....OUR FAMILY'S JOURNEY....
คอนพะเพ็ง มณีโคตร แกรนด์จำปาสักโฮเต็ล (สะบายดีจำปาสัก 3)


คอนพะเพ็ง มณีโคตร คอนพะเพ็งรีสอร์ท
วัดกิ่งแก้ว แกรนด์จำปาสักโฮเต็ล

(สะบายดีจำปาสัก 3)



อ่านตอนที่ 2 : คล๊กที่นี่
อ่านตอนที่ 4 : คล๊กที่นี่





2 มกราคม 2009 (บ่าย)

เกือบเที่ยงแล้วเราออกจากบ้านนากะสังเพื่อไปทานมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารทัวร์ลาว ริมน้ำตกคอนพะเพ็ง เราย้อนออกทางเดิม ตามถถนลาดยางหมด (ลูกรัง) ถึงถนนใหญ่ก็เลี้ยวขวาไปอีกประมาณ 9 กม ก็ถึงทางแยกมีป้ายบอกว่า น้ำตกคอนพะเพ็ง พอเลยทางเลี้ยวนิดหนึ่งก็เจอด่านเก็บเงินค่าเข้าชมน้ำตก ตอนนี้คนละ 10,000 กีป แล้วขับเลี้ยวซ้ายไปที่ลานจอด ถ้าขวาจะไปดูต้นมณีโคตร

ถึงลานจอดเห็นรถเพียบนึกว่าเขามีงานอะไรกัน แต่ที่ไหนได้เขาก็มาเที่ยวแบบเรานี่เอง ส่วนมากก็รถมาจากไทย

ไกด์อ๊อดเราจัดการเรื่องอาหารมื้อเที่ยงไว้ให้เราเสร็จสรรพ เลยไม่ต้องเข้าคิวรอ อีกอย่างเราถึงนี้ก็เกินเวลาอาหารเที่ยงไปนิดหน่อยแล้ว โต๊ะอื่นๆเขาทานเสร็จและออกเดินไปดูน้ำตกกันแล้ว







ร้านอาหารทัวร์ลาว คอนพะเพ็ง





ร้านอาหารทัวร์ลาวที่นั่นตั้งอยู่ใกล้ๆลานจอดรถ จัดร้านดูน่ารักดี (ทั้งในปากเซ และที่นี่) ผู้รู้บอกเราว่าเจ้าของร้านจบวิศกรรมโยธาด้วย ห้องน้ำทางด้านหลังร้านจัดให้กลมกลืนกับธรรมชาติ แต่ประดับด้วยไม้ดอก และไม้ใบตรงทางเดินพอประมาณ







มื้อเที่ยงของเรา






อาหารที่ทางไกด์เขาสั่งให้เราจะเป็นอาหารชุดคล้ายๆกับกลุ่มอื่น ที่นี่เขาเสริฟแบบเป็นรายหัว คือโดยปกติร้านทุกร้านจะราคาประมาณหัวละ 150 บาท ถ้าอาหารในชุดหมดก็ขอเติมได้โดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม ก็คล้ายๆบุฟเฟ่ท์บ้านเรา เพียงแต่มีคนเสริฟให้ ถ้าจะสั่งเพิ่ม ก็ต้องจ่ายอีกต่างหาก อาหารที่นี่ส่วนมากออกรสหวานๆ รสชาดจะไปทางอาหารเหนือเช่นน้ำพริก เพราะฉะนั้นทุกมื้อเราจะมีอาหารพิเศษของเราเสมอ คือไข่เจียว แต่คนเขียนจะมีพิเศษทุกมื้อเช่นกัน คือ เบียร์ลาว ชอบว่ามันอ่อนๆดี








ร้านขายของเก่าริมทางเดินลงไปชมน้ำตก






ทานมื้อเที่ยงเสร็จก็เดินลงไปชมน้ำตกกัน ระหว่างทางเดินเขาจะมีสินค้าหลากหลายชนิดมาวางขาย นึกถึงภาพน้ำตกแถวๆบ้านเราละกันครับ แต่ที่นี่มีทั้งปลาสดจากลำน้ำโขง (เมื่อก่อนเรามา ชอบตัวไหนก้ชี้ให้เขาเอาไปทำให้เราเลย) ของเก่าต่างๆ เช่นตะเกียงเจ้าพายุเก่าก็มี อย่างในภาพบนเขาจะเรียกว่า "ขอลอ" เอาไว้แขวนคอ วัว หรือควาย ให้เจ้าของได้ยินเสียงเมื่อมันเดินออกไปหากินไกลๆ ส่วนภาพล่างเป็นที่ตำหมากพลูของคุณป้า คุณยาย ทำจากทองเหลือง ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นแล้วในบ้านเรา








ของเก่าที่วางขาย






ป้ายน้ำตกคอนพะเพ็ง






ถัดลงไปจากร้านขายของ ซึ่งก็อยู่หน้าร้านอาหารนั่นแหละ เราจะเห็นป้ายขนาดใหญ่ เขียนว่า "คอนพะเพ็ง ไข่มุกแม่น้ำของ" หลายๆคนจะเข้าไปถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกสังเกตุใต้แผ่นป้ายหญ้าตายหมด












