Group Blog
 
 
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
24 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
-- กระต่ายขาวในเงาจันทร์ -- บทที่ 4

“ทางนี้ครับ ไอซ์ เมเม่ ลูกหว้า” เสียงเรียกชื่อแบบแปร่งๆดังขึ้นด้านหลังทำให้เจ้าของชื่อทั้งสามต้องหันไปตามเสียงเรียกนั้น

โยอิจิกึ่งเดินกึ่งวิ่งตัดลานหน้ารูปปั้นมาทางที่ทั้งสามยืนอยู่
“สวัสดีตอนบ่ายครับ” ชายหนุ่มยิ้มให้ก่อนจะช่วยรับถุงเล็กๆจากมือของสาวๆมาช่วยถือ “เป็นยังไงบ้าง เที่ยวอาซากุสะกันสนุกมั้ยครับ”

“สนุกค่ะ เพลินดี ดูเป็นญี่ปุ๊นญี่ปุ่นนะคะ” เมเม่ยิ้มหวานให้

“แล้วเดี๋ยวคุณโยอิจิจะพาพวกเราไปเที่ยวที่ไหนคะ” ลูกหว้าอดถามขึ้นมาไม่ได้

“อันนี้ก็ต้องแล้วแต่ครับ ถ้าอยากไปพวกพิพิธภัณฑ์ก็มี Shitammachi Museumเดินลงเนินจากตรงนี้ไปไม่ไกล จะแสดงพวกของใช้ต่างๆในยุคก่อนตั้งแต่สมัยเมจิจนถึงสมัยโชวะตอนต้นน่ะครับ แต่ผมเคยไปแค่ครั้งเดียวแล้วก็นานมากแล้ว จำรายละเอียดไม่ค่อยได้ แล้วก็มี Tokyo National Museum อันนี้ไกลหน่อยแต่ก็เดินได้ครับ เป็นพวกของโบราณทั้งที่เป็นของญี่ปุ่นเองแล้วก็ของประเทศในเอเชียก็พอมีให้ดูครับ”

“แล้วมีอย่างอื่นให้ดูมั้ยคะ นอกจากพิพิธภัณฑ์” เมเม่ถามอายๆ

“ประมาณว่าเป็นคนไม่ค่อยมีวัฒนธรรมน่ะค่ะ” ลูกหว้าบอกง่ายๆทำเอาชายหนุ่มถึงกับหัวเราะ

“งั้นสวนสัตว์เป็นไงครับ จะมีวัฒนธรรมหรือไม่มีก็ดูได้”

“ค่อยคุยกันรู้เรื่องหน่อยค่ะ” สาวผมสั้นถึงกับโล่งอก “ถามว่าชอบดูวัดวาหรือพวกศิลปวัฒนธรรมมั้ย ก็ชอบนะคะ แต่ถ้าให้ดูทั้งวันก็ไม่ไหวเหมือนกัน”

“งั้นไปเที่ยวสวนสัตว์กันก่อน แล้วค่อยออกมาถ่ายรูปสวนกัน ดีมั้ยครับไอซ์” ประโยคหลังเขาหันไปถามสาวผมม้าที่ยืนเงียบไม่ออกความเห็นอะไรซักอย่าง

“ยังไงก็ได้ค่ะ” หญิงสาวบอกสั้นๆก่อนจะเดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อน


“เสียดายนะครับที่ช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงซากุระ ไม่งั้นนะดอกซากุระจะบานเต็มสวนเลย สวยมากๆครับ คราวหน้าลองมาช่วงเดือนมีนาคมดูนะครับ ถ้าฝนไม่ตกดอกซากุระจะบานอยู่ได้เกือบสองอาทิตย์เลยครับ” โยอิจิชวนคุยไปเรื่อยๆระหว่างทางที่เดินไปสวนสัตว์อูเอโน่

ชายหนุ่มพาสามสาวเดินตัดสวนที่มีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นผ่านไปยังลานกว้างที่มุ่งไปสู่ทางเดินคอนกรีตใหญ่ยาวสุดลูกหูลูกตา

“เดินตามถนนนี้ไปอีกห้านาทีก็ถึงสวนสัตว์แล้วล่ะครับ แต่ก่อนอื่นขอพาแวะดูเจดีย์อีกซักแห่งนะครับ เป็นทางผ่านน่ะ ไม่แวะถ่ายรูปคงน่าเสียดาย”

