巴啦啦小魔仙 Live Action สัญชาติจีน
หลังจากที่พูดเรื่องการ์ตูนไปหลาย Blog วันนี้จะพูดถึง Live Action บ้าง ซึ่งแน่นอนว่าเป็น Live Action ของประเทศจีน เรื่อง 巴啦啦小魔仙 เรื่องนี้ผลิตออกมาเมื่อปี 2008 มีทั้งหมด 52 ตอนจบ เรื่องนี้จัดได้ว่าดังพอสมควรในหมู่เด็กๆ ความดังของหนังเรื่องนี้ถึงขนาดต่อยอด ผลิตของเล่น และสินค้าชนิดอื่นๆ ออกมาจำหน่ายเลยทีเดียว
"ภาพในรูปแบบการ์ตูน น่ารักดีครับ"
"มองผ่านๆ นึกว่าการ์ตูนญี่ปุ่นที่ไหนซะอีก"
"ฉากเบื้องหลังการถ่ายทำ ตั้งใจน่าดู"
เนื้อเรื่องย่อ เสี่ยวหลานได้รับคำสั่งจากองค์ราชาชีนีให้มาตามหาเสี่ยวเยวี่ยซึ่งได้แอบฝึกมนต์ดำต้องห้ามและหนีลงมายังโลกมนุษย์ เสี่ยวหลานมีหน้าที่ต้องปกป้องหินเวทมนตร์ให้พ้นจากน้ำมือของเสี่ยวเยวี่ย ดังนั้นเสี่ยวหลานจึงได้แฝงตัวในรูปกล่องดนตรีเพื่อตามหาเสี่ยวเยวี่ย จากโชคชะตาที่ทำให้เธอ เหม่ยฉีและเหมยเสวี่ยมาพบกัน จึงทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายต่างๆ ขึ้น... ...
"ตัวอย่างปกแผ่นแท้ของเค้า"
"เนื้อเรื่องบางส่วนที่มีคนตัดมาทำเป็นช่องแบบการ์ตูน"
"ภาพดูสดใส สวยดีครับ"
ตัวละครในเรื่อง ตัวละครในเรื่องนี้ส่วนมากจะเป็นเด็ก ถึงตัวละครจะเยอะ แต่จำได้ง่าย เพราะในเรื่องจะค่อยๆ แนะนำทีละคน มาดูตัวเด่นๆ กันดีกว่า (ดูรูปด้านบนและด้านล่างประกอบ)
เสี่ยวหลาน (ผมสีเหลือง) นางฟ้าที่ได้รับคำสั่งให้ลงมาตามหาเสี่ยวเยวี่ยที่แอบฝึกมนต์ดำต้องห้าม แล้วหนีลงมายังโลกมนุษย์ เหม่ยฉี (ผมสีฟ้า) ตัวเอกของเรื่อง สอบตกมาแล้ว 1 ปี เป็นพี่สาวของเหมยเสวี่ย เหมยเสวี่ย (ผมสีชมพู) ตัวเอกอีกคนของเรื่อง เป็นน้องของเหม่ยฉี ฉลาดกว่าพี่สาวของเธอมาก ลี่ลี่ (ผมสีม่วง) ตัวร้ายของเรื่อง มีนิสัยไม่ชอบยอมแพ้คนอื่น เสี่ยวเยวี่ย (คนที่ผมเหมือนหมอพรดริฟท์) ตัวร้ายตัวจริงของเรื่องที่ทำให้เรื่องนี้ดำเนินไปได้ กล่าวคือ หากไม่มีเธอ ก็ไม่มีเรื่องนี้
ถ้ายังไม่แปลงร่างผมจะสีดำกันหมด แต่พอแปลงร่างผมก็เปลี่ยนสีทันที
"ดูช่องขวาบน ตัวร้ายตัวนี้เหมือนหมอพรดริฟท์เลย"
ครั้งแรกที่ดูหนังเรื่องนี้รู้สึกตกใจ ที่ตกใจเพราะไม่คิดว่าประเทศจีนมันก้าวไกลได้ขนาดนี้ เป็นที่รู้กันว่าหนังจีนโดดเด่นในเรื่องต่อสู้กัน พวกหนังจอมยุทธ์มักจะเป็นที่ชื่นชอบ และไม่ว่าจะผลิตออกมากี่ภาค คนก็ยังติดตาม ผมมองว่าเค้าใช้จุดเด่นดันนี้มาพัฒนาให้เข้ากับหนังเด็ก ลองจินตนาการถึง คนใส่ชุดคอสเพลย์มาสู้กันแบบจอมยุทธ์ในหนังจีน แค่คิดก็มันแล้ว