ก่อนจะขึ้นศาลาดูน้ำตก จะเห็นป้ายเก่าๆวาดภาพเกาะแก่งต่างๆในน้ำโขง หรือมหานทีสี่พันดอน ณ ตรงนี้แม่น้ำโขงจะมีความกว้างประมาณ 14 กม เพราะความกว้างขนาดนั้น จึงเกิดเกาะแก่งต่างๆถึงสี่พันเกาะ

ป้ายนี้เก่ามาก เรามาตอนปี 2003 ก็คือแผ่นนี้ ตอนนี้ภาพเริ่มจะลบไปบางส่วน แต่ก็ยังเป็นสิ่งที่ไกด์ทั้งหลายได้ใช้เป็นที่อธิบายให้นักท่องเที่ยวฟัง








น้ำตกคอนพะเพ็ง





คอนพะเพ็ง

เป็นน้ำตกที่ขนาดใหญ่ที่สุดในเขตแม่น้ำโขงตอนล่าง ตั้งอยู่บนแก่งหินขนาดใหญ่ขวางกั้นเส้นทางการไหลของแม่น้ำโขงทั้งสาย มีลักษณะต่างระดับกันสูงประมาณ 10-15 เมตร ซึ่งแม้จะมีชั้นของหินไม่สูงมากนัก แต่กระแสน้ำที่ไหลถาโถมลงมามีความรุนแรงมาก ด้วยแม่น้ำโขงทั้งสายไหลลงมา จากนั้นจะแยกออกเป็นหลายสาย สาเหตุเพราะแรงดันของน้ำจำนวนมหาศาลที่ไหลบ่าถาโถมกระหน่ำลงมาจากชั้นหินราวกับจะถล่มทลายแก่งหินอย่างดุดันและเกรี้ยวกราด สร้างความตื่นตาที่น่าประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว สมกับคำร่ำรือและยกย่องให้เป็น ไนแองการ่าแห่งเอเชียอาคเนย์

ความยิ่งใหญ่ของสายน้ำที่กระโจนบิดตัวปะทะแก่งหินน้อยใหญ่ จนเดือดพล่านกระจายเป็นละอองไอน้ำแทรกตัวปกคลุมอยู่ตามแก่งหินแทบทุกอณูของบรรยากาศ








ข้างเคียง







เราถามไกด์เราว่ารู้ไหมทำไมเขาเรียกว่าน้ำตกคอนพะเพ็ง ก็ได้คำตอบแบบตรงๆว่า เพราะเมื่อก่อนมีพระองค์หนึ่งธุดงค์มาจำพรรษาที่นี่ ชื่อว่า "เพ็ง" นานๆเข้าคนก็เรียกขาลที่นี่ว่า "คอนพะเพ็ง" อันนี้ก็รู้ไว้ใช่ว่า..









นักท่องเที่ยวเข้ามาชมน้ำตก






ถัดจากคอนพะเพ็งลงไปจะเป็นพื้นที่ต่ำกว่าคือประเทศกัมพูชา หรือเขมร จึงทำให้แม่น้ำโขงลดระดับจากประเทศลาวลงไป จนกลายเป็นน้ำตกมหึมาอย่างที่เห็น

ฝรั่งเศสเคยคิดจะระเบิดแก่ง เหล่านี้เพื่อให้เรือผ่านขึ้นไปถึงเวียงจันท์ แต่ก็ทำไม่สำเร็จ จึงได้สร้างทางรถไฟขนถ่ายสินค้าและสิ่งของผ่านดอดนคอน ไปลงท่าเรือที่ดอนเดช ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นทางรถห้าแถวบรรทุกนักท่องเที่ยวไปชมน้ำตกหลี่ผี...








ซูมให้เห็นใกล้ๆ






ตรงที่เราชมน้ำตกใหญ่นั้นอยู่ติดกับฝั่งโขงด้่านตะวันออก (ถ้่ดูในแผนที่จะเป็นช่องเล็กๆติดชายฝั่ง) และถัดเข้าไปจะมีน้ำตกเล็กน้ำตกน้อยเรียงรายกันไปตลอดความกว้างของสายน้ำโขง ภาพบนก็คือน้ำตกที่อยู่ติดกับน้ำตกใหญ่


ที่ศาลาจะมีช่างภาพเข้ามาชวนให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพ โดยคิดราคาแพงเหมือนกัน ถ้าจะถ่ายก็ควรตกลงราคากันให้ดีก่อน บนศาลาจะมีพื้นที่จำลองแสดงบริเวณเกาะแก่งของแม่น้ำโขงให้ผู้สนใจได้ดูด้วย








ซูมน้ำตกข้างเคียง







อีกมุม







ด้านล่าง






เลยตรงนี้ลงไปทางใต้ไม่ไกลนัก จะเป็นที่นักท่องเที่ยวนั่งเรือออกไปชมปลาข่า หรือโลมาน้ำจืด หรือโลมาอิระวะดี แต่ก็ต้องพยามอย่างมากกว่าจะได้เห็น เที่ยวนี้ทางทีมของเราไม่ได้ไปดูกัน








