Group Blog
 
<<
กันยายน 2548
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
21 กันยายน 2548
 
All Blogs
 
วันแรกในปารีส

คือว่าสารภาพไว้ก่อนนะคะ ว่าอย่างที่เขียนไปว่าตอนอยู่บนเครื่องยังอ่าน da vinci code ได้ไม่ถึงไหน เลยไม่ได้ไปตามดูเส้นทาง rose line นะคะ (คุณ "กริชครับผม" คงอดดูรูป rose line ล่ะค่ะ)

พอลงมาก็อ่านแต่หนังสือนำเที่ยว Michelin The Green Guide แล้วก็ไปตามนั้น แต่เนื่องจากเป็นคนที่เฟอะฟะมากเลยเดินหลุดออกนอกแผนที่ตลอด

ที่ๆน่าจะได้ไปบางทีเลยไม่ได้ไป แต่ดันไปได้ไปในที่ๆเค้าไม่ค่อยไปกัน เพราะส่วนใหญ่จะเที่ยวเองจริงๆค่ะ เปิดหนังสืออ่านๆ แล้วก็ลองไปดูเองคนเดียว (แหะ แหะ แล้วก็หลงทาง) ยังไงลองไปหลงทางด้วยกันก่อนละกันนะคะ

-----------------------------------------------------------



หลังจากประเดิมอาหารกลางวันมื้อแรกใน Paris ด้วยมาม่าต้มยำกุ้งน้ำข้นแล้ว (ที่ทำทีว่าซื้อมาเป็นเสบียงให้เพื่อน แต่อีชั้นฟาดเองทุกวันล่ะค้า) อีชั้นกะเพื่อนก็พร้อมจะออกไปตระเวนเที่ยวกัน อู้ยยยย ตื่นเต้นจริงๆ

ตอนแรกก็กะว่าจะไปแวร์ซายกัน เพราะวันนี้เป็นวันเสาร์ คุณเพื่อนยังไปกะอีชั้นได้ จันทร์ถึงศุกร์ต้องเที่ยวคนเดียวค่ะเพราะมันทำงาน ส่วนวันอาทิทย์พรุ่งนี้ มันก็จองตั๋วไปเมืองอื่นไว้ให้แล้ว

แหมแล้ว high light อย่างแวร์ซายน่ะ จะไปคนเดียวก็กระไรอยู่ ใครจะถ่ายรูปให้ล่ะคะ ไปคนเดียวถ่ายแต่รูปวิว ก็ไม่มีหลักฐานประกอบ เดี๋ยวพวกฝูงๆทางนี้จะหาว่าไป load รูปใครมาโม้เท่านั้นเอง

วันนี้อีชั้นใช้บัตร metro แบบ ตั๋วชุด 10 ใบของเพื่อนเพื่อความประหยัดค่ะ แล้วก็กะว่าจะซื้อ orange card ซึ่งเป็นตั๋วสัปดาห์ของ METRO ใช้เท่าไหร่ก็ได้ ตลอดจันทร์ถึงอาทิตย์มาไว้เที่ยวแล่นแตตอนออกไปตะลอนคนเดียว

ไอ้เจ้าบัตร orange นี่เค้าพิทักษ์สิทธิผู้ใช้น่าดูนะคะ เพราะถึงคุณจะอยากซื้อแค่ไหน ป้าคนขายบัตรที่สถานีเค้าจะขายคุณต้นสัปดาห์เท่านั้น กลัวคุณใช้ไม่คุ้ม ไอ้เจ้าตั๋วเนี่ยมันจะแบ่งเป็น zone สำหรับอีชั้นซึ่งถือว่าอยู่ขอบๆเมือง paris ก็ต้องซื้อ zone 1-2 ค่ะ ลงสถานีสุดสายพอดี ประมาณอ่อนนุชยังไงยังงั้น แต่พอจะไปไกลกว่านั้น เช่นสนามบิน หรือ แวร์ซายเนี่ยก็เลยต้องซื้อตั๋วเพิ่มเพราะอยู่นอก zone 2 ไปไกลเลย

