Welcome To ทองหลาง Bloggang ว่างๆ ก็แวะเข้ามา...ยินดีต้อนรับจ้า

ตามสุดฟ้าล่าสุดรักตอนที่ 7 รหัสปริศนา



แก้ไข และอัพใหม่...

7

กว่ายี่สิบสี่ชั่วโมงที่ทั้งเรืออากาศเอกนภจรเรืออากาศโทนายแพทย์คิมหันต์ และท่านผู้การกรัณย์ ต่างหมกมุ่นกันอยู่กับการไขปัญหาภาพปริศนาในมือที่มีทั้งภาพถ่ายจากกล้องโทรศัพท์ และภาพจากการเขียนสัญลักษณ์เรียงลำดับตามความน่าจะเป็นแม้วันนี้จะเป็นวันหยุดที่ทั้งสามต้องได้พักผ่อนให้อิสระกับชีวิตทว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของเขาก็คือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศจึงไม่อาจเห็นแก่ความสุขส่วนตนมากกว่าประโยชน์สุขส่วนรวม

“คุณพ่อทำอะไรอยู่ครับ”เสียงเล็ก ๆ เอ่ยถามทั้งยังปีนขึ้นบนโซฟามานั่งข้าง ๆชะโงกหน้ามองสิ่งที่อยู่ในมือผู้เป็นบิดาด้วยความสนอกสนใจ

กรัณย์อุ้มบุตรชายตัวน้อยวัยห้าขวบขึ้นนั่งตักด้วยความเอ็นดูจูบแก้มยุ้ยเป็นพวงอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะตอบไปตามตรงโดยปราศจากความรู้สึกรำคาญ

“พ่อกำลังทำงานครับผม”

“มนุษย์ต่างดาวจะบุกโลกของเราเหรอครับถึงส่งสัญลักษณ์พวกนี้มาเด็กชายตัวน้อยมองงานในมือบิดาแล้วก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เข้าใจว่ารูปประหลาด ๆพวกนี้คงเป็นสัญลักษณ์การสื่อสารของมนุษย์ต่างดาวที่พ่อของเขาพบโดยบังเอิญ และต้องการแปลความหมายของมันนี่จึงเป็นงานของทหารโดยแท้

“ครับผมรูปพวกนี้เป็นสัญลักษณ์ที่มนุษย์ต่างดาวสื่อถึงกัน พ่อกำลังปวดหัวอยู่เชียวไม่รู้ว่าพวกมันสื่อสารกันด้วยเรื่องอะไร” กรัณย์รับมุขบุตรชายที่ชื่นชอบภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์อย่างมากจนเห็นอะไรต่อมิอะไรก็โยงเข้าเรื่องหนังไปได้ซะทุกเรื่อง

“พวกมันจะมายึดครองโลกของเราใช่ไหมครับ”เด็กชายถามทั้งยังทำตาโตออกอาการตื่นเต้น

“พ่อเองก็ไม่รู้ว่าพวกมันวางแผนอะไรอยู่ต้องการทำลายโลก หรือต้องการยึดครองของเรา นี่ถ้าพ่อรู้ความหมายของสัญลักษณ์พวกนี้รู้สถานที่ ตำแหน่งที่ตั้งฐานกำลังของพวกมันเราก็คงสามารถป้องกันภัยอันตรายให้ชาวโลกได้ แต่ว่า ตอนนี้พ่อยังไม่รู้อะไรเลย”กรัณย์ตอบบุตรชาย สายตายังคงให้ความสนใจภาพในมือ

“ให้ป้องช่วยนะครับ”เด็กน้อยเสนอความช่วยเหลือยังหยิบภาพถ่ายที่พิมพ์จากกล้องโทรศัพท์มาดู พลางขมวดคิ้ว“รูปนี้เหมือนสนามฟุตบอลเลยนะครับ”

“หือ...”คำพูดของบุตรชายดึงความสนใจของกรัณย์ไปยังภาพนั้นทันที“เหมือนสนามฟุตบอลตรงไหนลูก”

“ก็มันเป็นสี่เหลี่ยมสนามอะไรมันก็เป็นสี่เหลี่ยม ตรงนี้เป็นประตู”

