|
10 สิงหาคม 2552
|
|
|
|
ลักษณะของคนที่น่ารัก ตอนที่๕
๗. เป็นคนกตัญญกตเวที
คือใครก็ตามถ้าเป็นคนมีความกตัญญูกตเวที ต่อท่านผู้มีพระคุณแก่ตนมาก่อน คนนั้นจัดเป็นคนดี เป็นคนที่น่ารักและน่าเคราพนับถือยกย่องจากคนทั้งหลาย เพราะเป็นการแสดงถึงพื้นฐานจิตใจของคนดี ดังคำพระบาลีที่ว่า "ภูมิ เว สาธุรูปานํ กตญฺญูกตเวทิตา ความกตัญญูกตเวที เป็นพื้นใจของคนดี"
กตัญญูกตเวทีนี้ แยกเป็น ๒ ศัพท์คือ กตัญญู ศัพท์หนึ่ง และกตเวทีศัพท์หนึ่ง กตัญญู หมายถึง ผู้รู้อุปการคุณที่คนอื่น ได้เคยทำแก่ตนมา เช่นเคยเลี้ยงและเคยช่วยเหลือตนมาเป็นต้น แม้ยังไม่ได้ตอบแทน แต่ถ้ารู้ถึงบุญคุณที่คนอื่นเคยกระทำแก่ตนมา ก็จัดเป็นคนกตัญญูแล้ว ส่วนกตเวทีนั้น หมายถึง คนที่ได้ตอบแทนอุปการคุณที่เขาได้เคยทำแก่ตนมาแล้ว เช่นได้ตอบแทนอุปการะเลี้ยงดูพ่อแม่ของตนหรือต่อคนที่เคยช่วยเหลือตนเป็นต้น คนที่รู้บุญคุณที่ผู้อื่นเคยทำมาแล้วแก่ตน และได้ตอบแทนเช่นนี้ จัดเป็นคนกตัญญูกตเวที ย่อมเป็นที่รักใคร่ของคนทั้งหลายที่พบเห็นและย่อมมีความเจริญก้าวหน้าในชีวิตได้มาก เช่นคนที่เลี้ยงดูพ่อแม่ของตน เป็นต้น ชื่อว่ามีชีวิตเป็นมงคล ดังพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า "มาตาปิตุอุปฏฺฐานํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ ซึ่งแปลว่า การเลี้ยงดูมารดาบิดาเป็นมงคลอย่างสูงสุด"
คือใครก็ตาม ถ้าได้เลี้ยงดูมารดาบิดาของตน จะมีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตได้มาก ไม่ตกอับ ถ้าจะตกอับบ้างก็ด้วยอำนาจกรรมชั่วในปางก่อนติดตามมา แต่ต้องเจริญรุ่งเรืองในที่สุด เพราะได้บุญมากอันเกิดจากเลี้ยงดูมารดาบิดาของตน ข้อนี้ทดสอบดูก็ได้ คือถ้าผู้ใดยังมีพ่อแม่ทั้ง ๒ ยังมีชีวิตอยู่ หรือยังอยู่คนใดคนหนึ่ง โดยเราเอาเสื้อผ้าอาหาร หรือเงินทองไปมอบให้แก่ท่าน หรือได้เลี้ยงดูท่านด้วยความจริงใจ ในอุปการคุณของท่าน ผู้นั้นจะได้ลาภยศหรือความรุ่งเรืองในชีวิตเกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด บางทีก็ภายในเดือนหนึ่ง หรือ ๒ - ๓ เดือนเท่านั้น ถ้าผู้นั้นมีลูกหลานๆ ก็จะเลี้ยงเขาตอบ
แต่ในทางตรงกันข้าม ผู้ใดเป็นคนอกตัญญูกตเวที ไม่รู้คุณท่านผู้มีพระคุณแก่ตน และไม่คิดตอบแทน เช่นไม่เลี้ยงดูมารดาบิดาของตน และซ้ำร้ายกลับด่าว่าทุบตี และเหยียดหยามมารดาบิดาของตน และปล่อยให้ท่านถึงความลำบาก เมื่อท่านได้ป่วยไข้และเข้าสู่วัยชรา คนเช่นนี้จะไม่มีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตได้เลย จะมีแต่ตกต่ำฝ่ายเดียว ถ้าจะเจริญบ้างก็ด้วยอำนาจกรรมดีในปางก่อนดลบันดาลมา แต่ก็ต้องเสื่อมไปในที่สุด เพราะบาปมากอันเกิดจากการประพฤติผิดต่อมารดาบิดาของตน ถ้าเขามีลูกหลานๆ ก็จะประพฤติผิดต่อเขา เหมือนอย่างที่เขาเคยประพฤติต่อพ่อแม่ของตน ด้วยเหตุนี้คนไทยส่วนใหญ่ไม่ว่าจะยากจนหรือร่ำรวย เราจะไม่ทอดทิ้งพ่อแม่ของเรา ฉะนั้น คนแก่เฒ่าในชาติของเราจึงได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี จากลูกหลานของตนมากกว่าคนแก่โลกตะวันตกซึ่งมักจะถูกทอดทิ้ง ความกตัญญูกตเวทีจึงมีผลมากต่อครอบครัวและสังคมไทยโดยส่วนรวม
