Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2557
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
22 พฤศจิกายน 2557
 
All Blogs
 

หังใจ...แอบรัก ตอนที่ ๙


ตอนที่ ๙

มีใครเคยฝันว่าถูกช้างนั่งทับบ้างไหมหรือว่าเขาเป็นคนแรกที่ฝันแบบนี้...

ปริตรครางออกมาเบาๆไม่เข้าใจว่าทำไมความฝันถึงได้หนักจริงๆ ทั้งหัว ทั้งตัว ทั้งขา ขยับไปทางไหนก็ไม่ได้ชายหนุ่มยกมือขึ้นหวังดันสิ่งที่ทับอยู่บนหน้าอกออก แต่พอลืมตาขึ้นเพราะผิวสัมผัสที่ไม่คุ้นเคยเขาก็ได้เห็นปลายจมูกดำๆที่ยื่นมาแทบจะชิดจมูกของตนเอง

“ตัวเล็ก เฮ้ย...”

ปริตรเรียกเจ้าตัวเล็กเสียงหลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจเมื่อรู้สึกถึงน้ำหนักบนศีรษะนี่ตกลงหัวเขาเป็นที่นอนของพี่บอมไปแล้วใช่ไหมส่วนเจ้าตัวเล็กนั่งอยู่ที่พื้นแต่เอาตัวก่ายขึ้นมาบนตัวเขา ถ้าอย่างนั้น...

“บันบัน”

ปริตรเรียกพี่หมาอีกตัวแล้วดันเจ้าตัวเล็กออกจากหน้าตัวเองก่อนจะพบว่าจุดยุทธศาสตร์ของตนถูกครอบครองอยู่พอเขาขยับบันบันก็ยกหัวขึ้นมองแล้วเอาคางวางพาดไว้ที่เดิมสายตาจ้องตอบปริตรเหมือนท้าทาย

“เรื่องอะไรมานอนทับกันแบบนี้”

ชายหนุ่มโวยวาย แต่ไม่มีโอกาสขยับตัวเพราะเจ้าตัวเล็กกระโจนเข้ามานอนทับอกเขาเหมือนเดิมพี่บอมขยับตัวลุกขึ้นแล้วกระโดดลงจากบนศีรษะของเขามายืนที่พื้นก่อนจะทำท่าบิดขี้เกียจด้วยอาการน่าหมั่นไส้เจ้าตัวเล็กพอเห็นลูกพี่เดินนวยนาดไปอยู่หน้าประตูห้องก็รีบวิ่งตามไปอยู่ข้างๆทันที

พอพี่บอมกับเจ้าตัวเล็กไปยืนรออยู่หน้าประตูบันบันก็ขยับตัวบ้างเจ้าหมาน้อยเงยหน้าขึ้นหาว ลิ้นสีชมพูยื่นออกมายาวเหยียด ก่อนจะขยับนั่งตัวตรงแล้วยกขาหน้าขึ้นแปะตรงจุดอ่อนไหวของคนที่นอนเป็นเบี้ยล่างชนิดที่เจ้าตัวถึงกับรีบเอ่ยปาก...

“อย่าเชียวนะ”

คำห้ามของปริตรไม่จำเป็นเลยเพราะพอบันบันยกขาหน้าขึ้นแตะเหมือนต้องการจะบอกว่า...พวกพี่ๆต้องการออกไปทำธุระส่วนตัวแล้วบันบันก็กระโดดลงไปที่พื้นแล้ววิ่งไปยืนที่หน้าประตูอีกตัว

แต่ปริตรไม่เข้าใจความหมายเพราะไม่เคยเลี้ยงสุนัขมาก่อนจึงหลับตาลงตั้งใจจะนอนต่อและแล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นราวกับว่ามีมหกรรมดนตรีจากวงประสานเสียงชั้นนำระดับประเทศมาเปิดการแสดงในห้อง

พี่บอมนำหอนขึ้นมาด้วยเสียงแหลมเล็กที่ไม่ค่อยระคายหูสักเท่าไหร่บันบันก็ยังพอทนได้ แต่พอปริตรได้ยินเสียงเจ้าตัวเล็กหอนขึ้นมาอีกตัวเขาพาลนึกไปถึงเสียงหวูดรถไฟที่ใกล้ปลดระวาง มันทั้งแหบทั้งโหยหวนเหมือนว่ามีใครสักคนกำลังจะเอามีดเชือดคอมันอยู่

