Group Blog
 
 
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
2 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
-- กระต่ายขาวในเงาจันทร์ -- บทที่ 1

เครื่องบินค่อยๆลดระดับเพื่อลงจอดที่ท่าอากาศยานนาริตะ หญิงสาวค่อยๆแนบใบหน้าลงกับหน้าต่างเครื่องบิน เธออยากจะจดจำทุกๆภาพ ทุกๆรายละเอียดไว้ ไม่ว่าจะเป็นภาพบ้านเรือนต่างๆหรือเรือกสวนไร่นาที่มองจากเบื้องบนยังเห็นเป็นเพียงจุดเล็กๆลางเลือนแล้วค่อยๆชัดขึ้นเมื่อเครื่องบินใกล้จะถึงจุดหมาย

ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์ขยัน ตั้งใจเรียนเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังแล้วเลือกเอกภาษาญี่ปุ่นเป็นอันดับแรก กว่าจะอ้อนวอนคุณพ่อคุณแม่ที่หวงลูกสาวคนเล็กราวกับไข่ในหินให้ยอมให้เธอมาเที่ยวต่างประเทศตามลำพังกับเพื่อนๆได้ ในที่สุดความฝันของเธอก็กลายเป็นความจริงเสียที

“ไปได้แล้วไอซ์ จะนั่งรอจนเครื่องบินกลับไปเมืองไทยอีกรอบเหรอ” ลูกหว้าพูดพร้อมกับช่วยเมเม่เพื่อนสาวอีกคนหยิบกระเป๋าใบย่อมออกมาจากที่เก็บสัมภาระเหนือศีรษะ

สามสาวเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่สมัยมัธยม ชอบอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นมาตั้งแต่เด็ก เฝ้ากรี๊ดนักร้องดังจากแดนอาทิตย์อุทัยมาด้วยกัน ทั้งสามสาวมีความฝันร่วมกันคือได้มาเที่ยวประเทศที่อุตส่าห์ร่ำเรียนภาษามาจากรั้วมหาวิทยาลัยด้วยกัน เมื่อทั้งสามเรียนจบและมีเวลาว่างช่วงรอรับปริญญาบัตรจึงไม่ลังเลเลยที่จะมาทำความฝันในวัยเด็กให้เป็นจริงก่อนที่จะต้องแยกย้ายกันไปทำงานและไม่มีเวลาร่วมกันเช่นนี้อีก

“ญี่ปุ่นจ๋า ลูกหว้ามาแล้ว” หญิงสาวผมสั้นรูปร่างกะทัดรัดคว้าเป้ใส่หลังก่อนจะเดินนำเพื่อนๆไปตามเครื่องหมาย arrival เพื่อเข้าแถวรอตรวจหนังสือเดินทาง

ช่วงนี้เป็นช่วงที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวรวมทั้งเป็นช่วงที่เพิ่งเริ่มใช้ระบบสแกนลายนิ้วมือจึงทำให้แถวของนักท่องเที่ยวยาวกว่าปรกติ กว่าทั้งสามจะผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองกับด่านศุลกากรมาได้ก็เป็นเวลาเกือบบ่ายสามโมง

“เอายังไงกันดีเรา จะกินข้าวกันก่อนเลยหรือว่าจะเข้าเมืองก่อนแล้วไปหากินเอาข้างในเมือง” เมเม่ถามขึ้นหลังจากการตรวจเช็คกระเป๋าผ่านไปได้ด้วยดี

“เข้าไปกินกันแถวๆโรงแรมที่พักดีไหมเพราะต้องนั่งรถไฟเข้าไปอีกเป็นชั่วโมงเลย เราต้องเข้าเช็คอินช่วงสี่โมงนะ ลูกหว้ากลัวเค้าจะไม่เก็บห้องไว้ให้เราน่ะ “

