ทุกย่างก้าว...ของการเดินทาง....

 
มีนาคม 2550
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
20 มีนาคม 2550
 

มาหาที่เที่ยวระหว่างทางกันเหอะ.....

กว่าที่เราจะเดินทางถึงบ้านกรูด คงใช้ระยะทางไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง หรือระยะทาง 382 กิโลเมตร ก็จะมีที่เที่ยวหลากหลายแบบทั้งธรรมชาติ ไม่ว่าจะน้ำตก ทะเล หรือทางวัฒนธรรม การศึกษา มีให้เลือกมากมาย แต่สำหรับ blog นี้ผมขอแนะนำแค่จังหวัด เพชรบุรี ก่อนนะครับ อาจจะมีสถานที่อีกมากมาย แต่ขอคร่าวๆ ท่านใดมีข้อมูลเพิ่มเติม ก็ส่งมาได้หรือโพสเพิ่มก็ได้นะครับ เอาหล่ะ...ดังนั้นเราไปเที่ยวพร้อมๆ กันนะครับ (รูป...วันหลังจะเอามาลงให้นะครับ)

>


คำขวัญจังหวัด เพชรบุรี

เขาวังคู่บ้าน ขนมหวาน เมืองพระ เลิศล้ำศิลปะ แดนธรรมะ ทะเลงาม


//www.phetchaburi.go.th

จังหวัดเพชรบุรี เป็นจังหวัดในภาคกลางที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลอ่าวไทยเป็นเมืองที่ได้ชื่อว่า 3 วัง 3 ทะเล อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ 123 กิโลเมตร เป็นเมืองเก่าที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน โดยมีชื่อปรากฏอยู่ในศิลาจารึกหลักที่หนึ่งสมัยสุโขทัยและมีหลักฐานทางโบราณคดี ซึ่งมีอายุย้อนไปถึงสมัยขอมและสมัยทวารวดี ทั้งยังเคยเป็นเมืองหน้าด่านสำคัญชั้นเมืองลูกหลวงในสมัยอยุธยา
เพชรบุรี มีพื้นที่ 6,255.138 ตารางกิโลเมตร สภาพภูมิประเทศทางด้านทิศตะวันตกเป็นป่าเขาสลับซับซ้อน มีเทือกเขาตะนาวศรีเป็นเส้นกั้นอาณาเขตระหว่างไทยกับสหภาพพม่า ส่วนทางด้านทิศตะวันออกเป็นที่ราบไปจนจดชายฝั่งทะเลอ่าวไทย พื้นที่ของจังหวัดเพชรบุรีมีแม่น้ำสายสำคัญไหลผ่าน 3 สาย ได้แก่ แม่น้ำเพชรบุรี แม่น้ำบางกลอย และแม่น้ำบางตะบูน ประชากรจังหวัดเพชรบุรีส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก มีการทำนา สวนผลไม้ ทำน้ำตาลโตนด เลี้ยงสัตว์ และทำการประมง

จังหวัดเพชรบุรี แบ่งการปกครองออกเป็น 8 อำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอเขาย้อย อำเภอหนองหญ้าปล้อง อำเภอบ้านแหลม อำเภอบ้านลาด อำเภอท่ายาง อำเภอแก่งกระจาน และอำเภอชะอำ มีสถานที่ทอ่งเที่ยวที่น่าสนใจดังต่อไปนี้