เด็กชายป้องชี้ไปยังจุดเล็กๆสองคู่ที่อยู่ด้านตรงข้ามด้านละคู่กรัณย์ทำความเข้าใจและมองตามความเข้าใจของบุตรชาย มันใช่จริง ๆ มันคล้ายสนาม ยิ่งมีSประกอบอยู่ด้านหน้าก็ยิ่งย้ำว่ามันคือรูปสนาม แต่ไม่ยังชี้ชัดไม่ได้ว่ามันคือสนามอะไรยอมรับเลยว่าเขาไม่ทันสังเกตจุดเล็ก ๆ จุดนี้ไม่รู้ว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาทั้งสองคนจะสังเกตเห็นบางหรือป่าว

“แล้วรูปนี้ล่ะลูก...ป้องคิดว่ามันคืออะไร” กรัณย์หยิบอีกภาพส่งให้เด็กชายดูบางทีสายตาของเด็กไร้เดียงสาที่มองอะไรตรง ๆ ไม่ซับซ้อนเหมือนผู้ใหญ่อาจไขปริศนาได้ปรุโปร่ง

“เหมือน...อืม...เหมือนที่ปาลูกดอก”

“ที่ปาลูกดอก?”

“ก็ในการ์ตูนไงครับเวลาเจ้าหนูชี่อเจอร์รี่แกล้งเจ้าแมวชื่อทอม ตอนที่ทอมเผลอ เจอร์รี่ก็จะเอาสีมาป้ายก้นทอมเป็นรูปวงกลมซ้อนกันแล้วก็มีจุดตรงกลางแบบนี้พอมีลูกดอก ลูกธนู หรือจรวดวิ่งเข้ามา มันก็จะวิ่งหาเป้าทันที แล้วทอมก็จะวิ่งหางกระเจิงฮ่าๆๆๆ”เด็กชายอธิบายไปหัวเราะไปอย่างชอบใจ

กรัณย์มองตามและเห็นจริงตามนั้น ความหวังที่จะไขปัญหานี้ได้สำเร็จถูกจุดประกายขึ้นมาทันที จะว่าไปแล้วลูกชายของเขาก็ฉลาดไม่น้อยโชคดีเหลือเกินที่ศรัณย์รับเอาความฉลาดปราดเปรื่องจากแม่มาเต็ม ๆ

“แล้วรูปนี้ล่ะลูก...ป้องคิดว่ามันคืออะไร”กรัณย์ยื่นรูปสุดท้ายให้ลูกชายดู

“เครื่องหมายบวกครับ”

“เครื่องหมายบวก?”กรัณย์ทำหน้างง คำตอบนี้มันตรงเกินไป เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นเช่นนั้น

“เป็นเครื่องหมายบวกที่ตลกมากเลยครับ”เด็กชายป้องเอ่ยแล้วก็หัวเราะ

“ตลกยังไงครับลูก”

“คุณพ่อดูนี่สิเครื่องหมายบวก มีหัวทุกด้านเลย” เด็กชายเอ่ย ก่อนจะเงียบไปเมื่อได้ยินเสียงเรียก

“ตาป้อง...ไหนบอกจะช่วยคุณย่าทำขนมไง มากวนอะไรคุณพ่อตรงนี้ล่ะครับ” ไอรีนร้องถามพลางยิ้มละไมยืนมองสามีกับบุตรชายอยู่ที่ประตูอันเป็นช่องทางผ่านเข้าสู่พื้นที่ด้านในส่วนที่ตั้งของครัว

“ป้องไม่ได้กวนคุณพ่อสักหน่อยป้องช่วยคุณพ่อต่างหาก...ใช่ไหมครับคุณพ่อ” เด็กชายขอเสียงสนับสนุนจากบิดา

“ครับผม...ป้องของพ่อฉลาดมากทีเดียวช่วยงานพ่อได้ตั้งเยอะ” กรัณย์ลูบเส้นผมอ่อนนุ่มของเด็กชายด้วยความเอ็นดู

“ป้องช่วยคุณพ่อทางนี้แล้วใครจะช่วยคุณย่าล่ะครับ...ใครกันน๊า...บอกคุณย่าว่าอยากกินบัวลอย”

เสียงมารดาที่เอ่ยถึงขนมถ้วยโปรดทำให้เด็กชายตาลุกวาว“ถ้างั้น ป้องไปหาคุณย่าก่อนนะครับ วันนี้คุณย่าจะทำขนมบัวลอยป้องสัญญากับคุณยาเอาไว้ว่าจะช่วยคุณย่าปั้นลูกบัวลอย ป้องไปล่ะ”พูดจบเด็กชายก็ไถลลงจากตักบิดาวิ่งปรู๊ดผ่านมารดาเข้าไปในครัวทันที