ย่าน La de’ fense ที่คุณเพื่อนได้ service apartment หรูหราไฮโซอยู่ โดยมีอิชั้นมาสิงเนี่ย จริงๆแล้วมันเป็นย่านธุรกิจน่ะค่ะ มันจะอยู่เป็นติ่งใหญ่อยู่ปลายๆของเมือง

(คือผังเมืองเค้าจะงามไงคุณ ตึกในเมืองก็จะเป็นตึกเก่าหน้าตาอารมณ์เดียวกัน ไม่มีแบบว่าคลาสสิกๆ อยู่ดีๆก็มีระฟ้าทะลึ่งโผล่ขึ้มาให้รกตา ส่วนพวกตึกสูงๆ style modern ก็จะถูกกันให้ไปขึ้นเป็นกระจุกรวมกันเป็นย่านทันสมัยไป)
La de’ fense ก็เลยจะเป็นกลุ่มของตึกสูงซึ่งบุภายนอกด้วยกระจกเงาวับ แบบว่าสะท้อนให้เห็นภาพท้องฟ้ากับเมฆขาวให้เห็นในมุมตั้งฉากกับพื้นดิน

คุณลองนึกภาพตึกแถวสาธรก็แล้วกัน นึกออกใช่ม้า

แล้วทีนี้คุณก็ลองบีบถนนสาธรเข้าไปให้ชิดกันตามแนวยาว จนไม่มีซอยให้รถวิ่ง

แล้วก็เลาะถนนที่ผ่านตรงกลางทั้งเส้นออกโยนไปไว้ด้านนอก

ส่วนพื้นที่ตรงกลางที่ว่างๆก็โยน park ลงไปแทน

จากนั้นก็ยกพื้นที่บริเวณนี้ทั้งหมดให้สูงขึ้น

แล้วเอาระบบคมนาคมอย่างรถใต้ดินกับที่จอดรถที่เชื่อมกับถนนยัดไว้ด้านล่าง

นั่นล่ะค่ะ La de’ fense




เวลาคุณยืนอยู่ตรงจุดเริ่มของ La de’ fense (ซึ่งตั้งต้นด้วยสระน้ำ) นะคะ ถ้ามองต่ำลงไปข้างล่าง คุณก็จะเจอถนน

มองตามแนวรถวิ่งย้อนกลับเข้าไปสู่ใจกลางเมืองคุณก็จะเห็น ประตูชัย Arche de Triump อยู่ลิบๆโน่น

จากนั้นกลับหลังหันแล้วแล้วเดินตรงมา คุณก็จะเดินผ่าน park ที่ถูกตึกสมัยใหม่งอกขนาบข้างไปจนสุดที่ประตูชัยใหม่ La Grande Arche ที่หน้าตาเหมือนกรอบหน้าต่างสีขาวขนาดมหึมา (ว่ากันว่าที่ว่างตรงกลางใหญ่ขนาดใส่ Norte Dame ลงไปได้ทั้งโบสถ์) เปิดช่องโล่งไปสู่ท้องฟ้ากว้างด้านหลัง

จังหวะชีวิตของ La de fense ตายตัวแน่นอนเหมือนนาฬิกาบนข้อมือของนักธุรกิจที่เดินกันให้ว่อนแถวนี้ล่ะค่า


ในทุกเช้าของวันทำงาน metro ขบวนยาวจะบรรทุกบุรุษสตรีในเสื้อโค้ทหรือชุดสูทมาลงที่สถานี จากนั้นผู้คนก็จะต่อแถวกันไต่บันไดเลื่อนบ้างเดินบ้าง โผล่ขึ้นมาสู่พื้นที่ตรงกลางก่อนจะเดินแยกย้ายกันผลุบหายเข้าไปในตึกใครตึกมัน

ช่วงสายที่เงียบสงบผ่านไปช้าๆ แล้วผู้คนที่กระหายแดดก็จะหลั่งไหลออกมาจากตัวอาคารอีกทีตอนเที่ยง นั่งกินมื้อกลางวันกันตาม coffee shop และร้านแถวนั้น แล้วก็ซึมซับแสงแดดเป็นของหวานตามม้านั่งใต้ต้นไม้ ก่อนจะผลุบหายเข้าไป work กันหลังผนังกระจกกันต่อตอนบ่าย