ถ้ำเขาย้อย
สมัยโบราณเป็นชุมชนที่ถือว่าได้รับความเจริญอย่างมากมาย( ที่ทราบเพราะคุณย่าเล่าให้ฟัง คุณย่าเป็นคนเขาย้อยครับ) เป็นแหล่งพบปะซื้อขายสินค้ากันทางเรือ ไม่ว่าจะเป็นชนชาติ มอญ พม่า ไทย และลาวซ่ง(ไทยทรงดำ) เป็นแหล่งที่มาของพริกกะเหรี่ยงอีกแห่งหนึ่ง เขาย้อยตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเขาย้อยหลังสถานีรถไฟ เขาย้อยเป็นภูเขาโดดเด่น ริมทางหลวงหมายเลข 4 อยู่ก่อนถึงตัวเมืองเพชรบุรีประมาณ 22 กม.เมื่อถึง 4 แยก เขาย้อยให้เลี่ยวซ้ายไปตามถนน ประมาณ 200 เมตร จะมีแยกขวามือให้เลี้ยวตาม ตรงไปอีกนิดก็จะถึง ในถ้ำนี้มี พระพุทธรูปใหญ่น้อยหลายปางประดิษฐานอยู่ คล้ายกับถ้ำเขาหลวง หรือถ้ำเขาบันไดอิฐ ตามประวัติเล่าว่าพระพุทธรูปเหล่านี้มีมานานแล้วและต่อมา พระครูอ่อนวัดท้ายตลาดมาบูรณะใหม่ และมี เกร็ดประวัติศาสตร์เล่ากันว่าสมัยเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังทรงผนวชอยู่นั้น พระองค์ได้เสด็จธุดงค์วัตรมาปักกลดวิปัสสนาที่หน้าเขาย้อย แล้วทรงย้ายขึ้นมาประทับ นั่งกรรมฐานอยู่ในถ้ำเขาย้อยหลายคืน



พระนครคีรี - เขาวัง
เขาวัง เป็นภูเขาลูกย่อม สูงประมาณ ๔๔ เมตร ระยะทางจากกรุงเทพฯ - ตัวเมืองเพชรบุรี ประมาณ 123 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากตัวเมือง ไปทางทิศตะวันตก ประมาณ ๒ กม. มีทาง รถยนต์ ถึงยอดเขา พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว โปรดให้สร้างพระราชวัง บนเขานี้ แต่ ทรงเสด็จ มาประทับ เพียงครั้งเดียว เมื่อ พ.ศ.๒๔๒๐ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๗ โปรดเกล้าอุทิศให้ เป็น ธรณีสงฆ์ ผู้มีศรัทธา ได้ซ่อมแซมดัดแปลง ตำหนักต่าง ๆ เป็นโบสถ์และกุฎิสงฆ์ ต่อมาได้ยกขึ้น เป็นวัด เรียกว่า วัดเขาวัง เขาวังมีพระที่นั่งและพระตำหนักมากมาย นอกจากนี้ยังมีโรงม้า โรงรถ ศาลามหาดเล็ก โรงครัว ฯลฯ ตามแบบพระราชวังทั่วไป รอบๆ ที่ตั้งพระราชวังมีป้อมเรียงรายอยู่ทั้ง 4 ทิศ นอกจากจะสร้างพระราชวังแล้วยังมีการบูรณะวัดหนึ่งคือ " วัดมหาสมณาราม " อันเป็นวัดเก่าแก่สมัยอยุธยา และสร้างวัดขึ้นมาใหม่อีกวัดหนึ่งคือ " วัดพระแก้วน้อย " อีกทั้งยังโปรดให้บูรณะพระธาตุเก่าแก่ และให้นำพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุภายใน พระราชทานนามว่า " พระธาตุจอมเพชร "



พระราชวังบ้านปืน
พระรามราชนิเวศน์ หรือ พระราชวังบ้านปืน ตั้งอยู่ที่เขตบ้านปืน ริมแม่น้ำเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี เป็นพระราชวังที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อเสด็จประพาสจังหวัดเพชรบุรีพระตำหนักนี้ก่อสร้างเป็นอาคาร 2 ชั้นแบบเยอรมนี และโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ทรงดำเนินการหล่อรูปนารายณ์ทรงปืนเพื่อนำมาตั้งที่หน้าพระราชวัง (ปัจจุบันอยู่ที่หน้าพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ). การก่อสร้างพระที่นั่งแห่งนี้ มาสำเร็จในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. 2461 และพระราชทานนามว่า “พระที่นั่งศรเพ็ชรปราสาท” และพระราชทานนามพระราชวังว่า “พระรามราชนิเวศน์” แต่ชื่อเป็นที่รู้จักกันทั่วไปคือ “พระราชวังบ้านปืน”
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จมาประทับแรม ณ พระตำหนักแห่งนี้เมื่อมีการซ้อมเสือป่า แต่ในปลายรัชกาลไม่ได้เสด็จมาอีก. พระราชวังบ้านปืนจึงถูกปล่อยให้รกร้าง จนในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ใช้พระราชวังแห่งนี้เป็นโรงเรียนวังพระรามราชนิเวศน์ โรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรม โรงเรียนฝึกหัดครูผู้กำกับลูกเสือ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และโรงเรียนประถมวิสามัญหญิง จนกระทั่งโรงเรียนเหล่านี้ย้ายออกไป พระราชวังบ้านปืนจึงถูกทิ้งให้รกร้างอีก. จนในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เมื่อเกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา ฝ่ายทหารได้ใช้พระราชวังนี้เป็นที่ตั้งกองบัญชาการทหาร. ปัจจุบันโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้เป็นที่ตั้งของจังหวัดทหารบกเพชรบุรี และได้จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และศิลปะของจังหวัดเพชรบุรี