เมื่อตกลงกันได้แล้วทั้งสามจึงเลือกใช้บริการรถไฟของบรษัทเคเซแบบด่วนพิเศษหรือที่เรียกว่ารถไฟ skyliner แทนรถไฟแบบธรรมดาเพราะประหยัดเวลาไปได้กว่าครึ่งชั่วโมง รถไฟแบบนี้เป็นรถไฟที่มีเบอร์เลขที่นั่งแน่นอน เบาะก็นุ่มนั่งสบายแถมยังปรับเอนได้ทำเอาลูกหว้าปรับเล่นอย่างมีความสุขเลยทีเดียว ใกล้เวลาที่รถจะออกแล้วแต่ในโบกี้ของสามสาวก็ยังไม่มีผู้โดยสารคนอื่นขึ้นมา

“ทำไมไม่มีคนอื่นเลยล่ะ” ไอซ์อดสงสัยไม่ได้

“รถไฟแบบนี้มันแพงกว่าแบบธรรมดาตั้งเท่าตัวน่ะสิ คนญี่ปุ่นเองก็ไม่ค่อยนั่งหรอกแล้วมันก็ไม่จอดสถานีไหนเลยจนกว่าจะถึงในเขตเมืองโตเกียวน่ะสิ” สาวร่างเล็กให้คำตอบแก่เพื่อนสาว ด้วยความที่เป็นคนชอบเล่นอินเตอร์เน็ทเพื่อหาความรู้ต่างๆทำให้ลูกหว้ามีความรู้ในการมาเที่ยวครั้งนี้มากกว่าใครเพื่อน

ทั้งลูกหว้า ไอซ์และเมเม่ครองรถไฟทั้งโบกี้อย่างสนุกสนาน ผลัดกันถ่ายรูป ชมวิวทิวทัศน์สองข้างทางที่ค่อยๆเปลี่ยนจากภาพไร่นาป่าเขาไปเป็นบ้านเรือนและตึกสูงมากขึ้นเมื่อรถไฟวิ่งเข้าสู่เขตเมือง

“ลงสถานีนี้ใช่หรือเปล่าน่ะ” สาวผมม้าถามขึ้นเมื่อรถไฟจอดเป็นครั้งแรก

“ยังไม่ใช่จ้า สถานีหน้าต่างหาก ไอซ์นี่เรื่องทิศทางนี่หลงตลอดเลยนะ” เมเม่แกล้งแซวเพื่อนขำๆทำเอาสาวผมม้าแอบค้อนเพื่อนไม่ได้

“ไม่ขนาดนั้นซักหน่อย เมเม่ก็ มาคราวนี้ยังไงก็ไม่มีหลงแน่นอนเราจะคอยตามเมเม่กับลูกหว้าตลอดเลยไม่ให้เหมือนคราวที่ไปเที่ยวน้ำตกแน่นอน” หญิงสาวบอกอายๆเมื่อนึกถึงวีรกรรมของตนเองเมื่อครั้งไปเที่ยวแล้วหลงกันจนวุ่นวายไปหมดทั้งเพื่อนและเจ้าหน้าที่อุทธยาน

“ลงสถานีนี้แหละ” ลูกหว้าสะกิดเพื่อนเมื่อรถไฟจอดที่สถานีปลายทาง เมเม่กับไอซ์จึงช่วยกันลำเลียงสัมภาระลงจากรถไฟ

“โอ้โห! สุดยอดมากๆเลยลูกหว้า” เมเม่ถึงกับอุทานออกมาเมื่อพบว่าพอออกจากสถานีรถไฟของสายเคเซแล้วเพียงเดินขึ้นบันไดแล้วข้ามถนนเล็กๆก็ถึงโรงแรมที่ลูกหว้าจองผ่านอินเตอร์เน็ทแล้ว

“ก็ลูกหว้าซะอย่าง serch หาตั้งนานแน่ะกว่าจะได้โรงแรมที่ใกล้สถานีรถไฟแบบนี้น่ะ”

“จ้า ขอบคุณมากนะลูกหว้า ถ้าไม่ได้ลูกหว้านะ ไอซ์กับเม่คงไม่ได้มาญี่ปุ่นอย่างราบรื่นขนาดนี้แน่นอน”

