๐๗-๐๒-๒๕๕๑ วันวันหนึ่งเวลาหมดไปอย่างน่าใจหายค่ะ พิจารณาดูรายละเอียดที่ทำในแต่ละวัน ไม่ถึงครึ่งในสิ่งที่เราตั้งใจจะทำเมื่อลืมตาตื่นในตอนเช้าเลยสักวัน ก่อนนอนเราทบทวนแล้วปรากฏว่าสิ่งที่หลงลืมไปมีมากกว่าสิ่งที่ได้ทำในวันนั้น บางทีมันก็ท้อนะ วันนี้นั่งดูข่าว มีแต่เรื่องเจ็บปวดกับหลายๆข่าวที่เกิดขึ้นรอบตัว จิตใจคนรู้สึกอยู่เกณฑ์ที่น่าผิดหวัง มามองย้อนตัวเอง เอ...หรือว่าเราจะแก่ไป เลยคาดหวังกับคนร่นใหม่ไว้สูงมาก พอเขามีเรื่องราวอะไรมา เราก็เลยผิดหวังกับเขาไว้มากเช่นกัน พอเปิดเรื่องอ่านในเวบ ดูความเห็นแต่ละเรื่องราวที่คนเข้ามาถามตอบ บางครั้งมองเห็นสิ่งที่คนเราทำละเมิดให้กัน ความไม่เคารพความเห็นของคนอื่น ใครตอบไม่ถูกใจก็มีการด่าทอ เหน็บแนม....อ่านแล้วก็สงสัย วัฒนธรรมแบบนี้มันเกิดขึ้นเพราะอะไร เกิดขึ้นเพราความ “มั่น” ในแต่ละคนใช่ไหม แต่ละ คน มีความ “มั่น” มาก จนทำให้ไม่เกิดความเคารพซึ่งกันและกัน เราอ่านแล้วเป็นเรื่องตลก เพราะชินชา แต่กลายเป็นว่าสิ่งเหล่านั้นคือความเฉยเมยทำให้คนที่กระทำมารยาทเหล่านั้นคิดว่าสิ่งที่เขาทำเป็นสิ่งถูกโก้เก๋....เกรียน เทพ จึงเกิดขึ้นดาษดื่น เราอาจจะเฉยเมยต่อความเสียมารยาทของคนมากเกินไปจริงๆเสียกระมัง เราอาจให้ความสำคัญของความเป็นคนรุ่นใหม่ มั่นใจในตัวเองสูงมากเกินไปเสียกระมัง ก็เลยมองความหยาบคายเป็นเรื่องปกติ แล้ว..ทุกวันนี้ เส้นแบ่งระหว่างความ”มั่นใจ” กับความ”เสียมารยาท” มันอยู่ตรงไหนของสังคมเรา มองดูในห้างสรรพสินค้า ที่มีโรงเรียนกวดวิชาสอนเด็กมากมาย บ้างก็สอนการแสดง สอนเต้นรำเพื่อให้เด็กกล้าแสดงออก เด็กร่นใหม่ใส่เสื้อโชว์จั๊กกะแร้และเปิดนม เดินห้างเป็นเรื่องปกติ ตัวเรานั่งมอง นี่มันอะไรกัน หากเด็กเหล่านั้นเป็นลูกหลานของเรา เรากล้าให้เขาเดินออกมากลางถนนไหม ให้สายตาของผู้ชายโลมเลีย ให้มอเตอร์ไซด์คิวมันใช้สายตามอง หรือว่าเด็กรุ่นใหม่เขามองเห็นเรื่องแบบนี้เป็นสิ่งปกติ นั่น ก็คงเรียกว่า เป็น ความ “มั่น” ของสาวน้อยพวกนั้นใช่ไหม มองดูข่าวที่เด็กร่นใหม่อ้างว่า พ่อแม่ส่งเงินให้เดือนละสองหมื่น แต่ไม่พอใช้ จำต้องออกไปค้าประเวณีเพื่อเอาเงินมาใช้สอย.....มองดูตัวเราที่เงินเข้ากระเป๋าหมื่นกว่า เลี้ยงลูกหนึ่งคน เราก็ยังบอกว่าต้องมี เพราะคงจะออกไปค้าประเวณีกับใครเขาไม่ได้......น่าเสียใจ น่าเสียดาย วันเวลา และความภาคภูมิใจ ของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ของเด็กร่นใหม่ ที่ถูก วัตถุและ ความหลงระเริงคร่าพรหมจรรย์แห่งความสร้างสรรค์และจิตวิญญาณเอาไปทำเสาโทรศัพท์มือถือ เสียหมด ความ”มั่น” ของเขา กลายเป็นความเจ็บปวดของพ่อแม่ไปเสียสนิท หนทางของตัวเองไม่ได้อยู่ที่เงิน หนทางตัวเองไม่ได้อยู่ที่เพื่อน หยุดสักนิด....เรียกสติ ของตัวเองกลับมาเถิด ไม่ได้เรียกร้องให้กลับไปหาพ่อแม่ที่บ้าน หรือว่ากลับไปเอาดอกไม้กราบไว้เพียงแค่วันเดียวแล้วจะสำนึกเป็นคนดี......แต่สติเกิดขึ้นในวินาทีที่เราสำนึก และไล่ตรึกตรองไปตลอดเวลา พยายามใช้เวลาในแต่ละวันทบทวนในสิ่งที่ตัวเองทำ ตระหนัก รับรู้ ถึงการเกิดและดับของตัวเอง ก่อนที่จะบอกว่า...ไม่มีใครรัก รักตัวเองง่ายๆ ด้วยการหยุดทุกอย่างและนั่งตรึกตรองถึงการเกิดดับของตัว แล้วจะรู้ว่า ความรักตัวเองมันอยู่ไม่ไกล และ ความ “มั่นใจ” ก็จะตามมา ความ “มั่น” มันไม่ได้เกิดจากการแสดงกิริยาภายนอก แต่มันเกิดจากความอ่อนน้อมถ่อมตัวที่อยู่ข้างในของเราต่างหาก เราน้อมที่จะเคารพคนอื่น อ่อนน้อมที่จะยอมรับ อ่อนน้อมที่จะรู้เคารพผู้คนรอบข้าง เราก็จะ “มั่นใจ” ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป และยืนหยัดในวิถีทางของตัวเอง ด้วยความ”เคารพ” ต่อตัวเราเองที่แท้จริง วรรณวรรธน์ ๐๗ ก.พ. ๒๕๕๒ |
โตมิโต กูโชว์ดะ
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?] ร่างทรงของ "วรรณวรรธน์" โปรดอย่าถามว่าเป็นใครในอดีต รู้แต่ว่าตอนนี้ยังมีลมหายใจอยู่ เท่านั้นก็มากเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งได้รู้จักกันแล้ว
Group Blog All Blog |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |