หลังจากเดินทางฝ่าลมหนาวในเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น มาตั้งแต่วันที่ 4 กพ. 2017 จนถึงวันนี้ ก็เป็นวันที่ 11 กพ. 2017 ซึ่งรวมแล้ว ก็ 7 วันเข้าไปแล้ว เราพาคุณๆไปเที่ยวมาหลายที่ ไม่ว่าจะเป็น Snow Festival ที่ Sapporo, ชมทิวทัศน์ที่เมืองฮาโกะดาเตะ, Ice Festival ที่เมือง Asahikawa, ชมเมืองที่โรแมนติก Otaru, Kiroro ski-resort ชมลานสกีและหิมะที่ขาวนุ่มทั่วทั้งเขา, ชมพิพิธภัณฑ์ปลาแซลมอนและช้อปปิ้งที่เมือง Chitose ก่อนนจะมาถึงเมืองโทมาโกมาอิ (Tomakomai) ในบล๊อกนี้ เมืองโทมาโกมาอิ (Tomakomai) เป็นเมืองใหญ่พอสมควร คือใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของเกาะฮอกไกโด ซึ่งมีประชากรในเขตเมืองประมาณ 174,000 กว่าคน วันนี้เราจะพักกันที่ Dormy Inn Hotel .... เรามาพักที่เมืองนี้เพราะอยู่ห่างจากสนามบินนานาชาติ New-Chitose Airport เพียง 16 กม. นั่งรถไฟไม่กี่สถานีก็ถึงทางเข้าสนามบินแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งที่มาพักที่นี่ก็เพราะช่วงเทศกาลของซัปโปโร ที่พักจะเต็มหมด แต่ที่เมืองนี้ยังพอมีและราคาก็หาที่สบายกระเป๋าได้ด้วย และไหนๆมาที่นี่แล้วเราจะพาคุณๆไปเที่ยวสถานที่น่าสนใจในเมืองนี้ซัก 2-3 ที่ครับ คืออันดับแรกจะไปเที่ยวและทานอาหารกันที่ Sea Station Plat Seaport Market, ต่อไปก็ City Science Center และ Nishiki Onuma Park ครับ สถานีรถไฟโทมาโกมาอิ เมืองโทมาโกมาอิ จากสถานีรถไฟ เราขึ้นรถไฟมาจากสถานี Chitose มาลงที่สถานี Tomakomai ใช้เวลาเดินทางไม่นานนักเพราะระยะทางก็ประมาณ 20 กว่า กม. เอง หลังจากลงรถเสร็จเราก็จองตั๋วสำหรับเดินทางไปสนามบินในวันต่อไปไว้เลย ก่อนนั่งแท๊กซี่เข้าโรงแรม Dormy Inn ระยะทางประมาณ 700 เมตรแค่นั้นเอง สาเหตุที่ต้องนั่งแท๊กซี่จากสถานีไปเพราะทางเดินตามฟุตบาธมีน้ำแข็งเกาะ เวลาเดินลื่นมาก ไม่สะดวกนักที่จะลากกระเป๋าขนาด 20 นิ้วไป ... พอถึงโรงแรมเราเอาของไปฝากไว้ที่รีเซ็บชั่นก่อน ซึ่งเขาจะมีที่เก็บกระเป๋าเราไว้อย่างดี และบอกว่าเราจะมาพักที่ห้อง xxx ก่อนที่จะเตรียมออกเดินทางไปเที่ยวต่อ รูปปั้นนักสเก็ตน้ำแข็งที่หน้าสถานีรถไฟ (เมืองนี้มีลานสเก็ตสำหรับแข่งฮอกกี้น้ำแข็งด้วย) ริมถนนในเมืองโทมาโกมาอิ เทพีสันติภาพ (?) ที่สถานีรถไฟ จากโรงแรมเรานั่งแท๊กซี่ไปที่ Sea Station Plat Seaport Market ซึ่งอยู่ที่ 2-2-5 Minatomachi, Tomakomai 053-0004, ฮอกไกโด ซึ่งเป็นที่ขายพวกอาหารสดๆจากทะเล รวมทั้งผลไม้ชนิดต่างๆ และด้านในตลาดจะมีร้านอาหารให้เลือกมากมาย แถมราคาไม่แพงนัก ถือโอกาสทานมื้อเที่ยงที่นี่เลย เพราะว่าอากาศที่นี่หนาวมาก วันที่ไปน่าจะอยู่ประมาณ 0 องศาหรือต่ำกว่า พอลงเท๊กซี่ได้ก็รีบไปถ่ายภาพกับเรือลำที่อยู่หน้าตลาดนี้ก่อน ก่อนที่จะจะเข้าไปหลบอากาศหนาวในตลาด ซึ่งปิดมิดชิด แถมมีฮีตเตอร์อีกต่างหาก...