....OUR FAMILY'S JOURNEY....

+ 7 วันในเมียนมาร์ 1 ...(ย่างกุ้ง หงสาวดี พระธาตุอินทร์แขวน) +









เกริ่น .... รีวิวนี้เป็นการนำเรื่องราวการเดินทางไปเที่ยวและไหว้พระในประเทศพม่าเมื่อเดือน ตุลาคม ปี 2017 นะครับ ร่ำๆว่าจะทำรีวิวเพื่อให้นักเดินทางได้ชม แต่ก็มีอันต้องผลัดวันประกันเวลามาจนป่านนี้ แต่อย่างไรก็ตามนี่เป็นการนำเอาประสพการณ์ที่เดินทางแบบเฉพาะกลุ่มในประเทศพม่ามาเล่าสู่กันฟังนะครับ ซึ่งรีวิวจะแบ่งออกเป็น 7 ตอน เพื่อไม่ให้ภาพแต่ละที่แออัดกันจนเกินไป 





สนามบินนานาชาติย่างกุ้ง


การเดินทางครั้งนี้ก็เนื่องจากกลุ่มหรือก๊วนตีกอล์ฟของเราคิดว่าน่าจะหาเวลาเดินทางไปไหว้พระที่พม่าร่วมกันสักครั้ง โดยให้ผู้เขียนเป็นคนประสานงาน ตั้งแต่หาเวลา บริษัทในพม่าที่จะพาเดินทาง (เพราะไปกันหลายเมือง) ตลอดจนประมาณการค่าใช้จ่าย ฯลฯ .... 

โดยผู้เขียนเริ่มด้วยการหาเที่ยวบินที่พาเราไปย่างกุ้งแบบลงปั๊บก็เที่ยวได้แต่เช้าเลย โดยไม่ต้องเสียเวลาในวันแรกมากนัก เลือกไปเลือกมาได้เจ้าหางแดง แอร์เอเชียร์ที่วันไปจะพาเราถึงสนามบินตอนประมาณ 8 โมงเช้า ซึ่งเราสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้เลย ประการต่อมาคือบริษัทในพม่าที่จะเป็นออแกนไนซ์เซอร์ให้เรา จากการเสาะแสวงหาจากเวบไซต์เราจึงมาลงเอยที่ Myanmar Delight Travel & Tours ของ Dr. Zin ซึ่งจะเป็นผู้รับผิดชอบเราต่อในพม่า ทั้งที่พัก อาหารการกิน โดยที่เราเป็นคนกำหนดจากข้อเสนอที่เขาส่งมาให้ เมื่อทุกอย่างพร้อมก็เตรียมการเดินทางกันเลย






ถ่ายภาพกับ Dr. Zin ที่สนามบินย่างกุ้ง



การเข้าประเทศพม่าเพื่อการท่องเที่ยว ไม่จำเป็นต้องขอวีซ่าสำหรับคนไทย แต่พาสปอร์ตต้องมีอยายุไม่น้อยกว่า 6 เดือนจนถึงวันเดินทางกลับ (อันนี้สำคัญนะครับ เพราะสายการบินจะเช็คอายุพาสปอร์ต์เราด้วย) และพำนักในพม่าได้ 14 วัน  สำหรับแอร์เอเชียต้องไปขึ้นที่สนามบินดอนเมืองครับ.