“ที่ญี่ปุ่นนี่มีวัดกับเจดีย์เยอะจังนะคะ เดินไปทางไหนก็เจอ” ไอซ์ตั้งข้องสังเกตทำเอาชายหนุ่มหน้าบานที่เธอยอมพูดกับเขาบ้าง

“ใช่ครับ แต่อาจจะเป็นคนละยุคคละสมัยกันก็ได้ครับ จุดประสงค์ในการสร้างก็ต่างกันไป”

เขาหยุดเดินตรงบริเวณลานที่มีต้นไม้ปกคลุมก่อนจะชี้ให้ดูเจดีย์ห้าชั้นที่อยู่ด้านใน
“อันนี้ผมรู้แค่อยู่ในยุคเอโดะ แต่อย่างอื่นไม่รู้จริงๆครับ”

รอให้นักท่องเที่ยวสาวถ่ายภาพกับเจดีย์ขนาดใหญ่ซักพัก ชายหนุ่มก็เดินต่อ ไม่นานก็เจอกับประตูทางเข้า

“สาวๆรอตรงนี้แป๊บนึงนะครับ เดี๋ยวผมเข้าไปซื้อบัตรผ่านประตูให้” บอกเสร็จก็ไม่รอให้ใครค้านอะไร ชายหนุ่มผมทองรีบเดินไปที่ช่องขายตั๋ว ไอซ์จึงเดินตามไป สะกิดบอกอย่างเกรงใจ

“โยอิจิคะ ไม่ต้องดีกว่าค่ะ ไอซ์ว่าพวกเราออกค่าบัตรกันเองดีกว่า” หญิงสาวตากลมบอกปฏิเสธพร้อมกับเปิดกระเป๋าหยิบเงินออกมานับ

“ไม่เป็นไรครับ ไอซ์ซัง ค่าบัตรผ่านประตูที่นี่ไม่แพงครับ แค่หกร้อยเยนเท่านั้น”

“คราวก่อน ซ็อฟครีมก็ทีนึงแล้ว เกรงใจน่ะค่ะ” ไอซ์พยายามจะเอาเงินใส่มือชายหนุ่ม

“ซ็อฟครีมอะไรครับ” ชายหนุ่มถามงงๆ

“ก็....” หญิงสาวอึกอัก คิดจะอธิบายแต่แล้วก็เปลี่ยนใจ คนตรงหน้าอาจจะเลี้ยงซ็อฟครีมแบบนี้กับทุกคนก็เป็นได้หรือไม่แน่ มันอาจจะเป็นบริการของทางร้านที่ให้ชิมฟรีแต่เธอเข้าใจผิดไปเองก็ได้ เมื่อคิดได้จึงเงียบลงทำให้ชายหนุ่มเข้าใจผิดไปว่าหญิงสาวยังกังวลกับค่าตั๋ว

“ไม่เป็นไรจริงๆฮะ ถ้าไอซ์กังวลนะ เดี๋ยวไอซ์กับเพื่อนเลี้ยงข้าวเย็นผมแทนก็ได้” โยอิจิยิ้มให้พร้อมยื่นตั๋วกับแผนที่สำหรับเที่ยวชมสวนสัตว์มาให้


“สวนสัตว์อูเอโน่แบ่งเป็นสองส่วนนะครับ ตอนนี้เราอยู่ฝั่ง main ของสวน อีกฝั่งนึงต้องนั่งรถรางไฟฟ้าข้ามไป ความจริงจะเดินก็ได้ครับแต่ไกลหน่อย” ชายหนุ่มกางแผนที่อธิบายเป็นส่วนๆ

“ตรงที่เราอยู่ตรงนี้เป็นทางเข้าหลักของสวนครับ ถ้าวนทางขวาก็จะเจอพวกหมีก่อน เสียดายที่ตอนนี้แพนด้าของเราไม่อยู่แล้ว”

“อ้าว...” ทั้งสามร้องออกมาพร้อมกัน

“ไปไหนเหรอคะ หรือว่าจีนมาทวงกลับไป” เมเม่สงสัย

“เปล่าครับ อายุมากแล้ว เลยป่วยตายน่ะครับ ส่วนทางซ้ายก็เป็นพวกนกหลายชนิดให้ดูนะครับ” โยอิจิอธิบายอย่างคล่องแคล่วจนลูกหว้าอดแซวไม่ได้

