ก่อนที่จะมาที่นี่เราพยามจองที่พักจากเมืองไทยแล้ว ราคาสำหรับกระเป๋าสะตังค์เรานั้นเต็มหมด จะมีก็แต่ประเภทแพงมากๆ เราเลยตัดสินใจพักที่เมืองซัปโปโร ทั้งๆที่วันที่ 9 กพ. เรามีแผนที่จะขึ้นไปพักที่ Kiroro Ski Resort .... ฉะนั้นเราเลยต้องจองที่นั่งรถไฟทั้งและกลับซัปโปโรไว้เลย เวลาที่จะเที่ยวโอตารุเลยเหลือแค่ครึ่งวันเอง
ลงจากสถานีรถไฟเดินไปทางคลองโอตารุ เจอเมืองที่เต็มไปด้วยหิมะแบบนี้ จะว่าไปแล้วคนที่เขาอยู่เมืองที่อากาศหนาวๆแบบโอตารุนี่ เขาก็คิดอะไรมาเพื่อคลายเครียดในหน้าหนาวดีเหมือนกันนะ เช่น ตามสวนสาธารณะที่ท่วมไปด้วหิมะ เขาก็จัดการปั้นหิมะให้เป็นรูปต่างๆ ให้ผู้คนได้เที่ยวชม ช่องๆที่เห็นเดี๋ยวก็มีคนมาจุดเทียนครับ
เดินตรงลงไปเรื่อยๆจะผ่านร้านอาหารทะเลมากมาย มีทั้งประเภทย่างจิ้มน้ำซอส โดยให้เราไปชี้ในกะบะ หรือตู้ แล้วร้านเขาจะเอาไปย่างให้ (ไม่เหมือนที่อาซาฮิกาว่า เมืองนั้นชอซาซิมิมากๆและที่ขาดไม่ได้คือมีไข่ปลาแซลมอนสดๆโปะหน้าจานข้าวเสมอ) .... อากาศเย็นๆเราแวะร้านอาหารที่เป็นเรือนไม้เก่าๆเพื่ออาศัยฮีตเตอร์และทานอาหารจานร้อนไปในตัว ราคาก็โอเคนะครับสำหรับเมืองท่องเที่ยวแบบนี้..เสียดายไม่ได้ถ่ายภาพมาให้ชม
ทานอาหารเสร็จเราก็ไปเริ่มต้นเที่ยวชมคลองกัน จุดแรกเลยที่ สะพานอาซากุสะ (Asakusa) อยู่ติดกับซุ้ม Information ย่อย ซึ่งเป็นกระท่อมไม้ที่มีนาฬิกาบอกเวลาและอุณหภูมิขณะนั้น ... คนเยอะจริงๆ แต่โชคดีได้หนุ่มญี่ปุ่นช่วยถ่ายภาพให้.