กรัณย์มองตามหลังบุตรชายจนลับตาก่อนจะมองเลยขึ้นมาสบตาภรรยาสาวที่ส่งยิ้มให้แล้วเดินตามบุตรชายเข้าไปโดยไม่เอ่ยอะไรก่อนกลับมาให้ความสนใจกับภาพปริศนาในมืออีกครั้ง เครื่องหมายบวกมีหัว Sกับสัญลักษณ์สี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ถูกเรียกว่าสนาม และเป้ากระสุนตามความเข้าใจของบุตรชายชายหนุ่มถอนหายใจ สามอย่างนี้มันเกี่ยวกันยังไงนะพยายามคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก

ถึงตอนนี้จะยังคิดไม่ออกแต่อย่างน้อยภาพปริศนาสองในสามภาพก็ถูกไขออกมาได้แล้ว บางทีผู้ใต้บังคับบัญชาอีกสองคนของเขาไม่คนใดก็คนหนึ่งอาจสามารถเอาคำตอบที่ได้พวกนี้มาประกอบกัน ดูเหมือนนายแพทย์คิมหันต์จะฉลาดกว่าใครบางทีคำพวกนี้อาจทำให้สมองระดับนายแพทย์คิดคำตอบสุดท้ายออกมาได้ ทว่าเมื่อกรัณย์โทรศัพท์ติดต่อไปกลับเป็นช่วงที่นายแพทย์หนุ่มต้องเข้าห้องผ่าตัด ความหวังของท่านผู้การยศนาวาอากาศโทจึงตกลงมาอยู่ที่นภจรทันที

ณห้องปฏิบัติการขององค์กรลับที่ตั้งอยู่ในที่ที่กฎหมายมิอาจเอื้อมถึงภายในห้องสีขาวที่กว้างขวางแห่งนี้ผนังด้านหนึ่งมีตราสัญลักษณ์รูปหัวกะโหลกดาบไขว้เหนือข้อความแบล็กไอออนรอบ ๆ โต๊ะโลหะขนาดใหญ่ที่ปูกระดาษแผ่นใหญ่เอาไว้จนเกือบเต็มโต๊ะมีบุรุษหลายนายยืนห้อมล้อมด้วยสีหน้าแสดงความรู้สึกภายในจิตใจที่แตกต่างกัน

“เราได้คัดลอกชิ้นส่วนจากพิมพ์เขียวต้นฉบับมาจนครบและปะติดปะต่อมันออกมาได้อย่างสมบูรณ์แล้วครับมิสเตอร์มาร์กถึงจะใช้เวลาอยู่หลายปีในการใช้การสมองจดจำมันออกมา แต่ผลงานชิ้นนี้ที่ได้ก็คือว่าคุ้มค่ามากเชียวครับ”

หนึ่งในคนกลุ่มนั้นเอ่ยรายงานต่อบุรุษอีกหนึ่งผมสีทองตาสีฟ้าผู้มีท่าทางน่าเกรงขามที่สุดด้วยรอยยิ้มแสดงความภูมิใจในความสำเร็จ

“เก็บรายละเอียดมาจนครบสมบูรณ์ ไม่ผิดเพี้ยน?” ชายผู้ถูกขนานนามว่านายเอ่ยถาม

“แน่นอนครับ...ไม่ผิดเพี้ยนแม้กระทั่งสัดส่วนของแปลนภาพและสูตรสมการ”

เจ้าของดวงตาสีฟ้ากวาดมองไปยังแผ่นกระดาษตรงหน้าอย่างละเอียดด้วยความพึงพอใจก่อนจะมองเลยไปยังบุคคลอื่นที่อยู่ในชุดกราวด์สีขาว “แล้วท่านพวกนี้?

