....OUR FAMILY'S JOURNEY....

+ สีสันช่วงใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่น 1 ... ณ โตเกียว +












อัพบล๊อกวันนี้จะพาแฟนๆไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีกันครับ ภูมิภาคที่เราเลือกไปปีนี้ก็คือจากโตเกียวเรื่อยลงไถึงโอซาก้า หลักๆก็จะไปปักหลักแถวๆเกียวโตครับ

Smiley ทริปนี้เกิดขึ้นเนื่องจากทางครอบครัวเราตกลงกันว่าจะพาคุณยายไปเปิดหูเปิดตาที่ญี่ปุ่นกัน ส่วนตัวเจ้าของบล๊อกเองก็เคยเดินทางไปละแวกนั้นหลายครั้งแล้ว แต่ต่างเวลา ต่างฤดูกัน ไปคราวนี้จึงอยากไปชมใบไม้แดงที่ญี่ปุ่นที่ว่ากันว่าสวยงามนัก จะสวยสมคำรำ่ลือกันหรือไม่เดี๋ยวคงได้ชมกันครับ .... วิธีการเดินทางในญี่ปุ่นนั้นเราเลือกเอาแบบสบายๆ เพราะมีคุณยายเดินทางไปด้วย จึงเลือกเช่ารถตู้ที่ญี่ปุ่นโดยรวมคนขับเข้าไปด้วย ส่วนราคานั้นก็สูงพอสมควร สูงตามค่าครองชีพในญี่ปุ่นนั่นแหละครับ แต่ราคาที่เราเช่าเขาก็รวมทุกอย่างในนั้นหมดแล้ว เช่นค่าทางด่วน ค่าน้ำมัน ค่าที่จอดรถ ค่าที่พักคนขับและอาหารด้วย เราไปกัน 5 คนจึงเลือกเอารถตู้ VIP แบบ 9 ที่นั่ง เพราะจะได้วางกระเป๋าไปด้วยแบบสบายๆ  

กำหนดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น ก็ 6 วันครับ จาก 23-29 พย. 2018 เดินทางแบบถึงไหนพักนั่น ไม่ย้อนกลับที่เดิน การจองโรงแรมจึงเลือกเอาจุดที่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวมากที่สุด โดยราคาพอเหมาะกับกระเป๋าสะตังค์เราครับ ... คนพร้อม รถจองแล้ว โรงแรมจองแล้ว ป๊ะเราไปกันSmiley



ด้านหน้าด้านหน้าตลาดปลา Tsukiji


การเดินทางเราเริ่มจากเมืองขอนแก่นโดยสายการบินไทยสไมล์ไปลงสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อต่อสายการบิน Cathey Pacific ในเวลา 19.10 น. ไปลงที่ฮ่องกง และต่อไปญี่ปุ่น ... ที่เราเลือกคาเธ่ย์แปซิฟิคเพราะเหตุผลเรื่องราคา และเวลาที่ถึงและกลับจากญี่ปุ่น โดยราคาก็ถูกว่าสายการบินที่บินตรงกว่าหมื่นบาท ส่วนเวลาที่ไปถึงก็เช้ามืด 05.45 น. ที่โตเกียว ฮาเนดะ ส่วนวันกลับ 29 พย. 2018 ก็ออกจากสนามบินคันไซ โอซาก้า 19.10 น. เราจึงมีเวลาที่จะเที่ยวได้ 6 วันเต็มๆครับ

เราถึงสนามบินฮาเนดะตามกำหนดการ เครื่องบินคาเธ่ย์แปซิฟิคให้บริการดีสมกับการจัดอันดับสายการบินเลยล่ะครับ ... ถึงสนามบินฮาเนดะโดยต้องกรอกใบ ตม.และตอบคำถามศุลกากรในใบเหลืองแบบง่ายๆครับ นักท่องเที่ยวไทยสามารถพำนักในญี่ปุ่นได้ 14 วัน โดยไม่ต้องมีวีซ่า ส่วนวิธีการกรอกใบ ตม. ก็หาดูได้ตามเวปที่เขารีวิวไว้ไม่ยากครับ ส่วนการผ่าน ตม.ก็ไม่ยุ่งยากครับ

