Group Blog
 
 
กันยายน 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
27 กันยายน 2557
 
All Blogs
 
หัวใจ...แอบรัก ตอนที่ ๔



ตอนที่ ๔

“อะไรนะอา อาจะให้ผมคอยดูแลแม่อาแอน”

ปริตรร้องเสียงหลงเมื่อได้ยินสิ่งที่พงศธรบอกอาหนุ่มมองท่าทางของหลานชายแล้วแทบจะหลุดหัวเราะออกมาเพราะรู้ดีว่าแม่ยายของตนนั้นใช่ย่อยเสียเมื่อไหร่

“ใช่อาจะให้เราเข้ามาช่วยงานที่โรงแรมช่วงที่เมฆไปฮันนีมูน”

“แล้วทำไมผมต้องดูแลคุณแม่ยายของอาด้วยให้ผมทำงานอื่นก็ได้”

ปริตรทิ้งตัวลงนั่งใบหน้าคมดูเคร่งเครียดเพราะอดคิดถึงอนาคตอันน่าสยดสยองของตนเองเขาคงจะเละไม่มีชิ้นดีเพราะฝีมือแม่ยายพงศธรกับพี่หมาสองตัวนั่นแน่ๆ

“อาจะพาอาแอนไปเกาะมุกส่วนแม่อาแอนจะต้องอยู่ทำธุระที่กรุงเทพฯสองอาทิตย์ถึงจะตามไปช่วงนี้ปราชญ์จะมาดูแลโรงแรมแทนอาสามเดือน เจ้ามลกับศรก็ติดเรียน ส่วนมัคก็เตรียมลงไปคุมเรื่องก่อสร้างโรงแรมต่อ”

“ปราชญ์ไม่ได้กลับเชียงใหม่หรืออา”

ปริตรหันกลับมาถามทันที เพราะเข้าใจว่าน้องชายบินกลับเชียงใหม่พร้อมกับกนกไปแล้ว

“เปล่า กานต์กลับคนเดียวอ้อ...ไหนๆเราก็ว่างแล้วพอดีพี่พัตเขาชวนคุณวิภาไปเที่ยวเกาะมุกยังไงก็คอยรับส่งยายแป้งให้ด้วยแล้วกัน”

ปริตรอึ้งไปเขาไม่คิดว่าแม่เลี้ยงของเมฆาคิดยังไงถึงชวนแม่ของปูนแป้งไปเที่ยว

“แล้วน้องแป้งจะอยู่ที่บ้านได้หรืออามีแต่ผู้หญิงกับคนสวน”

“เราไง”

พงศธรตอบในขณะที่กำลังตรวจดูงานที่จะให้ปราชญ์เข้ามาดูแลต่อในช่วงนี้

“ผม”

ปริตรชี้ตัวเองก่อนจะส่ายหน้า

“ไม่มีทางผมเป็นผู้ชายจะให้ไปอยู่บ้านน้าวิภาได้ยังไง”

“หรือจะให้อาส่งปราชญ์ไป”

“ไม่ได้”

พงศธรเผลอลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามายืนหน้าโต๊ะทำงานของอาหนุ่ม

“ให้น้องแป้งมาอยู่บ้านคุณปู่แล้วกันผมจะคอยไปรับไปส่งที่โรงพยาบาลเอง”

“บ้านใหญ่ปิดสองอาทิตย์ ปู่กับย่าจะไปกับอาด้วยเราจะไปดูทำเลสร้างรีสอร์ทที่เกาะมุก”

พงศธรวางปากกาแล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มกับหลานชายคนโตคิ้วเข้มเลิกขึ้นเลกน้อยยามเมื่อเอ่ยปากถึงสิ่งที่รู้ว่าปริตรจะไม่มีทางปฏิเสธหน้าที่นี้ได้เลย

“ถ้าอย่างนั้นก็เลือกเอาจะให้ปูนแป้งไปอยู่กับเราที่บ้านหรือจะให้พักบ้านของปราชญ์ กานต์ หรือกรเพราะคนที่แยกออกมาปลูกบ้านเป็นของตัวเองมีอยู่ห้าคน ตัดเมฆไปหนึ่งก็เหลือแค่สี่คนเราคิดว่าอาควรให้แป้งไปพักกับใคร”

