....OUR FAMILY'S JOURNEY....

ไปกางเต้นท์นอนที่ภูเรือ

Title

กางเต้นท์นอนที่ภูเรือ


เดินทางสู่ภูเรือ...
4 มกราคม 2008


อากาศเดือน มกราคมของประเทศไทยจะสัมผัสความหนาวจริงๆได้ ก็เพียงบางพื้นที่เท่านั้น แม้เดือนนี้จะเป็นเดือนกลางฤดูหนาวก็ตาม.... เราหวังว่าจะหาทางไปสัมผัสความหนาวแถวๆเมืองเลย ที่ว่าเป็นดินแดนแห่งทะเลภูเขา หนาวสุดในสยามสักครั้ง

ไม่มีพิธีรีตองอะไรครับ คิดกันได้ก็ไปกันเลย ถึงจังหวัดเลยก็เล่นเอาห้าโมงเย็นกว่าๆแล้ว เอาแล้วสิ จะพักกันที่ไหนล่ะเนี่ย เพราะแผนจริงๆ คือจะขึ้นไปกางเต๊นนอนนับดาวกันบนภูเรือเลย พอขับเข้าเขตภูเรือก็ประมาณ 1800 น ซึ่งก็มืดแล้วสำหรับหน้าหนาว มองตามรีสอร์ทที่ผ่านมาก็เจอเขากางเต๊นกัน ดูท่าจะได้บรรยากาศดี

ที่จริงอากาศในหุบเขาที่เป็นตัวอำเภอภูเรือจะค่อนข้างหนาวอยู่แล้ว ตอนที่ไปถึง อากาศไม่น่าจะเกิน 15 องศา เพราะตอนที่เข้าไปตั้งหลักที่ร้านอาหารไอเย็นพัดมาประทะหน้าให้ความรู้สึกได้ว่านี่หนาวมากทีเดียว หลังจากทานมื้อเย็นกันที่ร้านก่อนจะเข้าไปในตัวอำเภอแล้ว เราก็ถามคนที่ร้านว่า อุทยานแห่งชาติภูเรือเขาปิดไม่ให้คนขึ้นกี่โมง คำตอบที่ได้คือสี่ทุ่ม...



ทางขึ้นภูเรืออยู่ที่อำเภอภูเรือ ซ้ายมือทางเข้าเลย



ตอนนี้เพิ่ง 20.00 น. เราลองดูดีกว่าว่าเขาจะให้ขึ้นไหม ซึ่งเมื่อถึงทางผ่านเข้าอุทยานฯ เจ้าหน้าที่ก็ถามเราว่า จองที่พักไว้หรือยัง เราก็บอกว่ายัง แต่เราเอาเต๊นมาด้วย ขอเราขึ้นไปหน่อย.... ที่จริงแล้วระเบียบเขาจริงๆก็จะปิดตอน 20.30 น.เท่านั้น สุดท้ายเจ้าหน้าที่ซึ่งกำลังจะกลับบ้านก็อนุญาตให้เราขึ้น ซึ่งต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเข้าชมทั้งค่าคน และรถด้วย..





อาศัยที่เราเคยมาแล้วหลายครั้ง เลยพอนึกถึงทางขึ้นได้ การขับรถขึ้นตอนกลางคืนค่อนข้างอันตราย สำหรับคนที่ไม่เคย ต้องใช้ความระมัดระวังมาก เราถึงที่พักกางเต้นท์ของนักท่องเที่ยวก็เตรียมหาที่ โดยถามเอาจากเพื่อนๆนักท่องเที่ยวที่มากางเต้นท์อยู่ก่อนแล้ว เขาบอกว่าเลือกเอาเลย ตรงไหนก็ได้ในบริเวณนี้ (พื้นที่ที่กำหนดให้กางเต้นท์) ที่ยังว่างอยู่ เราเลือกเอาที่ไม่ห่างจากรถเรามากนัก และไม่ไกลจากห้องน้ำด้วย....