“นี่โยอิจิเคยเป็นเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ที่นี่หรือเปล่าเนี่ย ทำไมรู้ละเอียดจังเลย”
“พอดีพา...เอ่อ...น้องมาบ่อยน่ะครับ เลยชำนาญ” โยอิจิเกือบหลุดปากคำว่าสาวๆออกมาแต่โชคดีที่ยั้งไว้ทันทำเอาชายหนุ่มถึงกับแอบปาดเหงื่อ งานนี้ถือว่ารอดไปได้อย่างฉิวเฉียด

“เอ่อ..ไอซ์ ไปดูนกทางนั้นกันมั้ย มีพวกนกฟลามิงโก้ด้วยนะ” โยอิจิชวนสาวผมม้าแยกไปคนละทางกับเพื่อนทั้งสองของเธอที่ตอนนี้สนใจหมีขาวกันอยู่

“รอลูกหว้ากับเม่ก่อนละกันค่ะ ไม่อยากแยกเดี๋ยวหลงกัน” ไอซ์ปฏิเสธเรียบๆ

ไม่ว่าชายหนุ่มจะชวนอีกกี่ครั้ง สาวผมม้าก็ปฏิเสธอย่างสุภาพทุกครั้งไป


ทั้งสามสาวเดินดูสัตว์กันอย่างเพลิดเพลินจนกระทั่งมาหยุดยืนอยู่หน้ากรงของสัตว์หน้าตาแปลกๆชนิดหนึ่งที่มองอย่างไรก็ไม่สามรถชี้ชัดลงไปได้ว่าเป็นจำพวกไหน

“ตัวอะไรวะเม่” ลูกหว้าเกาหัวพยายามเปิดหารูปภาพในแผนที่คู่มือที่ได้รับมา
“เค้าเขียนตรงป้ายว่าตัวโอกาปิล่ะ” เมเม่ชี้มือไปที่ป้ายหน้ากรงก่อนจะสะกิดให้ไอซ์ถ่ายภาพกลับไป

สาวผมม้ามองสัตว์ที่หน้าตาคล้ายๆกับยีราฟแต่ตัวเล็กและคอสั้น แถมที่บั้นท้ายยังมีลายแบบเดียวกันกับม้าลายอย่างแปลกใจปนขบขัน

ธรรมชาติสามรถสร้างอะไรก็ได้ตามแต่ใจจริงๆ ดูจากสัตว์ที่กำลังกินอาหารอยู่ตรงหน้านี่สิ ถ้าไม่เห็นป้ายบอก เธอคงต้องคิดว่ามันเป็นลูกของยีราฟผสมกับกับม้าลายแน่ๆ

หญิงสาวถ่ายภาพตัวโอกาปิจนพอใจแล้วจึงหันมาทางเจ้าบ้านเพื่อจะถามถึงความเป็นมาของเจ้าสัตว์ตัวนี้ ปรากฏว่าชายหนุ่มกำลังป้องปากคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ไอซ์จึงเดินเลยไปอ่านป้ายข้างๆกรงสัตว์เองด้วยไม่อยากรบกวนคนพามา


“เฮ้ย...ไค ช่วยอะไรหน่อยได้ปะ” เสียงเครียดของโยอิจิส่งไปตามสาย

“ไม่ได้” ตอบอย่างไม่ใยดี

“ไอ้เวร ยังไม่บอกเลยว่าจะให้ทำอะไร”

“อย่างนายจะมีอะไรวะ ถ้าไม่ให้เข้าเวรแทน ก็ให้ช่วยแยกสาวที่มาเป็นกลุ่มออกจากคนที่นายเล็งแค่นั้นแหละ” ไคบอกอย่างรู้ทัน

“เออ...จริงว่ะ” โยอิจิหลุดขำออกมา “เมื่อบ่ายก็ให้ไคช่วยเข้าเวรแทนไปแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่เรื่องเดียวแล้วว่ะ ช่วยมาหาที่สวนสัตว์อูเอโน่หน่อยดิ”
“บอกว่าไม่ไง”

“อะไรวะ ยังโกรธเรื่องเมื่อบ่ายอยู่เหรอ” โยอิจิถามถึงเรื่องที่ไคโวยวายเป็นวรรคเป็นเวรเมื่อเขาบอกว่าเขาได้สวมรอยเป็นคนที่ช่วยสาวน้อยชาวไทยไว้ แล้วก็ถือโอกาสชวนเธอกับเพื่อนๆไปเที่ยว

“ก็ขนมก็อยู่หลังเคาท์เตอร์ไง เก็บไว้ให้ไคนั่นแหละไม่ได้แตะเลยเพราะคนให้เค้าตั้งใจจะให้เอ็ง”