พงศธรพูดแล้วก็ลุกขึ้นเขามองหน้าหลานชายยิ้มๆก่อนจะเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้ใช้เวลาคิดว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป

“แม่ขา แม่จะให้แป้งอยู่คนเดียวจริงๆเหรอคะ”

ปูนแป้งกอดรอบเอวของคุณวิภาแล้วซบหน้ากับอกอุ่นเพราะพอปริตรมาส่งเธอตอนสายคุณวิภาก็บอกว่าได้นัดกับคนบ้านอัครมนตรีว่าจะไปเที่ยวเกาะมุกกับเกาะกำแพงด้วยกันสองอาทิตย์

“แม่ไปสองอาทิตย์เอง อีกอย่างแป้งก็โตแล้วนะคะ”

คุณวิภาจับมือลูกสาวคนเล็กมากุมแล้วเอียงหน้าหอมแก้มนวลด้วยความเอ็นดู

“แล้วแป้งจะอยู่ยังไง บ้านตั้งใหญ่พี่อิ่มกับป้าหนูก็ลากลับบ้านอีกเหลือแต่ลุงเต่าคนเดียว”

ปูนแป้งโอดครวญ พลางทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

“แม่ถึงฝากเราไว้กับพี่ปริตรไงลูก”

คุณวิภายิ้มเมื่อเห็นหน้าของลูกสาว

“แม่ไว้ใจพี่ปริตรคนเดียวและแม่ก็แน่ใจว่าพี่ปริตรจะดูแลน้องแป้งของแม่ได้”

ปูนแป้งพูดไม่ออกหญิงสาวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เพราะไม่คิดว่าแม่จะอนุญาตให้เธอนอนค้างกับผู้ชายได้ง่ายดายขนาดนี้ซึ่งคุณวิภาก็พอจะอ่านความคิดของลูกสาวออกเลยยิ้มกว้างด้วยความเอ็นดู

“พี่ปริตรเห็นปูนแป้งตั้งแต่เล็กเช็ดอึเช็ดฉี่ก็ทำมาแล้ว แล้วแม่ก็แน่ใจว่าพี่เขาเป็นสุภาพบุรุษพอ”

คุณวิภาพูดยิ้มๆที่จริงนางเองก็ไม่ขัดข้องหากลูกเขยคนเล็กจะเป็นหลานตระกูลอัครมนตรีคนใดคนหนึ่งเพราะรู้จักหนุ่มๆบ้านนี้ดีแต่ถ้าถามว่าไว้ใจใครยังไงนางก็คิดว่าปริตรนี่ล่ะที่ควรไว้ใจมากที่สุด

“แต่ว่า...”

“ไม่มีแต่จ้ะเพราะเจ้าตัวเล็กก็จะอยู่กับแป้งด้วย”

พอได้ยินชื่อของตัวเองเจ้าดัลเมเชี่ยนลายจุดก็เดินมานั่งตรงหน้าแล้วเอียงคอมองเจ้านายทั้งสองคนเป็นทำนองว่าเรียกหนูเหรอปูนแป้งหัวเราะคิกแล้วหันไปมองงหน้าแม่

“ไปแค่สองอาทิตย์นะคะ แป้งกลัวว่ากว่าคุณแม่จะกลัวมาพี่ปริตรคงถลกหนังแป้งตากแดดแน่ๆเลยค่ะ”

พอฟังลูกสาวพูดวิภาก็แทบจะหัวเราะออกมาเพราะเห็นว่าปูนแป้งไม่ได้คิดเลยว่าปริตรจะคิดมิดีมิร้ายกับตนแต่กลับคิดไปว่าถ้าตัวเองทำอะไรผิดอาจถูกถลกหนังเอาเสียอีกดูแล้วก็สบายใจไปส่วนหนึ่งเพราะตัวนางเองก็ไว้ใจปริตรมากกว่าจะคิดไปในทางที่ไม่ดี

“จ้ะ สองอาทิตย์ยังไงแม่ก็ต้องกลับมาก่อนคุณพ่อกลับจากคิวบาจ้ะ”