ไกด์สาวลาว







ลานจอดรถ







เรากลับออกมาขึ้นรถเพื่อไปดูต้นมณีโคตรที่เกิดอยู่ตรงกลางน้ำตกใหญ่คอนพะเพ็ง (สังเกตุในภาพน้ำตก ทางขวามือจะเห็นกิ่งไม้โผล่ขึ้นไป) โดยต้องขับย้อนออกมาทางที่เราเข้าไปตอนแรก แล้วเลี้ยวซ้ายลงไปไม่ไกลก็ถึงลานจอดรถ








ต้นมณีโคตร






ต้นมณีโคตร

ตามความเชื่อร่วมสมัย เป็นต้นไม้ที่ชาวลาวนับถือว่าเป็นต้นไม้คู่บ้านคู่เมือง ไกด์บอกเราว่าร้อยปีถึงจะมีผลสักครั้ง แต่ความสำคัญของต้นไม้ต้นนี้คือ มีกิ่งอยู่สามกิ่ง (ด้านบน) กิ่งหนึ่งชี้ไปทางกัมพูชา กิ่งหนึ่งชี้ไปทางลาว และอีกกิ่งจะชี้ไปทางไทย ว่ากันว่าถ้ากิ่งที่ชี้ไปทางไหนเจริญงอกงามกว่าเพื่อน ประเทศนั้นก็จะเจริญรุ่งเรืองทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งคนสายตาดีๆอย่างหนุ่มอ๊อด (อนาคตนักเศรษฐศาสตร์) ไกด์เราบอกว่า กิ่งที่ชี้ไปทางเมืองไทยงอกงามที่สุดในตอนนี้

ความศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของชาวลาวยังมีเรื่องเล่าขาลกันอีกว่า ฝรั่งเศสเคยเอาเรือมาฉุดเพื่อโค่นให้ต้นไม้มณีโคตรนี้ล้ม และเพื่อทำลายเพราะไม่อยากให้คนลาวไปเชื่อ อีกอย่างเพื่อให้คนลาวหันไปนับถือศาสนาเขา แต่ก็ทำไม่สำเร็จ








ซูมเข้ามาใกล้ๆ





ต้นมณีโคตรจากวรรณกรรมท้องถิ่นอีสาน

ต้นมณีโคตรศึกษาได้จากวรรณกรรมท้องถิ่นของอีสานเรื่องพระลักษณ์พระราม ซึ่งสำนวนแรกผู้เขียนได้ฟังจากคุณยายทองม้วน ภาคมฤกษ์(สัมภาษณ์: ๒๕๔๙) เล่าว่า

“ทศเศียรได้มาต่อสู่กับพระลักพระลามที่น้ำของ ทหารของทศเศียรโดนหุลละมานฆ่าตายถึง ๔,๐๐๐ ตน นอนตายกลางน้ำของกลายเป็นเกาะเรียกว่า สี่พันดอน เมื่อฆ่ายักษ์เสร็จจึงหักเอากิ่งไม้มณีโคตรมาช่วยรักษาชีวิตฝ่ายตน โดยไม้มณีโคตรมีสองกิ่ง คือกิ่งทางทิศตะวันออกชี้เป็น คือ ชี้คนตายให้ฟื้นได้ ส่วนกิ่งทางทิศตะวันตกชี้ตาย คือ ชี้คนให้ตายได้ จึงทำให้ฝ่ายพระลักพระลามมีชัยชนะ”

สำนวนที่สองข้อมูลจากงานเขียนของ ธวัช ปุณโณทก(๒๕๔๒:๓๔๔๘-๓๔๔๙) ซึ่งกล่าวถึงต้นมณีโคตรไว้เช่นกันว่าเป็นไม้ที่มีต้นเดียวในโลกคือที่กลางน้ำตกคอนพะเพ็ง มีลักษณะดังนี้

“ ต้นมณีโคตร มี ๓ กิ่งคือ กิ่งที่ชี้ไปทิศเหนือ ใครกินผลไม้ทิศนี้จะกลายเป็นนกยาง กิ่งที่ชี้ไปทิศใต้ ใครกินผลไม้ทิศนี้จะกลายเป็นลิงและกิ่งที่ชี้ไปทิศตะวันออก ใครกินผลไม้ทิศนี้จะกลับเป็นหนุ่มสาว มีพละกำลังมาก