จาก ตม. เมื่อรับกระเป๋าแล้ว เราก็รอรถตู้ที่เช่าไว้ เพราะนัดเขาไว้ 8.30 น. มีอย่างหนึ่งที่จะขาดไม่ได้คือเรื่องโทรศัพท์ที่จะติดต่อกันกับรถครับ เราซื้อ Sim2Fly ของ AIS ไปเมื่อถึงญี่ปุ่นก็ใส่แทนซิมเก่าเราและเปิด Romimg data ก็ใช้ได้เลย เครือข่ายของเขาเป็น Soft Bank ที่ญี่ปุ่น 6 วันที่ใช้ก็รื่นดีนะครับ เวลาโทรหากันก็ใช้โทรทางไลน์นั่นแหละสะดวกดี (และไม่เสียตังค์เพิ่ม) ... พอ 8.00 น. น้องคนขับก็มารับเรา และพาเราเดินทางเข้าโตเกียวเพื่อทานข้าวที่ตลาดปลาซึกีจิ (Tsukiji Fish Market) ซึ่งตลาดนี้มีการประมูลปลากันที่นี่ แต่ปัจจุบันย้ายออกไปแล้วเหลือแต่ที่ขาย ส่วนร้านอาหารนั่นมีมากมายราคาก็ไม่แพงด้วย เราทานมื้อเช้ากันที่นั่นก่อนออกเที่ยวครับ


ปลาที่วางขายในตลาด

อิ่มหนำสำราญด้วยอาหารเช้าแบบง่ายๆตามแบบฉบับเรา ก็ถึงเวลาที่จะเที่ยวแล้วสิ แต่คุณยายเดินทางไกลต่อเครื่องหลายทอด เลยจำเป็นต้องพักก่อน นอนให้หาย Jet Lag ที่โรงแรมก่อนในช่วงเช้า โรงแรมที่ญี่ปุ่นส่วนมากเขาจะให้เช็คอินได้ก็ช่วงบ่ายๆครับ ส่วนเช็คเอาท์นั้นก็ไม่เกิน 11 โมง อย่างโรงแรมที่พักวันนี้ก็คือ Ueno Hotel ใกล้ๆสถานีรถไฟอุเอโนะนั้นก็ให้เช็คอินได้บ่าย 3 โมง เราเลยจองห้องหนึ่งไว้ล่วงหน้าในคืนวันเดินทาง รวมกับวันนี้ก็ 2 คืนล่ะครับ เตรียไว้คุณยายแกพัก

ส่งคุณยายและคุณภรรยาที่โรงแรมเสร็จ เราสามคนที่เหลือก็ออกตระเวนกรุงโตเกียวกันล่ะ ... สำหรับโปรแกรมการเดินทาง เราเป็นคนทำขึ้นเองตามความอยากไปและเหมาะสมกับวัยของทีมเราด้วย วันนี้จึงจัดง่ายๆ สบายๆ คือ ไปทานข้าวที่ตลาดปลา ต่อด้วยชมสถานีโตเกียว แล้วไปถ่ายภาพพระราชวังอิมพีเรียลซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน จานั้นก็จะไป Odaiba และกลับมารับอีกสองคนไปวัดอาซากุสะด้วยกัน



สะเต๊กปลา  500 เยน คนเข้าคิวกันเยอะพอควร



มหานครโตเกียว

สถานีรถไฟโตเกียว (Tokyo Station) ... ไม่ว่าคุณจะเดินทางไปที่ไหนในประเทศญี่ปุ่น จุดเริ่มต้นการเดินทางที่สำคัญที่สุดสำหรับรถไฟชิงกังเซนก็ คือ ที่สถานีรถไฟโตเกียว (Tokyo Station) หลังจากที่ปิดม่านคลุมมาหลายปีเพื่อทำการบูรณะอาคารสถานีเก่าแก่โบราณ จนกระทั่งวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ.2012 อาคารเก่าแก่รูปแบบสถาปัตยกรรมยุโรปแห่งนี้ก็ได้เผยโฉมให้ผู้คนได้ชมกันอีกครั้ง พร้อมกับความยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าในอดีต มีการเพิ่มโซนโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว (Tokyo Station Hotel) ห้างสรรพสินค้าสุดหรูหรา Daimaru โซนบริการนักท่องเที่ยวและผู้มาใช้บริการ JR East Travel Service Center ซึ่งเป็นสถานที่รับพาสต่างๆเพื่อเปิดใช้งาน และเปลี่ยนโครงสร้างฐานของอาคารทั้งหลังใหม่นี้ด้วยคอนกรีตที่มีระบบป้องกันแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวแทนเสาไม้เค้ายันแบบเก่าอีกด้วย