คลองโอตารุจากสะพานอาซากุสะ (ติดกับ Tourist Information)
โอตารุ (OTARU)
โอตารุ เมืองเล็กๆ แต่เสน่ห์ไม่เล็ก ที่อยู่บนเกาะฮอกไกโด ด้วยเมืองขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองโรแมนติกมาก ที่ใครๆ ก็อยากไป แค่เพียงมีเวลาเหลือนิดหน่อยก็สามารถเดินเที่ยวเล่นไปทั่วเมืองแล้ว แต่ที่สำคัญที่ไม่ควรพลาดก็คงเป็นจุดขายของเมืองนี้ที่จะต้องไปเยือนให้ได้ เพราะคุณจะได้พบกับบรรยากาศที่สุดแสนจะโรแมนติกที่เขาล่ำลือกัน แต่จะเป็นที่ไหนนั้น เราไปทำความรู้จักกับเมืองโอตารุกันก่อนเลย
โอตารุ (Otaru) เป็นเมืองเล็กๆ ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองซัปโปโรห่างออกไปประมาณ 40 กิโลเมตร เป็นเมืองเล็กๆ ที่สามารถใช้เวลาหนึ่งวันเดินเทียวเล่นได้อย่างสบายๆ ในอดีตเมืองโอตารุเป็นเมืองท่าที่สำคัญเทียบเท่ากับเมืองฮาโกดาเตะ แต่จากการพัฒนาที่ช้ามากทำให้ความเจริญไปอยู่ที่ซัปโปโรเป็นส่วนใหญ่
ช่วงต้นของยุคล่าอาณานิคมฮอกไกโด (ปลาย 1800) โอตารุทำหน้าที่เป็นท่าเรือขนส่งสินค้า และท่าประมงที่สำคัญ ... สามารถเดินทางจากซัปโปโรได้อย่างสะดวกโดยรถไฟ อาคารต่างๆของเมืองยังคงเป็นโกดังเก่า อดีตอาคารสำนักงานของบริษัทชิ้ปปิ้ง และการค้า
เป็นถนนที่รวบรวมบรรดาร้านขายของที่ระลึกของฝาก ร้านค้าต่างๆ จะเป็นอาคารเก่าโบราณทั้งสองข้างทาง และของฝากที่ขึ้นชื่อของถนนเส้นก็คือ บรรดาเครื่องแก้วและกล่องดนตรี โดยเฉพาะเครื่องแก้วนั้นมีให้เลือกมากมายหลากหลายรูปแบบตั้งแต่เล็กไปจนถึงใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ตัวเล็กๆ ไปจนถึง แก้วน้ำ แจกัน ตะเกียง เป็นต้น นอกจากนี้แล้วก็ยังมีแก้วคริสตัลสวยงามที่ส่องประกายยั่วใจให้ได้เสียสตางค์ซื้อกันด้วย
บนถนนซาไกมาจิ (Sakai-Machi)
พิพิธภัณฑ์และร้านขนมกล่องดนตรี (Otaru Orgel Emporium) ตั้งอยู่ภายในตึดอิฐแดงเก่าสองชั้น ภายในเปิดขายบรรดากล่องดนตรีสำเร็จรูปที่สวยงาม จุดเด่นของที่นี้อยู่เราสามารถประดิษฐ์กล่องดนตรีได้เองตามใจชอบ แต่แต่การเลือกกล่องดนตรี ตุ๊กตาประดับ และเพลงที่จะใส่ลงไปในกล่องดนตรีของเรา โดยราคาก็จะแตกต่างกันออกไปและมีหลายราคาให้เลือกซื้อเป็นของฝากได้ตามใจชอบ แต่อีกอย่างที่น่าสนใจของร้านนี้คือ ที่ด้านหน้าของร้านจะมีนาฬิกาไอน้ำโบราณ ที่มีเพียงแค่สองเรือนในโลกเท่านั้น คือที่ประเทศญี่ปุ่นและประเทศแคนาดา ตั้งอยู่ให้ผู้คนได้ไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึก โดยจะส่งเสียงเพลง และพ่นไอน้ำออกมาเพื่อบอกเวลาทุกๆ ชั่วโมงครับ
อาคารพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี
โบสถ์นี้อยู่ตรงข้ามกับพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี
นาฬิกาไอน้ำโบราณ (ตอนไปมีเปิดหวูดด้วย)
จากพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี เราเดินกลับไปที่คลองอีกครั้ง เพื่อเก็บภาพ แต่กลับอีกคนละถนน ตามทางที่ผ่านจะมีร้านขายของที่ระลึกหลายร้าน รวมทั้งร้านขายสาเก แถมมีให้ชิมฟรีด้วยแวะเข้าไปชิมได้นะครับ แต่เวลาซื้อไปซื้อที่สนามบินน่าจะดีกว่าเพราะไม่ต้องหอบไปไกล..