เมื่อนางสีดาจันทะแจ่มถูกท้าวฮาพนาสวร(ทัศกัณฐ์) ลักไปอยู่เมืองลังกา พระลามพระลักได้ติดตามนางสีดาจันทะแจ่ม เดินทางจนเหนื่อยอ่อนมาพักอยู่ที่ใต้ต้นมณีโคตรซึ่งกำลังออกผลสุกสะพรั่งอยู่เต็มต้น พระลักไปเก็บผลกิ่งด้านทิศตะวันออกรับประทานจึงมีรูปโฉมสวยงามกว่าเดิม ส่วนพระลามไปเก็บผลกิ่งด้านทิศใต้จึงกลายร่างเป็นลิงเผือกขนาดใหญ่ พระลักเมื่อเห็นพระลามกลายร่างเป็นลิงเผือก ก็ล่อหลอกให้พระลามไปกินผลมณีโคตรกิ่งทิศตะวันออก แต่ไม่สามารถสื่อสารกับลิงพระลามได้ พระลักจึงนั่นเฝ้าลิงพระลามอยู่วันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า

กล่าวถึงฤาษีอาคมกล้าได้นางจันทะแจ่มอินทาเป็นภรรยา แต่พระอาทิตย์ลอบเป็นชู้จนได้ลูก ๒ คนคือ สังคีป(สุครีพ) และพะลีจันทร์(พาลี) ส่วนนางแก้วแพงศรีเป็นลูกที่เกิดแต่ฤาษี ฤาษีรักบุตรชายทั้งสองมาก สอนวิทยาให้ทุกอย่าง วันหนึ่งเกิดสงสัยในรูปร่างหน้าตาจึงเอาลูกทั้ง ๓ ไปเสี่ยงน้ำ ถ้าเป็นลูกตนให้ว่ายน้ำกลับมาได้ ก็มีนางแก้วแพงศรีคนเดียว

ฤาษีกลับบ้านพร้อมนางแก้วแพงศรี นางจันทะแจ่มอินทาไม่เห็นบุตรชายจึงถามนางแก้วแพงศรี นางแก้วแพงศรีจึงเล่าเรื่องเสี่ยงโยนน้ำให้ฟัง นางโกรธมากจึงจับนางแก้วแพงศรีเวี่ยงไปจนตกภูเขาลูกหนึ่ง นางเดินทางหลงป่ามาจนถึงต้นมณีโคตรจึงเก็บผลทางทิศใต้กิน กลายร่างเป็นลิงเผือกและได้สมสู่กับลิงพระลาม ออกลูกมาเป็น “หุลละมาน”(หนุมาน)

ทางพระลักล่อหลอกให้ลิงพระลามและสิงนางแก้วแพงศรีกินผลมณีโคตรทิศตะวันออกจึงกลายร่างเป็นมนุษย์ตามเดิม แต่หุลละมานกินเท่าไรก็ไม่กลายร่างเป็นคน เพราะเป็นเวรกรรมแต่ชาติปางก่อน”

จากทั้งสองสำนวนที่กล่าวถึงต้นมณีโคตรในวรรณกรรมที่แตกต่างกันบ้าง แต่ที่ทั้งสองสำนวนเชื่อร่วมกัน คือ ความศักดิ์สิทธิ์และมีอำนาจในต้นของต้นมณีโคตร และความเชื่อนั้นยังปรากฏมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งต้นไม้นี้ยังยืนยงคู่กับน้ำตกคอนพะเพ็ง เป็นสิ่งหนึ่งที่น่าชมและน่าศึกษายิ่งที่มีที่เดียวในโลกป้ายประชาสัมพันธ์ที่ทางการสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว( สปป.ลาว) จัดทำเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาข้อมูลของน้ำตกคอนพะเพ็ง จากภาพปริวรรตได้ว่า

“ คอนพะเพ็งเป็นน้ำตกที่ใหย่ที่สุดอาเซียตาเว็นออกเสียงใต้, น้ำตกคอนพะเพ็งแม่นแหล่งที่สวยงาม และปะทับใจผู้ได้มาเห็น. เซิ่งเป็นแก้งหินขะหนาดใหย่ที่กั้นทางเดินแม่น้ำของ, มีความสูงปะมาน 15 แมด และกว่างปะมาน 1 กิโลแมด. น้ำตกเปรียบสะเหมือนทำมะซาดปั้นแต่งขึ้นมา.”


ที่มา : พิมล ทองจันทร์ - ภูมิปัญญาอีสาน








ศาลเจ้าพ่อมณีโคตร






ที่ศาลจะมีคุณลุงเฝ้าอยู่ (บางคนก็เรียกแกว่าจ้ำ) เราผ่านไปเลยทำบุญกับแก ลุงเลยผูกข้อมือและอวยพรให้เรามีโชคตลอดปี และได้กลับมาเยี่ยมที่นี่อีก...สาธุ








สนามกอล์ฟ คอนพะเพ็งรีสอร์ท & กอล์ฟคลับ หลุม 1






หลังจากถ่ายภาพต้นมณีโคตรพอสมควร เราก็กลับออกมาสู่ถนนใหญ่มุ่งหน้ากลับทางปากเซ แต่เราขอให้สาระถีเราเลี้ยวซ้ายเข้าไปใน คอนพะเพ็งรีสอร์ท & กอล์ฟคลับ เพื่อสอบถามเรื่องที่พัก และสนามกอล์ฟ เราไปจอดรถที่หน้าคลับเฮ้าส์ แล้วให้หนุ่มอ๊อดไปขอข้อมูล ขณะที่ผมถือกล้องไปแอบถ่ายสนามกอล์ฟตามประสาคนเห็นสนามกอล์ฟไม่ได้ คืออยากช่วยค่ารดน้ำหญ้าในสนามเขาน่ะ....

