โรงละครฯ - เทียนอันเหมิน (96 ชม. ที่ปักกิ่ง ตอนที่ 2 )
อ่านตอนที่ 1 : คล๊กที่นี่ อ่านตอนที่ 3 : คล๊กที่นี่
Day 2.. เมืองปักกิ่ง โรงละครแห่งชาติ จัตุรัสเทียนอันเหมิน พระราชวังต้องห้าม
วันนี้เป็นวันที่ 23 มีนาคม 2009 เราตื่นเช้าตามประสานักเดินทาง คือเขามีสูตรสำเร็จว่า 6, 7, 8 คือ morning call 0600 น ทานอาหารเช้าที่โรงแรม 0700 น และล้อหมุน 0800 น.... แต่เราชอบตื่นก่อนเสมอ คือปกติทุกโรงแรม เขาจะเปิดให้เข้าทานอาหารได้ตั้งแต่ 0500 น แล้ว เราทำธุระเสร็จ แปลงกายให้พอเหมาะกับอากาศที่จะเจอ ซึ่งวันนี้ก็น่าจะอยู่ที่ 3-4 องศา
เมืองปักกิ่งฝนตกน้อย อากาศแห้งเวลานอนจะรู้สึกคอแห้ง ถ้าอยู่หลายๆวันจะรู้สึกเจ็บคอ จขบ. มาเจ็บคอเอาตอนที่กลับมาบ้านเราแล้ว.. วิธีการคือเติมความชื้นให้ห้องนอนหน่อย เช่นตักน้ำใส่ถ้วย หรือขันวางไว้ หรือไม่ก็เปิดน้ำใส่อ่างไว้ ก็จะเพิ่มความชื้นให้ห้องได้ครับ
หลังอาหารเช้าเราออกไปสัมผัสไอเย็นที่หน้าโรงแรม อื้อฮือได้ที่เลย 4 องศาถ้ามีลมด้วยแบบวันนี้ ทำให้เย็นยะเยือกเหมือนกัน เดินถ่ายภาพกัน 3-4 ภาพก็ต้องกลับเข้าไปอาศัยไออุ่นภายในอาคาร
รู้จักเมืองปักกิ่งหน่อยเป็นไร
ปักกิ่ง หรือ เป่ย์จิง (Beijing) (ภาษาจีน: 北京 (ข้อมูล), พินอิน: Běijīng) เป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาชนจีน มีชื่อย่อว่า จิง ตั้งอยู่ที่ภาคตะวันตกเฉียงเหนือของ ที่ราบหวาเป่ย ชื่อเดิมคือ จี่ สมัยชุนชิวจ้านกั๋วเป็นเมืองหลวงของแคว้นยัน สมัยราชวงศ์เหลียว เป็นเมืองหลวงรอง ชิ้อยันจิง เป็นเมืองหลวงของจีนตั้งแต่สมัยราชวงศ์จิน หยวน หมิง ชิงจนถึง สาธารณรัฐจีน เคยใช้ชื่อจงตู ต้าตู เป่ยผิงและเป่ยจิง เริ่มตั้งเป็นเมืองตั้งแต่ปี 1928 ปัจจุบัน แบ่งเป็น 16 เขตและ 2 อำเภอ เป็นนครที่ขึ้นตรงต่อส่วนกลาง พื้นที่ทั่วนครเป่ยจิงมีถึง 16,800 ตารางกิโลเมตร ถึงสิ้นปี 2002 ทั่วนครเป่ยจิงมีประชากร 1,136,300 คน
ยามเช้าที่ปักกิ่ง
นครเป่ยจิงเป็นศูนย์การเมือง วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ การศึกษาและเขตชุมทางการคมนาคมทั่วประเทศจีนและก็เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อดังทั้งในประเทศจีนและในโลก แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญมีกำแพงเมืองจีน พระราชวัง โบราณ หอฟ้าเทียนถัน สุสานจักรพรรดิสมัยราชวงศ์หมิง วังพักร้อนอี๋เหอหยวนและภูเขาเซียงซาน เป็นต้น
ปัจจุบันปักกิ่งเป็นเขตการปกครองพิเศษแบบมหานคร 1 ใน 4 แห่งของจีน ซึ่งมีฐานะเทียบเท่ากับมณฑลหลังจากปักกิ่งได้รับการจัดตั้งเป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี 1949 โดยเฉพาะหลังจากสมัย 80 ศตวรรษที่ 20 เมืองปักกิ่งได้พัฒนาอย่างรวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ มีการเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ ปัจจุบันนี้ปักกิ่งมีถนนที่สลับกัน ตึกสูงๆ โดยไม่เพียงแต่รักษาสภาพเมืองโบราณ และยังแสดงถึงสภาพเมืองที่ทันสมัย กลายเป็นเมืองใหญ่ของโลก
เดินไปถ่ายภาพที่โรงละครแห่งชาติ
ปักกิ่งเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่อันดับสองของประเทศจีนรองจากเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่งเป็นศูนย์กลางทางการปกครอง การศึกษา การขนส่ง และวัฒนธรรมจีน ในขณะที่ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจนั้นจะอยู่ที่เซี่ยงไฮ้และฮ่องกง