เส้นทางจากย่างกุ้ง - พระธาตุอินทร์แขวน



เดินทางสู่หงสาวดี


สู่เมืองหงสาวดี

เมื่อรถรับออกจากสนามบินนานาชาติย่างกุ้งแล้ว วันนี้เรามีโปแกมเดินทางไปเมืองหงสาวดีเพื่อชมสถานที่สำคัญๆในเมืองนี้ ก่อนที่จะเดินทางต่อไปที่พระธาตุอินทร์แขวนซึ่งเป็นที่หมายสุดท้ายของวัน และจะค้างคืนบนเขานั้นก่อนจะเดินทางกลับย่างกุ้งในตอนเช้า ... ถนนในย่างกุ้งวันนี้พัฒนาขึ้นเยอะ และที่แปลกไปกว่านั้นคือไก๊ด์เราบอกว่าในย่างกุ้งเขาไม่อนุญาตให้รถมอร์เตอร์ไซด์วิ่งได้นะครับ เราจึงไม่เห็นรถจักรยานยนต์ขับวุ่นวายเหมือนในเมืองอื่น ส่วนสาเหตุที่เขาไม่อนุญาตก็เพราะถนนในย่างกุ้งเริ่มมีรถยนต์วิ่งเยอะขึ้น ถนนบางส่วนก็แคบ มาย่างกุ้งคราวนี้จึงเห็นความเป็นระเบียบของเมืองดีขึ้นครับ ส่วนถนนที่ไปเมืองหงสาวดี (มุ่งขึ้นไปทางเหนือของย่างกุ้ง) ก็ดูแปลกขึ้น คือกว้างขึ้น บางช่วงเป็นสี่เลนส์เลย .... จากย่างกุ้งไปหงสาวดีระยะทางประมาณ 68 กม. รถจะใช้เวลาวิ่งประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง (ถ้าบ้านเราก็น่าจะใช้เวลาประมาณ 45 นาที) แต่ก็ถือว่าดีกว่าเมื่อปี 2014 มาก ระหว่างทางเราแวะร้านอาหารเพื่อทานมื้อเที่ยงกัน ร้านนี้ก็ดูดีขึ้น มีที่จอดรถ ห้องน้ำดี จะว่าไปแล้วเหมือนร้านอาหารในไทยเลยล่ะ.





แวะทานข้าวกลางวันกัน


หลังมื้อเที่ยงเราเดินทางต่อไปที่... เจดีย์ไจ๊ปุ่น (พระสี่ทิศ)

ไจ๊ คือ พระ หรือ เจดีย์ ปุ่น คือ 4 ดังนั้น พระเจดีย์จุ่น คือ พระเจดีย์ที่มีพระ 4 ทิศ โดยพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ 4 องค์ อายุกว่า 500 ปี หันพระพักตร์ไปยัง 4 ทิศ สร้างขึ้นโดย 4 สาวพี่น้อง ที่อุทิศตนแด่พุทธศาสนา จึงสร้างพระพุทธรูปแทนตนเอง และได้สาบานไว้ว่าจะไม่ข้องแวะกับบุรุษเพศ .... ซึ่งมีตำนานเล่าขานกันว่า ในที่สุดแล้ว น้องสาวคนสุดท้อง กลับพบรักกับชายหนุ่มและแต่งงานกัน จึงเกิดอาเพศฟ้าผ่าพระพุทธรูปที่แทนตัวของน้องสาวคนสุดท้องพังทลายลงมา จนต้องมีการสร้างขึ้นมาใหม่ตามที่เห็นในปัจจุบัน โดยพระพุทธรูปองค์นี้จะมีลักษณะแตกต่างจากองค์อื่น ๆ คือ พระพักตร์จะเศร้ากว่าองค์อื่น.

จากนั้นมีบูรณะ วัดนี้เมื่อ พ.ศ.2019 พระเจดีย็นี้มีพระพุทธรูปปางประทับนั่งโดยรอบทั้ง 4 ทิศ อันได้แก่ 

สมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า ทางทิศเหนือ
พระ พุทธเจ้าโกนาคมโน ทางทิศใต้ 
พระพุทธเจ้ากกุสันโธ ทางทิศตะวันออก
พระ พุทธเจ้ามหากัสสปะ ในทิศตะวันตก



ไปไหว้พระมี่วัดไจ้ปุ่น

จากเจดีย์ไจ๊ปุ่น เราเดินทางต่อไปเพื่อไปไหว้พระนอนยิ้มหวาน หรือ พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียวที่เป็นที่นับถือของชาวหงสาและชาวพม่าอีกแห่งหนึ่ง



พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว

พระพุทธไสยาสน์ชเตาเลียว เป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์อันดับสองของเมืองหงสาวดี รองจากพระมหาธาตุมุเตา และเป็นพระพุทธไสยาสน์ที่มีความยาว 60 เมตร สูง 17 เมตร สร้างโดยพระเจ้าเมงกะติปะ พ.ศ.1537 ในสมัยมอญเรืองอำนาจ มีพุทธลักษณะงดงาม โดยจะวางพระบาทเหลื่อมพระบาท ต่างจากพระพุทธไสยาสน์ของไทยที่นิยมวางพระบาทเสมอกัน



ต่อที่วัดพระนอนยิ้มหวาน (ชื่อที่คนไทยเรียก)


เล่าขานว่าเป็นพระรูปสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในคืนก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพาน ด้านหลังพระองค์มีภาพวาดเล่าขานตำนานว่า มีพระราชาองค์หนึ่งไม่ศรัทธาพุทธศาสนา ทรงลุ่มหลงบูชายักษ์ตนหนึ่งขนาดปั้นรูปไว้กราบไหว้ วันหนึ่งขณะที่พระราชาเสด็จประพาสป่าพร้อมพระโอรส และพระโอรสไปพบสาวบ้านกำลังอาบน้ำอยู่ในลำธารก็เกิดความหลงรัก ถึงกับพากลับเข้าวัง แต่สาวเจ้าอันเชิญพระพุทธรูปไปบูชาในวังด้วย ทำให้พระราชากริ้วมาก ถึงขั้นสั่งให้ทหารจับพระโอรสและคนรักมัดรวมกันเพื่อจะประหาร แต่ชาวบ้านได้ตั้งจิตอธิษฐานว่าถ้าพระพุทธเจ้ามีจริงก็ขอให้นางแคล้วคลาด  ปรากฏว่าเชือกขาดโดยพลัน ขณะที่รูปปั้นยักษ์แตกกระจาย พระราชาถึงกับทรงหันกลับมานับถือพุทธศาสนา และขอไถ่บาปด้วยการสร้างพะพุทธไสยาสน์เป็นเครื่องเตือนสติ หลังจากที่พระเจ้าอลองพญาทรงปราบมอญราบคาบ เมืองหงสาวดีก็ถูกทิ้งร้าง พระพุทธไสยาสน์ไม่ได้รับการดูแลจนกลายเป็นกองอิฐจมอยู่ในโคกดิน จนถึงปี พ.ศ.2424 เมื่ออังกฤษสร้างทางรถไฟสายพม่า จึงขุดพบพระนอนองค์นี้ จากนั้นปี พ.ศ.2491 หลังจากพม่าได้รับเอกราช ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์อย่างจริงจัง และได้ทาสีและปิดทองลงชาดใหม่ อย่างที่เห็นในปัจจุบัน



พระนอนที่ประเทศพม่าการวางพระบาทจะไม่เท่ากันเหมือนในไทย



ขาลงจากไหว้พระ มาเลือกซื้อสินค้าพื้นเมือง



จากพระนอนยิ้มหวาน เราต่อไปอีกที่ในเมืองหงสาวดี หรือเมืองพะโโค นั่นก็คือ พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอว์

ระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอว์ (อังกฤษ: Shwemawdaw Paya) เป็นพระมหาธาตุเจดีย์สำคัญที่อยู่ในเมืองพะโค (หงสาวดี) เป็นเจดีย์โบราณที่ก่อสร้างมาตั้งแต่สมัยมอญเรืองอำนาจ มีการบูรณะและต่อเติมอีกหลายครั้ง ภายในเจดีย์บรรจุพระเขี้ยวแก้วไว้ตั้งแต่สมัยพระเจ้าราชาธิราช และต่อมาในสมัยพระเจ้าธรรมเจดีย์ได้โปรดให้มีการหล่อระฆังจารึกไว้ที่ฐาน

พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอว์ มีชื่อเรียกในภาษาพม่าและคนไทยก็คุ้นเคยกับชื่อนี้คือ พระธาตุมุเตา แปลว่า "จมูกร้อน" ทั้งนี้เพราะกล่าวกันว่าพระมหาธาตุองค์นี้สูงมาก จนต้องแหงนหน้ามองต้องกับแสงแดด ทั้งนี้เนื่องจากพระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอว์นั้นเป็นเจดีย์ที่มีความสูงที่สุดในพม่า



ยอดพระธาตุเดิมของมหาเจดีย์ชเวมอดอร์ที่หักลงมาพร้อมอิฐนำมาประดิษฐ์ไว้ให้คนกราบไหว้อยู่ติดกับเจดีย์ใหม่



พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอว์

พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอว์ มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ใช้เป็นที่ทำพระราชพิธีเจาะพระกรรณของพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้เมื่อครั้งพระองค์ขึ้นครองราชย์ใหม่ ๆ ภายใต้วงล้อมของทหารมอญหลายหมื่นนายที่เป็นศัตรู แต่ก็ไม่อาจทำอะไรพระองค์ได้ เมื่อพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้สามารถยึดพะโคเป็นราชธานีแห่งใหม่ได้สำเร็จ ในรัชกาลต่อมา คือ พระเจ้าบุเรงนองได้มีการสร้างฉัตรถวายเพิ่มเติมอีกหลายชั้น จนพระมหาธาตุสูงขึ้นอีกหลายเท่า และทรงถอดมณีที่ประดับยอดมงกุฎของพระองค์ถวายเป็นพุทธบูชาสูงสุด อีกทั้งกล่าวกันว่าก่อนที่พระองค์จะออกทำศึกคราใด จะทรงมานมัสการพระมหาธาตุนี้ก่อนทุกครั้ง ซึ่งในปัจจุบันจุดที่เชื่อว่าพระองค์ทำการสักการะก็ยังปรากฏอยู่ และสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเมื่อครั้งยกทัพมาตีพะโคก็ได้เสด็จมานมัสการด้วย

ในวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2473 ได้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ จนพระมหาธาตุได้พังทลายลงมา หลังจากนั้นก็ได้มีการบูรณะ แต่ซากพระมหาธาตุองค์เดิมก็ได้มีการจัดแสดงไว้ในที่เดิม

นประเทศไทย มีเจดีย์จำลองของพระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอว์ ที่วัดชมภูเวก อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นชุมชนของชาวไทยเชื้อสายมอญ และที่วัดปรมัยยิกาวาส บนเกาะเกร็ด ในอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ซึ่งก็เป็นชุมนุมของชาวไทยเชื้อสายมอญเช่นเดียวกัน




พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอว์



ไหว้พระกันที่ศาลาหน้าพระเจดีย์


ภายในวัดรอบๆเจดีย์






ก่อนออกจากเมืองหงสาวดี เราแวะชมพระราชวังกัมโพชธานี ซึ่งเป็นพระราชวังที่จำลองขึ้นมาใหม่หลังจากที่โดนไฟไหม้ไป ซึ่งบริเวณที่สร้างก็อยู่ในพื้นที่ติดกัน



