ทรายนี้ยังมีรัก

ทรายนี้ยังมีรัก ๑-๒
โดย วรรณวรรธน์
สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม
ราคา ๕๖๐ บาท


ห้าพันปีก่อนกษัตริย์คนแรกในดินแดนสามทวีปได้ปกครองและพระองค์ก็กลายเป็นตำนานแห่งกษัตริย์กึ่งเทวะบนดินแดนเมโสโปเตเมีย และกษัตริย์องค์ต่อมาสืบต่ออำนาจ จากเผ่าสู่เผ่า บนดินแดนคาบสมุทรพระจันทร์เสี้ยว และลุ่มน้ำไทกรีส ยูเฟรตีส ตลอดจนไนล์ และ สินธุ ผู้ได้รับคำทำนายว่ามีปีกประดุจดังนก ยืนหยัดบนดินแดนแห่งเปอร์เซีย มีปีกข้างซ้ายครอบคลุมไปยังแม่น้ำไนล์ และปีกข้างขวาคลุมไปถึง แม่น้ำสินธุ พระเจ้าดาริอุส มหาราช(ออกสำเนียงอีกแบบจะเรียกพระนามว่า ดาไรยุส) Darius The Great (549-486 ปี ก่อนคริสตกาล) ผู้ขุดคลองสุเอซ Suez ขึ้นในสมัยก่อนคริสตกาลไ ด้สำเ ร็จ ทรงปกครองดินแดนที่มีความลึกลับของแหล่งที่กำเนิดอำนาจยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์ เก็บซ่อนไว้ อำนาจปริศนา ที่คาดว่าถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยเมโสโปเตเมีย บนดินแดนที่พระองค์ปกครอง ผูกพัน และเก็บซ่อนไว้เพื่อดำรงอำนาจนั้นบนตลอดไป และผู้ใดล่วงรู้ ก็ย่อมปรารถนาแสวงหาอำนาจลี้ลับที่สุดเช่นกัน

สิ่งลี้ลับแห่งอำนาจเคยถูกถาม ตามหาตั้งแต่สมัยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชจวบจนถึงปัจจุบัน





ดอกไม้เอย ดอกไม้ปริศนา เคยสง่าชูช่อบนคอระหง
ทาสสวรรค์พิสูจน์สัตย์ตัดชีพลง ได้บรรจงรองเพชฌฆาตด้วยดอกรัก
เกิดอาเภทพิษบาทประกาศหล้า ให้ผืนดินผืนฟ้าจำตระหนัก
ผู้ใดครองสิ่งอาถรรพ์สัญญารัก จงได้รับอำนาจสัตย์แลภักดิ์ทั่วปฐพี


- ทำไม ตะวันตกจึงใคร่เข้าแสวงหาโบราณวัตถุ ในดินแดนพระจันทร์เสี้ยวมานาน แทบจะเรียกได้ว่ามาตลอดเวลาหลายพันปี

- ทำไมพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชถึงปรารถนาเข้ายึดครองแม่น้ำไนล์

- ทำไมประเทศล่าอาณานิคมในยุคต่อมาก็ยังปรารถนา และแสวงหาวัตถุโบราณในตะวันออกกลาง เพื่อครอบครองเป็นของตน...สมบัติมีค่าที่ตีเป็นตัวเงินเท่านั้นหรือ...หรือสิ่งมีค่าอื่น ที่เกินกว่าราคาเงิน

- ทำไม ฮิตเล่อร์ จึงแบ่งแยกดินแดนในส่วนของอียิปต์ให้แก่มุสโสลินี ขณะที่ตัวเองยึดครองดินแดนตะวันออกกลางเสียเอง

- ทำไมตะวันตกจึงปรารถนาครอบครองดินแดนตะวันออกกลางนับแต่นั้น....น้ำมันเท่านั้นหรือ

