Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
17 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 
เลือดแม่เพื่อลูก



เลือดแม่เพื่อลูก

สมัยหนึ่ง ที่การคมนาคมทางบกและทางอากาศยังไม่สะดวก เวลาจะเดินทางไปไกลๆ ผู้คนส่วนใหญ่จึงนิยมโดยสารเรือเดินทะเล มีเรื่องเล่าว่า มีเรือขนส่งผู้โดยสารทางทะเลลำหนึ่ง ได้นำผู้โดยสารมีจำนวนนับร้อยมุ่งหน้าสู่ทะเลใหญ่ ซึ่งในการเดินทางครั้งนี้ปรากฏว่า เมื่อเรือไปถึงกลางทะเล เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็บังเกิดขึ้น ทันใดนั้นได้เกิดลมพายุพัดโหมกระหน่ำจนทำให้เรือถึงกับอับปางลง ในขณะที่เรือกำลังจะล่มนั้น ได้มีการถ่ายคนจากเรือใหญ่ลงสู่เรือเล็ก ด้วยความกลัวตายของคนในเรือต่างรีบเอาตัวรอด หาได้คิดถึงเสบียงอาหารหรือทรัพย์สินที่นำติดตัวมาไม่ คว้าสิ่งของได้เท่าที่จะหยิบติดมือไปได้เท่านั้น

ถึงแม้จะผ่านวิกฤติการณ์อันเลวร้ายมาได้ แต่เรือลำน้อยนี้ได้ลอยคว้างอยู่กลางทะเลอย่างไร้จุดหมายเป็นเวลาหลายวัน ทำให้คนที่อยู่ในเรือหลายชีวิตต้องพบกับความอดอยากหิวโหย เพราะเสบียงที่นำติดตัวมาซึ่งมีจำนวนเล็กน้อยได้หมดลง อีกทั้งน้ำที่มีอยู่โดยรอบก็ไม่สามารถนำมาดื่มเพื่อดับกระหายได้ ทำให้หลายคนต้องจบชีวิตลงกลางทะเลอย่างน่าเวทนา

ในจำนวนเรือที่ลอยละล่องเคว้งคว้างกลางทะเลนั้น มีเรือลำหนึ่งได้มีแม่กับลูกน้อยอาศัยมาด้วย แม้เธอจะผ่านพ้นภัยมรสุมมาได้อย่างปลอดภัย แต่ก็ต้องมาเผชิญกับความหิวโหยเช่นกัน ลำพังตนเองนั้นไม่เท่าไหร่ ห่วงแต่เพียงลูกน้อยที่ต้องมารับชะตากรรมอันเลวร้ายกับเธอด้วย ซึ่งตอนนี้ลูกน้อยกำลังร้องไห้เพราะความหิว เสียงร้องของลูกเปรียบเหมือนมีดที่กรีดลงกลางใจของผู้เป็นแม่ ซึ่งไม่รู้จะทำอย่างไรเพื่อให้ลูกได้คลายหิว สิ่งที่แม่ให้ลูกได้ในตอนนั้น มีเพียงน้ำนมจากอกที่ยังพอประทังความหิวให้ลูกได้

ความร้อนจากแสงแดดในตอนกลางวันแผดเผาผิวอันบอบบางของลูกน้อย ด้วยความรักความสงสาร ห่วงว่าลูกจะได้รับความทรมาน จึงได้ดึงชายเสื้อของตนขึ้นมาเป็นกำบัง ใช้แผ่นหลังเป็นหลังคาคุ้มแดดให้ลูกได้คลายร้อน ถึงแม้ในตอนนี้หลังแม่จะปวดแสบเพราะถูกแดดแผดเผา แม่ก็ยังทนได้ เธอทนต่อไปถึงแม้หนทางข้างหน้าจะมืดมนไร้จุดหมาย ผู้คนในเรือทยอยกันสิ้นใจไปทีละคนๆ เพราะความหิวโหย แต่เธอก็บอกกับตัวเองว่า เรายังตายไม่ได้เราจะต้องประคองชีวิตให้อยู่ต่อไปเพื่อลูกน้อย

เมื่อเห็นลูกมีอาการจะสิ้นใจเพราะขาดน้ำ จึงคิดว่าจะปล่อยให้ลูกตายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้เป็นอันขาด จะต้องหาทางช่วยลูกให้รอดตายให้ได้ คิดดังนั้นเธอจึงพยายามควานหาสิ่งต่างๆ รอบตัวอีกครั้ง ก็ไม่พบสิ่งใดเลยที่จะนำมาประทังความหิวให้ลูกได้ เมื่อเอามือคลำไปในกระเป๋าก็พบของแข็งมีคมอย่างหนึ่งนั่นคือมีด เธอจึงได้หยิบมีดเล่มนั้นขึ้นมา เธอคิดว่านี่คงเป็นวิธีสุดท้ายที่ช่วยให้ลูกมีชีวิตรอดอยู่ต่อไปได้