เรื่องนี้ผมเหมาเลยว่าเป็นหนังสำหรับเด็ก เน้นกลุ่มเป้าหมายคือ เด็ก ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ในเรื่องนี้กลับมีการเล่นคำภาษาจีนอยู่ไม่น้อย อีกทั้งยังมีสำนวนภาษาจีนที่ผมพึ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกอยู่บ้าง ถึงจะไม่มากและพอจะเดาความหมายได้ก็ตาม แต่มันแสดงให้เห็นว่าเรามีความรู้ภาษาจีนมากน้อยเพียงใด ผมลองเปิดหนังสือเรียนระดับต้นของพวกน้องๆ ที่รู้จัก สำนวนในหนังเรื่องนี้หลายๆ ตัวไม่มีในหนังสือเหล่านั้น มันแสดงให้เห็นถึงอะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับระบบการเรียนของนักศึกษาต่างชาติ
หนังเรื่องนี้ให้แง่คิดต่างๆ เยอะ หลายครั้งที่เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นล้วนเกิดจากความอิจฉาริษยา (ในเรื่องจัดว่าเป็นพลังด้านมืด) แค่นั้นเอง แต่บางครั้งในหนังก็ใช้มุกเก่าๆ ซึ่งผมมองว่าซ้ำซากเกินไป เนื่องจากหนังสำหรับเด็กของจีนหลายเรื่อง มักใช้วิธีแบบนี้ เช่น
มีคนทำลายบอร์ดประจำห้องเรียน ซึ่งตัวเอกของเรื่องรู้ว่าเป็นฝีมือคนในห้องแต่ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด จึงแกล้งพูดออกไปว่า "มีคนถ่ายรูปคนร้ายไว้ได้จากนั้นเค้าก็เอามาให้ชั้น ชั้นใส่ไว้ในกระเป๋านักเรียน เดี๋ยวกินข้าวเสร็จจะเอารูปถ่ายที่ว่าไปให้อาจารย์" ซึ่งตอนพัก ทุกคนก็ออกจากห้องไปกินข้าวกันตามปกติ แต่คนที่ทำผิดจะร้อนตัว และมาค้นกระเป๋าตัวเอกจากนั้นก็ติดกับ ตัวเอกก็ปรากฏตัวออกมา
"มีการวาดเป็นหนังสือการ์ตูนด้วย ภาพจัดได้ว่าสวยเลยแหละ"
แต่ถึงอย่างนั้นตัวร้ายของเรื่องนี้ก็ไม่ได้ร้ายแบบนังร้ายของไทยที่เลวร้ายไปเสียทุกเรื่อง หากดูเบื้องหลังของลี่ลี่ จะรู้สึกว่าเธอน่าสงสาร และทราบว่าทำไมเธอถึงได้ทำแบบนั้น รวมไปถึงรับรู้ได้ถึงความกดดันในการเป็นคนจีน ซึ่งเด็กจีนหลายๆ คนก็คงรู้สึกเช่นนี้
การสอบได้คะแนนสูงที่สุดในระดับชั้นของลี่ลี่ ไม่ได้ทำให้คุณแม่เธอชื่นชมเธอเลย ซ้ำยังโดนตำหนิว่าทำไมไม่ได้ 100 คะแนนเต็ม (ถ้าจำไม่ผิดเธอสอบได้ 98 คะแนน) อีกทั้งการที่พ่อแม่ของเธอเอาแต่โหมงานหนัก ไม่มีเวลาให้ครอบครัวทำให้เธอรู้สึกอิจฉาตัวเอกทั้งสอง เหม่ยฉีและเหมยเสวี่ย ซึ่งทั้งสองมีครอบครัวที่อบอุ่น มีเวลาให้ ถึงแม้เหม่ยฉีสอบได้ที่โหล่ตลอดแต่ก็ไม่โดนว่ามากนัก (เหมยเสวี่ยสอบได้คะแนนเท่าเธอ) แต่หากเปรียบเทียบกันแล้ว สองครอบครัวนี้แตกต่างกันชนิดหน้ามือหลังมือเลยทีเดียว
"การ์ตูนที่คาดว่าเป็นต้นแบบของหนังเรื่องนี้"
