5. The Beautiful Royal Family :: พระราชวงศ์อันงดงาม [ตอน ๑]

ตามโบราณราชประเพณีของอาณาจักรภูฏาน ที่ประมุขผู้ปกครองแผ่นดินจะประสานรวมระหว่างประมุขฝ่ายโลก และประมุขฝ่ายธรรม เมื่อสมเด็จพระราชาธิบดีเสด็จขึ้นครองราชย์ได้ห้าปี พระองค์จึงทรงตัดสินพระทัยอภิเษกสมรสกับครอบครัวที่มาจากสายตระกูลของท่านชาปดรุง ที่เป็นประมุขฝ่ายธรรมของประเทศราชอาณาจักรภูฏานมาแต่ในอดีต เนื่องจากปัญหาที่ราชวงศ์วังชุก มีเพียงพระองค์เป็นบุรุษเพียงคนเดียวและจำต้องสืบต่อสายสันตติวงศ์ ทางคณะมนตรีที่ปรึกษาจึงกราบทูลเสนอให้พระองค์รับธิดาของ ท่าน ยับ อูเกน ดอร์จิ (Yab Ugyen Dorji) เสียทั้งหมด แต่เนื่องจากธิดาคนสุดท้องของท่านยังไม่สมัครใจสละชีวิตโสด ธิดาของท่าน ยับ อูเกน ดอร์จิ ทั้งสี่ คือ



สมเด็จพระราชินี พระนางอาชิ ดอร์จิ วังโม วังชุก ( Her Majesty Ashi Dorji Wangmo Wangchuck)



สมเด็จพระราชินี พระนางอาชิ เทียริ่ง เปม วังชุก (Her Majesty Ashi Tshering Pem Wangchuck)



สมเด็จพระราชินี พระนางอาชิ เทียริ่ง ยังดอง วังชุก (Her Majesty Ashi Tshering Yangd.n Wangchuck)




สมเด็จพระราชินี พระนางอาชิ ซังเก โชเด็น วังชุก (Her Majesty Ashi Sangay Choden Wanghcuk)



การที่ทายาทของท่านชาปดรุงได้เข้าอภิเษกสมรสกับสมเด็จพระราชาธิบดี เพื่อเป็นการหลอมรวมครอบครัวของประมุขฝ่ายโลกและฝ่ายธรรม ตามแนวทางโบราณราชประเพณีแห่งราชอาณาจักร พิธีอภิเษกสมรสอย่างเรียบง่ายเกิดขึ้นในปี ค.ศ. ๑๙๗๙ เพราะเป็นประเพณีของชาวภูฏาน ที่ถือว่าการแต่งงานเป็นเรื่องภายในของครอบครัว เป็นเรื่องส่วนตัว จะไม่มีการจัดเลี้ยงฉลองอย่างเอิกเกริกเมือนประเพณีอย่างบ้านเรา

ท่ามกลางการอ้อนวอนภาวนาต่อบรรพชนของฝ่ายท่านชาปดรุง ที่จะขอให้มีรัชทายาทมาสืบทอดสันตติวงศ์ในเร็ววัน






ดังจะเห็นได้จากความในหนังสือ “ภาพสวรรค์ภูฏาน” ของสมเด็จพระราชินี อาชิ โดร์จี วังโม วังชุก ได้กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า

“.....บางทีการแต่งงานของเรา อาจเป็นการสนองเทวลิขิตแห่งประวัติศาสตร์ด้านหนึ่ง คือการหลอมรวมครอบครัวของพระเจ้าอยู่หัวและครอบครัวขององค์ประมุขฝ่ายธรรรม ท่านชาปดรุง จิกมิ โดร์จิ ผู้ล่วงลับ และแน่นอนเหตุการณ์นี้คือสัมฤทธิผลแห่งการอธิษฐานจิต โดบบรรพชนฝ่ายคุณพ่อของข้าพเจ้า ซึ่งจะอธิษฐานทุกปีในพิธีโชกู ที่ครอบครัวของเราจัดขึ้นในการสักการะต่อเทพธิดาแห่งอายุวัฒนะ “เซริงหมะ” ผู้อธิษฐานได้ขอพรจากท่าน เพื่อให้ท่านประทานพรสมดังความปรารนาที่ว่า ขอให้พระมหากษัตริย์ทั้งหลายได้มาถือกำเนิดเป็นทายาทของท่าน.....”


แต่การเรียกร้องที่จะเห็นพิธีอภิเษกสมรสครั้งยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระราชาธิบดีก็มีอยู่ตลอดเวลา ประชาชนภูฏานอยากเห็นพระราชพิธีอภิเษกสมรสอันยิ่งใหญ่ ผ่านไป ๙ ปี ในค.ศ. ๑๙๘๘ เวลานั้นทรงมีพระธิดาและพระโอรสแล้วจำนวน ๘ พระองค์ จึงตัดสินพระทัยจัดพิธีอภิเษกสมรสที่พระราชวังเมือง ปูนาคา Punaka อันเป็นสถานที่สมเด็จพระราชินีเคยพบเห็นสมเด็จพระราชาธิบดีเป็นครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อน





พระราชพิธีอภิเษกสมรสของสมเด็จพระราชาธิบดีกับสมเด็จพระราชินี สี่พระองค์ โดยมีพระธิดาและพระโอรส จำนวน ๘ พระองค์ แม้จะสร้างความแปลกประหลาดใจแก่สื่อมวลชนทั่วโลกอีกครั้งหนึ่ง

แต่การเลี้ยงฉลองตลอดสามวันสามวันคืนของพระราชพิธีใหญ่นี้ ก็นำพาความสุขให้แก่ประชาชนชาวภูฏานได้ร่วมเต้นรำ การละเล่น งานเลี้ยง เฉลิมฉลองกันด้วยความปลาบปลื้มปิติไปทั่วทั้งประเทศ






::::@::::

Create Date : 05 พฤศจิกายน 2549 Last Update : 5 พฤศจิกายน 2549 12:55:52 น. Counter : 2735 Pageviews.		5 comments
Share Tweet