“เป็นนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันมีชื่อหลายแห่งทั่วโลกที่เราได้เชิญตัวมาเพื่อการทำโมเดลอาวุธมินินิวเคลียร์นี้ให้ออกมาเป็นรูปเป็นร่างและสามารถใช้งานได้จริงครับ”

“เริ่มลงมือกันหรือยังล่ะ”

“เราเริ่มงานไปได้เดือนกว่าแล้วครับนายโครงสร้างโมเดลกำลังเป็นรูปเป็นร่างส่วนรายละเอียดอื่นคงต้องให้ผู้รับผิดชอบงานอธิบายต่อ...ว่าไงด็อกเตอร์รอเจอร์ ผลการทำงานเป็นอย่างไรบ้างพูดไป” ผู้ที่เพิ่งจะเอ่ยรายงานผลงานเจื้อยแจ้วด้วยน้ำเสียงสุภาพต่อเจ้านายหันมาออกคำสั่งกับหัวหน้าทีมปฏิบัติงานด้วยน้ำเสียงที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทำให้สายตาหลายคู่หันมาบรรจบลงที่ด็อกเตอร์วัยกลางคนที่ยืนเงียบนิ่มขรึม

“ด็อกเตอร์แมททิวรอเจอร์ ที่เป็นหนึ่งในสมาชิกจากสถาบันฟิสิกส์ทฤษฎีที่โคเปนเฮเกนสถาบันที่ นีลส์ บอร์[1]เคยเป็นผู้อำนวยการอยู่ คนนั้นใช่ไหม?”

“ครับนายด็อกเตอร์รอเจอร์เป็นนักฟิสิกส์ที่มีชื่อเสียงมากเราจึงไม่พลาดที่จะเชิญมาร่วมทีม”

“ยินดีมากเลยครับที่ได้คุณมาร่วมงานด้วย”

ผู้เป็นนายยิ้มกว้างทั้งเดินเข้าไปยืนมือให้ชายวัยกลางคนสัมผัสทักทายทว่าอีกฝ่ายกับมองมือนั้นอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะยืนออกมาสัมผัสด้วยอาการสั้นน้อย ๆโดยไม่เอ่ยอะไร

“ว่าไปสิด็อกเตอร์มิสเตอร์มาร์กอุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อชมผลงานของพวกคุณคุณก็แสดงผลงานของคุณให้เป็นที่ประจักษ์สิครับ”เสียงเตือนค่อนข้างห้วนดังขึ้นอีกครั้ง

“คือว่า...เราได้ประกอบชิ้นส่วนตามพิมพ์เขียวฉบับนี้ไปบ้างแล้วโมเดลที่ว่าวางอยู่ตรงนั้น” รอเจอร์ชี้มือไปยังอีกด้านของห้อง “แต่เราพบว่าสมการที่ได้มามันมีปัญหา”

“ปัญหาอะไร...มันผิดหรือว่ามันได้มาไม่ครบ”

“อันนี้ผมไม่แน่ใจเหมือนกันจะว่าผิดหรือมาไม่ครบ หลักการจัดวางของสมการมันก็ถูกต้องแต่แปลกตรงที่มันกลายเป็นสมการที่ไม่มีทางแก้ ผมจนปัญญาจริง ๆ”ด็อกเตอร์ผู้มากประสบการณ์ถึงกับส่ายศีรษะ

มาร์กก้มมองพิมพ์เขียวตรงหน้าให้ชัดขึ้นกวาดตามองไปแทบจะทั่วทุกตารางนิ้ว เพื่อหาสิ่งผิดปกติ“ไม่ใช่ว่าพวกคุณกำลังเล่นตุกติกอะไรอยู่นะ”

“ครอบครัวของพวกเราอยู่ในมือพวกคุณพวกเราไม่กล้าเสี่ยงทำอย่างนั้นหรอก” หนึ่งในผู้ร่วมทีมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงห้วน

“สมการนี้มันสำคัญยังไงคิดค้นสมการอื่นมาทดแทนได้ไหม”

“สำคัญอย่างมากสำคัญตรงที่ว่า มันเป็นสมการเฉพาะที่ไม่อาจใช้สมการในรูปแบบอื่นทดแทนได้หากต้องการให้จรวดลำนี้เป็นอาวุธที่ทรงอานุภาพมหาศาลไม่ใช่แค่หัวกระสุนระเบิดธรรมดาทั่วไป เราก็ต้องแก้สมการนี้ให้ได้”

“มันแน่นอนอยู่แล้ว...เราต้องการอาวุธที่ร้ายแรงที่สุดในโลกซะด้วยสิ จะเอายังไงดี” มาร์กเอ่ยขึ้นเหมือนพูดกับตัวเองซะมากกว่าขอความคิดเห็นจากใคร