เมื่อเห็นเพื่อนยังเงียบจึงบอกเสียงอ่อย
“ก็เค้ามาขอบคุณเอ็งถ้าไม่บอกว่าเป็นเอ็ง เค้าก็ไม่สนใจข้าไม่ออกไปกับข้าน่ะสิวะ”

“ไปชวนทาเคชิสิ ขานั้นถ้าจะชอบ” ไคถามถึงเพื่อนอีกคนที่ทำงานพิเศษอยู่ด้วยกันและโปรดปรานการไปเที่ยวกับสาวๆพอๆกัน

“มันกลับพรุ่งนี้โว๊ย ป่านนี้มันยังนอนกินข้าวอยู่บ้านแม่เลยมั้ง” โยอิจิทั้งขำทั้งฉุน คราวนี้ไอ้ไคมันโคตรเล่นตัวเลย

จริงอยู่ที่ชวนทาเคชิจะง่ายกว่า แต่บุคลิกของไคคุงนั้นต้องตาสาวมากกว่า เวลาพาไปไหนสาวๆก็สนิทใจที่จะคุยด้วย ไคหุ่นดีมีมัดกล้ามแบบนักกีฬาต่างกับทาเคชิที่ดูอ้วนกลมทำให้การใช้ทาเคชิในการแยกสาวๆที่เหลือออกจากสาวคนที่เขา ‘เล็ง” ไว้นั้น บางครั้งก็ไม่สำเร็จ

และที่สำคัญ ไคก็ไม่เคยจะมาสนสาวคนไหนของเขาเลยสักคนทำให้มั่นใจได้ว่าเอาไคคุงไปเป็นเพื่อนนี่แหละอุ่นใจที่สุด

“น่า..ขอร้องเหอะวะ ไม่ต้องทำอะไรเลยแค่ปิดปากให้เงียบแล้วก็ทำตัวตามปกติก็พอ”

“บอกว่าไม่ไป” ปลายสายยังคงตอบเสียงจริงจังทำเอาโยอิจิแทบจะดึงทึ้งผมตัวเอง

“ทำไมวะ คราวนี้มันต่างกับครั้งก่อนๆตรงไหน หรือไคก็สนใจสาวๆจากเมืองไทยเหมือนกันเลยไม่ยอมช่วย” เมื่อเห็นปลายสายเงียบไปจึงรุกไล่

“นั่นไง...เงียบไปเลย แสดงว่าจริงใช่มั้ยวะ”

“ที่ไหน”

“อะไรนะ”

“จะให้ไปเจอตรงไหนของสวนสัตว์ กี่โมง”

“อะ...อ๋อ...ซักห้าโมงก็ได้ ตรงหน้าสวนเหมือนเดิมก็ได้เพราะยังไม่รู้ว่าจะพาไปไหนต่อเลย เดี๋ยวโทร.คุยกันอีกทีแล้วกัน” โยอิจิบอกเสียงกลั้วหัวเราะ ไอ้เวรนี่ บทจะยอมก็ยอมง่ายๆไม่ทันให้ตั้งตัวเลย

“วันนี้มีเทศกาลดอกไม้ไฟที่ริมแม่น้ำซูมิดะ พาไปที่นั่นก็แล้วกัน พวกผู้หญิงคงชอบ” พูดจบปลายสายก็ตัดสายไปไม่รอให้อีกฝ่ายพูดอะไรอีก ปล่อยให้โยอิจิยืนขำอยู่คนเดียว


ไคกดตัดสายโทรศัพท์มือถือก่อนจะนั่งจ้องหน้าจอสีขาวตรงหน้าที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีดำนั้นอยู่นาน ชายหนุ่มถึงกับสะดุ้งเมื่อมีมือมาแตะที่หลัง

“ยังไม่กลับเหรอไค เลิกงานแล้วนะ” โอโต้ซังถามเสียงอ่อนโยน

“กำลังจะกลับครับโอโต้ซัง”

“สอบเสร็จแล้วใช่ไหม จะกลับบ้านที่โกเบเลยหรือเปล่าล่ะ”

เขาพยักหน้าแทนคำตอบ “ประมาณสองอาทิตย์ครับ สลับกับทาเคชิพอดี”

โอโต้ซังพยักหน้ารับรู้ “เดินทางไปดีมาดีนะไค ก่อนกลับอย่าลืมเอาชาของที่ร้านไปฝากที่บ้านด้วยนะ”