แสงสว่างของไฟฟ้าในบริเวณที่กางเต้นท์ค่อนข้างน้อย เจ้าหน้าที่เขาคงอยากให้บริเวณนี้เป็นบรรยกาศแห่งขุนเขาจริงๆมั๊ง ถึงไม่ยอมเพิ่มแสงสว่างให้ ส่วนมากนักท่องเที่ยวจะเอาหลอดไฟแบบปิกนิคขึ้นไปเอง..... ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง เราก็เตรียมสถานที่เสร็จ



ซื้อผ้าพันคอ หมวก หรือเสื้อกันหนาวที่ปากทาง




ทำความรู้จักกับภูเรือกันหน่อย

อุทยานแห่งชาติภูเรือ มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอภูเรือและอำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย อาณาเขตด้านทิศเหนืออยู่ติดกับประเทศลาว รูปพรรณสันฐานของภูเรือมีรูปร่างลักษณะเหมือนเรือใหญ่บนยอดดอยสูงเป็นภูผาสีสันสะดุดตาหินบางก้อนมีลักษณะเหมือนถูกปั้นแต่งไว้ ชาวบ้านเรียกว่า “กว้านสมอ” โดยรอบๆ จะเห็นยอดดอยเป็นขุนเขาน้อยใหญ่ใกล้เคียงเป็นฝ้าขาวด้วยละอองน้ำ หมอก ปกคลุมไว้ท่ามกลางป่าอันอุดมสมบูรณ์ มีเนื้อที่ประมาณ 120.84 ตารางกิโลเมตร

ในปี พ.ศ. 2519 อธิบดีกรมป่าไม้ เดินทางมาราชการที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง นายสุจินต์ เพชรดี ปลัดจังหวัดเลย ได้ให้ความเห็นว่า ควรส่งเสริมป่าภูเรือให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัด จากนั้นจังหวัดเลยจึงให้ทางอำเภอภูเรือสำรวจพื้นที่ป่าภูเรือ ซึ่งอำเภอภูเรือได้รายงานถึงจังหวัดเลยว่า พื้นที่ป่าภูเรือมีทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงามสำคัญหลายแห่ง เช่น ป่าไม้ น้ำตก ทิวทัศน์ เหมาะที่จะจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติได้ กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ไปทำการสำรวจหาข้อมูลเบื้องต้นของป่าภูเรือ ท้องที่อำเภอภูเรือและอำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย ปรากฏว่า ป่าแห่งนี้อยู่ในเขตป่าหมายเลข 23 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2506 ให้รักษาไว้ให้เป็นป่าถาวรของชาติ

พื้นที่ป่าภูเรือประกอบด้วยทิวเขาสูง สลับซับซ้อนเรียงรายเป็นรูปต่างๆ น่าพิศวงสลับกับที่ราบเป็นบางส่วน สาเหตุที่ขนานนามว่า “ภูเรือ” เพราะมีภูเขาลูกหนึ่งมีชะโงกผายื่นออกมาดูคล้ายสำเภาใหญ่ และที่ราบบนยอดเขามีลักษณะคล้ายท้องเรือตลอดจนมีธรรมชาติและทิวทัศน์ที่สวยงาม เหมาะสมที่จะจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ

กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ ได้นำเสนอคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ ซึ่งมีมติในการประชุมเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2521 เห็นชอบให้กำหนดพื้นที่ป่าดังกล่าวเป็นอุทยานแห่งชาติ โดยได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าภูเรือ ในท้องที่ตำบลอาฮี ตำบลท่าลี่ อำเภอท่าลี่ และตำบลลาดค่าง ตำบลหนองบัว ตำบลร่องจิก อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ ซึ่งประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 96 ตอนที่ 124 ลงวันที่ 26 กรกฎาคม 2522 นับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 16 ของประเทศ