ฉะนั้นความกตัญญูกตเวทีจึงเป็นลักษณะของคนที่น่ารัก และเป็นประโยชน์เกื้อกูลต่อสังคมโดยส่วนรวม
Create Date : 10 สิงหาคม 2552 |
Last Update : 10 สิงหาคม 2552 17:26:42 น. |
|
0 comments
|
Counter : 492 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
|
รถขนของ |
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
http://www.ponboon.com นะ หิ เว เรนะ เวรานิ สัมมันตีธะ กุทาจะนัง อะเวเรนะ จะ สัมมันติ เอสะ ธัมโม สะนันตะโน ตัด คาถาตัดเวร จะช่วยตัดเวรจากเจ้ากรรมนายเวรที่หัวดื้อๆ อันนี้ขอให้ท่องทุกวัน.. พระคาถาแผ่เมตตาไปทั่วทั้ง 3 โลก นโม พุทธสิกขีพระพุทธเจ้า นโม สรรพพุทธานัง นโม สรรพธัมมานัง นโม สรรพสังฆานัง นโม อิติ อิติ โพธิสัตว์
โอม ฉัพพรรณรังสีพระพุทธเจ้า โอม ท่านท้าวจาตุรมหาพรหม โอม ท่านท้าวพยายมราช โอม ท่านท้าวสักกะเทวราช โอม ท่านท้าวจาตุรมหาราช ลูกขออุทิศส่วนกุศลด้วย อิทัง ปุญญะพะลัง
ผลบุญใดที่ลูกได้สั่งสมมารวมทั้งสวดพระนามพระผู้มีพระภาคเจ้า ลูกขอแผ่ส่วนกุศลไปกับฉัพพรรณรังสีรัศมีหกประการขององค์สมเด็จพระพิชิตมารศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์
ขอได้โปรดดลบันดาลให้สรรพสัตว์ทั้งสามโลก เจ้ากรรมนายเวร และญาติมิตร มีความสุขสำเร็จในชีวิต ได้หลุดพ้นจากวัฎสงสาร โดยสิ้นเชิง ด้วยพระบารมีมิอาจประมาณ ลูกขอน้อมนอบนมัสการด้วยจิตใจ ขอให้สรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก เจ้ากรรมนายเวรญาติมิตรและจิตลูกสว่างสะอาดสดใส หลุดพ้นไซร้สู่บ้านพระนิพพานพร้อมด้วยบริวารทุกท่านเทอญ สัมปะติจฉามิ สัมปะจิตฉามิ นิพพานสุขัง
จาก ธรรมประทานพร เล่ม ๔ __________________
การจะแก้ไขกรรม หรือแก้ไขดวงก็คือ การแก้เข้ามาในใจเรา แก้ไขความประพฤติ ถึงจะแก้กรรมเก่าได้ แต่ถ้ายังไม่เลิกนิสัยชั่วๆ มันก็ต้องทำกรรมชั่วอีกแหละ
กรรมใดผู้ทำ ทำด้วยความประณีต ผู้นั้นย่อมได้รับผลของกรรมอันประณีต กรรมใดผู้ทำ ทำด้วยความหยาบ ผู้นั้นย่อมได้รับผลของกรรมอันหยาบ
ดังนั้น :
บุญใดเป็นบุญอันประณีต ผู้นั้นย่อมได้รับผลบุญอันประณีต บุญใดเป็นบุญอันหยาบ ผู้นั้นย่อมได้รับผลบุญอันหยาบ
สิ่งที่ล่วงไปแล้ว ไม่ควรทำความผูกพัน เพราะเป็นสิ่งที่ล่วงไปแล้วอย่างแท้จริง แม้กระทำความผูกพันและหมายมั่นให้สิ่งนั้นกลับมาเป็นปัจจุบัน ก็เป็นไปไม่ได้ ผู้ทำความสำคัญมั่นหมายนั้นเป็นทุกข์แต่ผู้เดียว โดยความไม่สมหวังตลอดไป อนาคตที่ยังมาไม่ถึงนั้น เป็นสิ่งไม่ควรไปยึดเหนี่ยวเกี่ยวข้องเช่นกัน
อดีตปล่อยไว้ตามอดีต อนาคตปล่อยไว้ตามกาลของมัน ปัจจุบันเท่านั้นจะสำเร็จประโยชน์ได้ เพราะอยู่ในฐานะที่ควรทำได้ ไม่สุดวิสัย
|
|
|