ตรงข้ามกันก็เป็น Seaport Market อีกแห่งหนึ่ง มีของขายคล้ายๆกัน แต่จากการสังเกตก็เห็นคนมาที่นี่มากกว่า ด้านในส่วนหนึ่งคือร้านอาหารทะเลสดๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวอะไร...เห็นคนถ่ายหลายคนเลยเอาด้วย ปูสดๆ..ชี้เอาไปทำอาหารได้ สตอเบอรี่ที่นี่ลูกใหญ่และหวานกรอบ มื้อเที่ยงแบบง่ายๆ จากตลาดท่าเรือ หรือ Sea Station Plat Seaport Market เราขอให้คนญี่ปุ่นที่ตลาดฝั่งตรงข้ามช่วยโทรเรียกแท๊กซี่ให้ พอแท๊กซี่มาถึงเราพยามสื่อด้วยภาษาอังกฤษบอกว่าจะไป Museum อยู่หลายนาทีเหมือนกัน จนในที่สุดเราตัดสินใจเอาภาพที่มียานอวกาศให้เขาดูและบอกว่า Museum สุดท้ายก็เข้าใจกันจนได้ พอไปถึงจะมีป้ายแบบด้านล่างและมีหัวจักรรถไฟแบบโบราณจอดอยู่กลางหิมะที่ขาวโพน ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าใช่ไหม เลยตัดสินใจเดินเข้าไปดูด้านใน เจอเจ้าหน้าที่ใส่ชุดสีฟ้ากล่าวต้อนรับเราเป็นภาษาญี่ปุ่น ขณะเดียวกันเราก็เหลือบไปเห็นเจ้ายานอวกาศของรัสเซีย (ดูจากภาษาที่ตัวยาน) ก็แน่ใจว่าใช่ที่เราจะมาแน่ เจ้าหน้าที่สื่อกับเราเป็นภาษาอังกฤษได้ เราเลยถามว่าจะต้องซื้อตั๋วเข้าชมคนละเท่าไหร่ เธอบอกว่าฟรีพร้อมกับถามเราว่าจะเอาเอกสารประกอบการชมเป็นภาษาอะไร เราบอกขอเป็นภาษาอังกฤษละกัน เพราะเราอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก เธอหยิบ sheet ที่อธิบายส่วนต่างๆของยานอวกาศให้เรา พร้อมกับถามว่าเรามาจากประเทศอะไร (สงสัยจะบันทึกสัญชาติผู้เยี่ยมชม) .... เราเป็นกลุ่มเดียวที่เข้าไปในตอนนั้นก่อนที่จะมีอีกหลายกลุ่มพร้อมเด็กๆตามมา หัวรถจักรไอน้ำสมัยโบราณ สิ่งที่แสดงใน Museum นี้คือยานสถานีอวกาศเมียร์ (Space Station "Mir') ด้านในของยานเราสามารถเข้าไปนั่งและถ่ายภาพได้ครับ ส่วนปีกยานที่เป็นแผลงโซล่าเซลล์ เขาพับไว้ด้านข้าง .... ตรงทางเดินขึ้นชั้นบน จะแสดงส่วนหางจรวจที่ถูเผาไหม้ (คงตอนส่งขึ้น) ... เอาเป็นว่าเรามาเดินเล่นสบายๆ ไม่เสียตังค์ในนี้ละกัน อีกอย่างได้หลบลมหนาวไปในตัวครับ ส่วนของนักบิน ถ่ายจากชั้น 2 ภาพตัดให้มองเห็นด้านในและด้านนอกของยาน ชุดนักบินให้ถ่ายภาพได้ จากการชม Space Station "Mir" เราเดินออกไปสู่ถนนใหญ่เพื่อหารถไปที่ Nishiki Onuma Park เพื่อไปดูเขาตกปลาในทะเลสาบที่ผิวน้ำกลายเป็นน้ำแข็งกัน .... เมืองนี้เวลารอแท๊กซี่ควรไปรอในสถานที่เช่น ซูปเปอร์มาร์คเก็ต หรือร้านสะดวกซื้อ หรือสถานีรภไฟประมาณนั้น เพราะเราพยามเดินไปตามถนนและรอเรียกไม่ยักกะมีครับ รถส่วนมากไปจอดเข้าคิวตามห้างหรือสถานที่คนเยอะๆซะมากกว่าจะมาขับเพ่นพล่านตามถนนแบบบ้านเรา เราไปรอที่ร้านสะดวกซื้อ ซักพักก็มาพยามส่งภาษาบอกเท่าที่เขาจะเข้าใจ เพราะเขาไม่พูดอังกฤษกัน แต่เมื่อได้แล้วการตุกติกเรื่องราคาไม่เคยเจอนะครับ เพราะที่นี่วิ่งตามมิเตอร์หมดแม้จะข้ามเมือง Tomakomai Onuma National Park ระยะทางจาก Tomakomai Science Museum มาที่อุทยานแห่งชาติ โอนุมะ ประมาณ 16 กม. นั่งแท๊กซี่ครึ่งชั่วโมง ค่าแท๊กซี่ประมาณ 4xxx เยน ก็แพงนะ แต่เราอยากประหยัดเวลาเพื่อจะได้เที่ยวนานๆ ก็ต้องยอมครับ .... อีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการเดินทาง ก็สามารถนั่งรถไฟจากสถานี Tomakomai > Aoba > Itoi > และมาลงที่ Nishioka แล้วหาแท๊กซี่จากที่นั่นเข้าอุทยานอีก 4.5 กม. นั่นจะถูกกว่า แท๊กซี่พาเรามาส่งที่อุทยานโอนุมะประมาณ 15.00 น. สิ่งที่เราต้องทำด่วนก่อนมืดคือเดินเข้าไปสู่ทะเลสาบโอนุมะ ในอุทยานเพื่อให้ทันดูเขาตกปลา Smelt ... แต่วิวที่เราเห็นตรงทางเดินเข้าไปสวยงามมากเกินกว่าจะอดใจไม่ให้ถ่ายภาพได้ ไม่ว่าจะเป็นคลองน้ำเล็กๆที่ไหลฝ่าดงหิมะและต้นไม้ที่ยืนต้นปราศจากใบ เห็นแล้วสวยงามจริงๆ (เข้าไปดูในเวปช่วงฤดูใบไม้สีแดง และสีเขียวก็สวยไปอีกแบบ) ..... ยังไงเราก็ต้องเดินเข้าไปก่อน ซึ่งระยะทางจากที่ทำการก็ประมาณเกือบ 1 กม. ทางเข้าทะเลสาบ Nishiki Onuma ชาวญี่ปุ่นกำลังลากอุปกรณ์เข้าไปตกปลา เลยป้ายเหล่านั้นไปจะเป็นบริเวณทะเลสาบ นักตกปลาห้ามเลยเชือกนั้นเข้าไป ขอดูเขาตกปลาอย่างใกล้ชิด นักตกปลาตัวน้อย บริเวณที่เขาตกปลาจะเจาะรูผ่านผิวน้ำที่กลายเป็นน้ำแข็งที่หนาประมาณเกือบๆฟุตลงไป โดยเจารูประมาณ 6-8" จนเห็นน้ำ แล้วใช้เบ็ดหย่อนลงไป หลังจากนั้นก็ใช้ความอดทนรอเหมือนนักตกปลาทั่วๆไป ถ้าผิวน้ในรูจะกลายเป็นน้ำแข็งเขาก็จะใช้แผ่นไม้ที่ทำเป็นวงกลมประมาณใกล้เคียงกับรูกระแทกน้ำแข็งออกไปครับ ... เมื่อหลุมหรือรูไหนเลิกตกปลาในแต่ละวันเขาก็จะเอาไม้เล็กทำแบบกระโจมมี 3 ขาแล้วผูกด้วยลิบบิ้นสีชมพูไว้ เพื่อกันไม่ให้คนหลงไปตกและจะได้กลับมาเจาะใหม่ได้ง่ายๆ .... นักตกปลา (Smelt fishing) บางรายก็เอาเบียร์ กาแฟ มานั่งดื่มไปด้วย แต่ชุดแต่ละคนอย่างหนาครับ หลังจากชมเขาตกปลาบนทะเลสาบโอนุมะแล้วก็เกือบมืด ออกมาข้างนอกที่ทำการเพื่อหารถกลับโรงแรม ทีนี้แหละปัญหาก็เกิด คือ หารถเมล์และแท็กซี่จากตรงนั้นก็ไม่ได้ ใช้โทรศัพท์เรียกก็ไม่เป็น