สถานีรถไฟโตเกียวที่ยังรักษาความเก่าแก่ของรูปแบบอาคารไว้อย่างดี



รถบัสแบบ sight seeing Hop-on Hop-off ก็ผ่านมาทางนี้ด้วย


อาคารสถานีโตเกียวเปิดให้บริการครั้งแรกในวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ.1914 มีจำนวนชั้นทั้งหมด 3 ชั้น ออกแบบโดยสถาปนิกชาวญี่ปุ่นชื่อคินโกะ ทัตสึโนะ รูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นแบบยุโรป ลักษณะคล้ายคลึงกับอาคารสถานีรถไฟกลาง Amsterdam Centraal ประเทศเนเธอร์แลนด์ อาคารสถานีรถไฟแห่งนี้อยู่คู่โตเกียวมาเนิ่นนาน จนถึงวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ.1945 แต่ตัวอาคารแห่งนี้ได้ถูกทำลายอย่างย่อยยับโดยระเบิดจากหมู่บิน B29 ของฝ่ายสัมพันธมิตรเหลือแต่เพียงโครงสร้างภายนอก อาคารแห่งนี้จึงถูกบูรณะขึ้นมาใหม่หนึ่งปีให้หลัง แต่ได้มีการปรับรูปแบบอาคารเหลือเพียง 2 ชั้น และโดมกลมทั้งสองฝั่งของอาคารถูกเปลี่ยนให้เป็นหลังคาทรงจั่วธรรมดา จนกระทั่งปีค.ศ.1999 สภาเมืองโตเกียวและ JR East ได้ร่วมกันวางแผนก่อสร้างโครงการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีและปรับปรุงอาคารสถานีแห่งนี้ให้งดงามเหมือนดังเช่นที่เคยเป็นเมื่อครั้งแรกสุด และโครงการก็เริ่มก่อสร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ.2002 ซึ่งแล้วเสร็จทั้งหมดแล้วในปัจจุบัน ใช้เวลาก่อสร้างรวมกันทั้งหมด 5 ปี 6 เดือน สนนราคาค่าก่อสร้างโครงการทั้งหมด 50,000 ล้านเยน หรือประมาณ 17,000 ล้านบาท

สถานีมีชานชาลาทั้งหมด 31 ชานชาลา มีทั้งชาลารถไฟฟ้าธรรมดา รถไฟด่วนชิงกังเซน และสถานีรถไฟใต้ดินอยู่ใต้ดิน ซึ่งสถานีแห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางของรถไฟสายต่างๆไปยังภูมิภาคอื่นๆในญี่ปุ่น ถ้าคุณอยากจะไปอะคิตะ ชินอะมาโมริ หรือฮอกไกโด คุณต้องใช้บริการ Tohoku Shinkansen ถ้าคุณอยากไปนาโกย่า เกียวโต โอซาก้า หรือทางใต้ลงไป คุณต้องใช้บริการ Tokaido Shinkansen สถานีมีทางเข้าออกอยู่สองฝั่งคือ ฝั่ง Marunouchi ที่เป็นอาคารรูปทรงโบราณ และ Yaesu ที่เป็นฝั่งห้างสรรพสินค้า Daimaru ทรงตึกเป็นกระจกรูปทรงทันสมัย ที่ชั้นใต้ดินของสถานีมีโซน First Avenue Tokyo Station แหล่งรวมของฝากและขนมอร่อยๆชื่อดังทั่วโตเกียวอยู่อีกด้วย

จุดเด่นที่สร้างความประทับใจให้กับตัวผมเมื่อได้มาสัมผัสกับสถานีแห่งนี้ภายหลังปรับปรุง คือ ความงดงามของโดมกลมสองฝั่งของอาคารที่ตกแต่งลวดลายได้วิจิตรงดงามมาก เมื่อได้เดินออกไปพบกับสถาปัตยกรรมภายนอกของอาคารยิ่งสร้างความประทับใจให้ผมมากยิ่งขึ้น เพราะสวยงามจนภาพถ่ายไม่สามารถเก็บรายละเอียดออกมาได้ดีเท่าตาเห็นเองเลยจริงๆ หากใครแวะเวียนมาที่สถานีรถไฟแห่งนี้ไม่ควรพลาดที่จะถ่ายรูปอาคารเก็บไว้นะครับ










