ถึงกระบี่เราพักที่บ้านญาติที่อ่าวนาง และเตรียมตัวเพื่อเที่ยวในวันต่อมากันเลย หน้าฝนเดือนพฤษภาคม ตอนปลายเดือน พ.ค.ปกติพายุจะเข้าชายฝั่งทางด้านนี้ แต่เราก็ได้แต่หวังว่าทะเลอาจจะสงบบบ้าง ทั้งๆที่เราดูพยากรณ์อากาศทั้งของไทยและเทศแล้วแทบหมดหวัง...

โปรแกรมเช้า 24 พ.ค. 2012 คือเดินทางไปพังงากันเพื่อไปชมถ้ำพุงช้าง ที่ว่ากันว่าเป็น Unseen Thailand เลยล่ะ ....

เช้าวันนี้เลต้องออกจากบ้านเช้าหน่อย ขับออกไปท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย แต่ฝนก็ฝนเราไม่กลัวซะอย่าง (เพราะนั่งรถมาไกลโขขนาดนี้ จะกลัวฝนเหรอ?..) ไปกันเลยดีกว่าครับ

หมอกที่คลุมไหล่เขาที่กระบี่ยามเช้า... ดูแล้วสดชื่นมากๆ

สองข้างทางที่เต็มไปด้วยสีเขียวยามหน้าฝน

ถ้ำพุงช้าง

อยู่ในเขตเทศบาลเมืองพังงาหลังศาลากลางจังหวัด ก่อนเข้าตัวตลาดพังงา มีทางราดยางเข้าไป 500 เมตร ถึงวัดประพาส ประจิมเขต แล้วเดินเข้าไปยังถ้ำในบริเวณวัดได้ สภาพภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยและธารน้ำไหลตลอดปี

เขาช้าง (ภาพจากเวบ)

ภายใน ภูเขาช้าง สัญลักษณ์ของเมืองพังงาซึ่งรูปลักษณ์คล้ายช้างหมอบนี้ มี ถ้ำพุงช้าง ซึ่งอยู่ภายในบริเวณวัดประจิมเขต หลังศาลากลางจังหวัด ถนนเพชรเกษม เป็นถ้ำใหญ่ที่อยู่ใจกลาง เขาช้าง ซึ่งเรียกบริเวณนี้ว่า "พุงช้าง " ประกอบด้วยถ้ำเล็กถ้ำใหญ่มากมายและเป็นถ้ำที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี เคยเสด็จฯมาเยือน และได้ทรงลงพระปรมาภิไธยไว้ทางด้านหน้าของถ้ำ

ในนี้แหละถ้ำพุงช้าง

ภายในถ้ำมีความงดงามและความมหัศจรรย์ของธรรมชาติของหินงอกหินย้อยที่มีสภาพที่สมบูรณ์ มีสายน้ำไหลผ่านกลางถ้ำแสดงให้เห็นถึงการไหลเวียนและการถ่ายเทของอากาศตลอดเวลา มีทั้งช่วงน้ำลึกและช่วงน้ำตื้น การเที่ยว

ภาพจากเวบ

ถ้ำพุงช้าง ถือได้ว่าเป็นการท่องเที่ยวเชิงผจญภัย เพราะนักท่องเที่ยวจะต้องเดินลุยน้ำ นั่งแพ และนั่งเรือแคนนู เพื่อเข้าไปชมหินงอกหินย้อยที่เป็นฝีมือธรรมชาติ หยดน้ำที่หยดจากติ่งปลายของหินงอกหินย้อย เมื่อกระทบกับแสงไฟฉายของเรา ก็เกิดประกายเหมือนประกายเพชร หินงอกหินย้อยมีลักษณะของรูปคนตกปลา รูปแป๊ะยิ้ม รูปปลา โดยเฉพาะช้างหลากรูปแบบที่แปลกตาไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นหินงอกหินย้อยรูปช้างร้อย ๆ เชือกเดินตามกันเป็นวงรอบ

หินงอกรูปช้างนั่งอยู่ใต้ฉัตรภายในถ้ำ บันไดสีทองเกิดจากหินงอกอันวิจิตรยิ่งเมื่อถูกแสงไฟจะเป็นประกายสวยงามมาก การเดินเที่ยว ถ้ำพุงช้าง ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมง การแต่งกายควรสวมขาสั้น รองเท้าแตะที่เป็นยาง นอกจากนี้แล้ว ถ้ำพุงช้าง เป็นแหล่งที่สองของประเทศไทย ที่มีการค้นพบค้างคาวคุณกิตติ ซึ่งเป็นค้างคาวที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก

ต้องใช้เรือยางแบบนี้ล่องเข้าไป (ภาพจากเวบ)

การเข้าชมถ้ำ นักท่องเที่ยวจะต้องมีไฟส่องทางแบบไฟฉายที่ใช้ในเหมืองแร่ (เมื่อซื้อตั๋วแล้วเขามีแจกให้ทุกคน) โดยจะคาดไว้ที่หน้าผาก หรือถือเอาก็ได้ แต่ถือเอาสะดวกกว่า..