จนเย็นน่ะค่ะหมู่ตึกถึงจะพ่นคนออกมาอีกที ซึ่งเราจะพบเห็นกิจกรรมหย่อนใจก่อนกลับบ้านหลายอย่าง ตั้งแต่นั่งจิบอะไรกัน หรือเล่นกีฬาเบาๆก่อนอาหารอย่าง boules (คล้ายๆเปตอง) ซึ่งดูจะเป็นที่นิยมมาก เพราะตามใต้ร่มไม้จะเห็นคนถอดสูทปลดเนคไทโยนลูก boules กันหลายกลุ่มทีเดียว

และไอ้จังหวะชีวิตเนี่ย มันจะหยุดเต้นวันเสาร์-อาทิตย์ค่ะ วันที่อีชั้นมาถึงเป็นวันแรกอย่างเนี้ย มันเลยเงียบเป็นป่าช้าเลย คนก็ไม่มี ร้านรวงก็ปิด จะมีก็แต่ตรงปลายสุดสถานีที่มี hyper market ใหญ่ๆอย่าง Auchon เปิดบริการให้ผู้คนมาจับจ่ายเต็มที่ในวันหยุด (เหมือน lotus ปลายสถานีอ่อนนุชไงคะ

และไอ้ความสับสนในการต้องต่อรถนอก zone บวกกับเวลาที่ท่าทางว่าจะไม่คุ้มกับค่าเข้าถ้าไปถึงตอนบ่ายๆ ทำให้เราตัดสินใจลงมาเดินเล่นกันแค่แถวริมแม่น้ำ saint แล้วก็ทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวที่ดีเดินถ่ายรูปกันอยู่แถวสะพาน Pont AlexandreIII

ก่อนจะเดินผ่านสนามหญ้าเขียวๆหน้า Esplanade des Invalides ที่นอกจะมีครอบครัวสุขสันต์กับคู่รักหวานแหววนั่ง picnic รับอากาศสดใสกันแล้ว ยังมีกลุ่มหนุ่มหล่อหนุ่มล่ำเตะบอลกันรับกระแสบอลโลกในช่วงนั้นกันอย่างสนุกสนาน เห็นแล้วรู้สึกชุ่มชื่นในใจชะมัด (คิดเอาเองละกันนะค้าว่าอิชั้น happy เพราะภาพครอบครัวสุขสันต์หรือหนุ่มล่ำเปลือยท่อนบน อิ อิ อิ )

เดินเล่นกันจนเย็นแล้วเราก็กลับไป shopping ของเพื่อปากท้องกันที่ Auchon

แหมมมมม ที่เนี่ยอะไรๆก็ดูน่ากินไปหมดเลยเนอะ (ไม่ได้หมายถึงนักฟุตบอลนะคะ) อีชั้นเลยซื้อ yogurt มา pack ใหญ่ ( รวมหลายรสน่ากินมาก) นมสด ขนมปัง ไข่ แฮม แยม กับ chocolate สารพัดมาแช่เย็นไว้เป็นอาหารเช้า-กลางวัน-เย็น ของอีชั้น (ขืนไปนั่งกินที่ร้านทุกวันได้หมดตัวแน่คุณ ที่นี่อาหารตามร้านแพงจะตาย)

แล้วก็กลับมานอนรอวันพรุ่งนี้ที่จะได้ไปลันล้านอกเมืองกันต่อไป




Create Date : 21 กันยายน 2548
Last Update : 21 กันยายน 2548 1:59:35 น. 2 comments
Counter : 529 Pageviews.

 
อยากไปบ้างจังเลย


โดย: Angel Tanya วันที่: 21 กันยายน 2548 เวลา:2:58:35 น.  

 

อยากไปตายเลย


โดย: น้อแน้ IP: 222.123.222.156 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:14:54:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

travelovers
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add travelovers's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.