เธอก็บอกมา

















พักให้เข้าห้องน้ำที่นี่







เรามาได้ประมาณครึ่งทาง เขาก็จอดรถให้เราเข้าห้องน้ำกัน คือที่ตลาดเมืองพะลานไช ถ้าไปหลายๆคนคงแย่หน่อยเพราะห้องน้ำมีจำกัด ราคาต่อครั้งก็ 5 บาท ราคานี้ยืนไปจนถึงในเวียตนามด้วย... จึงมีคำพูดจากนักท่องเที่ยวว่า เข้าห้องน้ำห้าพันไร่ดีกว่า (กลางแจ้ง ริมทาง)

ตรงใกล้ๆนั้นมีแม่น้ำไหลผ่าน น่าจะชื่อ เซซำซอย (Xe Xamxoy) นะถ้าอ่านไม่ผิด มีสะพานมิตรภาพ ฮังการี - ลาว ข้ามแม่น้ำนี้.... ทางลาวใต้เวลาเขาเรียกแม่น้ำ เขาจะเรียกว่า "เซ" เช่น เซโดน ที่ปากเซ แต่ถ้าเป็นทางเหนือเขาก็จะเรียกว่า "แม่น้ำ" เช่นเดียวกับเรา










เซซำซอย (Xe Xamxoy) ถ่ายจากสะพานมิตรภาพ ฮังการี - ลาว












ซ้ายสะพาน ฮังการี - ลาว ขวาแม่ค้าขายจิ้งโก่งทอด(คล้ายจิ้งหรีด แต่ตัวใหญ่สีน้ำตาล)






ก่อนเข้าเขตลาวบาว จะเป็นเขตที่ทางการจัดสรรไว้เป็นเขตอุตสาหกรรมในอนาคต วันที่เราไปก็เริ่มมีโรงงานเกิดขึ้น ผิดกับเมื่อปี 2007 ที่เราผ่านมาครั้งแรก...

พอเข้าเขตลาวบาว เราเริ่มจะเห็นภูเขาสูงตระหง่านคนลาวเรียกว่า "ภูหลวง" ส่วนคนเวียตนามเรียกว่า "หลุยเชียนเซิน" เขาลูกนี้เป็นทั้งพรมแดนกั้นสองประเทศ และกั้นมรสุมที่พัดมาจากทะเลเวียดนาม และเป็นกำแพงกั้นการรุกรานของเวียตนามต่อลาวในอดีตด้วย...

เราพักทานมื้อเที่ยงกันที่ร้านอาหาร "วิพาดา" ร้านไม่ใหญ่มากแต่มี 2 ชั้น เราจึงอาศัยที่ตรงนั้นแหละเข้าห้องน้ำอีกครั้ง... การเปลี่ยนแปลงของร้านอาหารแถวนี้ คือเริ่มจะปรับรสชาดเข้าหาลิ้นคนไทยมากขึ้น รวมทั้งพริกน้ำปลาที่มีให้ ซึ่งเมื่อก่อนหาไม่เจอ













1. เงินด่อง ( VND) 2-4. แม่ค้าชาวเวียตกำลังแลกเงินด่องกับบาท ที่หน้าร้านอาหารวิพาดา






ซินจ่าวเวียตนาม

ชาวเวียตทักทายด้วยคำว่า "ซินจ่าว" เหมือนกับที่เราทักทายกันว่า "สวัสดี" ซึ่งสามารถใช้คำนี้ได้ตลอดเวลา ไม่มี เช้า สาย บ่าย เย็น เหมือนฝรั่ง..ส่วนคำว่า ขอบคุณ คือ "กาม เอิน".