พระราชวังกัมโพชธานี 

พระราชวังกัมโพชธานี (อังกฤษ: Kamboza Thadi Palace, Kanbawzathadi Palace; พระราชวังแห่งเมืองหงสาวดี (พะโค) ของพระเจ้าบุเรงนอง เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของพระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอร์ (พระธาตุมุเตา) สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2109 ซึ่งเป็นปีที่ 15 ของการครองราชย์ของพระองค์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พระองค์เรืองอำนาจสูงสุด พระองค์ตัดสินพระทัยเผาพระราชวังเก่าไปเนื่องจากมีการกบฏ พระราชวังกัมโพชธานีสร้างขึ้นโดยใช้แรงงานจากประเทศราชต่าง ๆ และพระองค์โปรดให้ใช้ชื่อประตูต่าง ๆ ทั้งหมด 20 ประตู ตามชื่อของแรงงานประเทศราชที่สร้าง เช่น ประตูทางตอนเหนือปรากฏชื่อ ประตูโยเดีย (อยุธยา) ประตูตอนใต้ชื่อ ประตูเชียงใหม่ อีกทั้งยังมีพระตำหนักของพระสุพรรณกัลยา องค์ประกันที่ตกเป็นเชลยและกลายเป็นมเหสีองค์หนึ่งของพระองค์ด้วย




พระราชวังบุเรงนองจำลอง


พระราชวังกัมโพชธานีถูกเผาจนเหลือแต่เพียงซาก หลังจากการสวรรคตของพระเจ้าบุเรงนอง ด้วยกบฏยะไข่ พร้อม ๆ กับอาณาจักรตองอูที่เคยเรืองอำนาจเสื่อมลง

จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2533 รัฐบาลพม่าได้ขุดค้นพบซากของพระราชวังที่เหลือเพียงแค่ตอไม้ที่โผล่พ้นดินออกมาเท่านั้น และได้มีการเร่งสร้างพระราชวังจำลององค์ใหม่ขึ้นมา ฉาบด้วยสีทองทั้งหลัง ทั้งที่พื้นดินบริเวณโดยรอบได้ขุดพบโบราณวัตถุต่าง ๆ มากมาย ซึ่งเชื่อว่ายังมีอยู่อีกจำนวนมากที่ยังไม่ถูกขุดขึ้นมา แต่ได้ถูกทางการสร้างพระราชวังทับลงไปแล้ว แต่ซากไม้ที่ใช้สร้างพระราชวังแต่ครั้งอดีตที่ยังหลงเหลืออยู่ได้ถูกจัดแสดง ซึ่งไม้แต่ละท่อนมีตัวอักษรจารึกอยู่ว่าเป็นผลงานของเมืองใด ภายในพระราชวัง มีพระราชบัลลังก์ที่มีชื่อว่า "บัลลังก์ภุมรินทร์" หรือ "บัลลังก์ผึ้ง" ซึ่งสร้างขึ้นมาจากคติเรื่องจักรวาลตามความเชื่อของศาสนาฮินดู

ปัจจุบัน พระราชวังกัมโพชธานีเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของหงสาวดีและประเทศพม่า





ซ้าย: พระที่นั่งบุเรงนองจำลอง    ขวา: เสาไม้พระราชวังเดิมที่เหลือจากไฟไหม้



สู่พระธาตุอินทร์แขวน .... จากเมืองหงสาวดี เราเดินทางต่อไปทางตะวันออกเฉียงเหนืออีกประมาณ 91 กม. ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบ 2 ชั่วโมงรวมทั้งแวะเข้าห้องน้ำข้างทางด้วย ซึ่งระหว่างทางก็มีร้านขายอาหารเป็นช่วงๆเหมือนกัน บรรยากาศตามเส้นทางเหมือนๆกับทางภาคตะวันออกของประเทศไทยเราเลยครับ ..... มาคราวก่อน (เมื่อปี 2014) ถนนจากหงสาวดี มาที่พระธาตุอินแขวนไม่ค่อยดีนัก มีชำรุดเป็นช่วงๆ แต่มาคราวนี้ถนนได้รับการบูรณดี ถ้าเทียบก็เป็นทางเชื่อมระหว่างอำเภอบ้านเรา .... ถนนสายนี้สามารถแยกไปที่แม่สอด และเมืองทวายได้ด้วยนะครับ บ้านเรือนเท่าที่สังเกตุก็พัฒนาขึ้นมามากกว่าเดิม ร้านรวงและห้องน้ำตามร้านอาหารและที่พักรถก็ถูกปรับปรุงขึ้นมามาก.