คุณวิภาจับแก้มลูกสาวเอาไว้แล้วจูบแรงๆทั้งสองข้างก่อนจะลุกขึ้นเดินขึ้นไปด้านบนเพื่อจัดเสื้อผ้าเตรียมตัวเดินทางในวันรุ่งขึ้น

ปูนแป้งเงยหน้าขึ้นมองโคมไฟบนศีรษะนึกถึงหน้าพี่ปริตรตอนที่พาเธอมาส่งที่บ้านท่าทางการพูดเกี่ยวกับปัญหาที่พาเธอมาส่งช้านั้นดูเป็นการเป็นการผิดกับแม่ที่เอาแต่หัวเราะแล้วบอกว่าไม่เป็นไร เข้าใจและไว้ใจ

หญิงสาวยกมือขึ้นแตะริมฝีปากสงสัยเหลือเกิน...ถ้าแม่รู้ว่าเธอเสียจูบแรกให้กับคนที่แม่ไว้ใจอะไรจะเกิดขึ้น ปูนแป้งถอนใจเบาๆโชคดีที่วันนี้เธอโทรไปแลกเวรกับเพื่อนได้เลยได้พักอีกวันก็ดีจะได้นอนอ่านนิยายสบายๆสักวัน

ปูนแป้งถอนหายใจอีกรอบเพราะคิดถึงหนังสือที่ซื้อมาซ่อนจนเต็มใต้เตียงนั้นยังไม่ได้อ่านเลยสักเล่มแล้วนี่ใกล้ถึงงานหนังสืออีกแล้ว แถมปีนี้เธอนัดอาแอนกับพี่พัชว่าจะไปตะลุยด้วยกันตามประสาคนรักหนังสือด้วยไม่รู้จะได้มาอีกแค่ไหน

พอคิดถึงนิยายหญิงสาวนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองฝากนิยายไว้กับแม่บ้านเพราะกลัวว่าตอนที่ไปรษณีย์มาส่งแม่จะเห็นแล้วจะโดนเอ็ดอีกว่าขนซื้อมาถมบ้านพอนึกออกร่างบางก็รีบไปตามหาพี่หนูก่อนที่จะลืม ไม่อย่างนั้นช่วงที่ไปอยู่บ้านพี่ปริตรเธอจะหาหนังสืออ่านไมได้

เพราะสิ่งที่พงศธรยื่นมาให้ตรงหน้าคือหน้าที่ที่เขาไม่สามารถปฏิเสธได้ทำให้ปริตรต้องกลับมาจัดการกับบ้านของเขาเพื่อต้อนรับแขกสองคนกับหมาอีกสามตัว

ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะให้คุณจันทรานอนเตียงของเขา ส่วนหมาคงให้นอนนอกบ้านหรือหน้าระเบียงน่าจะไม่มีปัญหาอะไรห้องข้างๆห้องทำงานก็ให้ปูนแป้งพัก ส่วนตัวเขา...

ชายหนุ่มมองห้องทำงานที่เต็มไปด้วยกองกระดาษกับหนังสือมากมายแล้วแทบถอดใจเขาเพิ่งรู้ตัวว่านอกจากตนเองจะมีตู้ใส่หนังสือที่ว่างเปล่าเพราะหนังสือทั้งหมดลงมากองอยู่กับพื้นแล้วกองกระดาษมากมายที่สุ่มๆกันอยู่อย่างไร้ระเบียบคือสิ่งยืนยันว่าเขาห่างไกลโลกภายนอกมากแค่ไหน

ที่จริงจะว่าไปปริตรแทบไม่เดือดร้อนเสียด้วยซ้ำว่าตนเองจะต้องมานอนในห้องทำงานในเมื่อวันๆเขาก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องนี้ ได้เวลาก็ไปทานข้าวที่บ้านใหญ่พอกลับมาก็เข้าห้องทำงานเผลอๆก็นอนอยู่กลางกองกระดาษใช้หนังสือแทนหมอนแต่ตอนนี้เขาคงต้องหาช่องว่างสำหรับปูที่นอนให้ได้ หรือไม่ก็...