ขณะทานอาหารก็จะมีแม่ค้าเงินชาวเวียตขึ้นมาเสนอขายเงินด่อง หรือ Viet Nam Dong (VND) ให้เรา ราคาที่เขาเสนอที่นี่ค่อนข้างดี คือมากกว่าการแลกเปลี่ยนในตลาดเล็กน้อย เช่นวันที่เราไปราคาตลาดอยู่ที่ 100 บาท ต่อ 58,000 ด่อง เขาเสนอให้เรา 60,000 ด่อง ถามว่าจะเป็นเงินด่องปลอมไหม คิดว่าคงไม่หรอก (ถามไกด์แล้วก็ว่าไม่เคยมี) เพราะราคาถูกแบบนั้นคงไม่มีใครคิดปลอมหรอกนะ (เมื่อก่อนที่เวียตนามยังไม่ลดค่าเงิน เราเคยแลกได้ 40,000 ด่องเอง)

มีกลุ่มแม่ค้าอยู่หน้าร้านมาเสนอเงินด่องฉบับราคา 1,000 ด่อง 2,000 ด่อง 10,000 ด่อง ใบใหม่ๆให้นักท่องเที่ยวโดยบอกเราว่าเพื่อเป็นที่ระลึก...ต้องระวังนะครับ ราคาจะไม่เป็นไปตามการแลกเปลี่ยนทั่วไป

ถ้าใครอยากใช้เงินบาทในเวียตนามเดี๋ยวนี้ใช้ได้ทุกที่ๆเราไปเที่ยวในแถบเวียตนามกลาง แม้แต่เข้าห้องน้ำ เมื่อก่อนที่ฮอยอันจะรับแต่เงนด่องเท่านั้นแต่เดี๋ยวนี้รับเงินบาทด้วย แต่ถ้าเราซื้อของโดยซื้อเป็นเงินด่องจะได้ถูกกว่า พยามถามเป็นด่องหรือดูที่ติดราคาเป็นด่อง.....

มีเรื่องขำๆเล่าให้ฟัง คือเราไปซื้อของที่ฮอยอัน ร้านเขาบอกเราว่า 80 บาท เราบอกเราจะจ่ายเป็น VND (Viet Nam Dong) แค่นั้นล่ะเธอคิดอัคตราแลกเปลี่ยนกับเราเป็น 100 บาท / 65,000 ด่องทันที แสดงว่าที่ตั้งราคาเป็นบาทนี่สูงแล้ว แถมจะเอากำไรตรงแลกเปลี่ยนนี่อีก..อันนี้ต้องระวังนะครับ แต่วันนั้นเราไม่ยอม เธอเลยต้องให้ราคา 60,000 ด่องต่อ 100 บาท.

คนเวียตเดี๋ยวนี้ชอบถือเงินบาท และดอลล่ามากกว่าเงินด่องเพราะด่องอ่อนไหวมาก และอัตราเงินเฟ้อในเวียตนามก็ค่อนข้างสูงทำให้ค่าเงินไม่ค่อยจะคงที่ การรับเงินบาทหรือดอลล่าจึงทำให้พวกเขาได้กำไรหลายทอด.... แต่ถ้าเราไม่คิดอะไรมาก ถ้าเปรียบเทียบราคาไม่แพงนัก ก็จ่ายเป็นบาทได้.... ส่วนใครที่ถือเงินด่องไป ถ้าใช้ไม่หมด ขากลับแลกคืนได้ที่ Duty free ฝั่งเวียตนามได้ ราคาเหมือนที่เราซื้อมาในวันแรกนั่นแหละ











ด่านลาวบาว ถ่ายจากฝั่งเวียตนาม







ด่านลาวบาววันนี้เปลี่ยนไปมาก ร้านดาวเฮืองฝั่งลาวทำที่ไว้จอดรถนักท่องเที่ยว (ขากลับ) ขณะที่ไกด์ไปเดิน passport ลูกทัวร์ก็เข้าซื้อของ พวกเหล้า ไวน์ ที่นี่ดีกว่าฝั่งเวียตนาม..... ส่วนที่ฝั่งเวียตนามห้างสินค้าปลอดภาษีก็กำลังขมักขเม้นสร้าง ต้นปีหน้าใครไปคงได้ช้อบกันระเบิดแน่

ที่ด่านลาวบาวทั้งฝั่งลาวและเวียตนามไม่มีพิธีอะไรมากถ้าไม่อยากเข้าห้องน้ำ หรือซื้อของ หรือถ่ายรูป ก็ไม่จำเป็นจะต้องลงจากรถก็ได้... แนะนำว่าเราควรทำธุระที่นี่ให้เรียบร้อย เพราะกว่าจะเจอห้องน้ำอีก ก็ไกลเหมือนกัน











ร้านสินค้าปลอดภาษีฝั่งเวียตนาม กำลังก่อสร้าง






ข้อมูลประเทศเวียตนามโดยสังเขป

ไหนๆก็จะไปเที่ยวเวียตนามทั้งที เราน่าจะทำความรู้จักกับบ้านเมืองเขาบ้างเพื่อเป็นแนวทางให้เราเดินทางท่องเที่ยวในเมืองเขาอย่างเข้าใจ และสร้างจินตนาการในแต่ละสถานที่ได้บ้าง คุณว่าไหม?