พอมาถึงคิมปูนแค้มป์เราก็เปลี่ยนเป็นขึ้นรถบรรทุก 6 ล้อ (ส่วนมากเป็นรถแบบรถดั๊มป์ที่แรงดีๆ เสริมที่นั่งเป็นแถวด้านหลัง นั่งได้ทั้งหมด 30 คน) ไกด์ก็จะแนะนำให้เราเอากระเป๋าใบเล็กที่มีเพียงเสื้อผ้าที่จะใส่นอนและใส่ในวันต่อไปขึ้นไป ส่วนรถทัวร์ (รถโค้ช) ที่พาเรามาก็จะจอดรออยู่ด้านล่าง เพราะถนนที่ขึ้นไปไม่ค่อยดีนัก (เป็นคอนกรีต แต่เลี้ยวหักข้อศอกชันๆหลายที่) ต้องอาศัยรถที่แรงดีๆ ... สมัยก่อนที่สถานีรถจอดรอหลีกกัน (เขาปล่อยรถขึ้น-ลงเขาเป็นแบบวันเวย์) เมื่อก่อนจากตรงนี้สามารถขึ้นเสลี่ยงหามขึ้นเขาได้ แต่ปัจจุบันไม่มีแล้ว แต่มีกระเช้าขึ้นแทนครับ 

เพราะว่าเขตนี้เมื่อก่อนเป็นเขตอิทธิพลของพวกกะเหรี่ยง และรัฐบาลกลางพม่ามาขอเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยว รัฐบาลกลางเลยช่วยทำถนนให้แต่ทำให้แค่ครั้งเดียว จากนั้นผู้คนในท้องถิ่นจะต้องช่วยกันดูแลเอง ... เนื่องจากพระธาตุอินทร์แขวนเป็น 1 ใน 5 สิ่งศักดิสิทธิ์ที่ชาวพม่านับถือ และเขามีความเชื่อกันว่าถ้าใครได้มาไหว้พระธาตุ 3 ปีติดต่อกันจะทำให้มั่งมีศรีสุข ร่ำรวยประมาณนั้น จึงยิ่งทำให้ชาวพม่ามากันมากขึ้นๆตามลำดับ




รถที่จะพาเราขึ้นสู่พระธาตุอินทร์แขวน




อาทิตย์อัสดงที่พระธาตุอินทร์แขวน



ชาวพม่าเชื้อสายกระเหรี่ยง


พระธาตุอินทร์แขวนยามค่ำคืน



พระธาตุอินทร์แขวน

พระธาตุอินทร์แขวน หรือ ไจทีโย (Kyaikhtiyo) ในภาษามอญ หมายความว่า หินรูปหัวฤๅษี พระธาตุอินทร์แขวนตั้งอยู่ที่เมืองไจโท (Kyaikto) อำเภอสะเทิม เขตรัฐมอญของประเทศพม่า บนยอดเขาพวงลวง เหนือระดับน้ำทะเล 3,615 ฟุต ลักษณะเด่นของพระธาตุอินทร์แขวนคือ มีลักษณะเป็นก้อนหินสีทองขนาดใหญ่สูง 5.5 เมตร ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชันอย่างหมิ่นเหม่ เหมือนจะหล่นและท้าทายแรงดึงดูดของโลกโดยไม่ตกลงมาอย่างเหลือเชื่อ พระธาตุอินทร์แขวนนับเป็น 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวพม่าต้องไปสักการะ และยังเป็นพระธาตุประจำปีจอ ที่คนเกิดปีนี้ต้องไปนมัสการสักครั้งหนึ่งในชีวิต