ปักกิ่งเป็น 1 ใน 4 เมืองหลวงเก่าของจีน และได้รับเลือกให้จัดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อนปี 2551 อีกด้วย มหานครปักกิ่งเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน นับแต่ สมัยราชวงศ์หยวน สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน เป็นศูนย์กลาวงทางการเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมของจีน
ภาพระยะไกลของโรงละครฯ
ปักกิ่งมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย เช่น จัตุรัสเทียนอันเหมิน กำแพงเมืองจีน พระราชวังฤดูร้อน พระราชวังต้องห้าม เป็นต้น มีประวัติความเป็นมา เริ่ม ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ซึ่งมี การขุดค้นพบกะโหลก มนุษย์ปักกิ่งตามหลักฐานที่พิสูจน์ได้ปักกิ่งมีความเจริญ รุ่งเรืองมานับแต่ คริสศตวรรษที่ 13 ในปี พ.ศ. 1964 (ค.ศ. 1421) จักรพรรดิหย่งเล่อ ได้ทำการก่อสร้างและออกแบบผัง เมืองใหม่และย้ายฐานราชการชั่วคราวในขณะนั้นจาก เมืองหนานจิงมายัง เป่ยจิง หรือปักกิ่งในปัจจุบัน
สาวน้อยนักศึกษาชาวจีน ตามไปถ่ายภาพ
ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาปักกิ่งถูกยกสถานะเป็นเมืองสำคัญระดับโลกเป็นศูนย์กลางทางการปกครองการค้า การลงทุนที่สำคัญที่สุดของประเทศจีนในแต่ละปีมีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาติดต่อการค้าท่องเที่ยว ศึกษาเป็นจำนวนมากประชาชนชาวปักกิ่งมีสภาพความเป็นอยู่และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รวมทั้งได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากตะวันตกมากขึ้นด้วย
เดินไปเจอทหารกำลังเดินแถวไปเข้าเวร
ความหมาย : 北 běi เป่ย - เหนือ, 京 jīng จิง - เมืองหลวง ก็คือเมืองหลวงทางเหนือ, พื้นที่ทั้งหมด 16,808 ตร.กม., ประชากรเขตเมือง 10,300,000 คน, เขตปริมลฑล 17,200,000 คน
(ที่มา : วิกิพีเดีย)
รถไปส่งเราตรงอีกฟากของถนน ต้องเดินเท้าผ่านทางข้ามสองครั้ง ก่อนจะไปถึงโรงละครแห่งชาติ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจัตุรัสเทียนอันเหมินมากนัก
อากาศเย็นๆยามเช้า ทำให้เราไม่เหนื่อยมากนัก ต่างก็จ้ำอ้าวไปที่โรงละคร เพื่อให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นจากการเดินกึ่งวิ่ง จะว่าไปแล้วโรงละครแห่งชาตินี้ก้เป็น 1 ใน 10 สิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ของจีนทีเดียว
โรงละครฯที่มีสระน้ำล้อมรอบ
โรงละครแห่งชาติกรุงปักกิ่ง
สถาปัตยกรรมทรงครึ่งวงรี ที่ออกแบบโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส พอล อังโดร(Paul Andreu) โครงสร้างของเปลือกผิวด้านนอกปูทึบด้วยแผ่นโลหะไทเทเนียมจำนวน ๑๘,๓๙๘ แผ่น และส่วนตรงกลางที่โปร่งแสงนั้นปูด้วยแผ่นกระจกใสจำนวน ๑,๒๒๖ แผ่น
โรงละครฯอีกมุม
รอบๆโรงละครแห่งชาติปักกิ่งแวดล้อมด้วยทะเลสาบเทียมที่มีอาณาบริเวณถึง ๓๕,๐๐๐ ตารางเมตร ความยาวของเส้นรอบวงของโรงละครแห่งชาติปักกิ่งยาวโดยประมาณ ๖๐๐ เมตร ความยาวแกนเอกวัดได้ในแนวนอน คือ ๒๑๒.๒๐ เมตร ความยาวแกนโทวัดได้ในแนวนอน คือ ๑๔๓.๖๔ เมตร ส่วนความสูงของส่วนที่สูงที่สุดเหนือระดับพื้นดินคือ ๔๖.๒๘๕ เมตร และมีชั้นใต้ดินที่อยู่ลึกจากระดับพื้นดินถึง ๓๒.๕๐ เมตร
โรงละครฯอีกมุม
ความจุ ๑,๐๔๐ ที่นั่ง ใช้สำหรับการแสดงอุปรากรจีน พื้นผิวของผนังที่กึ่งโปร่งแสงจะทำให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาในตอนกลางคืนจะมองเห็นการแสดงด้านในวับๆ แวบๆ ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของสถาปัตยกรรมแห่งนี้.
รปภ. เฝ้าดูความเรียบร้อย
อาคารของราชการนี้ อยู่ตรงข้ามโรงละครฯ
หลังจากที่เราถ่ายภาพโรงละครพอหอมปากหอมคอแล้ว เราก็เดินข้ามถนนเลียบตึกศาลาประชาคมเพื่อเดินไปที่จัตุรัส เทียนอันเหมิน ซึ่งอยู่ห่างกันไม่น่าจะเกิน 300 เมตร ก่อนที่จะผ่านด่านตรวจสิ่งของ คล้ายๆที่ทำในสนามบิน คือเอากระเป๋าผ่านเข้าเรี่อง x-ray เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
ทหารที่เฝ้าดูแลความเรียบร้อยที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน
จัตุรัสเทียนอันเหมิน
จัตุรัสเทียนอันเหมิน (ภาษาจีน: 天安门; พินอิน: Tiān'ānmén; แมนจู: Abkai elhe obure duka) อยู่ในกรุงปักกิ่งประเทศจีนเรียกว่าหลัง จัตุรัสเทียนอันเหมิน(ความหมายประตูของสันติภาพอย่างสวรรค์) จัตุรัสเทียนอันเหมินมีความสำคัญในวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่เป็นสัญญลักขณ์เพราะว่าจัตุรัสเทียนอันเหมินคือที่ตั้งของเหตุการณ์สำคัญมากมายในประวัติศาสตร์จีน จัตุรัสเทียนอันเหมินเป็นจัตุรัสที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก จัตุรัสเทียนอันเหมิน (天安门广场) ตั้งอยู่ใจกลางกรุงปักกิ่ง ความยาวตั้งแต่ทิศเหนือจรดทิศใต้ 880 เมตร ทิศตะวันออกจรดทิศตะวันตก 500 เมตร พื้นที่ทั้งสิ้น 440,000 ตารางเมตร สามารถจุประชากรได้ถึง 1,000,000 คน ปัจจุบันจัตุรัสเทียนอันเหมินนับเป็นจัตุรัสใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก
คำว่า เทียน แปลว่า ฟ้า อัน แปลว่า ผาสุก เหมิน แปลว่า ประตู
จัตุรัสเทียนอันเหมินล้อมรอบด้วยสถาปัตยกรรมที่มีความสำคัญ ได้แก่ หอประตูเทียนอันเหมินที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือสุดของจัตุรัส ธงแดงดาว 5 ดวงผืนใหญ่โบกสะบัดอยู่เหนือเสาธงกลางจัตุรัส อนุสาวรีย์วีรชนใจกลางจัตุรัส มหาศาลาประชาคมด้านทิศตะวันตกของจัตุรัส ตลอดจน พิพิธภัณฑ์การปฏิวัติแห่งชาติและพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ชาติจีนทางฝั่งตะวันออก นอกจากนี้ทางด้านทิศใต้ยังมี หอรำลึกท่านประธานเหมาและหอประตูเจิ้งหยางเหมิน (正阳门城楼) หรือเฉียนเหมิน (ที่มา : วิกิพีเดีย)
อนุสาวรีย์วีรชนที่ลำลึกถึงผู้เสียชีวิตในการปฏิวัติ
ตัวอนุสาวรีย์ด้านบนนี้ตั้งตระหง่านอยู่กลางจัตุรัสซึ่รายล้อมด้วย ศาลาประชาคม อาคาร Mao Zedong Memorial Hall (ที่เก็บศพท่านเหมาในโรงแก้ว) อาคาร Chinese History Hall และอีกด้านหนึ่ง คือพระราชวังต้องห้าม ซึ่งคนจีนเรียกว่า พระราชวังกู้กง ส่วนฝรั่งจะเรียกว่า Forbidden City หรือ Palace Museum
อาคารศาลาประชาคม
นักท่องเที่ยวมากมายมหาศาล เกือบเต็มพื้นที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในโลก ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น