ลักษณะภูมิประเทศ

อุทยานแห่งชาติภูเรือ มีลักษณะภูมิประเทศเป็นทิวเขาสูงสลับซับซ้อนประกอบด้วย เขาหินทรายเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนั้นเป็นหินแกรนิตสลับกันไป ลักษณะเช่นนี้จึงทำให้มีที่ราบสูงสลับกับ ยอดเขาสูงทั่วไป มียอดเขาสูงที่สุดคือ ยอดภูเรือ มีความสูงถึง 1,365 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ยังมียอดเขาที่สำคัญ คือ ยอดเขาภูสัน มีความสูง 1,035 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง และยอดภูกุ มีความสูง 1,000 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ลักษณะเช่นนี้เองจึงเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญก่อให้เกิดลำธารหลายสาย เช่น ห้วยน้ำด่าน ห้วยบง ห้วยเถียงนา ห้วยทรายขาว ห้วยติ้ว และห้วยไผ่ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของน้ำตกห้วยไผ่ที่สวยงามแห่งหนึ่ง


ลักษณะภูมิอากาศ

ด้วยอุทยานแห่งชาติภูเรืออยู่ที่จังหวัดเลย ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีอากาศหนาวเย็นที่สุดของประเทศไทย และอยู่บนยอดเขาสูง จึงทำให้มีอากาศเย็นตลอดปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวจะหนาวเย็นมาก จนกระทั่งน้ำค้างบนยอดหญ้าจะแข็งตัวกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง ซึ่งมีภาษาพื้นเมืองเรียกว่า “แม่คะนิ้ง” ผู้ที่จะไปพักผ่อนควรเตรียมตัวให้พร้อมที่จะผจญกับความหนาวเย็น


พืชพรรณและสัตว์ป่า

ภูเรือ มีสภาพป่าหลายชนิดปะปนกันอย่างสวยงาม ทั้งป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าดงดิบ ป่าสนเขา โดยเฉพาะยอดภูเรือ ประกอบด้วยป่าสนเขา สลับกับสวนหินธรรมชาติแซมด้วยพุ่มไม้เตี้ย สลับด้วยทุ่งหญ้าเป็นระยะ ไม้พื้นล่างที่พบโดยทั่วไป ได้แก่ กุหลาบป่า มอส เฟิน และกล้วยไม้ที่สวยงาม เช่น ม้าวิ่ง สามปอย ไอยเรศ เอื้องคำ เอื้องผึ้ง เอื้องเงิน ซึ่งขึ้นตามต้นไม้และโขดหิน กล้วยไม้เหล่านี้จะออกดอกบานสะพรั่งให้ชมสลับกันไปตลอดทั้งปี

นอกจากนี้ ป่าภูเรือยังมีสัตว์ป่าที่ชุกชุมพอสมควร ที่พบบ่อย เช่น หมี เก้ง กวางป่า หมูป่า หมาไน ลิง พญากระรอกดำ ไก่ฟ้าพญาลอ ไก่ป่า และชุกชุมไปด้วยกระต่ายป่า เต่าเดือย เต่าปูลูและนกชนิดต่างๆ ที่สวยงามอีกมากมาย โดยเฉพาะในฤดูหนาวจะอพยพมาจากประเทศจีนเป็นจำนวนมาก

(ที่มา : อุทยานแห่งชาติภูเรือ )


ตอนกลางคืน ที่นั่น ยิ่งดึก ยิ่งหนาว.... แต่สิ่งที่ประทับใจที่สุดในการไปกางเต้นท์นอนในแต่ละที่ ก็คือ ความเอื้ออาทรที่มีให้กัน คนทุกคน ทุกเภท ทุกวัย น้ำใจดีมาก หลายๆท่านที่ช่วยเหลือเรา ไม่ว่า สถานที่กางเต้นท์ เตาไฟ หรือแม้แต่ถ่านที่หยิบยื่นให้... เราขอขอบคุณผ่านตรงนี้อีกครั้งละกัน..







คืนนั้นอากาศหนาวสมใจอยากจะสัมผัส คือประมาณ 9-10 องศา นอนหลับดีมาก แต่ไม่ลืมที่จะตื่นแต่เช้ามืด มารับอากาศอันแสนบริสุทธิ์ ..... ที่จริงหลายกลุ่มเขาเดินทางไปที่ผาโหล่นน้อย เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น แต่เราบรื๋อไม่เอาดีกว่า ขอเก็บภาพตแสงตะวันส่องผ่านทิวสนตรงนี้ละกัน..





