“โอเค...โอเค พอแล้ว เข้าใจแล้วจะออกข้างนอกใช่ไหมครับพี่ เชิญครับท่านๆทุกตัว”

ชายหนุ่มลุกพรวดขึ้นมาแล้วก้าวยาวๆไปเปิดประตูให้แต่พอจะดันประตูปิดพี่บอมกลับยืนเฉยขวางประตูเอาไว้แล้วมองหน้าเจ้าของบ้านสลับกับประตูหน้าบ้าน

“พี่เขาให้ไปเปิดประตูหน้าบ้านด้วยเขาไปทำธุระไม่ได้”

เสียงของคุณจันทราดังมาจากในครัวเหมือนรู้ว่าเกิดอะไรทั้งๆที่ไม่ได้หันมามองด้วยซ้ำชายหนุ่มจึงเดินไปเปิดประตูบ้านให้กว้างที่สุดแล้วทำท่าโค้งตัวให้ตอนที่พี่ๆเดินผ่านออกไป

เสียงหัวเราะดังขึ้นเบาๆทำให้คนที่กำลังโค้งงามๆให้พี่หมาขยับตัวขึ้นยืนตรงแล้วหันไปมองต้นเสียง ก่อนจะทำหน้าเคร่งเพื่อปิดบังอาการขัดเขินที่เกิดขึ้นมา

ปูนแป้งยิ้มเมื่อเห็นการกระทำที่เธอไม่เคยคิดว่าปริตรจะทำได้พี่ใหญ่จอมเฮี้ยบชอบทำหน้าเคร่งขรึมทำท่าประชดประชันก็เป็นด้วย แก้มนวลปรากฏสีเลือดขึ้นมาเล็กน้อยดวงตากลมโตจับจ้องใบหน้าคนเพิ่งตื่นนอนเหมือนจะลืมตัว

ผมที่ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงใบหน้าที่ไร้แว่นตากรอบดำหนาๆดูอ่อนวัยและน่ามองเขาคือพี่ปริตรในมุมที่เธอไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้จักและมันทำให้หัวใจสั่นไหวได้อย่างไม่น่าเชื่อ

“เข้าเวรกี่โมง”

ปริตรเห็นว่าปูนแป้งอาบน้ำแล้วแต่ยังใส่ชุดอยู่บ้านเลยแปลกใจ เพราะจำได้ว่าวันนี้ไม่ใช่วันหยุดของหญิงสาว

“แป้งขอแลกเวรกับเพื่อนค่ะคิดว่าวันนี้จะไปเดินงานหนังสือที่ศูนย์ประชุมค่ะ”

“ไปงานหนังสือ แล้วไอ้ที่กองเต็มบ้านนี่ล่ะเราอ่านหมดหรือยัง”

ปริตรถามเสียงดุมองคนตรงหน้าทำเป็นยิ้มประจบแล้วหันไปมองทางอื่นเพราะกลัวว่าตนเองจะเผลอใจอ่อน

“แล้วจะไปยังไง”

ในที่สุดเขาก็เป็นฝ่ายแพ้และเอ่ยถามออกไปจนได้...ปริตรบ่นตัวเองในใจเมื่อหลุดปากออกไป

“รถไฟฟ้าค่ะ”

“แล้วจะซื้อเยอะมั้ย”

ชายหนุ่มยกมือขึ้นกอดอก จับจ้องดวงตากลมโตของหญิงสาวเพื่อจับอาการโกหกและมันก็เป็นไปตามที่คิดเพราะปูนแป้งหลบตาแล้วพูดเบาๆว่า...น่าจะไม่เยอะ ตามนิสัยของคนที่โกหกไม่เก่ง

“งานเปิดกี่โมง”

“สิบโมงค่ะ”

หญิงสาวตอบเสียงใสเมื่อเห็นว่าปริตรไม่ได้ทำหน้าเคร่งเหมือนตอนแรกชายหนุ่มหันไปมองนาฬิกาแล้วคำนวณเวลาที่ตนเองจะใช้ในการเดินทางเพราะจำได้ว่าตอนที่ตนเองไปหาซื้อหนังสือกับน้องๆต้องวนหาที่จอดตั้งนานกว่าจะได้แถมยังได้ที่จอดไกลมากจนบอกกับตัวเองว่าจะไม่ขอไปอีก

“พี่อาบน้ำก่อน แล้วจะพาไป”

“ไม่เป็นไรค่ะ แป้งไปเองได้”