สุดปลายถนนที่มองเห็นต้นแปะก๊วยสีเหลือนั้นคือเส้นทางหน้าพระราชวังอิมพีเรียล



ต้นแปะก๊วยที่ปลูกมากมายริมถนนในกรุงโตเกียว



ดอกนี้ไม่รู้จักชื่อ อยู่หน้าโตเกียวสเตชั่น เห็นสวยดีเลยถ่ายมาให่ชม


ออกจากชมสถานีโตเกียวแล้วเราเอารถไปจอดตรงปลายถนน ตรงต้นแปะก๊วยเยอะๆ ที่ใบกำลังเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทั้งต้นสวยงามมาก ด้านข้างจะเป็นสวนญี่ปุ่นมีต้นสนเตี้ยๆ พื้นปลูกหญ้าเขียวขจี ข้ามถนนไปจะเห็นลานหินและสวนญี่ปุ่น ส่วนเลยเข้าไปจะเป็นพระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Palace) เห็นอาคารสีขาวหลังคาสีดำรูปทรงเหมือนปราสาทโอซาก้า ส่วนด้านหน้าคือสะพานที่นักท่องเที่ยวชอบไปแอคชั่นถ่ายภาพด้วย นั่นคือ "สะพาน Nijubashi" หรือที่นักท่องเที่ยวบ้านเราชอบเรียกว่า สะพานแว่นตา ครับ





ใบแปะก๊วยเอามาให้เห็นชัดๆ



เรามาจอดรถแถวนี้เพื่อชมต้นแปะก๊วย



ถ่ายย้อนกลับมาจากด้านหน้าพระราชวังอิมพีเรียล


พระราชวังโตเกียวอิมพีเรียล(Tokyo Imperial Palace) นับว่าเป็นเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งในโตเกียวที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวเป็นอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้ เนื่องจากมีทั้งสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่าที่บ่งบอกถึงความเป็นมาที่ยาวนานของชนชาติญี่ปุ่น อีกทั้งยังสามารถเดินทางมาได้ง่ายๆ โดยสามารถนั่งรถไฟมาลงที่สถานีโตเกียวแล้วเดินประมาณ 10 นาทีก็ถึงแล้ว พระราชวังแห่งนี้นั้นตั้งอยู่บนที่ที่เคยเป็นปราสาทเอโดะในสมัยก่อน ในอดีตสมัยเอโดะนั้นเป็นที่อยู่ของท่านโชกุนโทคุงาวะ ผู้ปกครองญี่ปุ่นในช่วงระหว่างปี 1603-1867 แต่ในปี 868 ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง และได้ย้ายเมืองหลวงจากเกียวโตมายังโตเกียว จึงได้มีการสร้างพระราชวังแห่งนี้ขึ้นแทนปราสาทเอโดะ

โดยปัจจุบันก็ยังเป็นอยู่ประทับของราชวงศ์ญี่ปุ่นด้วย บริเวณรอบๆของพระราชวังเป็นพื้นที่ของสวนขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยคูเมืองและกำแพงหิน จากทางเข้าชมด้านหน้าของพระราชวังอิมพีเรียล นักท่องเที่ยวสามารถชมสะพานได้ซึ่งจะมีอยู่ 2 สะพาน (คือสะพาน Nijubashi สะพาน แว่นตา กับสะพานเหล็ก) ปกติแล้วการเข้าชมเนี่ยจะต้องมีทำการจองทัวร์ล่วงหน้าก่อนเท่านั้น ทำได้โดยการติดต่อไปยังสำนักพระราชวัง ซึ่งทัวร์นี้ก็จะสามารถเข้าไปชมบริเวณรอบๆของตัวปราสาทแห่งนี้ เพียงแต่จะสามารถเข้าไปเยี่ยมชมด้านในปราสาทได้ เพราะส่วนด้านในของพระราชวังนั้นโดยปกติจะไม่ได้เปิดให้เข้าชม ยกเว้นวันที่ 2 มกราคม และวันที่ 23 ธันวาคม ทางสำนักพระราชวังได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปพระราชวังได้ และได้เห็นราชวงศ์ของญี่ปุ่นที่จะออกมาพบประชาชนบริเวณระเบียงของพระราชวัง เรียกได้ว่าถ้าใครอยากจะได้เข้าไปชมด้านในอีกทั้งยังได้พบราชวงศ์ของญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ คงต้องแพลนการเที่ยวตามวันที่กำหนดไว้เท่านั้น





ด้านหน้าพระราชวังอิมพีเรียล



สะพาน Nijubashi หรือ สะพานแว่นตา


สะพานที่ใช้ข้ามไปยังพระราชวังอิมพีเรียล เดิมทีเป็นสะพานไม้ 2 ชั้นชื่อว่านิจูบาชิ (Nijubashi แปลว่า สะพาน 2 ชั้น) ภายหลังมีการสร้างใหม่เป็นสะพานหิน มีรูปร่างเป็นครึ่งวงกลม เมื่อสะท้อนกับผิวน้ำมีลักษณะคล้ายแว่นตาจึงเรียกสะพานนี้ว่าเมงาเนะบาชิ (Meganebashi แปลว่า สะพานแว่นตา) สะพานแห่งนี้เป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมของนักท่องเที่ยว โดยจะนิยมมาช่วงเช้าเพื่อที่จะได้เห็นแสงสะท้อนคล้ายแว่นตา



สะพานเหล็ก เลยสะพานแว่นตาเข้าไป



ตัวอาคารพระราชวังอิมพีเรียล ถ่ายจากระยะไกล



สวนญี่ปุ่นรใกล้ๆพระราชวัง


ออกจากพระราชวังอิมพีเรียล เราก็เดินทางต่อไปหาอะไรทานกันในมื้อเที่ยง ซึ่งตามโปรแกรมที่วางไว้ก็จะไปชมอ่าวโตเกียวที่ Odaiba อยู่แล้ว ก็เลยเลือกที่นั่นเป็นที่ทานมื้อกลางวันกัน (กลางวันแบบบ่ายๆ)  

โอไดบะ (Odaiba) เป็นเกาะที่สร้างขึ้เองด้วยน้ำมือมนุษย์ครับ และเป็นที่รวบรวมเอาสรรพสิ่งไม่ว่าจะเป็น ศูนย์การค้า ออนเซ็น เทพีสันติภาพจำลอง Palatte Town ที่มีห้างดังๆอยู่ที่นั่น ข้างๆมีชิงช้าสวรรค์ เฟอร์ริสวีล (Ferris Wheel) พิพิธภัณฑ์ โตโยต้า (Toyota Mega Web), ห้างสรรพสินค้า Divercity Tokyo Plaza ที่มีหุ่นยนต์กันดั้ม (Gundam) ขนาดเท่าของจริง และยังมี ห้าง Aquacity Odaiba ที่อยู่ติดกับเทพีเสรีภาพจำลอง...เราไปหามื้อเที่ยงและเบียร์อาซาฮีดื่มแก้เมื่อยที่นั่น ก่อนเดินชมรอบๆ ... นอกจากนั้นก็ยังมี ออนเซ็น เอโดะ โมโนกาตาริ (Oedo Onsen Monogatari) และ ตึกฟูจิทีวี (Fuji TV Building)

ในอ่าวมีสะพานข้ามอ่าวยังมองเห็นสะพานสายรุ้ง หรือ Rainbow Bridge เป็นแบล๊คกราวนด์ให้กับเทพีเสรีภาพด้วย .... ขณะรถวิ่งเข้าไปในเกาะจำลองโอไดบะนี้เรายังเห็นสนามกีฬาต่างๆที่กำลังสร้างเพื่อรองรับการแข่งขันโอลิมปิกที่กำลังจะจัดขึ้นที่โตเกียวในเร็วๆนี้ด้วย

ส่วนการเดินทางมาที่โอไดบะมาได้โดย : รถไฟ สาย JR Rinkai Line & Yurikamome ครับ




Aquacity Odaiba



ขายมันเผา...มีหลายภาษาด้วย (เทคนิคดีมาก)