เรากางเต้นท์กันที่นี่แหละ




ตื่นเช้ามาเราก็เก็บเต้นท์ สถานที่ที่เราได้ใช้ไป พร้อมทั้งทำความสะอาด เพื่อให้ยังคงสภาพเดิม เหมือนก่อนที่เรา ยังไม่เข้ามาใช้ .... หลายๆคนก็ทำเช่นเดียวกัน ทางอุทยานฯจะมีถังขยะเตรียมไว้ ข้างๆลานจอดรถ

แล้วก็มาเติมพลังกันที่ร้านอาหารแถวๆนั้น.... ที่ร้านเขาจะมีบริการให้เช่า พวกเสื่อ ผ้าห่มกันหนาวด้วย ถ้าใครลืมเตรียมไป ก้อ เช่าเอาที่นั่นแหละ







เสร็จจากมื้อเช้า เราก็ขับย้อนขึ้นไปที่ลานจอดรถด้านบน เพื่อไปเดินเที่ยวตามขอบหน้าผา เรื่อยขึ้นไปจนถึงพระใหญ่...... เคยมีประสบการณ์ ตอนมาเมื่อปี 2 ปีที่แล้ว คือเดินป่าจากพระใหญ่ เรียบตามหน้าผาลงไปที่ป่าด้านล่าง แล้วไปโผล่เอาที่ร้านอาหารบริเวณกางเต้นท์ แล้วเดินกลับไม่ไหว คือหมดแรงเพราะเดินหลายกิโล เลยเช่ารถเขากลับขึ้นไปที่ลานจอด เขามีบริการด้วย เก็บค่าโดยสารตอนนั้นคนละ 10 บาท.... น้ำมันแพง ไม่รู้เขาขึ้นราคายัง .....

เรามาที่ลานจอด ก้อเจอนักท่องเที่ยวเริ่มเข้ามากันบ้างแล้ว หลายๆกลุ่มคงนอนข้างล่าง หรือไม่ก็ที่บ้านพักอุทยานฯ ซึ่งอยู่ตรงทางเข้า..... อากาศหนาวนิดๆ แต่ก็ดีมากสำหรับการเดิน...















เริ่มต้นเดินกันตามทางที่ทางอุทยานฯกำหนดไว้ เอานี่ก่อนเลย ผาโหล่นน้อย...











ตามเส้นทางเดิน จะเจอพันธ์ไม้แปลก หลายที่ทางอุทยานฯได้ปักป้ายอธิบายเอาไว้ ทำให้เราได้รู้จักมันมากขึ้น...









มอส





ตามทางนี้แหละ











และแล้วก็มาถึงยอดภูเรือ ที่มีพระใหญ่ให้เราไหว้ สัการะ (อาจจะขอพร..ก็ได้นะ) ตรงนี้จะมองเห็นข้างล่าง เป็นหุบเขาไกลออกไป ลมแรงมาก อากาศเย็นบริสุทธิ์ เหมาะสำหรับนั่งพัก ถ้าไม่รีบก็นั่งอ่านหนังสือบริเวณนี้จะดีมากๆ...



























และแล้วงานเลี้ยงก็ต้องเลิกลา...... หายเหนื่อยแล้วเราก็เดินกลับลานจอดรถโดยใช้ถนนลาดยาง ที่ทางอุทยานเขารับส่งนักท่องเที่ยว ที่ไม่อยากเดินขึ้นยอดภู ก็สามารถใช้บริการรถสองแถวที่นั่นได้ ค่าโดยสารคนละ 20 บาทต่อเที่ยว...


















เดินลงมาตามทางจนถึงที่จอดรถสองแถว ซึ่งคือจุดเริ่มเดินของเรา



ออกจากภูเรือเราไปแวะร้านขายของ ชาโต้เดอเลย ที่อยู่ระหว่างทาง ภูเรือ - ด่านซ้าย แต่ไม่ได้เข้าไปชมไร่องุ่น เพราะคราวที่แล้วเราไปแวะชิมไวน์มาแล้ว






ก่อนกลับ เราแวะจุดขายไม้ดอก ที่มีเทอร์โมมิเตอร์ตัวยังกะตึก ตั้งอยู่ด้วย เลยเก็บภาพดอกไม้มาฝาก.... จำชื่อไม่ได้ ดูภาพเอาเองละกันครับ.



