“ขอบคุณครํบโอโต้ซัง” เขาโค้งคำนับ ชายชราจึงลูบหัวอย่างเอ็นดู

ชายหนุ่มเก็บถ้วยชาใส่ตู้ไม้หลังเคาท์เตอร์อย่างใจลอย ตามองกล่องขนมที่ผูกโบว์สีหวาน ใจก็นึกไปถึงคนให้

เขาควรจะทำอย่างไรดี เขาอยากเจอสาวน้อยชาวไทยผมม้าตากลมคนนั้น ขอบคุณปาฏิหาริย์ที่ทำให้เขาได้เจอเธออีกครั้ง แต่จะมีประโยชน์อะไร เมื่อเขาไม่สามารถบอกอะไรอย่างที่ใจคิดได้ ไม่สามารถจะเป็นแค่เพียงคนที่เคยช่วยเธอไว้ ตอนนี้เขาเป็นได้เพียงคนแปลกหน้า เป็นเพื่อนของโยอิจิเท่านั้น

ชายหนุ่มเผลอยกมือแตะที่กระเป๋าเสื้อเชิร์ตอย่างลืมตัว กิ๊ปรูปกระต่ายที่เขาเอาติดมาด้วยเผื่อเธอจะผ่านมาที่ร้านยังคงอยู่ที่ก้นกระเป๋ารอเจ้าของที่แท้จริงอยู่เหมือนเคย


สามสาวเที่ยวสวนสัตว์กันอย่างสนุกสนานจนได้ยินประกาศปิดของสวนสัตว์จึงออกมานั่งพักเหนื่อย ดื่มกาแฟกระป๋องที่ชายหนุ่มหยอดตู้มาให้อยู่บนเก้าอี้ม้านั่งใกล้โคนต้นไม้ใหญ่ข้างหน้าทางออก

เสียงโทรศัพท์ของโยอิจิดังขึ้น เจ้าของเครื่องกดรับก่อนจะส่งภาษารัวเร็วถึงอีกฝ่านหนึ่ง ไม่นานนัก ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวจัดตัดกับริมฝีปากแดงก็เดินหน้าบอกบุญไม่รับเข้ามา

“สาวๆครับ นี่โคสึเกะแต่ทุกคนเรียกเขาว่าไค เพื่อนผมเอง เรียนคณะแพทย์ด้วยกัน จะมาพาพวกเราไปเที่ยวครับ” โยอิจิแนะนำเพื่อนก่อนจะหันไปทางสามสาว

“แล้วนี่ก็ลูกหว้า เมเม่แล้วก็ไอซ์”

ชายหนุ่มหันมายิ้มให้นิดนึง นิดเดียวจริงๆก่อนจะโค้งคำนับตามธรรมเนียม แล้วก็กลับไปปั้นหน้านิ่งเหมือนเคยโดยไม่กล่าวอะไร

ไอซ์สังเกตได้ว่าคนมาใหม่ตั้งใจหลบตาเธอที่พยายามจะยิ้มให้อย่างผูกมิตร คราวแรกอาจเรียกได้ว่าไม่ทันมองแต่คราวที่สองนี่สิ จงใจแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นชัดๆ

หญิงสาวนึกหมั่นไส้คนตัวสูงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้จึงส่งค้อนวงใหญ่ให้อย่างจงใจ

ทำไมไคจะไม่เห็นว่าหญิงสาวผมม้าที่ชื่อไอซ์คนนั้นพยายามมองแล้วก็ยิ้มให้เขาอยู่หลายครั้ง แต่เขาเองที่แกล้งทำเป็นมองผ่าน

กรุณาเถอะ อย่าส่งยิ้มหวานๆหรือส่งสายตาอะไรมาให้เขาอีกเลย มันเหมือนกับมีอะไรที่ใฝ่ฝันสักอย่างที่รอคอยมานานลอยมาอยู่ตรงหน้า แต่กลับไม่สามรถจะจับต้องหรือเป็นเจ้าของได้ สู้ไม่ต้องเห็นมันเลยเสียยังจะดีกว่า เขายังไม่อยากจะเจ็บตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่ม

“เดี๋ยวไคจะพาพวกเราไปดูดอกไม้ไฟที่ริมแม่น้ำซูมิดะนะครับ พวกคุณโชคดีมากวันนี้เป็นวันที่มีงานเทศกาลพอดี ผมเคยแต่ผ่านๆแต่ไคไปมาสองปีแล้ว เราเลยต้องพึ่งเจ้าหมอนี่”