พลังศรัทธา แม้แต่ยามค่ำคืนก็มีผู้คนมาเพื่อกราบไหว้



ตำนาน

ตำนานเล่าขานกันในสมัยพุทธกาลว่า ฤๅษีติสสะเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับพระเกศาจากพระพุทธเจ้าที่ได้ทรงมอบให้ไว้เป็นตัวแทนของพระพุทธองค์ให้ประชาชนสักการะ เมื่อครั้นได้มาแสดงธรรมเทศนา ณ ดินแดนสุวรรณภูมิ ผู้ที่ได้รับมอบพระเกศาต่างก็นำไปบรรจุในสถูปเจดีย์ ส่วนฤๅษีติสสะกลับนำไปซ่อนไว้ในมวยผม เมื่อเวลาล่วงเลยถึงคราวที่ฤๅษีติสสะจะต้องละสังขารเต็มที เขาตั้งใจไว้ว่าจะนำพระเกศาไปบรรจุไว้ในก้อนหินที่มีรูปร่างคล้ายกับศีรษะของเขา ท้าวสักกเทวราช (พระอินทร์) จึงช่วยเสาะหาก้อนหินดังกล่าวจากใต้ท้องมหาสมุทรและนำมาวางหรือแขวนไว้บนภูเขาหิน

บางตำนานก็เล่าว่า มีฤๅษีองค์หนึ่งซ่อนพระเกศาที่ได้รับมาจากพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งมาโปรดสัตว์ในถ้ำไว้ในมวยผมมาเป็นเวลานาน เมื่อใกล้ถึงวาระที่จะต้องละสังขารจึงตัดสินใจมอบพระเกศาให้กับพระเจ้าติสสะ กษัตริย์ผู้ครองนครแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบุตรของลูกศิษย์ที่นำมาฝากให้ฤๅษีช่วยเลี้ยงดูตั้งแต่เล็ก แต่ก่อนอื่นพระเจ้าติสสะต้องหาก้อนหินที่มีลักษณะคล้ายศีรษะของฤๅษี โดยมีพระอินทร์เป็นผู้ช่วยค้นหาจากใต้สมุทรนำมาวางไว้ที่หน้าผา






สะพานเดินเชื่อมสู่หินใต้พระธาตุ และยอดพระธาตุ


ด้วยความศรัทธาขิงชาวพม่าที่จะมานมัสการพระธาตุอินทร์แขวน จึงดั้นด้นเดินทางไกลกันมา พอมาถึงบริเวณลานข้างๆเจดีย์ก็ปูเสื่อที่นอนเฝ้าันอยู่ตรงนั้นเลย บริเวณที่ผู้คนมาออกันมากที่สุดก็เห็นจะเป็นหน้าสะพานเชื่อมระหว่างลานปูนกับก้อนหินสีทองนั่นเอง ซึ่งทางการเขาไม่อนุญาตให้สตรีเข้าไปในนั้น พวกเธอทั้งหลายจึงถือโอกาสฝากทองกับผู้ชายเข้าไปปิดด้านในแทน และอีกที่หนึ่งคือด้านล่างตรงใต้ก้อนหินนั้นครับ











ชเวนันจิน เทพผู้รักษาดูแลพระธาตุอินทร์แขวน ประเทศพม่า.... คนพม่าเชื่อว่าถ้าใครได้มาลูปไล้ตรง
ที่ตัวเองเจ็บปวดแล้วไปลูปที่ส่วนนั้นของพระนาง อาการป่วยจะดีขึ้น


บริเวณทางเดินขึ้นไปยังพระธาตุอินทร์แขวน ก็มีศาลาอยู่สองฟาก ในนั้นมีเทพเจ้าต่างๆที่ชาวกะเหรี่ยงและชาวพม่าศรัทธาประดิษฐานอยู่เพื่อให้ผู้คนที่ผ่านไปได้กราบไหว้....ก็ประมาณคล้ายๆวัดในบ้านเราล่ะครับ สร้างสิ่งจำลองขึ้นเพื่อให้ผู้คนที่นับถือมีที่ทำบุญ อย่างน้อยๆ ก็ขวัญกำลังใจล่ะครับ ... อันนี้ก็แล้วแต่ความเชื่อและศรัทธา ... การมาไหว้พระที่นี่ส่วนมากกรุ๊ปทัวร์จะมาถึงตอนเย็นๆ แล้วพักแรมที่โรงแรมบนนั้น ซึ่งราคาก็แพงกว่าปกตินะครับ อาหารการกินก็หาได้ไม่ยาก มีร้านอาหารหลายร้านรวมทั้งของแม่ค้าตั้งแผงขายตามข้างทางหรือที่เรียกว่า Street food นั่นแหละ