สนามสวยสมบูรณ์พอประมาณ เพราะเพิ่งเสร็จสิ้นจากการแข่งขันกีฬาแห่งชาติมาไม่นาน ทำเลดีมากอยู่ติดแม่น้ำโขง คือระเบียงคลับเฮ้าส์แทบยื่นลงไปในแม่น้ำโขงเลยก็ว่าได้ เลยคลับเฮ้าส์เข้าไปจะเป็นสระว่ายน้ำ และรีสอร์ทที่ปลูกสลับกับต้นไม้ริมฝั่งแม่น้ำโขง ดูแล้วน่าไปพักมาก








คลับเฮ้าส์






ต่อเรื่องสนามกอล์ฟหน่อย ...ถ้าสนามนี้อยู่ในเมืองไทย และบรรยกาศแบบนั้น ผมว่าต้องเข้าคิวยาวเหยียดเลยล่ะ แต่สำหรับที่นี่ก็ไม่แน่ อนาคตอาจจะต้องเข้าคิวก็ได้....

มาครั้งก่อนเคยคุยกันเล่นๆกับเพื่อนว่าน่าจะมีใครมาสร้างสนามกอล์ฟบริเวณนี้บ้าง ตื่นเช้าเล่นกอล์ฟ สายๆไปนั่งเรือรอชมปลาโลมาน้ำจืดที่เวินคาม เย็นๆกลับมาที่น้ำตกคอนพะเพ็ง มืดหน่อยก็ที่คลับเฮ้าส์... ตื่นเช้าเล่นกอล์ฟอีกรอบ แล้วเดินทางต่อไปหลี่ผีในตอนบ่าย แล้วกลับมาพักอีกคืน ก่อนจะกลับในตอนเช้า หรือแวะแถวตาดฟาน ตาดเยือง ตาดผาส้วมก่อนก็ได้..... ดูซิว่าผมฝันได้ไกลขนาดไหน

แต่ยังเชื่อคำอวยพรของลุงจ้ำว่า "ให้ได้กลับมาเที่นี่อีก" มาแน่ๆลุง.








ทางเดินลงสู่น้ำโขง ข้างคลับเฮ้าส์






หนุ่มอ๊อดเราเดินกลับมาแทนที่จะถือโบชัวร์ กับได้แค่นามบัตรใบเดียวที่เขียนรายละเอียดการติดต่อไว้ในนั้น.. ลองดูตามที่อยู่นี้นะครับ

www.khonephaphengresort.com
E-mail : info@khonephaphengresort.com
Tel : (+856 31) 212 666-180

ให้ไว้เผื่อเพื่อนนักกอล์ฟสนใจจะไปเล่น และพักกันที่นั่น บรรยากาศริมโขง เงียบสงบ มี internet ให้ด้วย (นักท่องเที่ยวทั่วไปเขาก็รับครับ โฆษณาให้แบบฟรีออฟชาร์ทครับ)

วันที่ 3 มกราคม หลังจากที่อ๊อดไกด์เราส่งเราที่ช่องเม็กเสร็จ เขาก็จะพาแขกอีกชุดมาพักที่นี่








รีสอร์ทอยู่ตามชายโขง







ไหว้พระที่วัดกิ่งแก้ว






ออกจากสนามกอล์ฟ (ที่ไม่มีโอกาสเล่น) ก็เดินทางกลับปากเซ เลยทางแยกบ้านนากะสังมาจะเจอวัดกิ่งแก้ว อยู่ติดถนน เราเลี้ยวซ้ายขึ้นไปจอดที่ลานวัด และไปชมวิวแม่น้ำโขงที่ระเบียงวัด ก่อนจะเข้าไปไหว้พระในโบถส์ ในนั้นจะมีพระอาจารย์มาให้พรและรดน้ำมนต์ให้เราเมื่อเรา เราเลยช่วยบริจาคปัจจัยให้วัด...วันนี้นับว่าโชคดีมาก ได้ทั้งผูกแขนจากลุงจ้ำ และรดน้ำมนต์จากพระอาจารย์ในวัดกิ่งแก้ว

ส่วนที่มาของชื่อวัด ก็ตั้งตามพระที่มาจำพรรษาที่เขาแห่งนี้ พอสร้างวัดขึ้นก็เลยตั้งชื่อตามชื่อพระท่านว่า "กิ่งแก้ว"








วิวแม่น้ำโขงจากวัดกิ่งแก้ว






จากระเบียงวัดเรามองออกไปในแม่น้ำโขง ซ้ายมือร่องน้ำระหว่างสองดอน นั่นล่ะเราผ่านตรงนั้นไปดอนเดช ส่วนขวาสุดเป็นดอนโขง ดอนที่ใหญ่ที่สุดในจำนวนสี่พันดอน

พอรถออกจากวัดกิ่งแก้วได้ นักเดินทางที่ดีอย่างเราก็หลับด้วยความเมื่อยล้า ที่จริงแล้วเวลานั่งรถในที่ไหนๆในที่ไม่เคยไป ผมจะไม่ค่อยหลับ แต่เพราะถนนเส้นนี้เป็นขากลับ ที่เราได้เห็นมาก่อนแล้ว เลยถือโอกาสชาร์ทแบ๊ทเสียหน่อย มาตื่นอีกครั้งก็ถึงหลัก 13 แล้ว








หน้าตลาดของป่าหลัก 13






ตลาดแลงหลัก 13 เป็นที่ขึ้นชื่อเรื่องของป่า ของต่างๆที่ชาวบ้านหาได้ก็จะมาวางขายกันที่นี่ อ๊อดบอกเราว่าสามารถซื้อหาจากที่นี่แล้วนำไปให้ร้านอาหารเขาทำให้ได้ พรรคพวกเราไปเจอนกที่ถูกมัดขามาขายเลยซื้อ แล้วเอาไปปล่อยเสียข้างทาง ที่จริงแล้วสัตว์ป่าเราก้ไม่ควรไปเบียดเบียนเขา เช่นหลายๆสถานที่ท่องเที่ยว เช่นทางขึ้นวัดจอมพูสี หลวงพระบาง ที่ถ้ำติ่ง ก็มีเด็กจับนกมาให้นักท่องเที่ยวซื้อไปปล่อย ถ้าจะโทษก็ต้องโทษคนซื้อนั่นแหละ....

แต่ชีวิตที่อาศัยความอยู่รอดจากป่า เช่นที่นี่ ก็น่าเห็นใจ บางครั้งถ้าเขาไม่ล่า ก็ไม่รู้ว่าวันนี้จะมีชีวิตรอดไปถึงพรุ่งนี้ได้อย่างไร??









มื้อเย็นที่ร้านแสงรุ้งปลาจุ่ม






ร้านนี้หมกปลาน้ำโขง กับทอดปลาอร่อยมาก ถ้าเผื่อผ่านไปลองสั่งมาทานดูครับแล้วจะติดใจ ร้านจะอยู่ก่อนถึงปากเซนิดหน่อย ถ้าเรามาจากทางน้ำตกคอนพะเพ็ง ผักเคียงอย่างหนึ่งที่มีให้ทุกร้านคือ มะละหวานลวก








สาวเบียร์ลาว






หลังมื้อเย็นเราก็เข้าแกรนด์จำปาสักโฮเต็ล ที่อยู่ติดกับสะพานมิตรภาพ ลาว-ญี่ปุน ฝั่งปากเซ วันนั้นเราพักที่ชั้น 6 วิวสวยมาก








จำปาสักแกรนด์โฮเต็ลที่พัก







ห้องพัก











ภาพแต่งห้อง... ที่ถ่ายภาพนี้มาเพราะชอบ เลยขออนุญาติท่านผู้อ่านเอามาไว้บล๊อกนี้ด้วยครับ แม้กรอบภาพจะไม่ค่อยสวย แต่ภาพด้านในก็โดนใจ

วางของเสร็จน้ำยังไม่อาบ เปิดหน้าต่างเห็นวิวสะพานที่อาบด้วยแสงสีสวยงามมาก เลยต้องรีบลงมาเก็บภาพไว้








สะพานมิตรภาพ ลาว-ญี่ปุ่น ยามค่ำคืน







ลมวันนั้นค่อนข้างแรง ทำให้อากาศเดือนมกราคมหนาวมากขึ้น แต่เพราะอยากได้ภาพก็ต้องทน ลมพัดมาทีไรห่วงเจ้านิคเพื่อนรักที่ติดตั้งไว้บนเจ้าสามขาไม่หาย ล้มหรือเปล่าหว่า เพราะตั้งกล้องเสร็จก็วิ่งไปเข้ากล้องกับคนรู้ใจเหมือนคนบ้า แล้ววิ่งกลับมาประคองเพื่อนนิคไว้ ....








อีกมุม จากสระว่ายน้ำของโรงแรม






หนาวจนอีกคนทนไม่ไหว เลยต้องกลับเข้าโรงแรม วันนี้ไม่ถามหาห้องคาราโอเกะอีก แต่แอบไปถามห้องบรรเทิงอย่างอื่นแทน น้องคนสวยที่เค้าเตอร์บอกว่า ตอนนี้กำลังทำอยู่ยังไม่เสร็จ เราเลยขอลากลับไปนอนพักทั้งๆราตรีเพิ่งจะเริ่ม.... อย่าคิดมากสิ ก็แค่หาห้องนวดแผนโบราณ ก็มันเมื่อยนี่นา เดินทั้งวัน.








ราตรีของปากเซ




ขอจบตอนนี้ด้วยพนักงานต้อนรับสาวสวยของ Grand Champasak Hotel ครับ

สะบายดี.