เทพีเสรีภาพจำลอง



อ่าวโตเกียวและสะพานสายรุ้ง



เดินชมอ่าวโตเกียวหน้าอควาซิตี้ โอไดบะ ... สะพานสายรุ้งอยู่ด้านหลัง


จากโอไดบะ เราเดินทางไปรับคุณยายและคุณภรรยาที่โรงแรมอุเอโนะ แล้วเดินทางไปไหว้พระกันที่วัดอาซากุสะ ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมนัก ... ต้องบอกเลยนะครับว่าวัดนนี้ผู้คนเดินทางมาไหว้พระกันมากมาย มากจนชนิดที่ว่าเดินเบียดเสียดกันตลอด สิ่งของเครื่องใช้ที่ติดตัวไปควรระวังให้ดีด้วย แม้ว่าประเทศญี่ปุ่นจะขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่ปลอดภัย ไม่ค่อมีเรื่องฉกชิงวิ่งราวก็ตาม แต่คนที่แฝงเข้าไปนั้นก็มีด้วยเช่นกันครับ



ด้านหน้าทางเข้าถนนนากามิเสะ


วัดเซ็นโซ หรือ วัดอาซากูซะ

วัดเซ็นโซ หรือที่รู้จักกันในชื่อ วัดอาซากูซะ เป็นวัดพุทธในย่านอาซากูซะ แขวงไทโต โตเกียว เป็นวัดที่เก่าแก่และมีความสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียว สถานที่ดั้งเดิมถูกระเบิดเผาทำลายไปเกือบหมดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ตัววัดปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมด แรกเริ่มเคยเป็นวัดในสายเท็นได ต่อมาได้แยกเป็นอิสระหลังสงครามโลกครั้งที่สอง บริเวณติดกับวัดเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าอาซากูซะ ซึ่งเป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโต

วัดเซ็นโซเป็นสถานที่จัดเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดและได้รับความนิยมมากที่สุดในโตเกียว เทศกาลมีระยะเวลา 3-4 วัน ในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ ระหว่างนี้ถนนใกล้เคียงจะปิดการจราจรตั้งแต่เช้าจนถึงหัวค่ำ

ที่ทางเข้าวัดมีประตูขนาดใหญ่ เรียกว่า ประตูคามินาริ (Kaminari-mon) หรือ "ประตูอสุนี" บนคานประตูแขวนโคมกระดาษขนาดใหญ่มีความสูงกว่า 5.5 เมตร ที่มีรูปสายฟ้าและเมฆเขียนด้วยสีดำและแดง ในบริเวณวัดเป็นที่ตั้งของเจดีย์ 5 ชั้น และอาคารหลักที่เป็นที่ประดิษฐานพระโพธิสัตว์คันนง (Kannon Bosatsu)

ทุกปีจะมีนักท่องเที่ยว ทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติจำนวนมาก เดินทางมาเยี่ยมชมวัดเซ็นโซ บริเวณรอบๆวัดจึงมีร้านค้าขายสินค้าและอาหารพื้นเมืองญี่ปุ่นมาวางขายจำนวนมาก โดยเฉพาะที่ถนนนากามิเสะ ซึ่งทอดยาวตั้งแต่ประตูสายฟ้าไปจนถึงบริเวณวัด สองข้างถนนเต็มไปด้วยร้านค้าเล็ก ๆ ขายของที่ระลึกต่าง ๆ เช่น พัด ภาพวาดแผ่นไม้ ชุดกิโมโน เสื้อคลุมแบบต่าง ๆ ม้วนภาพเขียน ขนมหวานพื้นเมือง ไปจนถึงหุ่นยนต์ของเล่น เสื้อยืด หรือของประดับโทรศัพท์มือถือ

ตู้บริจาคใบโต ไกด์แนะนำว่าให้โยนเหรียญบริจาคลงไป และควรจะบริจาคเป็นเหรียญที่มีเลข 5 ทั้ง 5 เยน 50 เยน หรือ 500 เยน ซึ่งให้ความหมายที่ว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง [1]

ในบริเวณวัดยังมีสวนที่เงียบสงบ ซึ่งได้รับการดูแลรักษาให้เป็นสวนแบบญี่ปุ่นไว้ได้อย่างดี



ประตูคามินาริ (Kaminari-mon) หรือ "ประตูอสุนี"