“บอกว่าพาไปก็พาไปสิ อยากได้อะไรจดไว้แล้วกันวันนี้พี่จ่ายให้”

“ไม่เป็นไรค่ะ แป้งมีเงิน”

ปูนแป้งรีบบอกก่อนจะทำคอย่นเมื่อเห็นสายตาพิฆาตของคนตรงหน้าไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจากปากของปริตรนอกจากการมองนิ่งๆแล้วเดินขึ้นไปด้านบนเท่านั้นเล่นเอาน้ำตาของหญิงสาวแทบจะไหลออกมาถ้าไม่ได้ยินเสียงของคุณจันทราเสียก่อน

“โชคดีวันนี้ได้เจ้ามือโกยมาเยอะๆนะลูกขนหน้าแข้งร่วงหมดก็ยังเหลือที่อื่นให้ร่วงอีก”

ปูนแป้งหัวเราะออกมาทั้งๆที่น้ำตาคลอเธออยากจะถามว่าขนที่ไหนบ้างแต่ไม่กล้าจนกระทั่งเดินเข้าไปในครัว

“ผมเขาออกดกดำยังร่วงได้อีกเยอะ”

คุณจันทราหันมายิ้ม แกล้งเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นแก้มของหญิงสาวแดงระเรื่อ

“คิดอะไร”

นางแกล้งถามทั้งๆที่รู้ว่าหญิงสาวคิดเลยเถิดไปถึงไหนต่อไหนแล้วเพราะมีลูกสาวกับหลานสาวชอบอ่านนิยาย และทำงานมาในกลุ่มผู้หญิงล้วนๆ เลยรู้ดีว่าถ้าคิดถึงเรื่องประเภทสองแง่สามง่ามล่ะก็...ไม่ใช่ย่อยเลยสักคน

“เปล่าค่ะ แป้งแค่...”

ปูนแป้งหยุดพูดแล้วหัวเราะออกมาเพราะเธอเองก็คิดลึกจริงๆพาลนึกไปถึงตอนที่ถูกหัวหน้าพยาบาลสั่งให้จัดการกับขนในส่วนสำคัญก่อนการผ่าตัด ครั้งแรกที่ทำมือสั่นไปหมดจนรุ่นพี่ต้องทำให้ดู

แก้มนวลที่มีสีเลือดยิ่งแดงหนักขึ้นกว่าเก่าเมื่อนึกไปถึงตอนที่รุ่นพี่จับส่วนนั้นพลิกไปพลิกมาเพื่อทำให้สะอาดและเกลี้ยงเกลาที่สุดทำไปก็หันไปพูดคุยกันราวกับเป็นเรื่องธรรมดาทั้งๆที่ยังไม่ได้แต่งงานเลยสักคน

“คุณป้าไปด้วยกันนะคะ”

หญิงสาวรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีคุณจันทรายิ้มแล้วส่ายหน้าบอกแค่ว่าจะอยู่บ้านเป็นเพื่อนพี่ๆ พูดยังไม่ทันจบประโยคพี่บอมก็เดินเข้ามาในครัวแล้วนั่งลงข้างๆคุณจันทราเอาขาหน้าสะกิดเบาๆเหมือนต้องการบอกอะไรบางอย่าง

“แป้งป้าวานหนูเอาหนังสือพิมพ์ไปปูที่หน้าบ้านให้หน่อยนะพี่เขาจะทำธุระ”

คุณจันทราหันมาบอกปูนแป้งแล้วกลับไปสนใจงานตรงหน้าต่อหญิงสาวมองเห็นวิธีสื่อความต้องการแล้วนึกแปลกใจเพราะว่าตัวเองไม่เคยสื่ออะไรกับเจ้าตัวเล็กได้เลย

“เลี้ยงหมาก็เหมือนเลี้ยงลูก เราเข้าใจเขาเขาก็เข้าใจเรา”

หญิงสาวหันไปมองเจ้าตัวเล็กที่เพิ่งวิ่งตามเข้ามาแล้วอยากจะร้องกรี้ดออกมาดังๆในปากของเจ้าตัวเล็กคือกิ้งก่าสีดำตัวใหญ่ มันดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดแต่...ดูเหมือนเจ้าตัวเล็กยังอยากสนุกกับการเล่นในครั้งนี้อยู่

“เอามันออกไปเดี๋ยวนี้”

ปูนแป้งสั่งก่อนจะกระโดดหนีเมื่อเจ้าตัวเล็กคาบกิ้งก่าวิ่งรี่เข้ามาหาหญิงสาววิ่งไปรอบๆห้องเจ้าตัวเล็กก็วิ่งตามอย่างสนุกจนกระทั่ง...