“หรือผมจะกวาดต้อนนักฟิสิกส์มาเพิ่มหลายหัวช่วยกันคิด น่าจะดีกว่าหัวเดียว” ผู้เป็นลูกสมุนเสนอความคิดเห็น

“ยังเหลือนักฟิสิกส์ที่มีชื่อระดับแนวหน้าอยู่อีกเหรอ”

“เอ...เท่าที่ทราบยังพอมีอยู่อีกคนคนนี้กำลังฮอตเชียวครับ...แต่ผมเห็นว่าเธออายุน้อยเกินไป รางวัลโนเบลก็ไม่เคยได้คาดว่าข่าวที่ยกย่องเชิดชูพวกนั้นคงเป็นเพียงข่าวโคมลอย”

“ใคร...”

“ด็อกเตอร์คริสต์รติ ริกเกอร์ครับ”

“ชื่อนี้ดูเหมือนว่าผมจะเคยได้ยินมาอยู่บ้าง ข่าวว่าจบปริญญาเอกสาขาฟิสิกส์พ่วงด้วยปริญญาเอกวิศวกรรมเครื่องกลอายุเพียงเท่านี้สามารถทำปริญญาเอกพร้อมกันถึงสองสาขา ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ ถึงยังไงข่าวที่ออกมาย่อมมีมูลอยู่บ้างล่ะ...ไปเอาตัวเธอมาร่วมด้วยก็แล้วกัน”

“ครับนาย”

นภจรนั่งมองภาพถ่ายสามใบสลับกันไปมากับภาพที่เขาเขียนลอกลงกระดาษจัดลำดับด้วยสีหน้าเคร่งเครียดสนามกับเป้ากระสุน ขนาดเด็กห้าขวบยังคิดออก แล้วอีกรูปมันคืออะไร? ไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ใหญ่สมองเจริญเติบโตจนเต็มวัยอย่างเขากลับโง่จนคิดไม่ออก...

คริสต์เดินผ่านและหยุดมองดูคนที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับภาพประหลาดๆ เต็มโต๊ะแทนความสนใจที่มักจะมีให้รายการในทีวีของเสมอนั้นด้วยความแปลกใจแกมสงสัยเขาไปเอารูปพวกนั้นมาจากไหน ช่วงที่เธอไม่อยู่บ้านหรือเขาจะออกไปข้างนอกทั้ง ๆที่ยังบาดเจ็บอยู่ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ออกจะน่าเป็น...

คริสต์รีบลบความคิดคำว่า‘ห่วง’ออกจากสมอง มันเรื่องอะไรที่เธอจะต้องไปห่วงเขาอยากไปไหนก็เชิญไปแล้วไม่ต้องกลับมาเลยได้ยิ่งดี...ใบหน้ารูปไข่เชิดขึ้นก่อนจะเดินผ่านไปยังส่วนของครัวทำตามความตั้งใจที่อยากหาอะไรไว้รองท้องเวลาหิวเพราะเธอจะต้องฝังร่างอยู่ในห้องนอนส่วนตัวตลอดช่วงวันหยุดเมื่อยังคิดไม่ออกว่าสมควรจะออกไปไหนดี

“เดี๋ยว...”

เสียงทุ้มๆ ดังขึ้นคล้ายการออกคำสั่ง แม้ฟังดูไม่ค่อยจะรื่นหูสักเท่าไหร่แต่คริสต์ก็ยอมหยุดฟังแต่โดยดีเพื่อป้องกันการกระทบกระทั่งที่อาจก่อให้เกิดการเสียอารมณ์

“คุณว่ารูปพวกนี้มันหมายถึงอะไรช่วยผมดูหน่อยสิ ถ้าคุณบอกได้ผมมีรางวัลให้ สมองระดับด็อกเตอร์อย่างคุณไม่น่าจะแพ้เด็กห้าขวบหรอกนะคุณว่าจริงไหม” นภจรเอ่ยถามทว่าสายตาเขายังจับจ้องภาพในมือแต่หูก็ยังพอได้ยินเสียฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้นั้น

“ไหนดูซิภาพอะไรที่เด็กห้าขวบรู้ความหมายแต่คุณไม่รู้”