ชื่อเวียดนามนั้น คำว่า “เวียต” เป็นคำมาจากภาษาจีน แปลว่าไกลออกไป เดินทางผ่านไป เดินทางข้าม เดินทางถึง ลุกขึ้น ทรงตัวขึ้นอีกครั้ง ฉะนั้นคำว่า “เวียต” น่าจะหมายถึง ประเทศหนึ่งที่อยู่ไกลจากจีน และฟันฝ่าอุปสรรค์ต่างๆจนสามารถสร้างตัวขึ้นมาได้ ส่วนคำว่า “นาม” แปลว่าทิศใต้ จึงมีความหมายอีกอย่างหนึ่งว่า ดินแดนทางตอนใต้ของชาวเวียด

เวียตนามมีพื้นที่ทั้งหมด 327,500 ตร.กม. มีประชากร ประมาณ 85 ล้านคน (พ.ศ. 2551) และมีหมู่เกาะนับเป็นพันตั้งแต่อ่าวตังเกี๋ยลงไปถึงอ่าวไทย ด้านเหนือติดกับจีน มีพรมแดนยาว 1,150 กม. ตะวันตกติดกับประเทศลาวยาว 1,650 กม. และกัมพูชาอีก 930 กม. ประเทศเวียตนามมีความยาว 1,650 กม. จากเหนือสุดที่หม็องไก๋ (Mong Cai) ถึงใต้สุดฮาเตียน (Ha Tein) กว้างที่สุดที่ภาคเหนือ 600 กม. และแคบที่สุด 50 กม. ยอดเขาสูงสุดชื่อ ฟานสีปัน (Fan Si Pan) สูง 3,160 เมตร อยู่ในจังหวัด ลาวไก (Lao Cai) ใกล้กับชายแดนจีน










ซ้ายถนนเข้าเวีตนาม ขวาบางช่วงเลียบแม่น้ำดากอง







เวียตนามได้ต่อสู้กับจีนมานาน และสุดท้ายก็ต้องถูกจีนปกครองอยู่นาน จนทิ้งมรดกตกทอดทางวัฒนธรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเรื่องตรุษจีน การนับถือศาสนาพุทธนิกายมหายาน สถาปัตยกรรมต่างๆ และอะไรอีกหลายอย่างล้วนแล้วแต่สืบทอดมาจากจีน จนแทบแยกไม่ออกว่าอันไหนของเวียตนามแท้ๆ

จนกระทั่ง พ.ศ. 2401 ฝรั่งเศศยกพลขึ้นบกที่เมืองทูเรน (Tourane) หรือดานังในปัจจุบัน และขยายอิทธิพลไปทั่วเวียดตนาม จนในที่สุดยึดครองเวียตนามได้ทั้งหมดเมื่อปี พ.ศ. 2404 เมื่อเกิดสงครามโลก ญี่ปุ่นก็เข้ายึดครองเวียดนาม และยกเลิกระบบกษัติรย์ไป จนญี่ปุ่นแพ้สงครามฝรั่งเศสก็เข้ามาฟื้นฟูระบบกษัติรย์ใหม่ จนใกล้เวียดนามใต้จะล่มสลายพระเจ้าบ๋าวได่ กษัติรย์องค์สุดท้ายจึงถูกอัญเชิญให้สละราชบัลลังก์ และเสด็จไปพำนักอยู่ฝรั่งเศสจนกระสิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ. 2540 นีเอง...