เตรียมพร้อมสำหรับจุดไฟในโคมน้ำแข็ง
เดินเลียบคลองที่ได้ชื่อว่าโรแมนติกสุดๆของเมือง ได้เห็นชาวเมืองกำลังมาเตรียมที่จะจุดเทียนในโคมไฟน้ำแข็งที่ตกแต่งโคมไว้สวยงาม .... ถ้าเราขอเอกสารที่จุด Information หรือจากสถานีรถไฟ เขาจะแนะนำว่าเราควรเดินเที่ยววนไปแบบไหนครับ ... สิ่งที่น่าชมอีกอย่างหนึ่งของคลองโอคารุ คือเทศกาลแสงไฟริมคลองโอตารุครับ
เทศกาลแสงไฟริมคลองโอตารุ เป็นเทศกาลในฤดูหนาว จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนกุมภาพันธ์(ใกล้เคียงกับเทศกาลหิมะซัปโปโร) โดยเมืองโอตารุจะประดับประดาไปด้วยแสงไฟ และรูปปั้นหิมะขนาดเล็ก เป็นระยะเวลา 10 วัน บรรยากาศของเมืองที่ปกคลุมด้วยหิมะ รวมกับแสงจากโคมไฟระยิบระยับทำให้รื่นรมย์ ภายในเมืองจะแบ่งออกเป็น 2 พื้นที่หลักในการจัดเทศกาลในช่วงเวลา 17:00-21:00 คือ Unga Kaijo และ Temiyasen Kaijo (ตั้งอยู่ไม่ไกลกันนัก สามารถเดินเพียง 15 นาทีก็ถึง เพื่อชื่นชมบรรยากาศระหว่างทาง) นอกจากนี้ชาวบ้านในพื้นที่ก็จะตกแต่งร้านค้าและที่อยู่อาศัยของพวกเขาด้วยโคมไฟบริเวณด้านหน้าพื้นที่ Unga Kaijo ตั้งอยู่บนถนนยาว 300 เมตร ริมคลองโอตารุ(Otatru Canal) โกดังเก่า และโคมไฟก๊าซแบบโบราณริมคลอง ทำให้บรรยากาศโรแมนติกมากขึ้น ริมทางยังมีรูปปั้นหิมะเล็กๆและแสงไฟจากเทียน สามารถเดินมาจาก Otaru Station ไปยังคลอง 10 นาที ระหว่างคลอง และสถานีรถไฟ คือ พื้นที่ Temiyasen Kaijo ทอดยาวประมาณครึ่งกิโลเมตรไปตามรางรถไฟเก่าเทมิยาเซ็น ข้างทางมีซุ้มอาหาร โคมไฟ และรูปปั้นหิมะ คล้ายกันกับพื้นที่ Unga Kaijo
ที่มา :
https://www.talonjapan.com/otaru-snow-light-path-festival/
โคมไฟน้ำแข็งที่ฝังด้วยดอกไม้สีสวยริมคลองโอตารุ
คลองโอตารุในยามบ่ายประมาณ 4 โมงเศษๆ
ข้างถนนระหว่างคลอง ทำสวนหิมะไว้สวยงาม
โอตารุยังมีที่ๆเรายังไม่ได้ไปชมอีกหลายแห่ง เช่น หมู่บ้านประมงปลาเฮอร์ริ่ง แต่เราจองตั๋วรถไฟเที่ยวกลับซัปโปโรไว้ 17.00 น. เราจึงต้องอำลาเมืองนี้ก่อนที่เขาจะจุดไฟในโคมน้ำแข็ง ในเทศกาลแสงไฟริมคลองโอตารุ (Otaru Snow Light Path Festival)
เรานั่งรถไฟกลับถึงเมืองซัปโปโรอย่างปลอดภัย หลังจากนั้นก็เดินเที่ยวชมเทศกาลหิมะซัปโปโร ที่สวนโอโดริ ต่อ ก่อนกลับห้องพักที่ Resol Trinity Sapporo.
💘💘 ขอบคุณที่ตามอ่านครับ 💘💘