พนักงานต้อนรับที่แกรนด์



อ่านตอนที่ 2 ll อ่านตอนที่ 4


_______จบตอนที่ 3_______








Create Date : 09 มกราคม 2552
Last Update : 14 สิงหาคม 2555 22:42:17 น. 19 comments
Counter : 9240 Pageviews.

 
รูปสวยมากๆเหมือนไปนั่งมองเองค่ะ
เรื่องเล่าละเอียดชวนให้อยากไปซะเดี๋ยวนี้เลย
น้ำหลากชวนให้กลัวนิดๆค่ะ
ถึงจะเป็นคนชอบน้ำมากก็เถอะค่ะ

Photobucket



โดย: Sweety-around-the-world วันที่: 9 มกราคม 2552 เวลา:21:17:38 น.  

 
ถ่ายภาพออกมาสวยมากเลยครับ เห็นแล้วอยากไปเที่ยว โดยเฉพาะเพลงประกอบฟังแล้วอยากไปเป็นเขยเมืองลาวจริง ๆ หนอ

โชคดีมีความสุขตลอดปี 2552 นะครับ


โดย: p_pyai วันที่: 9 มกราคม 2552 เวลา:22:34:03 น.  

 
สวัสดีครับ Sweety....
ขอบคุณครับที่แวะมา....ถ้าไปดูด้วยตาจะได้ความเพลิดเพลิน และความงดงามมากกว่านี้ครับ....เห็นธรรมชาติที่เมืองลาวคราวใด คิดถึงเชียงใหม่เมื่อก่อนมากเลยครับ.

สวัสดีครับ p_pyai.....
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมบล๊อกครับ เรื่องถ่ายภาพ คงต้องลองผิดลองถูกอีกนานครับ...ส่วนเพลงผมว่ามันได้อารมณ์ดีนะครับ เหมือนใครกำลังยืนเหม่อแถวน้ำตกยังไง ยังงั้นล่ะ...โชคดีมีสุขตลอดไป เช่นกันครับ


โดย: wicsir วันที่: 9 มกราคม 2552 เวลา:23:07:28 น.  

 
คนลาวเรียกว่า ดอนเดด หรือ เดช ในภาษาไทย กับดอนคอน ดอนโขง และอีกหลายๆดอน หรือ เกาะ


โดย: In Trend IP: 96.255.16.241 วันที่: 10 มกราคม 2552 เวลา:3:09:33 น.  

 
ขอบคุณ In Trend ครับ สำหรับความรู้ที่แบ่งปัน
ตัวผมเองก็สงสัยเหมือนกัน "เดด" ว่าที่ถูกเวลาเขียนเป็นภาษาไทยแล้วเขียนอย่างไร.... ขอบคุณสำหรับคำว่า "เดช" ที่กรุณาแนะนำครับ.


โดย: wicsir วันที่: 10 มกราคม 2552 เวลา:7:09:30 น.  

 
เสเจ๋อหลาย มิได้ไปลิ่นสี่พันดอน ลาวเว้าว่างามขนาด เทื่อหน้าจิลองไปเบิ่งให้เห็นกับต๋า


โดย: น้องติ๋ม วันที่: 10 มกราคม 2552 เวลา:7:52:20 น.  

 
หวัดดีครับ น้องติ๋ม..... ลองหาเวลาไปเบิ่งซักครั้งนะครับ ลาวเขาร่ำรวยด้วยธรรมชาติ และน้ำใจน่ะ สองสิ่งนี้กำลังจะหาไม่ได้ในเมืองไทยแล้วครับ.


โดย: wicsir วันที่: 10 มกราคม 2552 เวลา:15:46:19 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

ตามมาเที่ยวต่อ
น้ำตกสวยจังเลย
ไกด์สาวก็น่ารักจัง
ยังไงไปไหนต่อก็มาเคาะบอกกันอีกนะครับ
................................................................

รบกวนขอที่อยู่หลังไมค์ด้วยนะครับ
เดี่ยวจะส่งโปสการ์ดไปให้
ขอบคุณครับ


โดย: chalawanman วันที่: 10 มกราคม 2552 เวลา:18:54:42 น.  

 
ไปแน่นอนค่ะ ชอบเมืองลาวด้วย อิๆ

ปล. ชอบเพลงนี้มาก หาโหลดได้ที่ใหนอ่ะ


โดย: น้องติ๋ม วันที่: 10 มกราคม 2552 เวลา:20:31:28 น.  

 
สวัสดีครับ Chalawanman....... ไปดูที่หลังไมค์เลยครับ

สวัสดีครับ น้องติ๋ม ..... ลองดูที่ //www.imeem.com ได้ครับ
หรือลองคลิ๊กที่ คอลโซลในหน้านี้ดูครับ.


โดย: wicsir วันที่: 11 มกราคม 2552 เวลา:7:17:35 น.  

 
อ้อ.... ตามมาบล็อกนี้ ก็รู้คำตอบ ที่ถามไว้บล้อกตอนก่อนว่า ..... ตกลงพี่ได้ไปดูโลมาไม๊... ตอนนี้ก็ได้คำตอบแล้วค่ะ.... ว่าไม่.... อิอิ

น้ำตกที่ลาวจะน่ากลัวจังเลย..... แต่จะสวยมาก ๆ ค่ะ ชอบโขดหินมาก ๆ .... สวย ดุดีค่ะ....
................................