..... คำถามเดียวกัน....พวกเขาต้องการของมีค่าทางวัตถุเช่นนั้นหรือ หรือของมีค่าที่ไม่อาจตีราคาเป็นเงิน และมูลค่าสูงกว่านั้น หรือเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์และลี้ลับยิ่งกว่านั้น ซ่อนเร้นอยู่...มีคนรู้ มีความลับ และการค้นหา


สิ่งที่เฉลย อาจจะอยู่เพียงเรื่องเงื่อนไขที่ไม่มีผู้ใดรับรู้ และถูกซ่อนเร้น มานานนับหลายพันปี

..... ผ่านผู้สูญหายจากดินแดนนั้น มาเนิ่นนาน

เพียงเพราะคำสัตย์ และ อธิษฐาน ไม่กลับสู่ดินแดนนั้นตลอดกาล
....หากจำต้องกลับ......
เพื่อเผชิญหน้ากับคำตอบแห่งชีวิตของตน






"ครั้งหนึ่งเคยมีดินโอบน้ำที่ทำสองหัวใจได้ใกล้ชิด
สองเราเคยสนิทกลับต้องไกลห่าง ถึงเธอจากร้างไปแสนไกลสุดฟ้า
ขอให้เธอรู้ว่าฉันยังคงเฝ้ารอ..... รอการกลับมาของเธอ
เธอจงโปรดกลับมา เพื่อมารับฉันไปครอง
ขอเธอได้โปรดมาเป็นเจ้าของฉัน ทั้งร่างกายและใจ
ถึงวันที่เธอไกลห่าง แต่จงรู้ไว้ว่าใจฉันไม่ห่างไกล หัวใจฉันยังเรียกหาเธอ
เธอจงโปรดกลับมา เพื่อมารับฉันไปครอง
ขอเธอได้โปรดมาเป็นเจ้าของฉัน ทั้งร่างกายและใจ
โปรดมาโอบกอดฉันไว้ ไม่ให้ต่างกับน้ำที่โอบรอบผืนดิน”




*~*~*~*~*~*~*~*~* ความในใจ *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

ด้วยความที่ว่าเรื่องนี้ใช้เวลาเขียนนานมากค่ะ เลยเขียนเล่าอะไรไว้ในเบื้องหลังท้ายเล่มของนิยายเสียมากมาย เป็นความในใจเกี่ยวกับการทำงานตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาล้วนๆ เพราะเรื่องนี้ทำชนิดที่ว่าเกือบจะต้องขายบ้านเพื่อไปจัดการนิยายเรื่องนี้ให้จบ.....แลกกับค่าต้นฉบับไม่เท่าไหร่ หลายครั้งก็นึกน้อยใจ ว่าคนเขียนงานเมืองไทย ทำไมถึงไม่เคยได้รับการยอมรับเหมือนนักเขียนต่างประเทศ แต่หากเขียนผิดพลาดขึ้นมาสักนิดก็ได้รับแต่เสียงติติงกล่าวหา จนได้แต่ท้อถอยออกจากวงการไปกันหมด ที่มีอยู่ก็เหลือแต่คนที่เขียนงานกันไปตามแกนๆ แล้วก็มีคนหน้าใหม่หลุดเข้ามา ท้าทายวงการ สองสามชิ้นงานก็แอบจบฉากงานเขียนตัวเองไป อันนี้สารภาพตามตรงว่ารายได้ไม่เหมาะสมกับความทุ่มเทเลยค่ะ ถ้าไม่มีลูกฮึด ลูกอึด ก็คงถอยและเลิกไปนานแล้ว แต่ตัวเองยังมองความหวังอยู่ว่า จะได้เขียนงานที่ดีออกมาให้คนไทยได้อ่านให้จงได้ ถึงไม่มีใครชื่นชมก็ยังทุ่มเท ทำงานเหมือนคนบ้าของเราต่อไป เราหวังว่าเราจะพัฒนางานเราต่อไปได้ เพราะเรารักงานตรงนี้ อยากทำงานตรงนี้ต่อไปให้ดีขึ้น