รอยพระบาทจำลอง




วิวพระธาตุอินทร์แขวนจากที่พัก



ตื่นเช้าบนเขาพวงลวง อากาศดีมากๆ (ถึงเย็นด้วยซ้ำ) เราถือโอกาสเดินออกกำลังเดินไปที่พระธาตุอีกรอบ ถือเป็นการ Exercise ไปในตัว ขากลับลงมาถึงหน้าทางเขาบริเวณวัดจะมีร้านกาแฟราคาไม่แพงตั้งอยู่ ได้กาแฟยามเช้าที่นั่นแล้วจึงเดินมาอาบน้ำอาบท่าเตรียมเดินทางเข้าเมืองย่างกุ้งกันต่อ ซึ่งวันที่ 2 ของทริปนี้เราจะไปเที่ยวย่างกุ้ง แล้วพักที่นั่นก่อนบินสู่เมืองพุกามในวันรุ่งขึ้น .... สำหรับวันนี้ขอบคุณที่ติดตามนะครับ




ลาด้วยภาพน่ารักๆของสาวชาวย่างกุ้งภาพนี้ครับ













 

Create Date : 10 กันยายน 2561
5 comments
Last Update : 15 กันยายน 2561 15:46:38 น.
Counter : 1279 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณเริงฤดีนะ, คุณKavanich96, คุณnewyorknurse, คุณนกสีเทา, คุณtuk-tuk@korat

 

เจิมๆๆ
ตามมาเที่ยวเมืองพะโคด้วย
จะติดตามและขอเก็บเป็นข้อมูลไว้เที่ยวพม่าเดือน พย
เพื่อนพม่าจะแต่งงาน วันที่ 17-18 ที่ย่างกุ้ง
คงได้ชะแวปไปแบบทริปสั้นๆ
Vote ค่ะ

 

โดย: เริงฤดีนะ 10 กันยายน 2561 11:56:38 น.  

 

ขอบคุณที่แบ่งปัน

 

โดย: Kavanich96 12 กันยายน 2561 1:42:31 น.  

 


ไปเที่ยวมาเมื่อสามปีที่แล้ว
ได้มาชมภาพสวยๆ
เตือนความทรงจำ



 

โดย: newyorknurse 12 กันยายน 2561 3:51:01 น.  

 

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ไวน์กับสายน้ำ Diarist ดู Blog
Rinsa Yoyolive Review Travel Blog ดู Blog
wicsir Travel Blog ดู Blog

ขอตามมากราบทุกๆ ที่ที่นำเที่ยวค่ะ
ชอบพระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอว์ ( พระธาตุมุเตา)
ที่จำลองมาเป็นเจดีย์(เอียง) ที่เกาะเกร็ดบ้านเรา
เพิ่งเห็นแก่ตา...องค์จริงสวยงามมากค่ะ

 

โดย: นกสีเทา 14 กันยายน 2561 6:30:59 น.  

 

ยังไม่เคยไปค่ะ

 

โดย: tuk-tuk@korat 14 กันยายน 2561 14:14:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


wicsir
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]











...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......


อยากจะบอกว่า

@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว

@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.

@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...


ด้วยจริงใจ
นาย wicsir.




Rec. 11.06.08
New Comments
Group Blog
 
 
กันยายน 2561
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
10 กันยายน 2561
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add wicsir's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.