สาวเบียร์ลาว นี่เปรียบเหมือนสาวเชียร์เบียร์บ้านเรารึป่าวคะ.... ถ้าบ้านเราแต่งตัวแบบนี้บ้าง..... เบียร์คงขายไม่ออกแน่ ๆ.... แต่อยากให้สาว ๆ บ้านเรา แต่งตัวเหมือนสาวลาวจัง... สวย น่ารัก มีเสน่ห์สุด ๆ เลยค่ะ..... ว่าไม๊คะพี่.. อิอิ

เอ๊ะ รึพี่ชอบแบบสาวไทย....


โดย: largeface วันที่: 12 มกราคม 2552 เวลา:15:55:19 น.  

 
หวัดดีครับ largeface ....... คุยเรื่องสาวเบียร์ลาวหน่อย วันนั้นเธอใส่เสื้อแจ๊คเก็ทสีเหลือง ดูเทอะทะไปหน่อย เธอบอกว่าไม่มั่นใจน่ะ...สงสัยจะหนาว

ปกติเขาจะใส่ชุดประจำชาติ แบบหนัง "สะบายดีหลวงพระบาง" นั่นแหละ.....พี่ว่ามันย้อนยุค น่ารักอีกแบบ แต่ถ้าอยู่ กทม. เบียร์คงขายยากส์แบบว่านั่นแหละ...... ที่บล๊อก "เยือนหลวงพระบาง กลางเดือนธันวา" ก็มีสาวคาร์ลเบอร์ก ชุดเขียวก็น่ารักดี.....

ขอบคุณที่แวะมาคุยนะครับ.


โดย: wicsir วันที่: 12 มกราคม 2552 เวลา:16:26:12 น.  

 
ตามมาชมๆๆๆ
น้ำตกคอนพะเพ็งสวยอีกแล้วคับท่าน


โดย: toonii (ซากุระสีชมพู ) วันที่: 24 มกราคม 2552 เวลา:17:36:49 น.  

 
สาวเชียร์เบียร์ที่นี่ ตัวเล็กๆ น่ารักดี ขออนุญาติ จขบ.แก้ไข หลัก 13 ที่เป็นตลาดขายของป่านะคะ เค้าเอิ้น หลัก 14 ค่ะ ที่นี่ มีผักตามชนบท สดๆ แต่ข้าเจ้าทำงานอยู่แถว เฮือนบิน(สนามบิน) ค่ะ เลยไม่ค่อยได้ไปบ่อย แต่สนใจ อยากพักคอนพะเพ็งรีสอทจังเด๋วว่างๆ ไปพักดีกว่า
ขอบคุณนะคะที่ให้ข้อมูล ^^


โดย: อิเหนา IP: 202.62.109.139 วันที่: 10 กรกฎาคม 2552 เวลา:9:27:02 น.  

 
หวัดดีครับ......

ซากุระสีชมพู...... ขอบคุณที่แวะมาครับ

อิเหนา...... ขอบคุณครับ ได้เลย บ่มีปัญหา


โดย: wicsir วันที่: 12 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:02:54 น.  

 
อยากไปซื้อของเก่า


โดย: ราย IP: 112.142.169.237 วันที่: 23 ธันวาคม 2552 เวลา:12:29:47 น.  

 
ขอบคุณค่ะสวยมากๅอยากไปมาก
เลยสักวันหนี่ง


โดย: ning IP: 86.156.170.5 วันที่: 27 กรกฎาคม 2553 เวลา:2:28:53 น.  

 
ไปมาาแล้วสวยมากอยากไปอีกที่ลาวตอนที่ไปอากาศดีมากเย็นสบายคนที่นั้นใจดีมากเลย
น่าจะไปซื้อที่ที่นั้นอยุ่มั้ง น่าอยู่สุดๆ ไปมาเกือบหมด แต่ที่ยังไม่ได้ไปก้อที่หลวงพระบาง อยากไปมากๆๆใครไปที่ลาวไม่ผิดหวังเลย คนที่นั้นใจดีกว่าคนไทยอีก มีน้ำใจกว่าตั้งเยอะ ปีหน้า เจอกันจ๊ะ ลาว


โดย: charotte IP: 172.16.3.9, 172.16.3.9, 127.0.0.1, 210.1.7.100 วันที่: 24 สิงหาคม 2554 เวลา:10:14:14 น.  

 
น้ำตกยิ่งใหญ่และสวยมาก ๆ ค่ะ


โดย: nuch9981 วันที่: 22 เมษายน 2555 เวลา:12:21:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wicsir
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]











...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......


อยากจะบอกว่า

@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว

@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.

@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...


ด้วยจริงใจ
นาย wicsir.




Rec. 11.06.08
New Comments
Group Blog
 
 
มกราคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
9 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add wicsir's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.