“ถ้าพวกคุณไม่โอ้เอ้แล้วทำเวลาได้ดีพอ คงจะยังพอมีที่นั่งดีๆเหลือ” ไคขัดขึ้นด้วยใบหน้าเรีบเฉย

“ดูท่าทางเพื่อนของคุณคงจะไม่ค่อยเต็มใจมากับพวกเรามั้งคะ” ไอซ์พูดออกมาตรงๆทำเอาเพื่อนสาวทั้งสองของเธอตกใจ

“ไอซ์...” เมเม่เรียกเพื่อนเบาๆก่อนบอกเป็นภาษาไทย “ไม่เอาน่า”

หญิงสาวจึงเงียบลงแต่หันไปสบตากร้าวกับผู้มาใหม่ เธอเหมือนเห็นแววตาเศร้าที่ทอดมองมานิดหนึ่ง ก่อนที่จะกลับไปเป็นเหมือนเคย

“ก็ไม่เชิง” เขาตอบเธออย่างเย็นชา

โยอิจิเห็นท่าไม่ดีจึงรีบชวนคุยเรื่องอื่นก่อนเหตุการณ์จะบานปลายไปกว่านี้ “ถ้ามากันครบแล้ว เราไปกันเลยละกันนะครับ นั่งจากสถานีอูเอโน่ไปแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว” กล่าวจบก็ออกเดินนำโดยไม่ลืม ’ลากคอ’ เพื่อนตัวปัญหาไปด้วย

“เป็นอะไรไปวะไค ทำไมพูดจาแปลกๆ ปกติไม่เป็นอย่างนี้นี่หว่า”

“ไม่ได้เป็นอะไร แค่ขี้กียจคุย แล้วก็ไม่ได้อยากมาตั้งแต่แรกก็รู้อยู่” เขาบอกเรียบๆ

“เออน่า...รู้แล้ว ขอบใจที่มา ยังไงก็ช่วยหน่อยละกันน่า” โยอิจิตบบ่าเพื่อนก่อนจะเดินไปรวมกลุ่มกับสาวๆ


“ต้องนั่งวนกลับไปที่อาซากุสะเหรอคะ” ลูกหว้าถามขึ้นเมื่อชายหนุ่มพาทุกคนเดินกลับลงมาที่สถานีรถใต้ดินของสายกินซ่า

“ครับ ต้องขอโทษทีที่ผมไม่ได้คิดถึงโปรแกรมอันนี้ไว้ตั้งแต่แรก ไม่งั้นก็ไม่ต้องนั่งรถย้อนกลับมาจากอาซากุสะ” โยอิจิบอกเขินๆ

ลูกหว้าพยักหน้ารับ หันมากระซิบขำๆกับไอซ์เป็นภาษาไทย “สงสัยโยอิจิไม่รู้แหงเลยว่าวันนี้มีงานเทศกาล พอเพื่อนบอกก็เลยนึกได้ ต้องขอบคุณไคนะเนี่ย ไม่งั้นเราอดดูดอกไม้ไฟแน่เลย”

“คงงั้นมั้ง” ไอซ์ตอบรับเรียบๆไม่อยากยกความดีอะไรให้นายคนนั้น

โยอิจิกับไค พาทั้งสามสาวนั่งรถใต้ดินกลับมาที่อาซากุสะอีกครั้ง ใช้เวลาเพียงไม่นานเพราะห่างกันเพียงสองสถานีเท่านั้น

“คนเยอะหน่อยนะครับ ระวังหลงกันด้วย” โยอิจิหันมาเตือนทั้งสาวก่อนจะพาออกที่ทางออกที่ใกล้กับสถานที่จัดงานมากที่สุด

ริมทางเดินที่ทอดยาวขนานกับแม่น้ำซูมิดะนั้น มีการออกร้านต่างๆยาวไปตลอดสองข้างทาง ส่วนใหญ่จะเน้นไปทางร้านขายอาหาร มีทั้งยากิโซบะแบบที่ทำมาสำเร็จใส่ไว้ในกล่องโฟมแล้วมีไข่คล้ายๆไข่เจียวราดซอส วางทับอยู่ข้างบนเส้น โอเด้งที่เป็นแป้งปั้นเป็นลูกกลมๆเสียบไม้ย่างแล้วราดซอส ปลาหมึกย่าง ข้าวโพดปิ้งหรือแม้กระทั่งน้ำแข็งไส นอกจากนั้นก็จะเป็นพวกของที่ระลึกที่ส่วนมากจะเป็นพัดเพราะเหมาะกับหน้าร้อนของชาวญี่ปุ่น