ออกจากภูเรือ เรายังไปแวะที่แก่งคุ๊ดคู้อีก เพื่อดูว่ากุ้งเต้นที่ขึ้นชื่อของที่นั่น ยังหลงเหลืออยู่หรือเปล่า ปรากฎว่าทาง อบต.จัดล๊อกขายอย่างดี...ถึงแม้วันนั้น แม่น้ำโขงจะแห้งขอดแล้วก็ตาม...










สถานที่ติดต่อ

อุทยานแห่งชาติภูเรือ
ต.หนองบัว อ. ภูเรือ จ. เลย 42160
โทรศัพท์ 0 4280 7624-5 โทรสาร 0 4289 9320 อีเมล phuruae_paro8@hotmail.com


การเดินทาง

รถยนต์

อุทยานแห่งชาติภูเรือ อยู่ห่างจากจังหวัดเลย ประมาณ 48 กิโลเมตร โดยเดินทางไปโดยทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 203 ถึงอำเภอภูเรือ จะมีป้ายอุทยานแห่งชาติอยู่ปากทางเข้าซึ่งอยู่ข้างที่ว่าการอำเภอภูเรือ (มาจากจังหวัดเลย ป้ายจะอยู่ทางด้านขวามือ มาจากจังหวัดเพชรบูรณ์ ป้ายจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ) จากปากทางเข้าเดินทางต่อไปอีก ประมาณ 4 กิโลเมตร ก็ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ถนนภายในอุทยานแห่งชาติเป็นถนนลาดยาง เป็นถนนบนภูเขา บางช่วงมีความลาดชัน นักท่องท่องเที่ยวควรขับขี่ด้วยความระมัดระวัง ใช้เกียร์ต่ำ มิฉะนั้นจะทำให้เบรคไหม้ได้




ปล. บล๊อกนี้ได้หายไปตอนทำการเคลื่อนย้ายบล๊อกเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2554 และได้ให้ทางทีมงานบล๊อกแก๊งค์กู้กลับมาให้ใหม่....ขอบคุณครับ




_______จบทริป ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ________










 

Create Date : 15 มิถุนายน 2551
1 comments
Last Update : 25 สิงหาคม 2556 21:53:16 น.
Counter : 11475 Pageviews.

 


แวะมาเยี่ยมค่ะ

เป็นรีวิวแบบเต็ม 100 มากค่ะ

รูป เรื่อง สมบูรณ์แบบ


ไหนว่าเขียนไม่เก่งน้อ



โดย: ป้าทุยบ้านทุ่ง (ป้าทุยบ้านทุ่ง ) วันที่: 15 มิถุนายน 2551 เวลา:8:28:55 น.




คห.ที่2



แวะมาชวนไปเที่ยวพัทยาด้วยกันครับ



คลิกที่ภาพเพื่อตามมาเที่ยวพัทยาด้วยกันได้เลยนะครับ

ขอเก็บข้อมูลไว้เผื่อจะไปเที่ยวหน้าหนาวปลายปีนี้เลยแล้วกันครับ

ว่าแต่ว่าหนาวนี้มี plan รึยังครับ????





โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 15 มิถุนายน 2551 เวลา:8:39:18 น.




คห.ที่3


ขอบคุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง ครับที่แวะมาเยี่ยม และชมกัน..... ป้าครับ กำลังพยามหัดเขียนครับ... แค่อยากจะแบ่งปันสิ่งที่เห็นกับเพื่อนๆใน bloggang และ BP

ขอบคุณ Mr. Hong ในน้ำใจที่แวะเวียนมาเยี่ยมกันเรื่อยๆครับ...ต้องเจออากาศเย็นมากๆนะครับ แล้วจะได้ฟิลล์.