คนบอกว่างานทะเลทรายมีเยอะแล้วเขียนอีกทำไม บอกได้คำเดียวว่า วรรณวรรธน์ เขียนทะเลทราย เพราะหลงใหล วัฒนธรรมและอารยธรรมบางอย่างของตะวันออกกลางค่ะ ไม่ใช่เขียนเพราะเป็นชีค เป็นเจ้าชาย หรืออียิปต์ แต่ตัวเองเป็นคนนับถือความเท่าเทียมกันของมนุษย์ ไม่อยากให้มุมมองของตะวันตกมาปิดบังอคติของชาวเอเชียจนมองเห็นคนกลุ่มตะวันออกกลางเป็นพวกประหลาดมีความแปลกแยกไป อยากหยิบยกวัฒนธรรมและอารยธรรมของพวกเขาที่เป็นพื้นฐานและปัจจัยการดำรงอยู่ของคนในภูมิภาคนั้นออกมา ให้เป็น ให้เห็น มากกว่า นิยาย ชีคกับฮาเร็ม หรือผู้ร้ายตามที่เห็นในภาพยนตร์ของฮอลีวู้ด

เท่าที่ได้ทำนิยายทะเลทรายมาสี่เล่ม พูดได้เต็มปากว่า ภูมิใจที่ได้ทำออกมาทุกเล่มค่ะ ถึงแม้ว่าจะถูกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบ แต่ขอบอกว่า ทุกๆเล่มที่เขียนเกิดจากเจตนาที่ดี แต่ละเล่มของวรรณวรรธน์ เป็นเรื่องที่บอกเล่าถึงวัฒนธรรม และความเข้าใจของชาวตะวันออกกลางที่ถูกมองเป็นผู้ร้ายจนมองข้ามความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกับเรา ทำให้เรารู้สึกปลาบปลื้มมาก เมื่อทราบว่านักเขียนรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมปี 2551 นี้ ฌอง-มารี กุสตาฟ เลอ เคลซีโอ (Jean-Marie Gustave Le Clezio) เป็นนักเขียนชาวฝรั่งเศสที่เขียนงานเกี่ยวกับทะเลทราย ในชิ้นงานที่ว่า In Desert เรื่องราวของหญิงสาวชาวทะเลทรายที่เดินทางไปเป็นนางแบบระดับโลกแล้วกลับมาที่บ้านเกิดของเธอในท้ายสุด ...มุมมองที่เห็นได้น้อยมากในงานของชาวตะวันตก แต่ได้รับการยอมรับ ในระดับ โนเบล.....


ดีใจ ที่ตัวเองได้ทำงานชิ้นนี้เสร็จออกมา แม้อาจจะไม่สามารถพูดได้ว่าดีเยี่ยมหรือยอดเยี่ยมอย่างไร แต่บอกได้ว่า ตัวเองได้พยายามอย่างที่สุดแล้วค่ะกับงานชิ้นนี้ งานเกี่ยวกับทะเลทราย งานที่อยากเชิญชวนให้มองอีกมุมหนึ่งของคนกลุ่มหนึ่ง ที่ถูกปกคลุมด้วยอคติของสื่อจากตะวันตก มองเห็นอารยธรรมทีลุ่มลึกของเขาและพัวพันกับปัจจุบันของเรา หรือปัจจุบันของมนุษยชาติทั้งหมดก็ว่าได้

อย่าเพิ่งตัดสินใจเชื่อหรือไม่ ทุกอย่างคนอ่านเท่านั้นที่จะเป็นคนตัดสิน เพียงแต่อยากให้มองเห็นด้วยความเข้าใจค่ะ อยากให้ความสมานไมตรีเกิดขึ้นในโลกใบนี้ เมื่อเรามีสายตาที่เข้าใจเปิดกว้างมองหากัน โลกใบนี้ก็น่าอยู่มากขึ้น

....จึงขอจบความในใจแบบนางงามตรงนี้....ขอให้โลกใบนี้สงบสุขค่ะ

Create Date : 22 ตุลาคม 2551 Last Update : 23 ตุลาคม 2551 7:03:23 น. Counter : 1679 Pageviews.		26 comments
Share Tweet