“อย่าเพิ่งชมมากเลย เดี๋ยวลูกหว้าตัวลอย เรารีบเข้าไปเช็คอินกันดีกว่านะ” สาวผมสั้นบอกเขินๆก่อนจะเปิดประตูโรงแรมเข้าไปภายใน

เมื่อทั้งสามลงชื่อเข้าพักเรียบร้อยแล้ว พนักงานโรงแรมก็ส่งกุญแจห้องพักให้ ห้องพักของทั้งสามนั้นอยู่ที่ชั้นแปด ภายในห้องถูกตกแต่งให้ออกมาในสไตล์ตะวันตกแต่ยังคงมีกลิ่นอายของญี่ปุ่นอยู่มาก เตียงตั้งเรียงกันสามเตียงมีเพียงโต๊ะหัวเตียงกั้นระหว่างกลางเท่านั้นทำให้ห้องอาจจะดูคับแคบไปบ้าง แต่ก็มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน

สามสาวเก็บสัมภาระ ล้างหน้าล้างตาและเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่แล้วจึงออกมาเดินเตร่อยู่แถวๆตลาดอาเมโยโกะซึ่งเป็นย่านช็อปปิ้งใกล้ๆโรงแรมที่พัก ทุกคนตกลงใจว่าจะเดินเล่นกันก่อนสักพักแล้วจึงหาอะไรทานแถวๆนั้นเลย

ถนนสายนี้มีผู้คนเดินพลุกพล่านทั้งนักท่องเที่ยวและชาวญี่ปุ่นเองเพราะมีร้านอาหารราคาประหยัดตั้งเรียงรายอยู่สองข้างทาง สามสาวสะดุดตากับร้านขายชาเขียวแบบดั้งเดิมร้านหนึ่งซึ่งมีตัวการ์ตูนสีเขียวสดใสยืนเต้นเชิญชวนคนที่เดินผ่านไปมาให้มาชิมชาเขียวอยู่หน้าร้าน

ลูกหว้าไม่ลังเลเลยที่จะเดินไปชิมตามคำชวนนั้น ไม่เสียแรงที่ดั้นด้นมาถึงประเทศต้นตำรับ เพียงแค่ลองจิบแก้วเล็กๆก็ทำเอาสามสาวยิ้มออก ชาเขียวรสกลมกล่อมไม่ขมเข้มอย่างที่นึกกลัวในตอนแรกผ่านลงลำคออย่างง่ายดาย ทั้งลูกหว้าและไอซ์จึงเลือกซื้อใบชาแห้งติดมือกลับไปให้คนที่บ้านได้ชิมรสชาติด้วย ส่วนเมเม่ซึ่งปกติไม่ชอบพวกชากาแฟเท่าใดนัก ก็เลือกลูกอมรสชาเขียวที่ห่ออยู่ในถุงเล็กๆหลากสีแยกเป็นเม็ดๆอีกทีแทน

“อร่อยมาเลยค่ะ ขอชิมอีกแก้วได้ไหมคะ” ลูกหว้าบอกตัวการ์ตูนตัวเขียวที่ในมือมีถาดชาเขียวแก้วเล็กๆตั้งเรียงรายอยู่ เมื่อเห็นการ์ตูนตัวเขียวผงกหัวใหญ่ๆขึ้นลง ลูกหว้าจึงหยิบเผื่อเพื่อนทั้งสองด้วย

“งั้น..เผื่อเพื่อนด้วยนะคุณตัวเขียวใจดี คุณจะดื่มด้วยกันมั้ย เต้นมานานน่าจะเหนื่อยนะเนี่ย” ลูกหว้าบอกเขาเป็นภาษาญี่ปุ่นอย่างคล่องแคล่ว ในเพื่อนทั้งสามคนดูเหมือนเธอจะเป็นคนที่ชำนาญภาษาญี่ปุ่นที่สุดจึงอดไม่ได้ที่จะแซวตัวการ์ตูนหน้าร้านไปตามนิสัยขี้เล่นของเธอ เมื่อเมเม่และไอซ์เห็นเพื่อนเริ่มแกล้งตัวการ์ตูนตรงหน้าก็กล่าวขอโทษและดึงเพื่อนสาวออกมาอย่างเกรงใจ