โดย: wicsir วันที่: 15 มิถุนายน 2551 เวลา:10:26:12 น.




คห.ที่4


น่าเที่ยวววเชียวววว



โดย: Gigg_Pat วันที่: 15 มิถุนายน 2551 เวลา:15:48:53 น.




คห.ที่5


Nice photo ka.



โดย: CrackyDong วันที่: 15 มิถุนายน 2551 เวลา:22:36:53 น.




คห.ที่6


ขอบคุณ คุณ Gigg_Pat และ คุณ CrackyDong ที่เข้ามาเยี่ยมครับ....เดี๋ยวต้องไปขอยืม background สวยๆจากคุณ CrackyDong มาใช้ครับ...




โดย: wicsir วันที่: 16 มิถุนายน 2551 เวลา:9:07:20 น.




คห.ที่7


ตามมาเที่ยวค่ะ



โดย: kaajibjib วันที่: 16 มิถุนายน 2551 เวลา:12:04:34 น.




คห.ที่8


เคยไปเมื่อประมาณ 3 -4 ปีที่แล้วค่ะ
ดีใจที่ยังเห็นภูเรือสวยเหมือนเดิม
ตอนนั้นเดินไปดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วย
สวยค่ะ อากาศก็เย็น ๆ ดีด้วย
ตอนเดินกลับสนุกดีค่ะ




โดย: maru วันที่: 18 มิถุนายน 2551 เวลา:9:27:37 น.




คห.ที่9


ขอบคุณ คุณ kaajibjib และคุณ maru ที่แวะมาเยี่ยมครับ.... แหล่งธรรมชาติ แบบที่ไปมาสะดวกอย่างที่ภูเรือ เราควรช่วยกัน ดูแลและรักษาไว้ให้ดีครับ.... วันที่เราอยากหลบจากความวุ่นวายในเมือง ที่แบบนั่นจะเป็นคำตอบ จริงไหมครับ...



โดย: wicsir วันที่: 18 มิถุนายน 2551 เวลา:10:17:08 น.




คห.ที่10


มาเยี่ยมบ้านอีกครั้ง

ที่บ้านทุ่งกำลังร้อน ๆ ขอมาเอาไอเย็นจากภูเรือไปสู้หน่อย

คิคิ





โดย: ป้าทุยบ้านทุ่ง วันที่: 15 กรกฎาคม 2551 เวลา:15:45:59 น.




คห.ที่11


สวยค่ะเราก็ไปมาแล้วเช่นกันค่ะ ช่วงปีให่ที่ผ่ามมานี่เองค่ะ



โดย: คนชุมแสง วันที่: 16 กรกฎาคม 2551 เวลา:0:02:40 น.




คห.ที่12



ขอบคุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง และคนชุมแสงครับ ที่แวะมาทักทายกัน..... จากภูเรือ-เมืองเลย จะมีทางแยกออกไป อ.ท่าลี่ และข้ามสะพานน้ำเหืองไปทางไซยบุรีของลาวได้ มีคนบอกว่าเฟอร์นิเจอร์พวกทำด้วยไม้ ที่นั่นสวยมาก........ และที่ท่าลี่ ถ้าไปช่วงหน้าหนาว บรรยากาศสวยมากๆ.....




โดย: wicsir วันที่: 16 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:58:23 น.




คห.ที่13


สวัสดีค่ะ
ตามมาเที่ยวค่ะ แต่หนาวจัง
ดอกไม้สีสวย สะอ้านไปหมด
เห็นดาวพราวฟ้า ง่วงดีกว่า
สวัสดีค่ะ




โดย: นีลา IP: 202.91.18.192 วันที่: 11 กันยายน 2551 เวลา:22:37:20 น.




คห.ที่14


ขอบคุณ คุณนีลาที่ตามมาถึงภูเรือครับ.....






 

โดย: wicsir 26 มกราคม 2554 20:37:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


wicsir
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]











...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......


อยากจะบอกว่า

@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว

@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.

@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...


ด้วยจริงใจ
นาย wicsir.




Rec. 11.06.08
New Comments
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
15 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add wicsir's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.