ในขณะที่ลูกกำลังร้องอยู่นั้น มือของเธอกำมีดแน่นแล้วรำพึงกับลูกว่า “ลูกจ๋า ! ถึงแม่จะหาน้ำให้ลูกดื่มไม่ได้ แต่แม่ก็ยินดีที่จะสละเลือดในกายของแม่ ให้เจ้าดื่มกินแทนน้ำเพื่อคลายหิวได้” แล้วเธอจึงคว้ามีดเล่มนั้นกรีดลงไปที่ข้อมือของตนเอง

เมื่อเลือดไหลออกมา เธอก็รีบประคองปากแผลนั้นแตะลงไปที่ปากน้อยๆ ของลูก ด้วยความไร้เดียงสาและความหิวกระหาย เด็กน้อยจึงได้ดูดดื่มเข้าไปโดยไม่รู้ว่าหยดน้ำที่มาแตะปากของตนนั้น คือเลือดในกายของแม่

เนื่องจากแม่ได้เสียเลือดไปมากจึงทำให้ร่างกายนั้นอ่อนล้า จนในที่สุดเธอก็เป็นลมหมดสติไป เมื่อฟื้นขึ้นมาเห็นลูกน้อยยังมีชีวิตอยู่ก็ดีใจรำพึงว่า “ถึงเลือดในกายของแม่จะเหือดแห้งไปจนหมด แต่ขออย่าให้ชีวิตที่แม่รักแม่ถนอมต้องจากแม่ไปเลย แม่ยินดีสละแม้ชีวิตและเลือดเนื้อเพื่อให้ลูกได้มีชีวิตรอดปลอดภัย”

ในที่สุดเรือลำนั้นก็ถูกคลื่นซัดเข้าสู่ฝั่ง เมื่อถึงฝั่งทุกคนต้องตะเกียกตะกายลงจากเรือ เหลือเพียงแม่ลูกคู่นั้นที่ไม่มีใครสนใจ ถูกทอดทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง หญิงผู้เป็นแม่ได้พยายามประคองลูกน้อยลงจากเรือด้วยความทุทักทุเล มองไปทางไหนก็ไม่มีใครสักคนที่จะช่วยเหลือได้ ด้วยความอ่อนเพลียเพราะเสียเลือดไปมาก และอดอาหารมาหลายวัน จึงไม่มีเรี่ยวแรงที่จะพยุงกายตนให้ลุกขึ้นมาได้

ส่วนลูกนั้นก็คลานออกห่างแม่ไป แม้แม่พยายามจะรั้งลูกไว้ แต่บัดนี้หูตาของผู้เป็นแม่เริ่มพล่ามัวแทบสิ้นใจอยู่แล้ว ก่อนที่เธอจะสิ้นลมได้ฝากฝังลูกกับพระแม่ธรณีเป็นครั้งสุดท้ายว่า

“แม่ธรณีจ๋า ! ฉันไม่อาจอยู่เลี้ยงดูลูกคนนี้ต่อไปได้อีกแล้ว ชีวิตฉันคงสิ้นลงเพียงแค่นี้ ขอฝากลูกไว้กับแม่ธรณี ขอให้แม่ธรณีโปรดคุ้มครองรักษาดูแลลูกแทนฉันด้วยเถิด” แล้วเธอก็สิ้นลงที่ตรงนั้น !!!

เย็นวันนั้นมีชาวประมงคนหนึ่งนำเรือเข้าฝั่ง ได้เห็นเด็กน้อยกำลังร้องไห้ คลานอยู่เพียงลำพัง จึงได้เข้าไปอุ้มขึ้นมา และได้เห็นเลือดติดอยู่ที่ปากของเด็กจึง นึกเอะใจว่าคงจะเกิดเรื่องขึ้นในแถวนี้เป็นแน่ จึงได้เดินดูบริเวณใกล้ๆ ที่เด็กคลานอยู่ สักครู่หนึ่งก็ได้พบศพผู้หญิงคนหนึ่งนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างหัวเรือ จึงได้พลิกศพของหญิงนั้นหงายขึ้น ก็ถึงกับตะลึงเมื่อเห็นที่ข้อมือมีรอยบาดแผลและคราบเลือดติดอยู่ ซึ่งเลือดที่ข้อมือนั้นก็เป็นเลือดสีเดียวกับเลือดที่ปากของเด็ก จึงทำให้ชาวประมงสันนิษฐานว่าผู้หญิงคนนี้จะต้องเป็นแม่ของเด็กอย่างแน่นอน เธอคงจะรอนแรมหลงทางมาในกลางทะเล จนน้ำและอาหารหมด ด้วยความรักและสงสารลูก นางคงสละเลือดในกายตนเพื่อให้ลูกได้คลายหิวเป็นแน่

ครั้นแล้วชาวประมงได้รำพึงขึ้นว่า “โอ้ ! แม่นางเป็นแม่ผู้มีน้ำใจประเสริฐยิ่งนัก แม้ในโลกนี้อาจมีหญิงมากมายที่รักลูกของตนยิ่งกว่าชีวิต แต่หญิงผู้นี้ได้เสียสละครั้งยิ่งใหญ่เพื่อรักษาชีวิตลูกไว้ให้อยู่รอดปลอดภัย นางเป็นแม่ผู้มีน้ำใจแสนประเสริฐยิ่งนัก ขอให้เธอจงไปสู่สุขคติเถิด ฉันจะเป็นผู้เลี้ยงดูลูกของเธอ ให้ความรักความเอาใจใส่ให้สมกับเมื่อครั้งที่เธอยังมีชีวิตอยู่ ได้พยายามเลี้ยงลูกของเธอด้วยความทะนุถนอนรักใคร่อย่างดี ฉันจะเลี้ยงลูกของเธอให้ดีที่สุด”

แล้วชาวประมงนั้นก็ได้พาเด็กน้อยกลับไปเลี้ยงดู เมื่อเด็กโตขึ้นก็ได้รบเร้าถามชาวประมงว่า “ลุงจ๋า ! หนูคิดถึงแม่เหลือเกิน ลุงพอจะรู้หรือเปล่าว่า แม่ของหนูอยู่ที่ไหน หนูอยากจะพบอยากจะอยู่ใกล้ๆ แม่ หนูอยากจะเรียกแม่ ลุงช่วยพาหนูไปหาแม่หน่อยได้ไม๊จ๊ะ”

ชาวประมงเห็นว่า เด็กคนนี้โตพอที่จะรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับตนเองได้แล้ว จึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง และพาเด็กน้อยไปที่หลุมฝั่งศพของมารดา เมื่อไปถึงหลุมฝั่งศพ เด็กน้อยก็โผเข้าไปกอดหลุมฝังศพ พร้อมกับร้องไห้รำพึงรำพันว่า

“แม่จ๋า ! ทำไมแม่จึงได้จากลูกไปเร็วเช่นนี้ ทำไมไม่มีโอกาสอยู่ให้ลูกได้ทำหน้าที่ตอบแทน แม่ผู้เป็นผู้ที่เสียสละให้ลูกฝ่ายเดียว แล้วเมื่อไรลูกจึงจะมีโอกาสได้ทดแทนพระคุณของแม่บ้าง”


เมื่อชาวประมงเห็นว่าหนูน้อยคร่ำครวญอยู่นานแล้ว จึงได้ไปรั้งร่างของหนูน้อยขึ้นมา ลูบหลังลูบไหล่พูดปลอบใจว่า “เอาเถอะ ! ถึงแม้แม่เจ้าจะสิ้นไปแล้ว ถ้าเจ้าคิดจะตอบแทนล่ะก็ ขอให้เจ้าจงมุ่งมั่นในความดี ทำความดีในความดี ทำความดีทุกวิถีทางในชีวิตของเจ้า เมื่อขณะที่เจ้าร่ำเรียนก็ขอให้เรียนให้ดีที่สุด เมื่อเจ้าโตจะทำกิจการงานใดก็ขอให้เจ้าจงทำงานในหน้าที่ของเจ้าให้ดีที่สุด และเมื่อเจ้าจะบวชเรียนก็ขอให้เจ้าบำเพ็ญให้ดีที่สุด เมื่อแม่ของเจ้าได้รับรู้อยู่ด้วยญาณวิถีอันใด ก็คงจะชื่นใจที่สุดในการให้กำเนิด ในการประคับประคองปกป้อง ยอมสละชีวิตเพื่อเจ้าจนสามารถอยู่รอดมาได้จวบจนทุกวันนี้ แม่ของเจ้าคงจะปลื้มใจอยู่ในสุขคติโลกสวรรค์ ถึงแม้แม่เจ้าจะไม่มีชีวิตอยู่ แต่เจ้าก็ยังสามารถทำความดีให้นางรับรู้ได้” ...........................................................................

คัดมาจาก :: หนังสือพระในบ้าน
ที่มา :: ธรรมจักร





Create Date : 17 สิงหาคม 2553
Last Update : 1 ธันวาคม 2553 17:04:37 น. 10 comments
Counter : 728 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะ

เมื่อมีโอกาสได้เป็นแม่ ถึงได้รู้ว่า แม่เรารักเรามากแค่ไหน...

รักแม่...

..

เป็นเรื่องราวที่เรียกน้ำตาได้ทีเดียวค่ะ


โดย: LoveTurJang วันที่: 17 สิงหาคม 2553 เวลา:12:36:59 น.  