นภจรหันมองใบหน้าราบเรียบทว่าแววตากลับแฝงรอยยิ้มเอาไว้อย่างงเปิดเผยนั้นอย่างหมั่นเขี้ยวเมื่อรู้ว่าถูกหลอกด่าแต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรเพราะตอนนี้เขายังอยากจะอาศัยสมองอันชาญฉลาดระดับอัจฉริยะของเธออยู่

“นั่งลงสิ...ยืนแบบนั้นจะเห็นเหรอ”ไม่พูดเปล่า มือใหญ่แข็งแกร่งก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือนุ่มแล้วดึงเธอให้ขยับมานั่งลงข้างๆ แทบจะชิดตัวเขาเลยก็ว่าได้

ใบหน้าคริสต์ร้อนผ่าวได้แต่มองค้อนให้เขา เธอขยับออกห่างในระยะที่เหมาะสมก่อนจะเบนความสนใจไปยังสิ่งที่เขาร้องขอรีบดูรีบไปให้พ้นเขตอันตรายแถวนี้น่าจะดีกว่ามานั่งต่อปากต่อคำให้เข้าเนื้อ“ไหนรูป”

“นี่ครับ”นภจรยื่นภาพถ่ายในมือให้ด็อกเตอร์สาวทั้งส่งยิ้มแถมมาให้อย่างอารมณ์ดีกว่าเมื่อครู่มากมาย

คริสต์รับมาดูทั้งทำเสียงกระแอมกระไอไล่ความรู้สึกเก้อเขินกับรอยยิ้มของคนที่อยู่ใกล้ในระยะไม่ถึงฟุต พลางนึกในใจ ส่งมาแค่รูปก็พอแล้วทำไมต้องส่งยิ้มมาทำให้สมองมึนงงด้วยนะ...

“รูปนี้ลูกชายเจ้านายผมบอกว่าเป็นรูปสนามส่วนรูปนี้เขาบอกว่าเป็นเป้ากระสุน คุณเห็นว่าไง” นภจรชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ทั้งชี้มือไปยังรูปที่เขาเพิ่งจะยื่นให้อีกฝ่ายถือ

“ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นภาพนี้มีตัวเอสประกอบอยู่หน้าเครื่องหมายสี่เหลี่ยมที่มีจุดสองจุดบาง ๆที่เหมือนรีบเขียนอยู่ด้านกว้าง เอสก็เท่ากับตัว ส.คนเขียนน่าจะกลัวว่าคนดูจะดูไม่ออกว่ามันคือสนามส่วนภาพนี้เป็นรูปเป้ากระสุนอย่างไม่ต้องสงสัย ภาพวงกลมซ้อนกันสองวงแถมยังมีจุดทึบอยู่ตรงกลางที่รีบแต้มจนเกือบจะมองไม่เห็น”

คริสต์วิเคราะห์อย่างเป็นงานเป็นการสีหน้าของเธอจริงจัง ตั้งใจ นภจรไม่ได้มองตามนิ้วเรียวที่ชี้ไปยังจุดสำคัญในกระดาษแม้แต่น้อยทว่าสายตาของเขากลับจับจ้องอ้อยอิ่งอยู่ที่ริมฝีปากอิ่มดูนุ่มน่าสัมผัสนภจรรู้ดีว่ามันหวานแค่ไหน หวานจนนึกอยากจะชิมอีกหลาย ๆ ครั้งแต่เขาต้องสะกดอารมณ์ที่เริ่มจะปั่นป่วนตั้งแต่เธอทรุดตัวลงนั่งใกล้ ๆ ให้สงบนิ่ง

“นี่คุณฟังอยู่หรือเปล่า?”

เสียงถามห้วนนั้นขับไล่อาการเคลิบเคลิ้มให้หายไปอย่างปลิดทิ้งจริงสิ เวลานี้งานย่อมต้องสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด “อืม...ครับ ๆ ฟังอยู่ แล้วอีกรูปล่ะครับอันนี้ยังไม่มีการเฉลย” นภจรชี้ไปยังรูปที่เป็นเครื่องหมายกากบาท