เข้าแถวบริจาคเหรียญยาวเหยียด

ประวัติ

วัดเซ็นโซ นี้สร้างขึ้นเพื่อบูชาพระโพธิสัตว์คันนง ตามตำนานกล่าวไว้ว่า ประมาณปี ค.ศ. 628 มีชาวประมง 2 พี่น้อง ชื่อว่า ฮิโนกูมะ ฮามานาริ และฮิโนกูมะ ทาเกนาริ ทุกวันจะออกหาปลาที่แม่น้ำซูมิดะ มีอยู่วันหนึ่ง วันนั้นทั้งวันจับปลาไม่ได้สักตัว จึงอธิษฐานขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้จับปลาได้สักตัว เพื่อกลับไปทานเป็นอาหารเย็น พอเหวี่ยงแหออกไป สิ่งที่ติดแหขึ้นมา กลับเป็นพระพุทธรูปเจ้าแม่กวนอิมทองคำ สูง 5 นิ้ว จึงนำไปให้หัวหน้าหมู่บ้านของทั้งสองชื่อว่า ฮาจิโนะ นากาโมโตะ หัวหน้าหมู่บ้านได้ตระหนักถึงความศักดิ์สิทธิ์ขององค์เจ้าแม่กวนอิม จึงได้เปลี่ยนแปลงบ้านของตนในอาซากูซะให้กลายเป็นวัดขนาดเล็ก เป็นที่ประดิษฐานพระโพธิสัตว์ เพื่อให้คนในหมู่บ้านมากราบไหว้บูชา ทั้งชาวบ้านและเหล่าซามูไรมักจะเดินทางมาขอพรจากเจ้าแม่กวนอิมเป็นประจำ และสิ่งที่ขอพรไปนั้นก็มักจะสมปรารถนาอยู่เสมอ ๆ ทำให้ชาวบ้านและเหล่าซามูไรมีความเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมาก ชื่อเสียงในความศักดิ์สิทธิ์ขององค์เจ้าแม่กวนอิมนี้ ได้แพร่กระจายไปทั่วญี่ปุ่น มีคนจากทั่วสารทิศเดินทางมาวัดอาซากูซะเพื่อสักการะองค์เจ้าแม่กวนอิม จนล่ำลือไปถึงท่านโชกุน ท่านโชกุนจึงได้ให้มีการสร้างอาคารหลังใหญ่ขึ้นในปี ค.ศ. 645 และต่อเติมส่วนต่าง ๆ เรื่อยมาอย่างที่เห็นในปัจจุบันนั้น

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ปี ค.ศ. 1945 อาคารส่วนใหญ่ของวัดอาซากูซะ ได้รับความเสียหายจากการถูกทิ้งระเบิด และถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในภายหลัง ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของการเกิดใหม่และความสงบสุขให้กับคนญี่ปุ่น






เจดีย์ที่วัดเซ็นโซ หรือ วัดอาซากุสะ



ขวามือ คือ Tokyo Skytree.



ชาวญี่ปุ่นยังนิยมแต่งชุดกิโมโนเมื่อเข้าไปทำบุญที่วัด






ถนนนากามิเซะ ซึ่งทอดยาวไปยังวัด...และมีของที่ระลึกวางขายตลอดเส้นทาง


ก่อนกลับเข้าที่พัก เราไปหาอะไรรับประทานกันที่ร้านอาหารใกล้ๆวัด ซึ่งร้านอาหารญี่ปุ่นทุกวันนี้ให้บริการในการสั่งอาหารแบบไฮเทค กล่าวคือจะมีตู้หยอดเงินตามราคาอาหาร โดยที่ตู้มีรูปอาหารจานที่คุณๆจะออร์เดอร์ให้เลือก โดยเราสอดเงินเข้าไปในข่องสอดเงิน (ส่วนมาก็ใบละพันเยน เพราะราคาอาหารก็จะประมาณ 650-970 เยน) จากนั้นก็กดที่แผ่นกดซึ่งเป็นภาพอาหาร ตั๋วก็จะไหลออกมาพร้อมเงินทอน (มีเหมือนกันที่กินเงิน เราต้องรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ขายอาหาร ซึ่งเขาสามารถเช็คได้ว่าเราสอดเงินเข้าไปจริงไหม ทำไมตั๋วรายการอาหารถึงไม่ออกมา ประมาณนั้น) พอได้ตั๋วก็เอาไปยื่นเจ้าหน้าที่รับออร์เดอร์ เขาก็จะสั่งทำอาหารต่อไป ... ไปคราวนี้ตามร้านอาหารทุกแห่ง เขามีน้ำใส่น้ำแข็งบริการแล้วล่ะครับ ซึ่งเราคนไทยชอบแม้อากาศจะเย็มมากก็ตาม

วันนี้ได้เที่ยวตามสมควร เหนื่อยจากการเดินทางมาตลอดทั้งคืน ของพักเอาแรงไว้ลุยต่อพรุ่งนี้ละกัน.