“ออกไปเดี๋ยวนี้”

เสียงของปริตรที่ดังขึ้นมาทำให้ทุกอย่างภายในบ้านเหมือนถูกกดปุ่มให้หยุดเจ้าตัวเล็กทำท่าจะปล่อยสิ่งที่ยังดิ้นเร่าๆในปากของตนแต่พอชายหนุ่มยกมือขึ้นชี้หน้ามันก็รีบวิ่งออกจากบ้านไปพร้อมกับสิ่งที่คาบมาทันที

“ใช่เป็นแต่อำนาจ พูดกับมันดีๆก็ได้”

คุณจันทราพูดเปรยๆตอนที่ยกหม้อข้าวต้มออกมาวางปริตรหันไปสบตาคนพุดแล้วเดินเข้าไปในครัวเพื่อหยิบชามกับช้อนในตู้โดยไม่ได้พูดอะไรร่างสูงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเมื่อได้ยินเสียงน้องชายทักทายกับปูนแป้งและดูเหมือนว่าเสียงของหญิงสาวจะฟังดูสดใสผิดกับยามที่คุยกับเขาราวกับเป็นคนละคน

“ไม่ไปทำงานหรือไงล่ะพ่อ”

คุณจันทราเอ่ยปากถามเมื่อรับไหว้ปราชญ์สายตาเลื่อนไปทางปูนแป้งที่กำลังยิ้มทั้งปากและตาจนดูน่าหมั่นไส้กับอาการดีใจจนออกนอกหน้าที่แสดงออกมา

“แป้งไปเอาชามกับช้อนมาให้พี่เขาสิ”

คุณจันทราบอก แต่ปราชญ์กลับเอ่ยปากปฏิเสธแล้วบอกว่าตนเองแค่ต้องการเอาเอกสารที่มฆวันแฟกซ์มาจากสงขลามาให้ปริตรเท่านั้นก่อนที่ชายหนุ่มจะยกมือไหว้ลาแล้วเดินออกไปโดยไม่ได้แสดงอาการใดๆให้เห็นว่ามีความต้องการอื่นนอกจากเอาเอกสารมาให้พี่ชายจริงๆ

แค่นี้คุณจันทราก็แน่ใจแล้วว่าปราชญ์ไม่ได้สนใจปูนแป้งเป็นพิเศษแต่ปูนแป้งเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้เพียงแต่ตอนนี้ปราชญ์ยังไม่มีใครหญิงสาวจึงพอมีความหวังส่วนคนที่ยืนบื้อเป็นท่อนไม้นั่นน่ะ...

คุณจันทราถอนหายใจออกมาเบาๆ...ดูท่าจะต้องลุ้นกันนาน

โชคดีที่ปูนแป้งเลือกมางานหนังสือในช่วงวันธรรมดาทำให้ไม่ค่อยมีคนมาเดินซื้อหนังสือปริตรเองก็ถือว่าตัวเองโชคดีที่มาก่อนเวลาเปิดทำให้หาที่จอดได้ใกล้ๆทางเข้า

แต่...

ดูเหมือนการมางานหนังสือครั้งนี้จะมีปัญหาหนักเพราะตอนที่ขับรถมากลางทางเขาก็ได้รับสายตรงจากอาพงศ์ให้จัดการซื้อหนังสือให้ด้วยและรายชื่อหนังสือที่ส่งมาทางไลน์ก็ยาวเหยียดเสียจนเขาแทบจะหันรถกลับ

และหลังจากนั้นไม่นานข้อความจากเมฆาก็เด้งขึ้นมาเป็นประโยคสั้นๆว่า...ทุกเรื่องขอสองก่อนที่จะมีข้อความส่งมาสองครั้งว่ามีเงินโอนเข้าบัญชีของเขาจากพงศธรกับเมฆา

“เดี๋ยวแป้งจัดการให้ค่ะ”

ปูนแป้งรับอาสาด้วยสีหน้าที่เรียกได้ว่ายิ่งกว่าเต็มใจจนปริตรนึกสงสัยว่าทำไมถึงต้องแยกกันซื้อในเมื่ออยู่ในเขตรั้วเดียวกันซื้อเล่มเดียวมาแบ่งกันอ่านก็ได้และปูนแป้งก็ดูจะอ่านความคิดของคนข้างๆออก