เมเม่ตื่นเต้นมากกับเกมส์ตักปลาที่มีกระชอนขึงด้วยกระดาษบางๆมาให้ ถ้าใช้กระชอนนี้ตักปลาได้โดยที่กระชอนไม่ขาด ก็จะได้ปลาตัวนั้นกลับบ้านไป

“เหมือนที่เคยอ่านในการ์ตูนเลยอ่ะ อยากเล่นจัง”

“แล้วถ้าเม่ได้จะทำยังไงล่ะ เอากลับเมืองไทยไม่ได้นะ” สาวผมสั้นเตือนสติทำเอาเพื่อนสาวหน้ามุ่ย

“ลองเล่นดูก็ได้ครับ สนุกๆคนละเกมส์ แต่ไม่ได้ง่ายๆหรอกครับ” โยอิจิบอกอย่างใจดีก่อนจะหันไปส่งสัญญาณบางอย่างกับไค ไม่นานสามสาวก็มีกระชอนอยู่ในมือคนละอัน

แต่สองหนุ่มกลับต้องผิดคาดเมื่อเมเม่และไอซ์ต่างก็ตักปลาทองตัวน้อยๆมาได้คนละตัว จะมีก็แต่ลูกหว้าเท่านั้นที่ใจร้อน ยังไม่ทันไรก็ทำกระชอนขาดเสียแล้ว

ไอซ์มองปลาทองสีส้มตัวน้อยในถุงแล้วอดยิ้มไม่ได้ “เอายังไงกันดีเรา” ปากถามแต่ตาจ้องเจ้าปลาตาไม่กระพริบ

“ยังไงก็เอากลับบ้านไปด้วยไม่ได้แน่ๆ” ลูกหว้าบอก

“งั้นให้โยอิจิกับไคคนละตัวก็แล้วกันนะ” เมเม่สรุปง่ายๆก่อนยื่นถุงปลาทองของตัวเองให้โยอิจิ ชายหนุ่มผมทองก็ยิ้มพร้อมรับถุงปลานั้นมาง่ายๆ ไอซ์จึงจำต้องให้ปลาทองตัวน้อยที่ว่ายอยู่ในถุงพลาสติกเล็กๆกับคนตัวสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก

ไคคุงรับถุงพลาสติกจากมือหญิงสาวผมม้า เธอไม่ยอมแม้มองหน้าเขาสักนิด ปลายนิ้วสัมผัสกันเพียงเล็กน้อย แต่เพียงเท่านี้ก็มากพอที่จะทำให้เขาใจเต้น

“ไม่ต้องห่วงจะเลี้ยงอย่างดี” ชายหนุ่มบอกเบาๆก่อนจะเดินนำหน้า ไม่พูดไม่จาเช่นเคย


กว่าทุกคนจะมาถึงจุดที่สวยที่สุดของแม่น้ำซูมิดะนั้น พื้นที่ส่วนใหญ่ถูกจับจองไว้หมดแล้ว โยอิจิกับไคจึงเลือกนั่งตรงพื้นที่ว่างถัดออกมาเล็กน้อย ไคหยิบผ้าพลาสติกขนาดใหญ่พอประมาณออกมาจากกระเป๋าที่สะพายอยู่

“รอบคอบดีว่ะไค” โยอิจิออกปากชม

ไคปูผ้าพลาสติกนั้นลงบนพื้น “ยืมโอโต้ซังมา” บอกเรียบๆก่อนจะเดินไปนั่งห่างออกไปแทนที่จะนั่งบนผ้าที่ปูไว้

“ไม่นั่งด้วยกันล่ะไค” เมเม่ถามเมื่อเห็นหนุ่มผิวขาวจัดไม่ยอมนั่งรวมกลุ่ม

“ไม่เป็นไรครับ ตามสบาย”

“ช่างเขาเถอะเม่ เขาคงไม่อยากนั่งกับพวกเราอยู่แล้วล่ะ” ไอซ์บอกเพื่อนเสียงขุ่น

“ไม่ใช่หรอกไอซ์” ลูกหว้าหันมากระซิบเป็นภาษาไทย” ลูกหว้าคิดว่าผ้าพลาสติกมันใหญ่ไม่พอที่จะนั่งกันได้ทุกคนแบบสบายๆน่ะ ไคเลยยกให้พวกเรากับโยอิจินั่งกันต่างหากล่ะ ไม่ใช่อย่างที่ไอซ์คิดหรอก”