สะพานข้ามแม่น้ำดากอง สามารถเดินทางไปแขวงสาละวัน ลาวใต้ได้ (ภาพนี้ถ่าย เมื่อปี 2007)








ช่วงที่ฝรั่งเศสยึดครองเวียตนามอยู่นั้น โฮจิมินห์ก็รวมรวมหนุ่มสาวเป็นกองทัพขึ้นใน พ.ศ. 2486 เพื่อต่อสู้กับฝรั่งเศส จนกระทั่ง พฤษภาคม พ.ศ. 2497 ฐานทัพฝรั่งเศสที่ เดียนเบียนฟู (Dien Bien Phu) ก็พ่ายแพ้เพราะถูกโจมตีอย่างหนักจากกองทัพ “เวียดมิงห์" เวียตนามจึงถูกแบ่งแยกออกเป็นเหนือ -ใต้ ที่เส้นขนานที่ 17 ตามสนธิสัญญาเจนีวา..

ขณะเดียวกันสหรัฐอเมริกาได้ให้การสนับสนุนทางทหารกับเวียตนามใต้ จนทำให้เวียดนามเป็นรัฐอารักขาของอเมริกา จนถึงเดือนธันวาคม 2503 มีการตั้งแนวร่วมเพื่อปลดปล่อยแอกแห่งชาติในเวียดนามใต้ (NLF) ขบวนการคอมมิวนิสต์ภาคใต้ในนามของ “เวียตกง” (Viet Cong) ประธานาธิบดี ลินดอน บี จอห์สัน (Lyndon B. Johnson) ได้ส่งทหารจำนวนมากเข้าเวียดนาม พอถึงปลายปี พ.ศ. 2510 มีทหารอยู่ในเวียดนามถึง 500,000 คน และทหารพันธมิตรอีก 100,000 คน

ในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2518 การต่อสู้ที่ยาวนานของพรรคคอมมิวนิสต์จึงประสบผลสำเร็จโดยยุทธการ “โฮจิมินห์” ซึ่งตรงกับสมัย ประธานาธิบดี Richad Nixon ของอเมริกา ซึ่งยุทธการนี้ท่านโฮจิมินห์ได้เขียนไว้ในพินัยกรรมก่อนท่านเสียชีวิตใน พ.ศ. 2512 เสียดายที่ท่านโฮไม่ได้เห็นความสำเร็จด้วยตัวเอง และเวียดนาม เหนือ-ใต้ได้รวมเป็นหนึ่งเดียวเมื่อ 2 กรกฎาคม 2519 ภายใต้ชื่อว่า “ประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม” (Socialist Republic of Vietnam)


เงินที่ใช้ในปัจจุบัน
รูปแบบที่ใช้ มีทั้งเหรียญและ ธนนบัตร โดยมีราคา

เหรียญ มีราคา 200 ด่อง 500 ด่อง 1,000 ด่อง 2,000 ด่อง และ 5,000 ด่อง
ธนบัตร มีราคา 1,000 ด่อง 2,000 ด่อง 5,000 ด่อง 10,000 ด่อง 20,000 ด่อง 50,000 ด่อง 100,000 ด่อง 200,000 ด่อง และ 500,000 ด่อง

(อ่านเพิ่มเติมที่บล๊อกนี้)









เห็นไกลๆ คืออนุสาวรีย์แม่กับลูก ตรงเส้นขนานที่ 17







เส้นทางหมายเลข 9 หรือ AH16 จากลาวบาวไป Dong Ha จังหวัดกวางติ ในเวียตนาม ได้สร้างขึ้นใหม่ ใหญ่กว่าเดิมมาก (คือได้มาตรฐานสากล) เมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อปี 2007.... ช่วงลงเขา - ขึ้นเขาจึงไม่น่าหวาดเสียวมากนัก จากลาวบาวเส้นทางจะค่อยๆลดระดับจากเขาสูง สู่ฝั่งทะเลเวียตนาม

ถนนสายนี้มีประวัติศาสตร์หลายอย่าง เช่นตอนที่เวียตนามเหนือจะข้ามเส้นทางนี้เข้ามาทางใต้ เพื่อตลบหลังอเมริกา ซึ่งมีสนามบินอยู่ใกล้ๆ และอเมริกาเคยคุยนักคุยหนาว่า ไม่มีทางที่กองทัพฝ่ายเหนือจะข้ามเส้นทางนี้เข้าปทางใต้ได้ เพราะเป็นเขาสูง.... แต่กองทัพลุงโฮเขาก็ทำสำเร็จ โดยการช่วยเหลือของชนกลุ่มน้อย โดยถอดชิ้นส่วนรถถังเอามาประกอบหลังฐานบินอเมริกา และถล่มจนในที่สุดอเมริกาก็พ่ายแพ้...