“เพราะมันเป็นความสุขเวลาที่เห็นพวกมันวางเรียงอยู่บนชั้นของเราเองไงคะ”

ปูนแป้งพูดเหมือนนั่งอยู่ในใจของคนข้างๆพร้อมกับรอยยิ้มที่น้อยครั้งนักเขาจะได้เห็นเพราะส่วนใหญ่จะเป็นยิ้มฝืนๆหรือใบหน้าแหยเกเหมือนจะร้องไห้ และปริตรก็อยากจะเห็นเธอยิ้มมากกว่าร้องไห้แต่ไม่รู้เป็นอะไรพอเห็นหน้าทีไรก็เผลอหาเรื่องดุหญิงสาวเสียทุกที

ปริตรกำลังนึกอะไรอยู่เพลินๆ พอหันมาเห็นกองหนังสือที่ปูนแป้งเลือกไว้ก็แทบล้มทั้งยืนนี่แค่ร้านเดียวหญิงสาวยังซื้อเกือบสามสิบเล่มแล้วกว่าจะเดินทั่วงานเขาไม่ต้องหารถบรรทุกมาขนหนังสือพวกนี้กลับหรือไงกัน

แต่เขาก็ทำได้แค่คิดเพราะพอถึงเวลาก็ต้องเดินเข้าไปจ่ายเงินอยู่ดี เขารอให้พนักงานแยกหนังสือออกเป็นสามส่วนตามที่ปูนแป้งบอกก่อนจะมองหญิงสาวกางถุงผ้าแล้วเรียงหนังสือลงไปเหมือนเป็นเรื่องธรรมดากับการจับจ่ายหนังสือในครั้งนี้

“ซื้ออย่างนี้ทุกครั้งหรือเปล่า”

ปริตรถามเมื่อรับถุงหนังสือหนักอึ้งที่พงศธรกับเมฆาฝากซื้อมาถือไว้เขามองปูนแป้งเอาหนังสือส่วนของตัวเองใส่ถุงผ้าแล้วสะพายบ่าเหมือนเป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงตัวเล็กๆจะแบกหนังสือเดินไปไหนมาไหนได้สบายๆ

แต่ข้อสงสัยของปริตรก็ต้องพับเก็บไปเมื่อเห็นผู้หญิงหลายคนหอบหิ้วหนังสือนิยายมากมายเดินผ่านไปมาแถมบางคนยังแวะเข้าไปดูเสียทุกร้านโดยไม่มีท่าทางว่าจะพอกับสิ่งที่ซื้อมา

“วันนี้เยอะหน่อยนะคะเดี๋ยวพี่ปริตรเอาหนังสือพวกนี้ไปเก็บที่รถจะได้ไม่ต้องแบกหนักไงคะส่วนแป้งก็จะรอพี่ตรงนี้เราจะได้ไปลุยต่อ”

ปริตรมองบรรดาถุงมากมายที่ตนเองหอบหิ้วอยู่ก็แทบถอนใจออกมาดังๆยิ่งได้ยินคำว่าลุยต่อก็นึกอยากจะเอาหญิงสาวยัดลงถุงผ้าแล้วหิ้วกลับบ้านตอนนี้เลยแต่สิ่งที่ทำได้คือหอบทุกอย่างกลับไปที่รถก่อนจะเดินกลับมาอีกครั้ง

แต่...คราวนี้ปูนแป้งไม่ได้ยืนมือเปล่าเหมือนตอนที่เขาไปหญิงสาวถือกระเป๋าล้อลากสองใบรออยู่ด้วยสีหน้าประหนึ่งอัศวินที่เตรียมพร้อมจะออกรบและทันทีที่เขามาถึงหน้าที่อัศวินก็ถูกเปลี่ยนมือทันที

“ไปซื้อมาตอนไหน”

“เมื่อกี้ค่ะ แป้งกลัวพี่ปริตรเหนื่อย”

ช่างเป็นความปรารถนาดีเสียเหลือเกิน...ปริตรนึกในใจเขามองกระเป๋าแล้วอยากจะบอกว่าสำหรับผู้ชายตัวสูงแล้วกระเป๋าพวกนี้น่าจะเป็นภาระให้เสียมากกว่า แต่เขาจะทำอะไรได้นอกจากรับมันมาแล้ว...เดินตามเธอไป