เพราะพูดญี่ปุ่นไม่ได้ ... เดินไปเจอแม่บ้านชาวญี่ปุ่นกลุ่มหนึ่งที่พาลูกๆมาเล่นสไลด์บนลานหิมะ โชคดีที่เจอคนพอพูดอังกฤษได้บ้าง เลยถามว่ามีรถกลับไปที่โทมาโกมาอิไหม เขาบอกว่าต้องเดินออกไปถนนด้านหน้าประมาณ 10 นาทีแล้วจะมีป้ายรถ และเขาก็บอกเราว่าจะให้ขับไปส่งไหม รถเขาจอดอยู่ตรงนี้เอง เราก็เกรงใจบอกขอบคุณแล้วเดินฝ่าความหนาวออกไป เราเดินไปได้น่าจะประมาณ 4.5 กม. ไม่เห็นมีรถเมล์หรือแม้แต่แท๊กซี่ผ่านมาซักคัน ใกล้มืดแล้ว หนาวก็หนาว เหนื่อยก็เหนื่อย มองเห็นร้านขายของชำร้านหนึ่ง เราเลยตัดสินใจเข้าไปถามคนที่มาซื้อของ และโชคดีที่เธอพูดภาษาอังกฤษได้บ้าง เธอบอกว่ารถน่าจะหมดแล้ว แล้วเธอก็อาสาไปส่งเราที่ในเมืองซึ่งไกลพอควร จนถึงซูปเปอร์มาร์คเก็ตเราก็บอกเขาไปส่งเราตรงนั้นก็พอ แล้วเราจะหารถกลับเอง เราได้แต่ขอบคุณด้วยภาษาญี่ปุ่นเพียงวลีเดียวที่เราท่องไปจากบ้าน "อะริกะโต้โกไซมัส" ถ้าไม่ได้เขาเราคงแย่แน่ๆในวันนั้น ...ขอบคุณอีกครังสำหรับความอารีย์ของชาวโทมาโกมาอิ .... จากนั้น เราให้พนักงานในห้างช่วยโทรเรียกแท๊กซี่กลับโรงแรม Dormy Inn Tomakomai โดยปลอดภัย. ถนนในโทมาโกไมยามค่ำคืน เราถึงโรงแรม Dormy Inn ประมาณหกโมงเศษๆ เข้าไปที่ Reception ขอเช็ค-อิน เธอจัดการให้และบอกเราว่ากระเป๋าได้เอาเข้าไปเก็บในห้องให้เรียบร้อยแล้ว แล้วถามเราว่าพรุ่งนี้เราจะไปสถานีรถไฟกี่โมง เพราะเขามีรถแท็กซี่รับ-ส่ง ฟรี แต่เริ่มที่ 7.00 น. เราจะจองไว้ไหม? คือที่นี่ต้องคิวหมดทุกอย่างครับ เราบอกไปตอน 6.30 น. มีไหม เขาบอกต้องจ่ายตังค์เองแต่จะเรียกให้ (วันที่เราไปก็คือ 6.30 น. แท๊กซี่ไปส่งเราที่สถานีรถไฟ เราจะจ่ายตังค์ แต่เขาบอกว่าโรงแรมจัดการให้แล้ว...ดีจัง) ทานมื้อเย็นที่ร้านนี้ เข้าห้องพัก จัดการอาบน้ำอุ่นให้สบายๆ ก่อนที่จะออกไปหาอะไรทาน หยิบโบชัวร์ร้านอาหารมาดู แต่ละที่ไกลใช่น้อย หิวก็หิวเลยหาร้านแถวๆโรงแรมนั่นแหละ โชคดีที่ฝั่งตรงข้ามกับโรงแรมมีอยู่หลายร้าน ส่วนมากเป็นแบบญี่ปุ่น มาเจอร้านนี้แล้วดูภาพอาหารที่หน้าร้านแบบมีปิ้งย่างอยู่ด้วยเลยเลือกเข้าซะที่นี่เลย .... ก่อนเข้าร้านต้องถอดรองเท้าเก็บไว้ในล๊อเกอร์เล็กๆสำหรับเก็บรองเท้าก่อน ข้างในจัดร้านแบบญี่ปุ่น จะนั่งบนเบาะหรือเลือกนั่งเป็นโต๊ะก็ได้ เราเอาแบบหลัง วันนี้แก้เมื่อยด้วยเบียร์ซัปโปโร กับน้ำชาเขียวของคุณภรรยา สบายตัวไป ก่อนกลับไปพักผ่อน ปล. โรงแรมในญี่ปุ่นระดับ 3 ดาวและต่ำกว่าในห้องจะมีแต่ชาเขียวและกาต้มน้ำร้อนให้ ถ้าอยากได้กาแฟให้มาชงห้องล้อบบี้เอาและถือขึ้นไปที่ห้องได้ 💘💘ขอบคุณที่ตามอ่านมาตลอดครับ💘💘 ลาด้วยภาพนี้ครับ |