สะพานเก่าข้ามแม่น้ำที่เส้นขนานที่ 17 (ภาพเมื่อปี 2007)







เราแยกออกจากเส้นทางหมายเลข 9 ไปทางเหนือเพื่อไปชมอุโมงวินห์ม๊อก ที่อยู่ใกล้ๆกับเส้นขนานที่ 17 ก่อน... เมื่อเข้าเส้นทางหลักสาย A1 ซึ่งเป็นเส้นทางคู่ขนานกับทางรถไฟเหนือไปใต้ เราก็เลี้ยวซ้ายขึ้นไปทางเหนือ เห็นท้องนาเวียตนามเขียวปนเหลือง ซึ่งหมายความว่ากำลังเข้าหน้าเก็บเกี่ยว เวียตนามภาคกลางนี้สามารถปลูกข้าวได้ปีละ 3 ครั้ง ส่วนทางใต้ที่แถบๆดินดอนสามเหลี่ยมแม่น้ำโขงปลูกได้ปีละ 4 ครั้งเลยทีเดียว....

แต่ข้าวเป็นคนละพันธุ์กับบ้านเรา ทราบว่าเอาพันธุ์มาจากอินโดนีเซีย เป็นพันธุ์ที่อยู่กับน้ำเยอะได้ดี คุณภาพสู้ของเราไม่ได้ (คุณไกด์ลาวเธอว่าอย่างนั้น)...

ไม่นานนักเราก็ถึงที่ชมอุโมงค์วินห์ม๊อก










1. ทางเข้าอุโมงค์ 2. เด็กเวียตนามกำลังขายของให้นักท่องเที่ยว 3. บริเวณทางไปเข้าอุโมงค์











ภายในอุโมงค์







อุโมงค์วินห์มอก อยู่ในเขตปลอดทหาร (ตอนสงครามเวียตนาม) ที่ทางเวียดนามเหนือได้ขุดหลบภัยพร้อมใช้ต่อสู้กับฝ่ายอเมริกา โดยใช้เวลาขุด 3 ปี แบ่งความลึกลงไป 3 ระดับ คือลึก 12 เมตร, 15 เมตร, และ 23 เมตร ตามลำดับ โดยมีทั้งหมด 114 อุโมงค์เชื่อมกัน มีคนอาศัยอยู่ในอุโมงค์แห่งนี้ประมาณ 600 คน และมีคนเกิดทั้งหมด 17 คนภายในนั้น และยังมีชีวิตอยู่ถึงเดี๋ยวนี้ 16 คน บริเวณใกล้กันนี้มีชายทะเลที่สวยงาม ซึ่งเมื่อก่อนเป็นที่พักผ่อนของทหารฝรั่งเศสโดยไม่อนุญาตให้ชาวเวียดนามเข้ามาใช้

อุโมงวินห์ม๊อกได้รักษาสภาพไว้เหมือนเดิม เหมือนเมื่อครั้งที่เราเคยมาเยือนเมื่อ ปี 2007 ไม่ได้ปรัภูมิทัศน์เพื่อนักท่องเที่ยวมากนัก.










1,4 ทางเข้าอุโมงค์ 2. ประตูเข้าชมอุโมงวอนห์ม๊อก 3. ร่องสำหรับวิ่งติดต่อกัน







ออกจากอุโมงค์ก็ประมาณ 1800 น. เราเดินทางต่อเพื่อไปทานมื้อเย็นที่เมืองเว้ นครหลวงเก่าของเวียตนามสมัยราวงศ์เหวียน.... บล๊อกหน้าเราจะพาท่านไปชมพระราชวังไดนอย หรือ Imperial Palace และล่องเรือฟังเพลงที่แม่น้ำหอม (Song Huong River).










จากกันด้วยภาพ แม่น้ำในเวียตนามซึ่งมีกว่า 300 สาย





ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ






____________ END ___________











Create Date : 20 กันยายน 2553
Last Update : 26 มิถุนายน 2556 17:26:10 น. 15 comments
Counter : 4662 Pageviews.