การเดินท่ามกลางคนเยอะๆแบบนั้นต้องคอยสังเกตุสัญลักษณ์ที่ไกด์ทำขึ้น อย่างเช่นกรุ๊ปเราก็เป็นลิบบิ้นเหลืองบวกกับธงชาติไทยผืนเล็กๆ ซึ่งหลายๆคนบอกว่าเป็นทัวร์ลูกเป็ด คือเดินแม่เป็ด หรือตามธง
Mao Memorial Hall
อาคารเรื่องราวประวัติศาสตร์จีน (กำลังปรับปรุง)
นักท่องเที่ยวชาวจีนที่มาที่นี่ ก็เพื่อชมร่างของท่านประธานเหมา และถ่ายภาพในจัตุรัส เพื่อให้มีรูปท่านเหมาที่ประตูเทียนอันเหมินติดไปด้วย วันที่ไปจึงเห็นนักท่องเที่ยวมากมาย หลายกลุ่ม ตั้งแถวถ่ายภาพกับประตูเทียนอันเหมินที่มีรูปขนาดใหญ่ของท่านเหมาติดอยู่
อนุสาวรีย์วีรชนที่อยู่ใจกลางจัตุรัส
ประตูเทียนอันเหมิน
มุมกว้างของจัตุรัสเทียนอันเหมิน
หลังจากถ่ายภาพพอประมาณแล้วเราก็ต้องลอดอุโมงค์เพื่อข้ามถนนไปฝั่งประตูเทียนอันเหมิน เพื่อเข้าไปชมพระราชวังต้องห้าม พอข้ามไปได้เราจะเจอห้องน้ำสาธารณะอยู่ที่ฝั่งนั้นโดยไม่เก็บค่าบริการ (ห้องน้ำในที่ท่องเที่ยวจีนตามที่ผ่านไปจะไม่เก็บค่าบริการ)
ลอดอุโมงนี้เพื่อข้ามไปฝั่งพระราชวังต้องห้าม
ถ่ายจากฝั่งพระราชวัง
นักท่องเที่ยว
ที่ถนนด้านนั้นก็ยังพบนักท่องเที่ยวมากมาย โดยเฉพาะชาวจีนที่เข้าแถวเดินอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยเดินตามธงสัญลักษณ์
รอคิวถ่ายภาพหน้าพระราชวัง
ที่หน้าประตูเทียนอันเหมินท่านจะเจอสองสิ่งที่นักท่องเที่ยวจะชอบแย่งกันถ่ายภาพ คือ "เสาหินหัวเปี่ยว" ที่เป็นเสาหินอ่อนสลักลายมังกรขดตัวไปมากับก้อนเมฆ
เล่ากันว่าถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 4000 ปีก่อนโดยจักรพรรดิของจีนสมัยนั้นได้สร้างเป็นเสาไม้ขึ้นมา เพื่อใช้เป็นจุดสังเกตบอกหลักเขตหรือสัญลักษณ์ เมื่อเวลาผ่านไปธรรมเนียมการเขียนก็ลดลง และในที่สุดก้หายไป ปล่อยให้หัวเปี่ยวเป็นแค่สถาปัตยกรรมที่เอาไว้ประดับสถานที่ให้สวยงามเท่านั้น
เสาหินหัวเปี่ยว (Huabiao)
ด้านบนหัวเปี่ยวนั้นมีรูปปั้นสัตว์ชนิดหนึ่งอยู่ คนจีนเรียกว่า "หัว (Hou)" โดยสัตว์ตัวนี้จะคอยสอดส่องจักรพรรดิ โดยตัวที่หันหน้าไปทางหน้าประตูเทียนอันเหมิน จะคอยเรียกให้กษัติรย์กลับวังเร็วๆ หากออกไปข้างนอกเป้นเวลานานๆ ส่วนอีก 2 ตัว (เสา) ที่อยู่ด้านใน (ผ่านประตูไปแล้ว) จะทำหน้าที่ให้จักรพรรดิออกไปเยี่ยมราษฎรบ่อยๆ
สิงห์ที่เฝ้าประตู
ส่วนสิ่งที่ 2 คือสิงห์ซึ่งมี 2 ตัวคืออยู่ฝั่งประตูละตัว จะมีทั้งเภทผู้และเมียซึ่งทำหน้าที่เฝ้าประตู ในจีนจะเห็นเจ้าสิงห์คู่เฝ้าประตูเช่นนี้ทั่งไปตามพระราชวังต่างๆ
มีคำถามเล่นๆในหมู่นักท่องเที่ยวว่า ตัวไหนล่ะ คือตัวผู้หรือตัวเมีย ?
ภาพจากด้านในประตูเทียนอันเหมิน
เนื่องจากปัญหาการโหลดที่ค่อนข้างนาน จึงขออนุญาตยกยอดการชมพระราชวังต้องห้ามในตอนต่อไปครับ
อ่านตอนที่ 1 ll อ่านตอนที่ 3
______________
|