เ ด อ ะ .. ด า ร์ ก .. อ สั ญ แ ด ห ว า....
สวัสดี เพื่อนชาวป้อกทุกท่านครับ ก่อนที่จะเริ่มบรรทัดต่อไป ผมต้องพิมพ์ว่า ขออภัยที่หายหน้าหายตาไปสองวันครับ ก็อย่างที่น่าจะเดากันออก “งานยุ่ง?” ใช่ครับ จริงๆครับ..
วันนี้จะมาเล่าเรื่อง อสัญแดหวา เดอะ ดร์ากป้อก ครับ.. เดอะ ดร์ากป้อก คือบ้านอีกสองหลัง ( ซึ่งตอนนี้ร้างแล้ว ) ที่ผมสร้างขึ้น จากอารมณ์อีกส่วนของตัวเอง ฟังชื่อก็คงพอจะเดาออก มันเป็นบ้านหลังที่มืดตึ๊ดตื๋อและน่าสลดหดเหี่ยว ในระดับที่เป็นอันตรายต่อสตรีมีครรภ์อ่อนๆเลยทีเดียว..
บ้านนั้น ไม่เปิดให้คอมเม้นต์ และกะจะเอาไว้ให้เพื่อนๆที่สนิทชิดเชื้อกันในระดับลูบหัวกันเล่นได้ เข้าไปอ่าน...
แต่ก็ล้มเลิกโครงการไป ด้วยความที่ไม่เห็นว่ามันจะมีประโยชน์มากนัก.. และคิดว่า อารมณ์เหล่านั้น น่าจะละไว้ในฐานที่เข้าใจ กันเอาเอง...
**********
แต่ป้อกทั้งสอง ก็ทำให้เกิดเรื่องจนได้.... เรื่องของเรื่องก็คือ เมื่อไม่นานมานี้.. ผมได้รู้จักกับน้องคนหนึ่ง เป็นน้องที่ออกเนิร์ดๆซักหน่อย...
คำจำกัดความแบบคร่าวๆของน้องคนนั้น... -พูดเสียงดัง ไม่เกินระดับเสียงปลาผุดจากน้ำ และเร็วไม่เกินสามคำต่อการเดินสองก้าว -มีท่านั่งประจำ คือท่าชันเข่าแนบก้น และทำตัวได้ติดกับผนังหรือกำแพงได้อย่างเหลือเชื่อ -คำพูดติดปาก คือ “แบบว่า” เช่น “อันนี้ แบบว่า ร้านสเต็กใช่มั้ยคะ? “ -มักจะขับรถหลงเลนเสมอๆ ฯลฯ
เรื่องมันเริ่มขึ้น เมื่อผมแนะนำให้น้องอ่านป้อกสามัญป้อกนี้ และบอกว่า เดี๋ยวพอสนิทกันมากขึ้น จะเปิดให้อ่านเดอะ ดร์ากป้อก
เมื่อวาน ไปดูหนังด้วยกัน (สี่คน ) น้องก็ทวงคำพูด.. ผมได้แต่อึกอัก งึกงัก เงอะงะ และปะฉะดะ.. และบอกว่าบ้านนั้น ไม่ได้ทำนานแล้ว.. น้องก็ไม่ยอม อุตส่าห์หลอกว่ามันเป็นเรื่องอีโรติค
ก็ยังยืนยันว่าโตแล้วและจะอ่าน.. สุดท้าย น้องก็โกรธ ไปขดตัวอยู่ในโรงหนัง กลางๆเรื่องถึงดีขึ้น..
แหะๆ..
*********************
คนบางคน ( อย่างเช่นน้องคนที่ผมกล่าวถึง ) มองปราดเดียวก็รู้ว่ามีของ..
ผมจะไม่รอช้า ที่จะลองเข้าไปทำความรู้จัก ( ซึ่งปกติ ผมจะค่อนข้างขี้เก็ก )
ถึงแม้ผมจะมองว่า ชีวิตของคนทุกคนบนโลกนี้ แต่ละชีวิตเปรียบเหมือนงานศิลปะชิ้นหนึ่ง ล้วนน่าศึกษาทั้งสิ้น แต่โดยความเป็นจริง เราก็ไม่อาจใช้ลูกตาทั้งสองข้างของเรา เสพงานศิลปะทั้งหมดนั้นได้ สมองจึงเห็นควรว่า “ เราควรจะเลือกเสพ “ เหมือนเลือกแตงโมในตลาด ต้องลองดีดดูก่อน ถ้าเสียงดังใช้ใด้ค่อยลองชื้อมาลองดมดูอีกที..
ชีวิต คืองานศิลปะ ที่มีเวลา, ความสุข, ความทุกข์, น้ำตา, และปลาดุกย่าง เป็นศิลปินผู้สร้างสรรค์ โลกนี้มันติสต์แตกตรงที่ งานศิลปะแต่ละชิ้นต่างเลือกเสพซึ่งกันและกัน.. บางชิ้นก็เลือก แค่จะลองเลียดูผิวเปลือก ว่างานที่อยู่ตรงหน้านี่ สร้างจากปูนขาว หรือ อิฐมอญ? บางชิ้นก็เลือก ที่จะลองศึกษาไปถึงระดับโครงสร้างโมเลกุล เพื่อจะทราบถึงแก่นแท้ของความเป็นงานชิ้นนั้น แต่บางชิ้นก็ตอแหล แค่หลอกว่าจะทำเช่นนั้น หลอกฟันแล้วจากไป!!! เหะๆ..ใช่ครับ..เหะๆ นั่นแหละ ไม่ได้พิมพ์ผิด..
*****************
--------------------------นี่คือกลอนเปล่า..------------
------------------------ชื่อ..”มนุษย์ขี้มูกโป่ง”------------
“ ผู้เดียวดายที่สุด คือผู้ที่อยู่ท่ามกลางความหฤหรรษ์ของโลก
แต่ก็ยังเศร้าสร้อย..
เหตุใดโลกใบเบ้อเร่อ จึงไม่อาจบำเรอเจ้าได้?
โอ....เจ้ามนุษย์เจ้าน้ำตา..
เหตุใดเจ้าจึงพอใจ เพียงกับขี้มูกโป่งของเจ้า?
โอ..เจ้ามนุษย์ขี้มูกโป่ง จงดูเถิด..
เจ้าจะเห็นนกนางแอ่นที่ถลาบิน ยามเมื่อสิ้นหยาดฝน
เจ้าจะเห็นนกเอี้ยงโมง ที่กำลังหากินบนหลังควายหนุ่มรูปหล่อ
เจ้าจะเห็นเป็ดแมนดาริน ที่พูดคุยหยอกล้อกับปลาช่อนตัวเขื่อง
และหากเจ้าจะมองมาทางนี้สักหน่อย เจ้าจะเห็น..
นี่คือข้า ข้ากำลังยิ้มจนเห็นฟันกรามซี่สุดท้าย ให้เจ้า..”
-----------จบกลอนเปล่า ชื่อ... “มนุษย์ขี้มูกโป่ง”------------------
ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ตจ๊ะ..
Create Date : 09 สิงหาคม 2552 |
Last Update : 9 สิงหาคม 2552 11:46:01 น. |
|
63 comments
|
Counter : 2201 Pageviews. |
|
|
|
ไปรำลึกความหลังสมัยเด็ก ๆ กันนะคะ