Smileyขอบคุณที่ตามอ่านครับSmiley



ลาด้วยภาพนี้ครับ









 

Create Date : 02 ธันวาคม 2561
8 comments
Last Update : 11 ธันวาคม 2561 9:16:24 น.
Counter : 1651 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณTui Laksi, คุณRinsa Yoyolive, คุณหอมกร, คุณKavanich96, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณอุ้มสี, คุณตะลีกีปัส, คุณ**mp5**

 

ถ่ายภาพ ได้สวยจริง ๆ ครับ... เขียนเล่าได้ละเอียด เป็นคู่มือเดินทางได้เลย

เอ..ถ้าผมไป น่ากลัวใบไม้คงร่วงหมดแล้ว 555

 

โดย: ไวน์กับสายน้ำ 5 ธันวาคม 2561 4:28:25 น.  

 

การรีวิวการเดินทางท่องเที่ยวของคุณวิค
แต่ละที่ เยี่ยมมากคร้า เน้นเที่ยวแบบนักท่องเที่ยวที่มีประสบการณ์จริง
เขียนแนะนำไว้ดีมาก ภาพประกอบ สวย ชอบมากๆคะ
ทริปนี้ น่ารักมากมายที่พาคุณยายไปเที่ยวด้วย
ใบไม้เปลี่ยนสี เพิ่งเริ่มสีทอง สวยเหลืองอร่าม
บล๊อกหน้า คงได้ชมใบไม้เปลี่ยนสี เต็มอิ่มจุใจมากขึ้นนะคร้า
ปล. ขอบคุณคะ..ทีมรักของเราซีซั่นนี้ น่าลุ้นน่ารักมากขึ้น
ส่งกำลังใจให้แฟนๆและทีม แมนยู ด้วยเช่นกันคร้า

 

โดย: Tui Laksi 5 ธันวาคม 2561 21:58:21 น.  

 

โห คุณวิคเพิ่งกลับมานี่นา ออนเร็วมากค่า
รินกลับมา 2 อาทิตย์แล้วเพิงลงค่า อิอิ
รินไม่ได้แวะโตเกียวแบบจริงจังเลย
ไปจังหวัดเดิมๆ อีกแล้ว แต่ก็ร่วงมาเยอะเหมือนกัน
ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากไปช่วงที่หิมะหนาๆค่ะ ต้องการมากก

 

โดย: Rinsa Yoyolive 5 ธันวาคม 2561 23:45:44 น.  

 

wicsir Travel Blog ดู Blog
สวยงามมากคุณวิก ขอบคุณจ้า

 

โดย: หอมกร 6 ธันวาคม 2561 9:07:00 น.  

 

ขอบคุณที่แบ่งปัน

 

โดย: Kavanich96 7 ธันวาคม 2561 2:40:53 น.  

 

ขายมันเผา สุดยอดการตลาด ยกนิ้วให้พ่อค้าเขาค่ะ

 

โดย: โอน่าจอมซ่าส์ 11 ธันวาคม 2561 10:55:44 น.  

 

ตามมาเที่ยวด้วยคน
โหวตให้เลยค่ะ
ภาพสวยทั้งนั้นเลย

 

โดย: อุ้มสี 11 ธันวาคม 2561 15:40:20 น.  

 

สวัสดีมีสุขค่ะ

ชอบจังดูภาพอ่านตาม เพลินเลยค่ะ

 

โดย: ตะลีกีปัส 11 ธันวาคม 2561 15:58:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


wicsir
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]











...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......


อยากจะบอกว่า

@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว

@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.

@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...


ด้วยจริงใจ
นาย wicsir.




Rec. 11.06.08
New Comments
Group Blog
 
 
ธันวาคม 2561
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
2 ธันวาคม 2561
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add wicsir's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.