ปริตรก้มลงมองช่องว่างใต้โต๊ะทำงานแล้วนึกดีใจที่ตัดสินใจเลือกใช้โต๊ะไม้สักแบบไม่มีลิ้นชักชายหนุ่มดึงกล่องที่เต็มไปด้วยกระดาษขนาดเอสี่ออกมาจากใต้โต๊ะจนหมดแล้วยกมือขึ้นปิดจมูก

“สงสัยทำทั้งวันก็ไม่เสร็จ”

“ใครบอกว่าไม่เสร็จ ผมพาผู้ช่วยมาแล้ว”

เสียงที่ดังอยู่หน้าประตูห้องทำงานทำให้คนที่กำลังคลานอยู่กับพื้นลุกขึ้นมาทันทีปริตรมองกมลกับบรรดาคนงานในบ้านที่ยืนถืออุปกรณ์ทำความสะอาดรออยู่ก็ส่ายหน้า

“ไม่ต้องยุ่ง พี่ทำเองได้”

ปริตรบอกเสียงเรียบเขาก้มลงยกกล่องขึ้นมาวางบนโต๊ะ

“แต่ว่าอาพงศ์...”

กมลทำท่าเหมือนตัดสินใจไม่ถูกใจหนึ่งก็กลัวพงศธรจะว่า แต่อีกใจก็กลัวพี่ใหญ่จอมดุ

“พี่ทำได้ ให้พวกเขาไปทำงานของตัวเองเถอะขอแค่ป้ารุ่งคนเดียวก็พอ”

ปริตรรู้ว่ากมลคงตัดสินใจไม่ถูกเขาเลยเลือกที่จะขอคนงานที่มาทำความสะอาดบ้านให้เขาเป็นประจำแค่คนเดียว เพราะคิดว่าการมีคนมาวุ่นวายในบ้านที่ถือว่าเป็นอาณาจักรส่วนตัวมันน่ารำคาญมากกว่า

“แล้วผมล่ะ”

กมลชี้ตัวเองแล้วมองกองกระดาษที่กระจายเต็มห้องเหมือนจะถามว่าให้ช่วยไหม

“ไม่ต้องกระดาษพวกนี้พี่ต้องแยกเองถ้าอยากช่วยจริงๆ แกรับแม่อาแอนไปดูแลให้ทีสิ”

“โนๆ...ผมต้องไปเรียน ไม่มีเวลาหรอกพี่ปริตรขอเป็นทำอย่างอื่นดีกว่า”

กมลว่าแล้วก็เผ่นแน่บไปทันทีสักพักแม่บ้านร่างท้วมที่เข้ามาทำความสะอาดให้กับปริตรก็เดินมาถึง เขาให้แม่บ้านช่วยจัดการห้องว่างที่อยู่ติดกับห้องทำงานให้สะอาดเพื่อทำเป็นห้องนอนชั่วคราวให้กับปูนแป้งส่วนตัวเองก็ใช้เวลาหมดไปกับการเลือกกระดาษแยกใส่กล่องทีละแผ่น

กว่าปริตรจะแยกเอกสารของตัวเองเสร็จฟ้าก็มืดพอดีเขาถอนหายใจเมื่อจัดหนังสือใส่ชั้นจนหมดรวมทั้งกล่องการดาษที่ตอนนี้เรียงเป็นระเบียบอยู่บนหลังตู้หนังสือเขาหันมามองโต๊ะที่ตั้งอยู่กลางห้องก่อนจะลงมือย้ายไปไว้อีกด้าน

ชายหนุ่มมองผลงานตัวเองแล้วถอนหายใจออกมา นี่คงเป็นครั้งแรกในรอบปีที่ได้เห็นพื้นห้องแบบเต็มๆตาเขาเริ่มดูดฝุ่นแล้วทำความสะอาดห้องกว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่ม

ร่างสูงมองผลงานของตัวเองแล้วผิวปากออกมาก่อนจะเดินเข้าครัวเพราะเริ่มรู้สึกว่าหิวมากแค่ไหนแต่...ในตู้เย็นนอกจากน้ำเปล่าแล้วเหลือเพียงแอปเปิ้ลเหี่ยวๆอีกลูกเท่านั้นใบหน้าเข้มดูเหมือนคนหมดแรงขึ้นมาทันที เพราะยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เที่ยง

เขาขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วรีบไปที่บ้านใหญ่ตั้งใจจะไปหาอะไรทานแต่ปรากฏว่าทุกคนเข้านอนกันหมดแล้วเพราะต้องออกเดินทางแต่เช้าถ้าเขาจะเข้าไปหาของในครัวก็กลัวว่าจะวุ่นวายเลยออกมาเอาจักรยานขี่ไปที่ร้านสะดวกซื้อหน้าปากซอยใหญ่

ทันทีที่ร่างสูงก้าวเข้าไปในร้านเขาก็ตรงไปหน้าตู้อาหารแช่แข็งโดยไม่สนใจใครแล้วเลือกอาหารที่คิดว่าตนพอจะกินได้มาวางที่เคาน์เตอร์

“อุ่นมั้ยคะ”

พนักงานสาวทอดสายตาให้พลางถามแต่ปริตรทำแค่เพียงยิ้มน้อยๆตามมารยาทแล้วส่ายหน้า

“ไม่เป็นไรครับ ผมฝากไว้ตรงนี้ก่อนแล้วกัน”

ชายหนุ่มบอกก่อนจะคว้าตะกร้าเดินเข้าไปเลือกของต่อเมื่อคิดได้ว่าตนเองควรจะหาอะไรติดบ้านไว้ด้วยแม้แต่อาหารสุนัขก็ยังหยิบโยนลงตะกร้าแบบไม่ต้องเลือก

พอเลือกของเสร็จปริตรก็หันหลังกลับเพื่อเดินไปจ่ายเงินจังหวะที่กำลังผ่านชั้นหนังสือขายาวๆก็ต้องหยุดลงเมื่อหางตาจับภาพของใครคนหนึ่งกำลังนั่งยองๆอยู่หน้ากอหนังสือโดยมีตะกร้าใส่ขนมวางอยู่ข้างๆตัวและเขาคงจะผ่านเลยไปถ้าคนๆนั้นจะไม่คุ้นจนต้องหันมามองเต็มๆตา

“ปูนแป้ง”

ทันทีที่ได้ยินเจ้าของชื่อก็หันขวับมาทันทีหญิงสาวทำตาโตก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วเอามือไว้ด้านหลัง

“พี่ปริตร”

“ออกมาได้ยังไง แล้วนี่น้าวิภารู้มั้ย”

ปริตรทำเสียงดุเขามองตะกร้าที่วางอยู่ข้างๆหญิงสาวเห็นมีหนังสือนิยายสองสามเล่มวางไว้บนห่อขนมก็ขมวดคิ้ว

“นี่หนีมาซื้อหนังสือนิยายอีกแล้วยังไม่เลิกอ่านอีกเหรอ”

“โธ่ ก็น้องแป้งชอบนี่คะ พี่ปริตรไม่เข้าใจหรอก”

ปริตรกวาดตามองการแต่งตัวของปูนแป้งเห็นว่าหญิงสาวใส่ชุดพยาบาลทั้งๆที่เมื่อเช้าบอกกับเขาว่าเธอแลกเวรกับเพื่อนแล้วเท่าที่เห็นหญิงสาวแต่งตัวเหมือนจะไปทำงาน ไม่ใช่เพิ่งกลับ

“ไหนว่าพรุ่งนี้ถึงไปทำงาน ทำไมถึงออกมาตอนนี้”

“พอดีนิอรขอให้ไปช่วยเฝ้าคนไข้ที่รับงานไว้ค่ะแป้งก็เลย”

“ปฏิเสธไม่เป็นหรือไงใครรับงานไว้ก็ควรรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองสิ”

เขาดุหญิงสาวเสียงดัง เล่นเอาพนักงานกับลูกค้าในร้านพากันหันมามองด้วยความสงสัยแต่คนอย่างปริตรไม่เคยสนใจสายตาใครถ้าหากสิ่งที่อยู่ตรงหน้าสำคัญกว่า

“แต่ว่านิอรเขาขอร้อง”

“แล้วถ้าเขาทำไม่ได้จะไปรับงานทำไม แล้วนี่จะไปยังไง”

“แป้งขับรถมาค่ะ”

ปริตรขมวดคิ้วเพราะเขาจำได้ว่าตอนเข้ามาในร้ายที่หน้าร้านไม่มีรถของปูนแป้งจอดอยู่เพราะไม่อย่างนั้นเขาคงสะดุดตาตั้งแต่แรก

“รถคันไหน”

ปริตรถามเสียงเข้ม เขารู้ดีว่าหญิงสาวจะต้องออกมาโดยไม่ได้บอกน้าวิภาเพราะรู้ดีว่าหญิงสาวถูกห้ามไม่ให้ขับรถตอนกลางคืนเนื่องจากเคยถูกพวกแก๊งมอเตอร์ไซค์แกล้งขับไล่บี้เพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิงมาแล้ว

“คือว่า...”