หาดปึกเตียน
อยู่ในตำบลปึกเตียน ห่างจากหาดเจ้าสำราญไปทางใต้ประมาณ 8 กิโลเมตร หรือสามารถเดินทางไปทางถนนเพชรเกษมผ่านเขาวัง บิ๊กซี จนถึงอำเภอท่ายางแล้วเลี้ยวซ้ายตรงสี่แยกคลองชลประทานสาย 2 ไปตามถนนนี้ประมาณ 15 กิโลเมตร บริเวณหาดปึกเตียนเป็นหาดทรายขาว สะอาด เหนือหาดมีลำคลองปึกเตียนไหลผ่าน



หาดเจ้าสำราญ
เป็นชายหาดที่เคยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญมาแต่สมัยโบราณ มีประวัติเล่ากันว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเคยเสด็จมาที่นี่พร้อมด้วยสมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงพอพระราชหฤทัยในความงามของหาดนี้ ทรงประทับแรมอยู่หลายวัน จนชาวบ้านเรียกหาดนี้ว่า “หาดเจ้าสำราญ” มาจนทุกวันนี้ วิธีเดินทาง จากตัวเมืองเพชรบุรี ให้ขับผ่านเขาวัง บิ๊กซี จะเจอ 4 แยก(ทางเข้าทางเดียวกับ พระราขวังบ้านปืน) ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปและตรงไปจนสุดถนนประมาณ 15 กิโลเมตร ก่อนถึงหาดฯ ประมาณ 2 กิโลเมตร จะมี 4แยก ถ้าท่านตรงไป จะเป็นหาดปึกเตียน แต่ถ้าเลี้ยวซ้ายและตรงไปอีกประมาณ 7 - 8 โลเมตร จะเป็นหาดเจ้าสำราญ



หาดชะอำ
ระยะทางจากกรุงเทพฯ – ชายหาดชะอำ ประมาณ 164 กิโลเมตร อยู่ห่างจากตัวเมืองเพชรบุรี 41 กิโลเมตร มีทางแยกซ้ายเข้าชายหาด ระยะทาง 2 กิโลเมตร เป็นชายหาดที่สวยงามและมีชื่อเสียงของจังหวัดเพชรบุรี เดิมชะอำเป็นเพียงตำบลหนึ่งขึ้นอยู่กับอำเภอหนองจอก แต่ภายหลังที่หัวหินมีชื่อเสียง ที่ดินแถบชายทะเลถูกจับจองหมด เจ้านายชั้นผู้ใหญ่สมัยนั้นจึงพยายามหาสถานที่พักผ่อนแห่งใหม่ โดยการนำของพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ และได้พบว่าหาดชะอำเป็นชายหาดที่สวยงามไม่แพ้หัวหิน ชะอำจึงเริ่มเป็นที่รู้จักตั้งแต่นั้นมา ชะอำได้รับการพัฒนาเจริญเติบโตขึ้น และยกฐานะเป็นอำเภอจนปัจจุบัน
การรถไฟแห่งประเทศไทยจัดขบวนการรถไฟพิเศษนำเที่ยวกรุงเทพฯ-ชะอำ ทุกวันเสาร์-วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ รายละเอียดติดต่อหน่วยบริการเดินทางรถไฟ และอีกวิธีคือ จากสถานีขนส่งสายใต้ กรุงเทพฯ ไปหาดชะอำ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง โดยสามารถนั่งรถปรับอากาศสายกรุงเทพฯ-หัวหิน (ค่าโดยสารคนละ 113 บาท) แล้วไปลงตรงทางแยกซ้ายเข้าชายหาด ระยะทางจากแยกซ้ายถึงชายหาดประมาณ 2 กิโลเมตร