กว่าการตะลุยงานหนังสือจะเสร็จสิ้นปริตรก็แทบจะสิ้นใจเขาได้หนังสือตัวเองมาสี่เล่มแต่ของคนที่นั่งยิ้มอารมณ์ดีมีความสุขอย่างล้นเหลืออย่างปูนแป้งคงไม่ต้องนับจำนวนเล่มหรอกเพราะมันกองจนเต็มพื้นที่หลังรถ ทั้งหนังสือ ทั้งของแถมของแจกแล้วยังมีอุปกรณ์ทำขนมที่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงได้มีมาขายในงานหนังสือได้

“กระทะใบละเป็นพัน ซื้อมาทำไม”

ปริตรนึกบ่นในใจเมื่อคิดถึงหนังสือสูตรทำขนมไทยกับกระทะทองเหลืองที่ปูนแป้งยืนทำตาละห้อยเพราะอยากได้แต่ไม่กล้าซื้อเพราะคุณวิภาสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้ลูกสาวคนเล็กเข้าครัว

เหตุผลนะเหรอ...ก็เพราะปูนแป้งเคยทำไฟไหม้ห้องครัวมาแล้วกับการลองทำอาหารครั้งแรก...ไข่เจียว

“ห้ามทำไฟไหม้บ้านพี่นะ”

ปริตรซื้อให้โดยที่หญิงสาวไม่ได้ร้องขอแต่พอได้เห็นแววตาสุกใสเต้นระริกด้วยความดีใจเขาก็คิดว่ามันคุ้ม แต่ก็คงจะไม่คุ้มถ้าบ้านเขาถูกวางเพลิง

“พี่ปริตรคะ”

อยู่ๆคนที่เอาแต่นั่งยิ้มก็หันมามองหน้าแล้วยิ้มให้ชนิดที่คนมองถึงกับเผลอยิ้มตอบและมันก็ทำให้คำพูดที่ปูนแป้งอยากจะเอ่ยถูกกลืนหายไปทันทีแก้มนวลแดงระเรื่อเพราะดันคิดไปว่าอยากเก็บรอยยิ้มนี้ไว้คนเดียวไม่อยากให้พี่ปิดของเธอยิ้มแบบนี้ให้กับผู้หญิงคนอื่น

“เรียกแล้วทำไมไม่พูด”

น้ำเสียงนุ่มไม่ดุเหมือนทุกครั้งทำให้หญิงสาวเผลอมองเสี้ยวหน้าได้รูปที่ยังคงมองตรงไปข้างหน้าแล้วก้มลงมองมือตัวเองมีหลายอย่างที่ทำให้สับสนและนึกสงสัยแต่...เธอควรจะถามใครดี

“แป้งแค่อยากจะบอกพี่ปริตรว่า...ขอบคุณนะคะที่มาเป็นเพื่อนแป้งแล้วยังซื้อหนังสือให้แป้งตั้งเยอะ”

“พี่ไม่ได้ให้ฟรีนะ”

“อ้าว...”

ปูนแป้งทำหน้าแปลกแล้วเผลอค้อนคนข้างๆเมื่อเขาหัวเราะออกมา

“แล้วพี่จะบอกว่าจะขออะไรแป้ง”

ปริตลบอก ทั้งๆที่ในใจเขากำลังคิดว่า...ขอเพียงเธอหันมามองเขาในฐานะผู้ชายคนหนึ่งจะได้ไหมแต่มันก็เป็นได้แค่เพียงคำขอในใจเท่านั้น คำขอที่เขาไม่อาจเอ่ยออกมา

“คุณป้าขา แป้งมีเรื่องอยากจะถามค่ะ”

หลังจากวุ่นวายกับการขนหนังสือเข้าบ้านแล้วแยกใส่ลังให้คนที่ฝากซื้อแล้วปูนแป้งก็แทบจะไม่ได้พูดกับปริตรเลยหญิงสาวรอจนทานอาหารเย็นเสร็จทุกคนแยกย้ายกันเข้าห้องถึงได้ย่องลงมาแล้วแอบมาเคาะประตูห้องคุณจันทรา

เพราะตอนที่แต่งงานภรรยาของอาพงศ์กับพัชรพรรณบอกกับเธอว่าถ้าหากมีปัญหาอะไรให้ลองปรึกษาคุณจันทรา แล้วเธอจะได้มุมมองใหม่ๆที่คิดไม่ถึงซึ่งเธอเองก็คิดมาตั้งแต่ตอนหัวค่ำว่าจะถามดีไหมแต่จะให้ไปปรึกษาคนอื่นก็ไมเห็นมีใครแล้วโดยเฉพาะคุณวิภาถ้าขืนไปถามคงได้คำตอบที่ชวนออกไปนอกทะเลไม่ต้องรู้เรื่องกันเลย