“มีไกด์มั้ยคะ”คริสต์ถามขึ้น สายตายังพินิจอยู่กับกระดาษในมือ

“ไกด์?”ชายหนุ่มงุนงงกับคำถาม

คริสต์เหลือบตากลับมามองคนที่ไอคิวน้อยกว่าเด็กห้าขวบแล้วก็เมินกลับไปสนใจภาพในมือต่อ“ก็อย่างเช่นว่า คน สัตว์ สิ่งของ หรือสถานที่ อะไรประมาณนี้คุณคิดว่าคนที่เขียนรูปนี้ออกมาเขาต้องการสื่อถึงอะไร”

“อ้อ...อันนี้ไม่รู้หรอกแต่ถ้าให้เดา ก็น่าจะเกี่ยวกับสถานที่ นี่ถ้าไม่มีไอ้รูปนี้เพิ่มเข้ามาผมยังคิดเลยนะว่า มันน่าจะเป็นสนามยิงปืนสักแห่ง ไม่ที่ใดก็ที่หนึ่งแต่สนามยิงปีนในกรุงเทพมีไม่ใช่น้อย ไอ้รูปแรกใบนี้จะต้องเป็นตัวบอกให้รู้ ชี้ชัดลงไปว่ามันคือที่แห่งไหน”

“นี่คุณอย่าบอกนะว่าปริศนาพวกนี้คือสถานที่ที่พวกคุณนัดกันส่งของ...” คริสต์กลืนคำว่าผิดกฎหมายลงคอนี่เธอกำลังสมรู้ร่วมคิดในการช่วยผู้ร้ายทำเรื่องไร้ศีลธรรมอยู่ใช่ไหม?ไม่ได้เด็ดขาด ยังไงเธอก็ไม่ขอมีส่วนร่วมในเรื่องแบบนี้หญิงสาววางภาพปริศนาที่ยังไม่ได้รับการไขลงทันที ก่อนจะลุกขึ้นทว่ากลับถูกอีกฝ่ายยึดข้อมือเอาไว้

“จะไปไหน...คุณยังจะได้ช่วยผมดูภาพสุดท้ายนี่เลย”

“ดูแล้ว...ฉันไม่รู้”เธอตอบห้วนๆ

“อะไรกันแค่ดูผ่านๆ ยังไม่ทันได้คิดด้วยซ้ำ กลับปฏิเสธว่าไม่รู้หรือว่าคุณอยากจะได้รางวัลจากผมก่อนค่อยจะคิดออก” ชายหนุ่มเอ่ยถามตบท้ายเขากระตุกมือทีเดียวร่างบางก็เสียหลักทรุดลงมานั่ง แทบจะเกยอยู่บนตักเขาก็ว่าได้

“อุ้ย!” คริสต์ลนลานรีบขยับออกห่าง แต่อีกฝ่ายกับยึดตัวเธอเอาไว้ในอ้อมกอดซะแน่น

“ว่าไงครับจะรับรางวัลก่อนใช่ไหม เดี๋ยวผมจัดให้”

“มะมะ ไม่ต้อง...เดี๋ยว... ปล่อยก่อน... ถ้าไม่ปล่อยฉันคิดไม่ออก” คริสต์ตกใจกับใบหน้าคมคายที่ยื่นเข้ามาใกล้เมื่อเขายอมปล่อย เธอก็รีบขยับออกห่างทั้งเสหยิบรูปเจ้าปัญหานั้นมาถือไว้ในมือ

“ผมไม่ทำเรื่องเลวร้ายหรอกน่าไว้ใจได้”

นภจรเอ่ยขึ้นเหมือนรู้ความคิดของเธอถึงจะสงสัยอยู่บ้างว่าเรื่องเลวร้ายที่ว่าเขาหมายถึงคือเรื่องการส่งของผิดกฎหมายหรือการที่เขายึดตัวเธอไว้กันแน่แต่นั่นก็ทำให้สีหน้าของคริสต์ดูดีขึ้น

คริสต์เริ่มพินิจพิเคราะห์รูปในมืออย่างตั้งใจอีกครั้ง“ถ้าพูดถึงสัญลักษณ์เครื่องหมายกากบาทเกี่ยวกับสถานที่ คุณคิดถึงอะไร”คริสต์เอ่ยถามคนข้าง ๆเหมือนว่าเธอติดนิสัยการอธิบายงานวิจัยที่มักจะมีคำถามประเมินความเข้าใจพ่วงมาก่อนการเฉลยเป็นประจำ

นภจรทำท่าคิดก่อนจะตอบคำถามนั้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะมั่นใจนัก“ก็คิดถึงเครื่องหมายจราจรคิดถึงสี่แยกของถนน”