และถ้าไอซ์ฟังไม่ผิด เธอคิดว่าเธอได้ยินเสียงคุณตัวเขียวหัวเราะขำๆไล่หลังพวกเธอมา


ร้านรวงสองข้างทางสร้างความตื่นตาตื่นใจให้ทั้งสามสาวเป็นอันมาก คงจะไม่มีใครปฏิเสธการช้อปปิ้งไปได้โดยเฉพาะหากได้มาเดินอยู่ในแหล่งรวมของกระจุกกระจิกน่ารักมากมายเช่นนี้

ลูกหว้าและเมเม่เลือกซื้อพวงกุญแจที่ทำเป็นรูปแมวคิตตี้ไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆในญี่ปุ่นจากร้านขายของที่ระลึกข้างทางที่ตกแต่งด้วยตัวการ์ตูนต่างๆกันอย่างสนุกสนาน ส่วนไอซ์สาวเจ้าของผมหน้าม้ากับผมยาวเคลียไหล่กลับนึกสนใจกับถุงผ้าลายดอกซากุระดอกเล็กๆที่มีให้เลือกหลายขนาดตามความพอใจมากกว่า เพราะเธอไม่คิดว่าเจ้าเหมียวคิตตี้จะดูเป็นสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นที่ตรงไหน หล่อนเลือกของอยู่นานก่อนจะเดินไปชำระเงินที่เคาท์เตอร์ไม้เก่าๆหลังร้าน

ไอซ์รับถุงใส่ของลายรูปการ์ตูนคิตตี้น่ารักจากคุณป้าเจ้าของร้านแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้ สงสัยเจ้าเหมียวคิตตี้จะกลายเป็นตัวแทนของประเทศนี้จริงๆเสียแล้วกระมัง เธอจึงพบเจ้าแมวตัวนี้ได้ทุกหนทุกแห่งจริงๆ หญิงสาวเดินมาดูเพื่อนก็พบว่าสองสาวยังคงสนุกสนานกับการเลือกของที่ระลึกอยู่ที่เดิม เธอจึงเดินออกมานอกร้านเพื่อดูของอย่างอื่นค่าเวลา

สาวผมม้าเหลือบไปเห็นวัยรุ่นญี่ปุ่นสองคนแต่งชุดกิโมโนมาเดินเล่นกันอย่างน่ารัก เธอจึงไม่ลังเลเลยที่จะยกกล้องถ่ายภาพที่คล้องคออยู่ถ่ายภาพทั้งสองสาวเอาไว้ ภาพแรกออกมาไม่ได้อย่างที่ใจนึกหญิงสาวจึงเดินตามทั้งคู่ไปเพื่อถ่ายภาพให้ได้ตามต้องการ

สาวน้อยชาวญี่ปุ่นเหลือบมาเห็นเธอพอดี ทั้งคู่จึงหันมายิ้มให้กล้องอย่างน่ารัก ไอซ์จึงก้มหัวขอบคุณไปตามธรรมเนียมของชาวญี่ปุ่นก่อนจะเดินจากมาเพื่อกลับไปยังร้านที่ขายของที่ระลึก แต่ถนนสายนี้เป็นซอยเล็กๆเหมือนกันไปหมด หญิงสาวเดินวนไปวนมาอยู่หลายรอบแล้วก็ต้องยอมรับกับตัวเองว่าเธอพลัดหลงกับเพื่อนทั้งสองเสียแล้ว



Create Date : 02 กันยายน 2551
Last Update : 2 กันยายน 2551 11:48:26 น. 1 comments
Counter : 525 Pageviews.

 
บรรยายได้เห็นภาพดีค่ะ เล่าได้ต่อเนื่อง ไม่สะดุด น่ารักดีค่ะ


โดย: ไนล์ (Siraprapa_p ) วันที่: 12 กันยายน 2551 เวลา:17:04:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

totolly17
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add totolly17's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.