 
ทักทายแม้บ่ายคล้อย
ใจดวงน้อยไม่ลอยหนี
น้ำใจและไมตรี
ยังคงที่ มีให้กัน

สื่อสารนั้นส่งถึง
ว่าคะนึง ตรึงใจมั่น
สานใยสายสัมพันธ์
มอบให้กันทุกวันเอย..

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...



แวะมาบอกว่า คิดถึงเสมอค่ะ


โดย: สุนันยา วันที่: 17 สิงหาคม 2553 เวลา:14:37:54 น.  

 
แวะมาทักทายค่ะ
ฝันดีนะคะ


โดย: อาลีอา วันที่: 17 สิงหาคม 2553 เวลา:20:18:50 น.  

 
ใช่แล้วค่ะ
เลือดแม่ทุกหยด แม่มอบให้ลูก

แต่สิ่งที่แม่ต้องการจากลูกๆนั้น
แค่ความรัก ความดูแลเอาใจใส่ต่อท่าน
แค่นี้แม่ก็เป็นสุขแล้ว



โดย: fonrin วันที่: 17 สิงหาคม 2553 เวลา:20:47:42 น.  

 
ฝันดีค่ะ
...............

เปลี่ยนกะทำงานมาช่วงตี2 ถึง6โมงเช้า
ทำให้มี่ยังปรับตัวนอนไม่ทันใน2-3วันนี้
ทำให้บ่ายวันนี้มี่หลับยาวได้ถึงทุ่มกว่าๆ
พอออกไปวิ่งสักครู่ฝนก็เทลงมาอีก มี่
ค่อยๆเดินกลับ เพราะวิ่งไปถึงช่วงทาง
ตีนเขา ดินบริเวณนั้นนิ่มจนเละแล้ว
ระหว่างเดินไป ตาก็มองไปบนฟ้า
ดูสายฝนขาวๆใสๆไหลอย่างว่องไว

ทันใดนั้น เอ๊ะ! มาลอยได้อย่างไรเนี๊ยะ
มี่จ้องมันนานมาก ลงทุนหยุดเดินเลย
พระจันทร์ค่ะ อิอิ ไม่เคยเห็นชัดขนาดนี้เลย
ระหว่างฝนฟ้าลง พระจันทร์ยังลอยเฉย
ไม่มีการกลัว(ไฟตัวเองดูด ไม่มีการกลัวเปียก
กลัวช็อต555 มี่ชักเพี้ยนแล้ว)
เลยอยากถามพี่ๆดู จริงๆแล้ว
พระจันทร์กลัวฝนไหมคะ? อิอิ

ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเห็นชัดมากๆว่า
พระจันทร์(เสี้ยว)ยิ้มท่ามฝนสิ


จันทรามาเล่นล้อ...........ฝอยฝน
ดูแปลกตาชอบกล..........ค่ำนี้
ท่ามฝนหล่นจันทร์วน......เวียนเล่น
ราวเด็กวิ่งกระซิกกระซี้....หยอกเย้าฝนใส



โดย: ญามี่ วันที่: 18 สิงหาคม 2553 เวลา:0:52:05 น.  

 
อ่านแล้วเศร้าจังค่ะ แต่ก็ทำให้คิดถึงและรักแม่มากๆเลยค่ะ


โดย: teansri วันที่: 18 สิงหาคม 2553 เวลา:7:05:26 น.  

 
เศร้าจริงๆๆๆๆ พอมีลูกแล้วรู้สึกได้เลยค่ะ ว่ารักแม่ขนาดไหน (มากกว่าเดิมที่เคยรัก)


โดย: kizz_j วันที่: 18 สิงหาคม 2553 เวลา:7:55:13 น.  

 
แม้ชีวิต
แม่สละได้เพื่อลูกเนาะครับ
ว่ามั้ย?


โดย: panwat วันที่: 18 สิงหาคม 2553 เวลา:15:40:31 น.  

 


มาส่งฝันดีค่ะ ราตรีสวัสดิ์ น๊า


โดย: สุนันยา วันที่: 18 สิงหาคม 2553 เวลา:20:33:07 น.  

 
แวะมาขอบคุณค่ะ

เรื่องข้างบนอยู่ในหนังสืองานศพคุณแม่เราด้วยเช่นกันค่ะ
"พระในบ้าน" ....

ทำดีเพื่อแม่ของเรากันนะคะ


โดย: Thee-T'sMom IP: 115.87.180.102 วันที่: 18 สิงหาคม 2553 เวลา:22:31:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ต้นกล้าต้นนี้
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




แม่แตนกับต้นกล้า ยินดีต้อนรับค่ะ
: Users Online
Friends' blogs
[Add ต้นกล้าต้นนี้'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.