พระราชวังไกลกังวล
ตั้งอยู่ห่างจากหัวหินไปทางทิศเหนือประมาณ 3 กิโลเมตร บนถนนเพชรเกษม กิโลเมตรที่ 229 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นโดยใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ สำหรับใช้เป็นที่ประทับในฤดูร้อน และพระราชทานแด่สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หม่อมเจ้าอิทธิเทพสรรค์ กฤดากร ผู้อำนวยการกรมศิลปากร ในสมัยนั้นเป็นผู้ออกแบบ และเป็นผู้อำนวยการก่อสร้าง เริ่มก่อสร้างเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2469 ต่อมาได้รับการซ่อมแซม และก่อสร้างเพิ่มเติมในสมัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ในบริเวณมีพระตำหนักหลายหลังมีชื่อคล้องจองกัน ได้แก่ พระตำหนักเปี่ยมสุข ปลุกเกษม เอิบเปรม เอมปรีดิ์ สร้างอยู่กลางอุทยานไม้ดอก ไม้ประดับนานาพันธุ์ โดยมีพื้นที่ด้านหนึ่งติดชายทะเล นอกจากนั้นยังมี พิพิธภัณฑ์หอย เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ได้รวบรวมหอยทุกชนิด พระราชวังไกลกังวลเปิดให้เข้าชมทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. (ขายบัตรถึงเวลา 15.15 น.) อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 511115



พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดเพชรบุรี ตั้งอยู่ในค่ายพระราม 6 ที่ ต.ห้วยทรายเหนือ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ตรงหลักกิโลเมตรที่ 216 เลยหาดชะอำมาเล็กน้อย เป็นพระตำหนักที่ประทับริมทะเล ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้รื้อพระตำหนักหาดเจ้าสำราญมาปลูกขึ้นใหม่เมื่อปี พ.ศ.2466 แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ.2467 ได้รับขนานนามว่า พระราชนิเวศน์แห่งความรักและความหวัง ลักษณะเป็นพระตำหนักไม้สักทองยกพื้นสูงแห่งแรกที่ติดริมทะเล หันหน้าออกสู่ทะเล โดยเป็นพระตำหนักประทับแรมของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวโดยพระองค์ได้ทรงเพิ่มพระตำหนักฝ่ายใน ทรงเลือกแบบพระราชนิเวศน์เป็นอาคารแบบไม้ชั้นเดียว หลังคาทรงปั้นหยา มุงกระเบื้องสี่เหลี่ยม ใต้ถุนสูง เทพื้นคอนกรีตตลอด โดยที่พระตำหนักต่างๆ ได้แบ่งกระจายกันอยู่เป็นหลังๆ มีรูปทรงแบบเดียวกันหมด แต่ทุกหลังจะมีระเบียงและบันได ส่วนทางเดินจะมีลูกกรงและหลังคาเชื่อมติดต่อถึงกันตลอดเพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการเดินติดต่อกันระหว่างพระตำหนักต่างๆ ได้จัดวางห้องบรรทมอยู่กลางติดกับห้องแต่งพระองค์ มีห้องเสวยด้านหลัง มีสะพานทอดออกไปทางด้านขวามือเป็นส่วนของฝ่ายใน ด้านหน้ามีสะพานทอดยาวไปเป็นห้องทรงพระอักษรใกล้ชายหาด
พระราชนิเวศน์ ซึ่งประกอบด้วยพระที่นั่งใหญ่ 3 องค์ มีนามเรียงกันจากชั้นในสุดมาจนถึงประตูพะราชนิเวศน์ด้านหน้า ดังนี้
1.พระที่นั่งสมุทรพิมาน เป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยเป็นอาคารหลังใหญ่สุดทรงใช้เป็นห้องบรรทม ห้องแต่งพระองค์ ห้องทรงพระอักษร และห้องสรง ส่วนห้องเสวยเป็นศาลารูปสีเหลี่ยม มีลูกกรงรอบไม่กั้นฝามีทางเดินเชื่อมต่อจากพระที่นั่งสโมสรเสวกามาตย์ลงมาทางใต้ พระที่นังองค์นี้ เคยเป็นที่ประทับในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ อาคารด้านหน้า ประกอบด้วย ห้องสรง ห้องพระบรรทม และห้องทรงพระอักษร ซึ่งมีการจัดวางสิ่งของเครื่องใช้ และเครื่องเรือน ส่วนพระองค์ให้ชม อาคารส่วนกลางเป็นห้องโล่งกว้าง มีเพียงลูกกรงกั้นโดยรอบ ลักษณะคล้ายศาลา เป็นที่ซึ่งพระองค์โปรดประทับในเวลากลางวัน ปัจจุบันจัดตั้งโต๊ะหมู่บูชา ประดิษฐานพระบรมรูป ให้คนทั่วไปได้สักการะ อาคารด้านหลังปีกทางทิศใต้ เคยเป็นที่ประทับของพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ในการเสด็จประทับครั้งที่ 2 จากด้านหน้าของพระที่นั่งองค์นี้ มีทางเดินทอดยาวไปจดชายหาด พร้อมทั้งมีพลับพลาสำหรับเปลี่ยนเครื่องทรง เมื่อเสด็จลงสรงน้ำทะเลด้วย
2.พระที่นั่งพิศาลสาคร อยู่ถัดจากพระที่นั่งสมุทรพิมาน ไปทางทิศใต้ เคยเป็นที่ประทับของพระนางอินทรศักดิ์ศจี ในการเสด็จมาประทับครั้งแรก และเป็นกลุ่มอาคารสำหรับฝ่ายใน มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และเป็นเอกเทศจากส่วนที่ประทับ มีบันได ขึ้นลงชายหาดและพลับพลาริมทะเล ซึ่งทอดขนานไปกับ พระที่นั่งสมุทรพิมาน ซึ่งเป็นส่วนของฝ่ายหน้า
3.พระที่นั่งเสวกามาตย์ เป็นอาคารสองชั้น มีรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าเปิดโล่ง ทั้งชั้นล่างและชั้นบน สร้างเพื่อเป็นที่ประชุมและจัดงานสโมสรต่างๆ รวมถึงการแสดงละคร ซึ่งพระองค์โปรดอย่างยิ่ง ลักษณะเป็นอาคารไม้สองชั้น รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ชั้นล่างเป็นโถงโล่ง ชั้นบนด้านทิศใต้ มีระเบียงเป็นที่ประทับ เวลาเสด็จออก และมีระเบียบรอบ ปล่อยส่วนกลางโล่ง หลังระเบียงที่ประทับ มีห้องซึ่งปัจจุบันจัดแสดงเรื่องราว และสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับความเป็นมา
เปิดให้เข้าชมทุกวัน ระหว่างเวลา 08.30-16.00 น. สำหรับผู้เข้าชมเป็นหมู่คณะ ต้องทำหนังสือถึงผู้กำกับการกองบังคับการฝึกพิเศษ ค่ายพระรามหก อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี โทร. 032-471-388



เขื่อน-อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
เป็นเขื่อนดินที่สร้างกั้นลำน้ำเพชรบุรี อยู่ที่อำเภอแก่งกระจาน เขื่อนแก่งกระจานสร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2509 สันเขื่อนยาว 760 เมตร สูง 58 เมตร เกิดจากการสร้างเขื่อนดินปิด 3 ช่องทางระหว่างหุบเขา ทำให้น้ำเอ่อล้นท่วมแก่งน้ำเดิมเป็นพื้นน้ำอาณาเขตกว้างขวางจากยอดเขาเนินเขาหลากเป็นเกาะโผล่พ้นน้ำถึง 30 - 40 เกาะ ก่อให้เกิดทิวทัศน์งดงามยิ่ง เหมาะสำหรับ การนั่งเรือชมทัศนียภาพและชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น หรือตกปลา สถานที่ที่น่าสนใจคือ
เขาพะเนินทุ่ง เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของอุทยานฯ ในเขตประเทศไทยอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 50 กิโลเมตรเป็นภูเขาสูง มีบริเวณที่เป็นทุ่งหญ้ากว้าง ในระดับความสูง 960 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง บริเวณโดยรอบเป็นป่าดิบเขา มีสัตว์ป่าชุกชุม มีทิวทัศน์งดงาม จากยอดเขาสามารถเห็นทะเลหมอกในช่วงฤดูฝนต่อฤดูหนาว การเดินทางต้องใช้เวลา 2 วัน พักค้างแรม 1 คืนระหว่างทาง และติดต่อขอเจ้าหน้าที่นำทาง อาหารและเต็นท์สำหรับพักค้างแรมไปเอง
พะเนินทุ่งแคมป์ หรือ กม. 30 เป็นจุดชมวิวที่สามารถชมทะเลหมอกในตอนเช้าได้สวยจุดหนึ่ง และสามารถกางเต็นท์พักแรมได้ การเดินทางต้องใช้รถที่มีกำลังสูง สามารถเหมารถปิกอัพได้จากบริเวณที่ทำการอุทยานฯ เนื่องจากถนนค่อนข้างแคบ อุทยานฯ จึงได้กำหนดเวลาในการขึ้น-ลง คือ เวลาขึ้น ช่วงเช้า 05.00-09.30 น. ช่วงบ่าย เวลา 14.30-15.00 น. เวลาลง ช่วงเช้า 12.00-13.00 น. ช่วงบ่าย 16.30-18.00 น. สำหรับผู้ที่ต้องการจะขึ้นเขาพะเนินทุ่งต้องติดต่อที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเพื่อขอใบอนุญาตผ่านทาง โดยเสียค่าธรรมเนียม คือ ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท รถยนต์สี่ล้อ 30 บาท รถกระบะ 40 บาท รถตู้ 50 บาท รถยนต์มากกว่าสี่ล้อ 70-80 บาท และผู้ที่ต้องการจะขึ้นเขาพะเนินทุ่ง เวลา 05.00 น. ต้องทำใบขออนุญาตล่วงหน้า 1 วัน
น้ำตกทอทิพย์ อยู่ห่างจากเขาพะเนินทุ่ง 15 กิโลเมตร สามารถเดินทางโดยรถยนต์ และเดินทางเท้าเข้าถึงตัวน้ำตกประมาณ 4 กิโลเมตร มีความสูง 9 ชั้น ชั้นที่ 5 เป็นชั้นที่สวยที่สุด แต่ละชั้นสวยงามแปลกตา สภาพโดยรอบเป็นป่าไม้ร่มรื่น ทั้งนี้การเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ลึกเข้าไปในผืนป่า ควรขอคำแนะนำและคนนำทางจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้ก่อน นอกจากนี้ รถยนต์ที่ใช้ต้องมีกำลังเครื่องดีเพราะเส้นทางผ่านหุบเขาลาดชัน
สำหรับเส้นทางดูนก ที่มีเงือกกว่า 6 สายพันธุ์(จาก 12 สายพันธุ์ที่พบในประเทศไทย) ผีเสื้อ จะเริ่มจากที่กิโลเมตรศูนย์ คือ บริเวณด่านตรวจเขาสามยอดถึงกิโลเมตรที่ 18 จะพบผีเสื้อได้ตามสองข้างทางตามโป่งดินกิโลเมตรที่ 10 12 และจุดที่นักท่องเที่ยวสามารถดูนกได้คือ บริเวณตั้งแต่อ่างเก็บน้ำห้วยสามยอด เลยด่านตรวจมาไม่ไกล ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของนกน้ำนานาชนิด ส่วนเส้นทางศึกษาธรรมชาตินั้นนับตั้งแต่กิโลเมตรที่ 18 ขึ้นไป และบริเวณกิโลเมตรที่ 18-27 อาจจะพบเห็นนกกระลิงเขียดหางหนาม ซึ่งเป็นนกที่พบในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานที่เดียวในประเทศไทย
แค้มป์บ้านกร่าง เป็นจุดพักค้างแรมกางเต็นท์ สำหรับผู้สนใจดูนกและผีเสื้อเนื่องจากมีอากาศเย็นสบาย อยู่บริเวณกม.15 มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ซึ่งเป็นป่าเบญจพรรณ และป่าดิบแล้ง มีไม้ที่พบมากคือ ไม้ตะเคียนทอง ไม้ยาง ไม้มะค่าโมง ไม้หอมหรือไม้กฤษณา และเป็นป่าที่ชุ่มชื้นจึงมีเฟิร์น กระโถนฤาษี หนุมาน หวาย ขึ้นอย่างสมบูรณ์และยังมีสัตว์ป่ามากมายเช่น ช้างป่า กระทิง วัวแดง เก้ง กวาง หมีและสัตว์ป่าสงวน เช่น เลียงผา เก้งหม้อ สมเสร็จ และแมวลายหินอ่อน มีผีเสื้อมากกว่า 150 ชนิดให้ศึกษา โดยเฉพาะในหน้าแล้งจะเห็นฝูงผีเสื้อลงไปกินดินโป่งเป็นจำนวนมาก และราวเดือนกุมภาพันธ์-มิถุนายน จะพบนกได้หลายชนิดสร้างรังวางไข่เลี้ยงลูกอ่อน เช่น นกกก นกกาฮัง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของป่าดงดิบ