 
สวัสดียามเช้าค่ะ คุณ wicsir
แบบว่าบล๊อคนี้ถึงจะเป็นแค่ระหว่างการเดินทาง
แต่ข้อมูลคุณ wic แน่นปึ๊กเลยอ่ะค่ะ
ผ่านอะไร ตรงไหน รายละเอียดยังไง จำได้หมด
ถ้าเป็นยุ้ยไกด์พูดอะไรมา ก็จะเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาแน่ๆ อิอิ

อุโมงค์วินห์มอกนี่คุ้นๆเหมือนเคยดูตามรายการทีวีนะคะ
ไม่น่าเชื่อว่าคนตั้ง 600 คนจะสามารถอยู่ในอุโมงค์นี้ได้
น่าทึ่งเหมือนกันอยู่เน๊าะคะ

xoxo ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตด้วยนะคะ คุณ wicsir


โดย: nLatte วันที่: 20 กันยายน 2553 เวลา:9:28:42 น.  

 
สวัสดียามเช้าค่ะ
ขอตามมาเที่ยวแลลาว & ซินจ่าวเวียตนาม ด้วยคนค่ะ
บรรยากาศ ดีค่ะ
ขอบคุณที่แวะไปทักทายกันค่ะ
ขอให้มีความสุขกับการทำงานนะค่ะ


โดย: iamorange วันที่: 20 กันยายน 2553 เวลา:9:32:11 น.  

 


ดี.มาร่วมแลลาวด้วยคนค่ะ


โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 20 กันยายน 2553 เวลา:9:33:24 น.  

 
สวัสดีครับคุณ wicsir ขอบคุณที่ไปชวนมาเที่ยวเวียดนามด้วยกันนะครับ ไว้ตอนหน้าอย่าลืมชวนอีกนะครับ

การเดินทางจากชายแดนไทยไปถึงเวียดนามแค่สามชั่วโมงเศษๆ เอง ถือว่าเร็วมากๆ เลยนะครับ เร็วกว่าผมขับรถไปเที่ยวเหนือซะอีก รายละเอียดการเดินทางเขียนได้ละเอียดดีครับ ใช้เป็นข้อมูลสำหรับคนที่จะเดินทางตามรอยไปเวียดนามผ่านเส้นทางนี้ได้เป็นอย่างดี อ่านแล้วก็อยากไปบ้างครับเพราะไปกับทัวร์แบบนี้สะดวกสบายทุกอย่างอยู่แล้ว


โดย: NET-MANIA วันที่: 20 กันยายน 2553 เวลา:12:06:26 น.  

 
ดี จ้า ..คุณ wic อีกหน่อย แก่ตัว มา คงต้องใช้บริการทัวร์ แล้วค่ะ ขับรถไกล ๆไม่ไหว .. วู้ ..มาทีเดียว ได้ 2 ประเทศเลย ของเขา ดีจัง โล่ง ๆ ไม่ มีรถ ติด ผิดกับ บ้าน เรา เนอะ ..นี่ขนาดนั่งรถ ผ่าน เที่ยว ยังถ่าย ได้ ขนาดนี้ .. เจ๋ง ..


โดย: tifun วันที่: 20 กันยายน 2553 เวลา:12:29:50 น.  

 
เราจะเข้าอุโมงได้ไหมน้า แคบจัง


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 20 กันยายน 2553 เวลา:16:27:47 น.  

 
อิอิ เห็นเม้นส์แล้วรีบมาเลย
รู้สึกจะนิสัยไม่ดีเบี้ยวคุณ Wic ไปรอบหนึ่ง
แหะ ๆ ช่วงนี้สันดานไม่ค่อยดีค่ะ
ขี้เกียจบ่อย ๆ เก็บเนื้อเก็บตัวด้วยค่ะ
อย่าถือสากันเลยนะคะ

ท่าทางทริปนี้จะเฮฮาน่าดู
คงมีเสียงหัวเราะครึกครื้นตลอดทางแน่ ๆ เลย

ลาวกับเวียดนามยังมีรอให้จินไปอยู่ อิอิ
จินอยากไปซาปาค่ะ ที่ลาวไก กับดาลัด
ส่วนโฮจิมินท์ไม่อยากไป ดูจะอันตราย
และแออัดเกินไป ว่าแต่อุโมงค์แห่ง
ประวัติศาสตร์เวียดนาม ก็น่าไปให้
เห็นกับตาไม่น้อยเหมือนกันนะเนี่ย
แต่ตอนนี้ เที่ยวกับคุณ wic ไปก่อนละกัน อิอิ