การเข้าไปข้างใน เริ่มต้นด้วยนั่งเรือแคนูเข้าไปลำละ 2 คน บวกคนพายด้วยเป็น 3 คน พอถึงประมาณช่วงกลางๆถ้ำ ก็ลงต่อแพโดยลง 2-3 คนประมาณนั้นต่อลำ จะมีเจ้าหน้าที่ช่วยลากทวนน้ำเข้าไป เขาบอกว่าบางแห่งน้ำลึกมาก หลังจากลงจากแพแล้วคราวนี้เป็นการเดินลุยน้ำเข้าไปอีก รองเท้ายางควรกระชับ ถ้าจะให้ดีต้องมีที่รัดส้นด้วย เพราะถ้าหลุดแล้วจะหาย เพราะน้ำไหล

พื้นที่เดินไปเป็นก้อนกรวด ถ้าเดินเท้าเปล่ามีสิทธิโดนหินบาดเอา อีกอย่างในถ้ำ่สวนมากไม่กว้างนัก ต้องระวังชนหินย้อยซึ่งอาจจะเป็นอันตรายได้... การผจญภัยในนั้น ได้ทั้งความสนุก ตื่นเต้น และได้สปาเท้าด้วย (เดินไปก้อนกรวดเข้าไปในรองเท้ายาง นวดฝ่าเท้าไปด้วย).... เดินไปจนเกือบสุด จะเห็นหินงอกหินย้อยรูปช้าง สวยงามอยู่ด้านบน ก่อนกลับออกมาอย่าลืมปิดไฟซัก 1-2 นาที เพื่อทดสอบจิตในความมืดด้วยนะครับ

นักท่องเที่ยว ที่มารอคิวเข้าชมถ้ำ

เสียดายว่าการเข้าชมถ้ำครั้งนี้ เจ้าหน้าที่เขาไม่อนุญาตให้เราถ่ายภาพได้ เลยไม่มีรายละเอียดที่เป็นภาพมาบอกเล่าคุณๆ .... ขอบคุณภาพจากเวบ ที่จขบ. ได้นำมาลง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบเรื่องครับ.

เราออกจากถ้ำพุงช้าง แล้วเดินทางย้อนกลับจากพังงาไปทาง จ. กระบี่ และแวะที่อ่าวลึกเพื่อทานมื้อเที่ยงกันที่นั่น ร้านอาหารวันนั้นโล่ง แต่ทำเลดีมาก สะอาดสะอ้านดี พอถึงที่สิ่งแรกที่อยากทำคือเก็บภาพรอบๆบริเวณ ก่อนที่น้องฝนจะโปรยปรายลงมา

สถานที่ตรงนั้นเมื่อมองออกไปด้านหน้า ดูคล้ายๆกับเวลาที่เรายืนอยู่หน้าอ่าวฮาลอง ในเวียตนาม ภูเขาหินปนที่สลับซับซ้อน กลายเป็นรูปทรงต่างๆตามจินตนาการของผู้คนเรียงรายอยู่บนพื้นน้ำทะเลที่เขียว ใส .... แต่บนฟ้านั่น สีดำทะมึนของเมฆฝนกำลังบอกว่า จะตกลงมาแล้วนะ

สุดท้ายก็เทลงมาพร้อมกับลม และกระชากอุณหภูมิที่สูงกว่า 30 องศาเซ็นเซียสให้เหลือเพียง 25 องศาโดยประมาณ ทำให้บ่ายวันนั้นไม่ร้อนมากนัก....ให้ภาพบรรยายต่อละกันครับ

ท้องทะเลอ่าวลึก ที่ฝนกำลังจะมา

สะพานเทียบเรือ.... ที่ทอดยาวลงสู่อ่าว

นายแบบ หนึ่งเดียว กำลังแสดงท่าน่าหวาดเสียว

เขาหินปูน..และน้ำทะเล มองเผินๆเหมือนกำลังอยู่ที่ฮาลองเบย์

เรือหางยาวกำลังวิ่งเข้าฝั่ง

หมู่บ้านชาวประมง

เรานั่งทานมื้อเที่ยง ที่ร้านนี้

มื้อเที่ยงกับอาหารทะเลที่อ่าวลึก เราสั่งทุกอย่างที่นึกได้เกี่ยวกับทะเล .... แต่พิเศษสุดของเราคือ หอยชักตีน เขาบอกว่ามีให้ทานเฉพาะแถบนี้เท่านั้น คือกระบี่ พังงา และภูเก็ต.... คราวก่อนที่เราไปเที่ยวภูเก็ต ต้องสั่งไว้ข้ามวัน ถึงจะได้ทานกัน เจ้าหอยชนิดนี้ เขามีตีนโผล่ออกมาจากกระดอง เวลาต้มแล้วเราสามารถชักตีนออกมา เอาเนื้อหอยจิ้มน้ำจิ้มได้ อร่อยดีครับ เวลาที่เขาไปเก็บมาได้ เขาจะต้องขังไว้ให้คลายทรายออกมาก่อน ไม่แน่ใจว่าใช้เวลาเท่าไหร่ทรายถึงจะหมด.... มีโอกาสลองๆดูนะครับ

พิเศษมื้อนี้คือ "หอยชักตีน"

ส่วนจานนี้เห็นว่าอร่อยกัน...เลยเอามาลง

มืดเมฆฝน....ที่อ่าวลึก

ฝนเริ่มซาเม็ด เราออกจากร้านอาหารกลับเข้าไทาง อ.อ่าวลึก ก่อนจะแวะไปชมเขาทำแมงกระพรุนกัน และต่อด้วยการไปเดินเที่ยวที่ อช.ธารโบกขรณี ซึ่งจะนำมารีวิวให้ชมกันในโอกาสต่อไปครับ

ลากกันด้วยภาพนี้ครับ