“ว่าไง กลุ้มใจกับความรู้สึกของตัวเองล่ะสิ”

ปูนแป้งพยักหน้ารับอายๆ เธอเดินเข้าไปในห้องตามคำเชิญของผู้เป็นเจ้าของแล้วนั่งลงตรงขอบเตียงก้มหน้าลงมองมือตัวเองด้วยความสับสน

“อาแอนบอกว่าถ้ามีอะไรให้มาปรึกษาคุณป้าได้แป้งเลย...”

คำพูดถูกกลืนหายไปในชั่ววินาทีหญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาคนที่กลับมานั่งตรงหน้าแล้วถอนใจออกมาเบาๆ

“เคยถามตัวเองไหมว่าทำไมถึงชอบปราชญ์”

“พี่ปราชญ์ใจดีค่ะ”

ปูนแป้งตอบได้ทันทีโดยไม่ลังเล

“แล้วปริตรล่ะ รู้สึกยังไง”

“พี่ปริตรดุ ชอบทำเสียงดุ ทำหน้าเคร่งใส่แป้ง”

“แล้วเวลาที่มีปัญหาทำไมหนูถึงคิดถึงปริตรก่อนคนอื่น”

เป็นคำถามที่ปูนแป้งเองก็ตอบไม่ได้หญิงสาวขมวดคิ้วพยายามถามตัวเองว่าทำไม

“แล้วถ้าปริตรมีแฟน เขาคงมาช่วยอะไรหนูไม่ได้”

“ไม่มีทางหรอกค่ะ พี่ปริตรยังไม่เคยมีแฟนเลย”

หญิงสาวตอบด้วยความมั่นใจ เพราะขนาดนิอรที่ขึ้นชื่อว่าทั้งสวยและมีเสน่ห์กว่าเพื่อนๆในกลุ่มยังทำให้ปริตรสนใจไม่ได้เลย

“แต่สักวันก็ต้องมี”

ปูนแป้งเงียบไป เธอไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนหัวใจของหญิงสาวเหมือนถูกกระชากออกจากอก

“ที่จริงนะ ป้าว่าหนูไม่ต้องถามใครหรอก ถามตรงนี้ถามในสิ่งที่สงสัยแล้วค่อยๆปล่อยให้คำตอบมันออกมาเอง”

คุณจันทรายกมือขึ้นแตะหน้าอกของปูนแป้งแล้วยิ้มก่อนจะเปลี่ยนมาจับมือบางเอาไว้

“ได้คำตอบเมื่อไหร่ เราจะมาคุยกันอีกครั้ง”

เช้าวันใหม่เริ่มต้นด้วยการตื่นมาในสภาพที่ไม่ได้แตกต่างจากวันแรกเลยสักนิดแต่วันนี้ดูเหมือนพี่ๆจะยังไม่อยากไปทำธุระเลยนอนนิ่งไม่สนใจแต่คนที่มีปัญหากลับเป็นตัวปริตรเองเพราะเขากำลังอยากเข้าห้องน้ำ

ปัญหาคือบันบันนอนนิ่งไม่ยอมขยับ คางที่วางพาดตรงหน้าขาทำให้ชายหนุ่มกลัวว่าบันบันจะฝันเห็นอาหารเช้าแล้วตนเองจะเดือดร้อนเลยจัดการกับเจ้าตัวที่นอนเอาคางเกยอกเขาออกไปตัวเล็ก

“เจ้าตัวเล็ก ลุก”

ปริตรจับหัวเจ้าตัวเล็กเขย่าแล้วดันออกก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นนั่งบันบันเงยหน้าขึ้นมองทำเป็นอ้าปากหาวแต่ยังไม่ยอมขยับ

“ลุกเถอะพี่ ผมไม่ไหวแล้ว”

ปริตรยอมเอ่ยปากขอร้องแต่กว่าบันบันจะยอมขยับลุกออกไปชายหนุ่มก็แทบจะวิ่งเข้าห้องน้ำไม่ทันพอร่างสูงหายออกไปจากห้อง ร่างที่นอนขดตัวเหมือนไม่รับรู้อะไรก็ขยับตัวแล้ววิ่งตามออกไปทันที

ถ้าหากใครเคยรู้จักฤทธิ์พี่หมาทั้งหลายแล้วคงเข้าใจหัวอกของปริตรในเวลานี้เพราะความสุขในการปลดปล่อยน้ำในเขื่อนถูกเสียงเห่า เสียงขาหน้าตะกุยประตูห้องน้ำผสานเสียงหอนโหยหวนทำให้เขาหมดความสุขไปในชั่วพริบตา

“ชีวิตของพี่ปิด...”