อย่างไรก็ดีหนังเรื่องนี้ใช่ว่าจะสมบูรณ์แบบไปทุกเรื่อง เรื่องที่เราจะเห็นได้ชัดคือ ความไม่สมจริง เช่น จำนวนนักเรียนในห้องที่มีเพียง 13 คนเท่านั้น และเป็นนักเรียนหญิงถึง 10 คน ซึ่งขัดต่อหลักความเป็นจริงในประเทศจีนที่มีประชากรจำนวนมาก และมีจำนวนประชากรเพศชายมากกว่าเพศหญิง
ประการต่อมาต้นแบบของหนังเรื่องนี้น่าจะมีที่มาจากเรื่อง สองเจ้าหญิงผู้พิทักษ์จอมวุ่น Twin Princess of Wonder Planet ดังภาพตัวอย่างด้านบนที่ผมนำมาให้ดู ไม่ว่าจะเป็นตัวเอกมี 2 คน การต้องช่วยเหลือคนอื่นเพื่อสะสมคะแนนความดี ซึ่งหากใช้เวทมนตร์ไปในทางที่ผิดคะแนนก็จะลดลง หรือแม้แต่ชุดเหมือนกันอย่างเห็นได้ชัดเจน การลอกแนวคิดไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดี ยกตัวอย่างหนังไทยเราก็มีหลายเรื่องที่ลอกแนวคิดโครงเรื่องของการ์ตูนญี่ปุ่นมา เช่น "ชิชาสาวน้อยมหัศจรรย์" ที่นำแสดงโดย พอลล่า เทเลอร์ หรือแม้แต่เรื่องที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่าเลียนแบบ GTO อย่างเรื่อง "ทีเด็ด ครูพันธุ์ใหม่ จิตพิสัยเดือด" ก็มีการเลียนแบบแนวคิดมา การเลียนแบบแนวคิดไม่ใช่เรื่องไม่ดี ถ้ารู้จักเลียนแบบมาต่อยอดแนวคิด ไม่ใช่ลอกมาทั้งหมดแล้วก็คุณภาพแย่กว่า อันนี้ไม่ควรทำ
หลายๆ คนอ่านมาถึงตรงนี้อาจคิดว่าทำไมผมถึงได้ชื่นชมนักหนา ทั้งที่อนิเมบางเรื่องประเทศจีนก็ลอกเค้ามาท้งดุ้นเลยก็มี ผมอยากจะให้มองในแง่ฝีมือการผลิต อนิเมชั่นของญี่ปุ่นหลายๆ เรื่อง คนจีนเป็นทีมงานผลิตในนั้น ตอนนี้ที่ขาดคือ ความคิดสร้างสรรค์ซึ่งเหมือนกับประเทศไทย คือ คิดอะไรใหม่ๆ ไม่ค่อยได้ ของไทยอาจจะหนักกว่าตรงที่ว่าการ์ตูนของไทยเน้นแต่จะให้ความรู้ ซึ่งผิดหลักของคำว่าการ์ตูน ถ้าคนจีนเริ่มคิดนอกกรอบ หลุดโลกและมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น วงการการ์ตูนของเค้าจะก้าวกระโดดเลยทีเดียว
ถ้าใครอยากลองรับชมคลิ๊กเข้าไปที่ Video Baidu จากในใส่คำว่า 巴啦啦小魔仙 ก็จะมีคลิปวีดีโอให้ได้รับชมครบทุกตอน (สมเป็นประเทศจีนจริงๆ)
"น้องตัวร้ายของเรื่องนี้ ลี่ลี่ (刘美含 หลิวเหม่ยฮั่น) น่ารักกว่าตัวเอกอีก"
ล่าสุดที่ผมติดตามข่าวมา วันที่ 12 เดือนพฤศจิกายน 2009 มีการฉายภาคใหม่ซึ่งผมก็ยังไม่ได้ดู เห็นว่าเลื่อนมาหลายรอบแล้ว ไว้ต้องหาเวลาดูซะหน่อยแล้ว
Create Date : 31 พฤษภาคม 2553 |
|
23 comments |
Last Update : 2 สิงหาคม 2560 22:17:59 น. |
Counter : 5534 Pageviews. |
|
|
|
เจ้าน้องอุ้มไม่ใช่ลูกสาวอุ้มนะคะ
ถ้าอยากรู้ว่าลูกสาวใครต้องเข้าบ๊อก เจ้าการะเกดค่ะ
แก้ข่าวจ้า
ยังโสดสนิทศิษย์ส่ายหน้าอยู่ค่ะ
แก้ข้าวจ้าแก้ข่าว