วิธีเดินทาง จากสี่แยกท่ายาง เลี้ยวขวาเข้าอำเภอท่ายาง จากนั้นวิ่งไปตามถนนเลียบคลองชลประทาน ตามทางหลวงหมายเลข 3499 ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร ก็จะถึงอำเภอแก่งกระจาน จากปากทางเข้าอุทยานฯ อีก 4 กิโลเมตรจะถึงที่ทำการอุทยานฯ และหากเดินทางโดยรถโดยสารประจำทาง จะมีรถสายกรุงเทพฯ-ท่ายาง ลงที่ตลาดท่ายาง จากนั้นต่อรถสองแถวไปตลาดแก่งกระจาน และต่อรถรับจ้างหรือจักรยานยนต์ไปอีก 4 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานฯ


ป.ล. 1 ในจังหวัดเพชรบุรี ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ อีกมากมายนะครับ เช่น ศูนย์อนุรักษ์เขาพันธุรัต วัดกำแพงแลง เป็นวัดสมัยขอม หรือวัดเขาบันไดอิฐ ที่มีพระเกจิชื่อดังอย่าง หลวงพ่อแดงที่เคารพนับถือ วัดมหาธาตุวรวิหาร ถ้ำเขาหลวง วัดใหญ่สุวรรณราม วัดเขาตะเครา หุบกระพง หรือจะเป็นสถานที่ซื้อของฝากต่างๆ นานา หรือจะช๊อปปิ้งที่เอ้าท์เล็ต เป็นต้น ครับผม


ป.ล. 2 รูปภาพบ้างรูป ข้อความบางข้อความ เป็นการคัดลอกมาจากเว็บไซต์ต่างๆ หลายๆ เว็บไซต์ เพียงเพื่อเก็บเป็นรวบรวมข้อมูล แนะนำให้แก้ผู้ที่สนใจ มิได้ทำเพื่อการค้า และขอขอบคุณเว็บไซต์ต่างๆ ดังกล่าวด้วยครับ




 

Create Date : 20 มีนาคม 2550
2 comments
Last Update : 27 พฤษภาคม 2550 7:41:54 น.
Counter : 5201 Pageviews.

 
 
 
 
ที่เที่ยวระหว่างทางเยอะจังเลยนะคะ
 
 

โดย: umi_chan (umi_chan_2 ) วันที่: 21 มีนาคม 2550 เวลา:13:58:32 น.  

 
 
 
ขากลับจากบ้านกลางอ่าวมีนจะกลับมาพักที่เพชรค่ะ
ว่าจะขึ้นไปดูทะเลหมอกด้วย...ต้องสวยแน่ๆเยเนอะ
 
 

โดย: มีน (min_meen ) วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:22:07:58 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

torti
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีครับทุกท่าน...HAVE A NICE DAY.....!
[Add torti's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com