“พี่ถามว่า...คันไหน”

น้ำเสียงที่เริ่มหวนและฟังดูกระด้างบอกให้รู้ถึงอารมณ์ที่เริ่มคุมไม่อยู่ทำให้หญิงสาวจำต้องบอกเสียงสั่นและเตรียมตัวโดนดุอีกชุดใหญ่

“นิอรเอารถมาเปลี่ยนกับแป้งเมื่อเย็นค่ะ แป้งเลยเอารถนิอรมา”

“แล้วทำไมต้องเปลี่ยน”

ปริตรขมวดคิ้ว เขาไม่เห็นว่ามันจะมีเหตุผลอะไรที่นิอรถึงต้องเอารถมาเปลี่ยนกับปูนแป้ง

“คือ...”

“คืออะไร”

ปูแป้งกลืนน้ำลายลงคอพลางหลุบตาลงมองพื้นนึกด่าตัวเองที่ดันใจอ่อนยอมให้นิอรเปลี่ยนรถไปแต่ไม่คิดว่าตอนทุ่มกว่าๆนิอรจะโทรมาขอให้เธอไปเฝ้าคนไข้แทน

“รถของนิอรเกเรค่ะ ขับๆอยู่ก็ดับ ก็เลย...”

“แล้วเราก็ขับรถเขาออกมาเนี่ยนะ บ้าหรือเปล่าแป้ง”

ปริตรตวาดหญิงสาวแล้วยกมือขึ้นเสยผมด้วยอาการหงุดหงิดเขาล้วงโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาใครบางคนพูดเสียงรัวเร็วตามนิสัยก่อนจะวางแล้วมองหนังสือนิยายที่หญิงสาวตั้งใจจะซื้อไปอ่านตอนเฝ้าคนไข้

“จะเอาเล่มไหนก็หยิบมา เดี๋ยวจ่ายรวมกับของพี่”

“ไม่เป็นไรค่ะ แป้ง...”

ปูนแป้งรีบปฏิเสธแต่พอเห็นสายตาของพี่ปริตรก็รีบหันไปหยิบเล่มที่เลือกใส่ตะกร้าแล้วเอาไปวางหน้าเคาน์เตอร์เธอมองชายหนุ่มเดินไปหยิบน้ำ นมกับขนมปังมาส่งห้พนักงานอุ่นรวมทั้งไส้กรอกอีกสองสามซองรวมทั้งขนมปังแถวยาวอีกสองแถวก็นึกอยากถามว่าของที่ซื้อเขาตั้งใจจะเอาไปกินเองหรือเอาไปเลี้ยงใครเพราะมันเยอะจนตะกร้าสามใบใส่ไปม่หมด

“เอ่อ...พี่ปริตรคะ ขอแป้งจ่ายด้วยบัตรได้ไหมคะ”

ปูนแป้งจับมือที่กำลังยื่นธรบัตรใบละพันสามใบให้กับพนักงานเธอรีบล้วงบัตรในกระเป๋ามาแล้วมองยอดเงิน ก่อนจะบอกให้พนักงานเติมเงินใส่บัตรตามยอดเงินเธอส่งเงินทอนให้แล้วหันมายิ้มหวานกับพนักงานที่มองเธอสลับกับชายหนุ่มด้านหลังด้วยสายตาแปลกๆ

“คือแป้งสะสมแต้มอยู่ค่ะแล้วตอนนี้ถ้าซื้อของจะได้แสตมป์ด้วย สะสมไว้แลกของได้”

หญิงสาวอธิบายในขณะที่แยกของให้พนักงานเอาใส่ถุงเพราะรู้ดีว่าพนักงานสาขานี้มักจะเอาของใส่มั่วๆจนบางครั้งกว่าจะถึงบ้านของในถุงก็เละ

