คือว่าสารภาพไว้ก่อนนะคะ ว่าอย่างที่เขียนไปว่าตอนอยู่บนเครื่องยังอ่าน da vinci code ได้ไม่ถึงไหน เลยไม่ได้ไปตามดูเส้นทาง rose line นะคะ (คุณ "กริชครับผม" คงอดดูรูป rose line ล่ะค่ะ)
พอลงมาก็อ่านแต่หนังสือนำเที่ยว Michelin The Green Guide แล้วก็ไปตามนั้น แต่เนื่องจากเป็นคนที่เฟอะฟะมากเลยเดินหลุดออกนอกแผนที่ตลอด
เวลาคุณยืนอยู่ตรงจุดเริ่มของ La de fense (ซึ่งตั้งต้นด้วยสระน้ำ) นะคะ ถ้ามองต่ำลงไปข้างล่าง คุณก็จะเจอถนน
มองตามแนวรถวิ่งย้อนกลับเข้าไปสู่ใจกลางเมืองคุณก็จะเห็น ประตูชัย Arche de Triump อยู่ลิบๆโน่น
จากนั้นกลับหลังหันแล้วแล้วเดินตรงมา คุณก็จะเดินผ่าน park ที่ถูกตึกสมัยใหม่งอกขนาบข้างไปจนสุดที่ประตูชัยใหม่ La Grande Arche ที่หน้าตาเหมือนกรอบหน้าต่างสีขาวขนาดมหึมา (ว่ากันว่าที่ว่างตรงกลางใหญ่ขนาดใส่ Norte Dame ลงไปได้ทั้งโบสถ์) เปิดช่องโล่งไปสู่ท้องฟ้ากว้างด้านหลัง
จังหวะชีวิตของ La de fense ตายตัวแน่นอนเหมือนนาฬิกาบนข้อมือของนักธุรกิจที่เดินกันให้ว่อนแถวนี้ล่ะค่า
ในทุกเช้าของวันทำงาน metro ขบวนยาวจะบรรทุกบุรุษสตรีในเสื้อโค้ทหรือชุดสูทมาลงที่สถานี จากนั้นผู้คนก็จะต่อแถวกันไต่บันไดเลื่อนบ้างเดินบ้าง โผล่ขึ้นมาสู่พื้นที่ตรงกลางก่อนจะเดินแยกย้ายกันผลุบหายเข้าไปในตึกใครตึกมัน
ช่วงสายที่เงียบสงบผ่านไปช้าๆ แล้วผู้คนที่กระหายแดดก็จะหลั่งไหลออกมาจากตัวอาคารอีกทีตอนเที่ยง นั่งกินมื้อกลางวันกันตาม coffee shop และร้านแถวนั้น แล้วก็ซึมซับแสงแดดเป็นของหวานตามม้านั่งใต้ต้นไม้ ก่อนจะผลุบหายเข้าไป work กันหลังผนังกระจกกันต่อตอนบ่าย
และไอ้ความสับสนในการต้องต่อรถนอก zone บวกกับเวลาที่ท่าทางว่าจะไม่คุ้มกับค่าเข้าถ้าไปถึงตอนบ่ายๆ ทำให้เราตัดสินใจลงมาเดินเล่นกันแค่แถวริมแม่น้ำ saint แล้วก็ทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวที่ดีเดินถ่ายรูปกันอยู่แถวสะพาน Pont AlexandreIII