ไอซ์ฟังจบก็หันไปดูตามที่เพื่อนบอกแล้วจึงเข้าใจ

ผ้าพลาสติกเมื่อกางออกแล้วพอนั่งเบียดๆกันได้แค่สามถึงสี่คนเท่านั้น คนตัวสูงจึงเลือกนั่งห่างออกไปเพื่อให้พวกเธอนั่งกันได้อย่างสบายมากกว่า

หญิงสาวมองชายหนุ่มผิวขาวจัดตัดกับผมดำสนิทและริมฝีปากแดงที่เม้มอยู่เสมอนั้นด้วยความรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย ด้วยความที่เป็นคนตัวสูง ขายาวเก้งก้าง การที่ต้องมานั่งเบียดๆในสถานที่ที่คนเยอะๆแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องสนุกสำหรับเขาเลย

ความจริงตลอดการเดินทางมานี่ หญิงสาวก็ต้องยอมรับว่าไคช่วยอำนวยความสะดวกหลายอย่าง ทั้งซื้อตั๋วรถไฟ ซื้อบัตรเล่นเกมส์ เพียงแต่ไม่ค่อยคุยเหมือนโยอิจิเท่านั้น

เหมือนจะรู้ว่าถูกจ้องมอง ชายหนุ่มหันหน้ามาทางเธอพอดี เมื่อตาสบตากันและเธอไม่ใช่ฝ่ายที่หลบตา ไคจึงเสหันหน้าไปมองทางอื่นทันที และด้วยความที่ผิวขาวจัดนั่น ทำให้ไอซ์แอบสังเกตเห็นว่าแก้มของเขาเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นเมื่อรู้ว่าตัวเองตกเป็นเป้าสายตา

สาวผมม้าลอบยิ้มกับตัวเองในความมืด ก่อนจะละสายตาจากหนุ่มแก้มแดงแต่คิ้วเข้มคนนั้น

ที่แท้ก็ขี้อายนี่เอง แล้วก็ไม่บอก ปล่อยให้คิดว่าขี้เก๊กอยู่ได้ตั้งนานสองนาน


“หิวน้ำกันไหมครับ” โยอิจิหันมาถาม “เดี๋ยวพอจุดดอกไม้ไฟแล้วคนจะแน่นกว่านี้อีก เดินออกไปซื้อจะลำบากน่ะครับ”

“งั้นเอาก็ได้ค่ะ” ลูกหว้ารับคำ ไคจึงลุกขึ้นไม่พูดไม่จา พยักหน้ากับเพื่อนนิดหนึ่งแล้วเดินกลับออกไปทางร้านขายของต่างๆ

“แล้วโยอิจิไม่ไปเป็นเพื่อนไคเหรอคะ” ไอซ์ถามอย่างสงสัยเพราะคนถามคนหนึ่ง แต่คนซื้อกลับเป็นอีกคนหนึ่งเสียอย่างนั้น

“อ๋อ...เราทิ้งผู้หญิงไว้ตามลำพังไม่ได้น่ะครับ ถ้ามีผู้ชายมากกว่าหนึ่งคนก็ต้องคอยผลัดกันดูแล ธรรมเนียมญี่ปุ่นน่ะครับ”

สามสาวจงมองหน้ากันอย่างยิ้มๆก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ

ไม่นาน ไคก็กลับมาพร้อมกับถุงของกินเล่นและน้ำดื่ม เขาส่งถุงขนมกับน้ำสามขวดให้สามสาวแบ่งกัน ส่งเบียร์กระป๋องให้โยอิจิ ก่อนจะหยิบอีกกระป๋องของตัวเองเพื่อจะไปนั่งห่างออกไป

ไอซ์เห็นท่าทางชายหนุ่มเตรียมจะผละไปจากกลุ่มก็แกล้งดึงข้อมือเขาเอาไว้ หญิงสาวมองหน้าเขาตรงๆเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่พบกันมา ก่อนชวนเสียงนุ่ม

“นั่งด้วยกันดีกว่าไค จะไปนั่งคนเดียวทำไม”

เธอเห็นเขาลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตัดสินใจนั่งลงข้างเธอ....บนผ้าพลาสติกผืนเดียวกัน




Create Date : 24 กันยายน 2551
Last Update : 24 กันยายน 2551 15:30:29 น. 0 comments
Counter : 536 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

totolly17
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add totolly17's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.