“ก็ไม่ได้โง่ไปกว่าเด็กห้าขวบนี่นา”น้ำเสียงใสเอ่ยแกมประชด ทั้งยังเผลอค้อนให้อีกฝ่ายอย่างหมั่นไส้

นภจรมองนิ่งไปยังคนที่เพิ่งตั้งคำถามเขาเหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์สี่แยกจราจร สนาม เป้ากระสุน คำตอบของแต่ละภาพวงเวียนอยู่ในหัวกลับไปกลับมา แล้วดวงตาคมกล้าก็เปิดกว้างขึ้นพร้อมรอยยิ้มด้วยอาการดีใจ

“ใช่แล้ว...ผมคิดออกแล้ว”

ชายหนุ่มคว้าร่างนุ่มเข้ามาสวมกอดทั้งยังกดจุมพิตหนัก ๆ ลงบนริมฝีปากนุ่มนั้น “ขอบคุณมากครับ...คุณเก่งมาก คุณเก่งจริงๆ ไม่เสียทีที่ได้ใบปริญญาเอกมาติดฝาบ้านตั้งหลายใบ...ผมออกไปข้างนอกก่อนนะไว้กลับมาเย็นนี้จะแวะซื้อขนมเจ้าอร่อยมาฝาก” พูดจบชายหนุ่มก็ผละลุกไปคว้าผ้าเช็ดตัวเดินผ่านเข้าประตูห้องน้ำไปในทันทีทิ้งให้อีกฝ่ายอ้าปากค้างมองตามไปด้วยอาการมึนงง



[1] นีลส์บอร์ (NielsHendrik David Bohr)นักฟิสิกส์ชาวเดนมาร์กผู้ขยายต่อยอดทฤษฎีโครงสร้างอะตอมจากการให้การอธิบายสเปกตรัมของไฮโดรเจนโดยวิธีสร้างแบบจำลองไฮโดรเจนและทฤษฎีควอนตัม (พ.ศ. 2456) และในช่วงสงครามโลกครั้งที่2 บอร์คือผู้หนึ่งที่ได้ไปช่วยโครงการวิจัยระเบิดปรมาณูที่สหรัฐอเมริกาและกลับโคเปนเฮเกนเมื่อสิ้นสงครามในปี พ.ศ. 2488, นีลส์บอร์ เป็นผู้ก่อตั้งและเป็นผู้อำนวยการสถาบันฟิสิกทฤษฎีที่โคเปนเฮเกนได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์เมื่อ พ.ศ. 2465


ปล.อาจมีคำผิดให้รำคาญหัวใจนิดหน่อย โปรดอย่าได้ถือสา เพราะทันทีที่เขียนเสร็จก็อัพเลย ไม่ได้ตรวจทาน




 

Create Date : 21 พฤศจิกายน 2561
1 comments
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2561 9:40:27 น.
Counter : 996 Pageviews.

 

ไม่ถือสาถ้าตอนหน้ามาไวๆ

 

โดย: panon IP: 203.158.141.18 21 พฤศจิกายน 2561 9:58:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


นิยายฝันหวาน
Location :
มหาสารคาม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 13 คน [?]




เชิญอ่านนิยายสนุกๆ สไตล์นิยายฝันหวาน



Writer By tonglang
: Copyright © 1999-2008
ข้อตกลง
1. กรณีที่ผลงานชิ้นนี้เป็นผลงานที่แต่งโดยผู้ลงผลงานเอง ลิขสิทธิ์ของผลงานนี้จะเป็นของผู้ลงผลงานโดยตรง ห้ามมิให้คัดลอก ทำซ้ำ เผยแพร่ ก่อนได้รับอนุญาตจากผู้ลงผลงาน

2. กรณีที่ผลงานชิ้นนี้กระทำการคัดลอก ทำซ้ำ มาจากผลงานของบุคคลอื่นๆ ผู้ลงผลงานจะต้องทำการอ้างอิงอย่างเหมาะสม และต้องรับผิดชอบเรื่องการจัดการลิขสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว

3. ผู้ใดพบเห็นการลงผลงานที่ละเมิดลิขสิทธิ์ โปรดแจ้งเจ้าของบล็อกทันที


Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2561
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
21 พฤศจิกายน 2561
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add นิยายฝันหวาน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.