ปริตรรำพึงรำพันออกมาเบาๆ แล้วรีบล้างหน้าแปรงฟันก่อนจะเปิดประตูออกมาแล้วพบว่ามีหมาสามตัวนั่งเรียงลำดับรออยู่

“เอ้าปวดหนักปวดเบาก็ว่ามา จะพาไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”

ปริตรพูดแล้วเดินนำไปเปิดประตูบ้านปล่อยให้พี่ๆออกไปทำธุระกันแต่ก็ยังเดินตามไปเพราะเป็นห่วงว่าพี่ๆจะถ่ายเรี่ยราดเดี๋ยวคนสวนจะลำบาก

“ไม่ต้องตามไปหรอกพี่เขารู้ว่าอะไรเป็นประโยชน์ต่อธรรมชาติ ถึงไม่ได้เรียนมาแต่ก็มีจิตสำนึกนะจ๊ะ”

คำพูดของคุณจันทราฟังอ่อนหวานแต่ชายหนุ่มอดนึกถึงใบมีดเคลือบน้ำผึ้งขึ้นมาไม่ได้เพราะถ้าเผลอกับคำหวานก็ได้ถูกปาดคอตายแบบไม่รู้ตัวเขาหันไปมองพี่บอมเดินเข้าไปในดงพลับพลึงตามด้วยบันบันแต่พอถึงตาเจ้าตัวเล็กเขาก็แทบจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมา

ดงพลับพลึงแหวกออกเป็นช่องว่างเมื่อเจ้าตัวเล็กพยายามจะเข้าไปทำธุระส่วนตัวเหมือนพวกพี่ๆพอมันพ้นไปได้กิ่งไม้ที่ถูกแหวกก็ดีดกลับมาตีก้นขาวลายจุดเสียงดัง...เพลี๊ยะจนเจ้าตัวเล็กสะดุ้งร้อง...เอ๋ง ออกมาแต่ก็ยังพยายามเดินเข้าไปจนได้

ปริตรเดินกลับเข้าบ้านตั้งใจจะอาบน้ำแต่งตัวโดยใช้วิธีรองน้ำใส่อ่างล้างหน้าแล้วตักอาบเหมือนเมื่อคืนพอดีคุณจันทราเดินออกจากครัวแล้วส่งยิ้มให้ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ

“อ้าว...ไม่คิดจะเป็นมิตรกับธรรมชาติเหมือนพวกพี่ๆเขาบ้างหรือพ่อ”

...ไม่มีคำตอบใดๆจากคนที่ยืนนิ่งหน้าห้องน้ำเขาเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินคำถามแล้วรีบก้าวเข้าห้องน้ำก่อนจะถอนหายใจดังเฮือกเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากด้านนอกอะไรก็ไม่แย่เท่ากับ...มีเสียงหัวเราะของยายแป้งขี้แยด้วยน่ะสิมันน่าเจ็บใจน้อยเสียเมื่อไหร่นี่เขาจะเอาชนะแม่ยายอาพงศ์ได้สักครั้งไหม...ปริตรถามกับตัวเองแล้วมองกระจก

...คงไม่มีทาง

คำตอบที่ได้ราวกลับว่ามันปรากฏขึ้นกลางหน้าผากของเขาเอง




 

Create Date : 22 พฤศจิกายน 2557
2 comments
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2557 13:17:49 น.
Counter : 1223 Pageviews.

 

 

โดย: tuk_ora 22 พฤศจิกายน 2557 22:11:10 น.  

 

เข้ามาตามติด

 

โดย: mooda IP: 110.78.180.200 26 พฤศจิกายน 2557 12:31:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


finalfantasy_iv
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




งานเขียนทั้งหมดใน blog นี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่ หรือลอกไปกระทำการใดๆ ก็ตาม หากผู้ใดกระทำการผิด เจ้าของ blog จะเอาผิดท่านตามกฏหมาย ได้ทุกกรณี
กระต่ายตัวกวน
เจ้าตัวหัวเขียว
X
X



Friends' blogs
[Add finalfantasy_iv's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.