เคยมีครั้งหนึ่งที่ปูนแป้งโกรธมากแต่ทำอะไรไม่ได้คือพนักงานเอากล่องนมแช่เย็นใส่รวมกับหนังสือนิยายของเธอปรากฏว่าหนังสือที่ซีนเอาไว้อย่างดีมีรอยชื้นและหลังจากนั้นมันก็พองทั้งๆที่เธอยังไม่ได้แกะอ่าน

กว่าทั้งสองคนจะออกมาจากร้านกมลก็ขับรถของปริตรมาถึงพอดีชายหนุ่มทำหน้างอเพราะถูกเรียกตอนที่กำลังดูบอลนัดสำคัญแต่เพราะขัดคำสั่งพี่ใหญ่ไม่ได้เลยจำใจต้องมา ส่วนหลานลุงชมที่กมลพามาด้วยตามคำสั่งนั้นไม่ต้องพูดถึงพอปริตรพยักหน้าไปทางจักรยานเด็กหนุ่มก็จัดการขี่กลับบ้านทันทีโดยไม่ต้องสั่ง

“ฝากเอารถไปไว้ที่บ้านที พรุ่งนี้เช้าให้ลุงชมดูให้หน่อยว่าทำไมมันถึงรวน”

“รถใครพี่ ผมไม่เคยเห็น”

กมลมองรถแล้วขมวดคิ้ว

“รถเพื่อนแป้งเองค่ะ”

ปูนแป้งโผล่มาจากด้านหลัง หญิงสาวยิ้มให้กมลซึ่งชายหนุ่มก็ยิ้มตอบทั้งปากและตาสายตาคมแกมเจ้าชู้ของชายหนุ่มทำให้ปริตรขึงตาใส่ก่อนจะโยนกุญแจให้พร้อมกับส่งถุงใส่ของขบเคี้ยวน้ำผลไม้กล่องกับธนบัตรใบละพันอีกหนึ่งใบ

“ค่าจ้าง”

กมลรับเงินกับถุงขนมมา เขาเลิกคิ้วขึ้นเมื่อยกมือขึ้นมาดูเวลา

“ไปส่งที่ไหนพี่ นี่มันจะเที่ยงคืนอยู่แล้วนะ”

“ที่โรงพยาบาล รถมันรวนหน่อย ขับระวังๆก็แล้วกัน”

ปริตรบอกแล้วรับกุญแจรถตัวเองมาก่อนจะเอาของที่เหลือทั้งหมดไปใส่ท้ายรถเขารอจนกมลขับรถออกไปเพื่อให้แน่ใจว่ารถของนิอรจะพากมลกลับไปจนถึงบ้านอัครมนตรีได้โดยไม่ดับเสียก่อน

“อ้าวขึ้นรถสิ จะรอเหมานิยายเพิ่มหรือไง”

ปริตรหันมามองหญิงสาวชุดขาวที่กำลังอุ้มถุงใส่นิยายพลางชะเง้อมองตามรถที่กมลขับไปจนสุดสายตาคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันยอมรับว่านึกหมั่นไส้น้องชายตัวดีที่ตอนแรกทำหน้างอแต่พอเห็นปูนแป้งก็เล่นส่งยิ้มละลายใจให้ทันทีทันใด

แล้วตอนนี้เขาก็พาลนึกโกรธคนที่ยืนข้างๆขึ้นมาที่ยิ้มกับคนอื่นได้ที่กับเขาเห็นหน้าทีไรก็เอาแต่จะร้องไห้มันเสียทุกที

“พี่ปริตรคะ รอแป้งแปปนะคะ”

อยู่ๆเหมือนหญิงสาวนึกอะไรได้เธอส่งถุงนิยายให้ก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปในร้านที่เพิ่งออกมาปริตรหยิบนิยายออกมาเล่มหนึ่ง เขาอ่านชื่อเรื่องแล้วหยิบเล่มอื่นๆขึ้นมาดูปกเพราะคิดไม่ถึงว่าสาวเรียบร้อยอย่างปูนแป้งจะอ่านนิยายพวกนี้ด้วย

“เสน่หา สวาท ซาตาน พิศวาส”