ส่วนลาวอยากไปดูน้ำตกหลี่ผีค่ะ
ลาวใต้ เห็นเค้าว่ากันว่า ยังมีธรรมชาติ
ที่มีเสน่ห์ไม่น้อย คงอีกนานกว่าจะได้เดินทางค่ะ



โดย: JinnyTent วันที่: 20 กันยายน 2553 เวลา:18:41:29 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


แวะมาทักกันวันจันทร์จ้า ภาพสวยมากเลยคุณวิก
ทำงานอย่างมีความสุขเด้อ



โดย: หอมกร วันที่: 20 กันยายน 2553 เวลา:19:49:16 น.  

 

ขอตามมาเกาะล้อเที่ยวด้วยคนนะคะ
ภาพอลังการงานสร้าง
ชอบจังค่ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 21 กันยายน 2553 เวลา:1:41:18 น.  

 
สวัสดีค่ะ..

เดินทางกันอย่างสุดคุ้มจริงๆ เลยค่ะ
ไม่กี่วันได้ไปตั้ง 2 ประเทศ
แถมมีข้อมูลที่แน่นปึ๊กอีกต่างหาก

น้องชายหนึ่งก็ชวนไปเวียดนามอยู่เหมือนกันนะคะ
แต่ยังคิดๆ ดูก่อนอ่ะ
เพราะตอนนี้มีอยู่ในลิสต์อีกเพียบเลย
พิมพ์แบงค์ไม่ทันค่ะ

สเต็กไก่อร่อยๆ ค่ะ



โดย: chenyuye วันที่: 21 กันยายน 2553 เวลา:10:48:13 น.  

 
สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่แวะมาอวยพรวันเกิดนะค่ะ

emoemoemoemoemoemo
ขอให้มีความสุขนะค่ะ


โดย: iamorange วันที่: 21 กันยายน 2553 เวลา:16:48:48 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับ
มีความสุข..ล้วนๆ...ทั้งวันนะครับ
โชคดีมากๆ..วันเดียว ไป 2 ประเทศเลยครับ


โดย: panwat วันที่: 22 กันยายน 2553 เวลา:8:19:07 น.  

 
แนะนำให้คุณ wicsir ไปที่บล็อก apeman ดีกว่าค่ะ เคยฟังเพลงนี้ไหมคะ

ชอบเพลงบล็อกนี้ด้วยค่ะ เพราะดี ฟังแล้ว รู้สึกเหมือนเป็น วนิดา


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 22 กันยายน 2553 เวลา:21:14:12 น.  

 
สวัสดีค่ะ .. เห็นแล้วนึกถึงหนังเรื่อง เราสองสามคน.. จัง (ไม่รู้เรียกถูกรึเปล่า)

อยู่มุกดาหารมาตั้งนาน. ไม่น่าพลาดโอกาสเลยเรา.. ยังไม่เคยเที่ยวเวียดนามเลยค่ะ แต่อาหารเวียดนามน่ะ.. ทานบ่อย..


โดย: poongie วันที่: 11 ตุลาคม 2553 เวลา:21:25:01 น.  

 
ย้อนมาตามรอยครับ พอดีเข้ามาเห็นตอนที่สามแล้ว เลยตามลิ๊งค์มาอ่านตอนแรกก่อน
เผื่อจะได้ตามรอยเที่ยวจริง ๆ เพราะยังไม่เคยไปเวียตนาม ซื้อแพ๊คเกจทัวร์ได้จากมุกดาหารเลยเนี่ยนับว่าน่าสนใจจริง ๆ ดูดูแล้วสะดวกอยู่ไม่น้อย


โดย: น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา วันที่: 16 ตุลาคม 2553 เวลา:12:51:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wicsir
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]











...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......


อยากจะบอกว่า

@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว

@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.

@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...


ด้วยจริงใจ
นาย wicsir.




Rec. 11.06.08
New Comments
Group Blog
 
 
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
20 กันยายน 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add wicsir's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.