ปริตรมองรูปผู้ชายหน้าตาดีมีหญิงสาวซบอกแล้วอ่านชื่อก่อนจะพลิกด้านหลังเพื่อจะอ่านเรื่องย่อแต่กลับถูกแย่งหนังสือในมือกลับไปเสียก่อนคิ้วเข้มเลิกขึ้นเมื่อเห็นแก้มแดงๆของเจ้าของหนังสือแต่ก็ยอมส่งหนังสือที่เหลือคืนให้เมื่อมือบางยื่นมาตรงหน้า

เขาพอจะดูออกว่าปูนแป้งคงจะอายเลยทำเป็นไม่พูดถึงแต่ตอนนี้ในสมองได้บันทึกชื่อหนังสือทุกเล่ม ปกทุกปกไว้แล้ว และถ้าส่งหญิงสาวเสร็จเมื่อไหร่...เขาจะกลับมาซื้อมันแน่นอน





Create Date : 27 กันยายน 2557
Last Update : 27 กันยายน 2557 1:08:59 น. 3 comments
Counter : 1086 Pageviews.

 
"พงศธรเผลอลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามายืนหน้าโต๊ะทำงานของอาหนุ่ม" น่าจะเป็น ปริตรมากกว่าค่ะ

พงศธรวางปากกาแล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มกับหลานชายคนโตคิ้วเข้มเลิกขึ้น "เลกน้อย" ยามเมื่อเอ่ยปากถึงสิ่งที่รู้ว่าปริตรจะไม่มีทางปฏิเสธหน้าที่นี้ได้เลย น่าจะเป็น"เล็กน้อย"

พอเลือกของเสร็จปริตรก็หันหลังกลับเพื่อเดินไปจ่ายเงินจังหวะที่กำลังผ่านชั้นหนังสือขายาวๆก็ต้องหยุดลงเมื่อหางตาจับภาพของใครคนหนึ่งกำลังนั่งยองๆอยู่หน้า "กอหนังสือ" โดยมีตะกร้าใส่ขนมวางอยู่ข้างๆตัวและเขาคงจะผ่านเลยไปถ้าคนๆนั้นจะไม่คุ้นจนต้องหันมามองเต็มๆตา น่าจะเป็น "กองหนังสือ"

"ปูแป้ง" กลืนน้ำลายลงคอพลางหลุบตาลงมองพื้นนึกด่าตัวเองที่ดันใจอ่อนยอมให้นิอรเปลี่ยนรถ น่าจะเป็น "ปูนแป้ง"

นมกับขนมปังมาส่ง"ห้"พนักงานอุ่นรวมทั้งไส้กรอกอีกสองสามซองรวมทั้งขนมปังแถวยาวอีกสองแถวก็นึกอยากถามว่าของที่ซื้อเขาตั้งใจจะเอาไปกินเองหรือเอาไปเลี้ยงใครเพราะมันเยอะจนตะกร้าสามใบใส่ไป "ม่หมด" น่าจะเป็น "ให้ " "ไม่หมด"

ปูนแป้งจับมือที่กำลังยื่น"ธรบัตร" ใบละพันสามใบให้กับพนักงาน น่าจะเป็น "ธนบัตร"














โดย: annayo IP: 1.46.78.0 วันที่: 27 กันยายน 2557 เวลา:9:06:41 น.  

 
อ่านทุกเล่มแล้วจะหึงพระเอก แบบคุณอารึเปล่าหน่า 555+


โดย: sakeena IP: 124.120.25.53 วันที่: 29 กันยายน 2557 เวลา:9:12:50 น.  

 
เลกน้อย,หันไปมองงหน้า, กล่องการดาษ,ในร้าย,เริ่มหวน,


โดย: Twansongfa IP: 124.120.91.33 วันที่: 30 กันยายน 2557 เวลา:19:45:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

finalfantasy_iv
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




งานเขียนทั้งหมดใน blog นี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่ หรือลอกไปกระทำการใดๆ ก็ตาม หากผู้ใดกระทำการผิด เจ้าของ blog จะเอาผิดท่านตามกฏหมาย ได้ทุกกรณี
กระต่ายตัวกวน
เจ้าตัวหัวเขียว
X
X



Friends' blogs
[Add finalfantasy_iv's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.